กะปูด

139 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 พฤษภาคม 2011 เวลา 22:21 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3734

นั่งเขียนงานอยู่ ได้ยินเสียง ก๊ก.. ก๊ก..

โผล่ไปดูที่หน้าต่างผ่านมุ้งลวด

เห็นเจ้านกกะปูดกำลังทุบอะไรอยู่

ขยับไปแอบดูใกล้ๆผ่านมุ้งลวด

นั่นมันหอย เมื่อฝนตก ดินชื้น หอยก็เดินกันทั่วรั้วบ้าน

นั่นมันอาหารเลิศรสของเจ้านกกะปูดรึนี่

เจ้ากะปูดตาแดง ใช้ปากจิกหอยแล้วก็ทุบ

จนเปลือกหอยแตกออก

แล้วก็ใช้ความคมของปากจิกเอาเนื้อออกมาจากเปลือก

ตัวกำจัดหอยโดยธรรมชาติ

… วงจร ห่วงโซ่อาหาร …


ถึงท่านสีสุวัน ๓

3 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 พฤษภาคม 2011 เวลา 16:05 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1031

๓ : โปแกรม PhotoScape การ Download โปรแกรมท่านพิมพ์คำนี้ลงใน Google ท่านก็จะได้ข้อมูลเกี่ยวกับ PhotoScape มากมาย ท่านก็เลือก Download โปรแกรมนี้ใน version ล่าสุด ดูเหมือนจะเป็น Version 3.5 ฟรีนะครับ


No.1 แสดงผลการค้นหาโปรแกรม PhotoScape ใน Google

เมื่อ Download และ install แล้วก็ลองเปิดดูหน้าตาของโปรแกรมนี้นะครับ

หรือ

No. 2 แสดงหน้าตาของโปรแกรม PhotoScape เมื่อ download แล้ว install แล้ว และลองเปิดดู

โปรแกรมนี้มีลูกเล่นเยอะ ก็เจ้าวงกลมที่มีรูป สัญลักษณ์ต่างๆนั้นล้วนเป็นลูกเล่นทั้งนั้น ลองเล่นดูนะครับ จะขอกล่าวเฉพาะส่วนที่ใช้ปรับแต่ภาพเท่านั้น

๔ : การแก้ไขภาพ ลูกเล่นส่วนนี้ของ PhotoScape ทำอะไรได้มากมายจริงๆ ผมใช้ประจำ กล่าวได้ว่าเป็นหลักก็ได้ เพราะลูกเล่นอื่นๆเกือบไม่ได้ใช้เลย


การแก้ไขภาพก็คือการเอาภาพของเราที่มีข้อที่สมควรปรับแก้มาใช้โปรแกรมนี้ ลูกเล่นนี้จัดการแก้ไข เช่น กรณีที่รูปที่เราถ่ายมามันเอียง


ดังรูปตัวอย่างนี้ เราก็สามารถใช้ลูกเล่นของ PhotoScape จัดการได้ดังนี้

  • เมื่อเปิดโปรแกรม PhotoScape แล้ว เราไปคลิก “แก้ไขภาพ” เราจะได้รูปที่ที่หน้าจอของเรา


เราก็ดูทางซ้ายมือของจอ พยายามเลื่อนเคอร์เซอร์ไปที่ directory ที่มีรูปที่เราต้องการแก้ไข ปรับปรุง เมื่อพบแล้วเราก็เอาเคอร์เซอร์ไปคลิกรูปที่เราต้องการแก้ไข รูปนั้นก็จะไปปรากฏในช่องว่างใหญ่ทางขวามือพร้อมที่จะให้เราจัดการอื่นๆต่อไป


รูปนี้ที่เราจะแก้ไขก็คือ รูปถูกถ่ายมาไม่อยู่ในแนวระนาบ มีลักษณะเอียง ทางขวามือต่ำลง ทางซ้ายมือสูงขึ้น เราต้องการใช้ลูกเล่นของ PhotoScape ปรับแก้ไขให้รูปนี้อยู่ในแนวระนาบ เราทำได้ดังนี้


ที่หน้าจอของ PhotoScape ที่มีรูปที่เราต้องการแก้ไขนั้น ตรงลูกศรชี้จะมีสัญลักษณ์ ที่มีความหมายให้สามารถปรับแก้ภาพลักษณะนี้ได้ เราก็คลิกไปที่สัญลักษณ์นี้ เราจะได้หน้าจอเป็นอย่างนี้..


หน้าจอเราจะเห็นรูปซ้อนกัน รูปหน้าสุดจะมีตารางปรากฏให้เห็นถึงระนาบมาตรฐานของรูป ซ้อนกับรูปที่เราต้องการแก้ไข จากนั้นเราก็เอาเคอร์เซอร์คลิกแช่ไว้ที่สัญลักษณ์ตรงลูกศรแดงชี้ แล้วลองขยับไปมา เราก็จะพบว่า รูปนั้นมีการปรับระนาบไปตามที่เราขยับ

เราก็ดำเนินการขยับเคอร์เซอร์ไปจนกว่ารูปที่เราแก้ไขนั้นปรับอยู่ในสภาพระนาบที่สุด แล้วก็ไปคลิก “ตกลง” รูปนี้จะหายไปและรูปเดิมที่ปรากฏหน้าจออยู่นั้นจะใช้เวลานิดหนึ่งทำการปรับให้อยู่ตามแนวระนาบที่เราจัดทำไว้นั้น

นี่คือรูปสุดท้ายที่เราได้มาทางหน้าจอคอมพ์ของเรา

จากนั้นเราก็สามารถ resize หรือย่อ หรือขยายรูปนี้ได้ ตามความต้องการขนาดขอรูปที่เราต้องการนำไปใช้
โดยเราคลิกไปที่ลูกศรของปุ่ม “ย่อ/ขยาย” เราจะได้ภาพข้างล่างนี้

แล้วเราก็เลิก scale ที่เราต้องการ คลิกไปตรงขนาดที่ต้องการ รูปเราก็จะ ย่อ หรือขยายไปอยู่ขนาดที่เราคลิกนั้น แล้วเราก็ save ไว้ เราก็จะได้รูปที่ต้องการดังข้างล้างนี้

เราจะได้รูปเดิมที่ไม่เอียง พร้อมที่จะเอาไปใช้ประโยชน์อื่นๆต่อไป

ต่อ ตอนที่ 4


ถึงท่านสีสุวัน ๒

508 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 พฤษภาคม 2011 เวลา 14:13 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3791

๒ : ยุค DSLR กล้องพัฒนาไปมากมายเป็นประโยชน์มหาศาลโดยเฉพาะวงการแพทย์ และวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆที่จำเป็นต้องใช้รูปถ่ายประสิทธิภาพสูง ถ่ายง่าย ดูซิ เจ้าดาวเทียมสหรัฐนั้น วัตถุขนาด 1 เมตรเคลื่อนไหว ดาวเทียมซูมเข้ามาเห็นละเอียดยิบ นอกจากนี้ยังใช้ภาพถ่ายไปเป็นประโยชน์ทางการเกษตรด้วยมากมาย เช่น เนื่องจากประเทศไทยส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก ปริมาณข้าวและคุณภาพข้าวแต่ละปีนั้นเป็นปัญหาต่อคู่แข่งการส่งข่าวออกทั้งสิ้นคือไปแข่งราคาตลาดโลกกัน ปริมาณการผลิตต่อปีและที่จะส่งออกนั้นมีผลต่อการกำหนดนโยบายของประเทศคู่แข่ง

ผู้รู้กล่าวว่าดาวเทียวอเมริกาวนมาเหนือหัวบ้านเราถ่ายรูปแปลงข้าวทั่วประเทศของเราในแต่ละช่วงเวลาไว้ ประกอบกับข้อมูลทางราชการ สถิติต่างๆที่เปิดเผยนั้น อเมริกาสามารถคาดการณ์ได้ว่าปีนี้ไทยจะผลิตข้าวได้เท่าไหร่ กินเท่าไหร่ มีสถิติอยู่แล้ว จะส่งออกเท่าไหร่ เขาจะแข่งขันกับเราจะทำอย่างไรได้บ้าง ข้อมูลเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการเอาไปกำหนดนโยบายการค้าข้าวกับไทย และประเทศอื่นๆ

ผมก็ฝอยไปเรื่อยไม่เข้าเรื่องซักที กำลังโม้ว่า กล้องถ่ายรูปมีประโยชน์มากมายเกินกว่าคนทั่วไปใช้เก็บภาพที่ระลึกมาเท่านั้น

แม้ว่ากล้อง DSLR จะมีความสมบูรณ์มากๆแล้วเกือบไม่ต้องทำอะไรเลย แค่กดชัดเตอร์ก็จะได้รูปสวยๆมาแล้ว เพราะระบบคอมพิวเตอร์ในกล้องถูกพัฒนาให้ปรับค่าต่างๆโดยอัตโนมัติให้คนที่กด shutter release ไม่ต้องทำอะไรเลย

กระนั้นก็ตามแม้ว่ากล้องจะดีแค่ไหนก็ตาม หากปัจจัยภายนอกไม่เอื้อให้บ่อยครั้งเราก็ได้รูปที่ไม่พึงปรารถนา เช่น

มือสั่น เอ้า…ก็สร้างเทคโนโลยีป้องกันการสั่นมาให้

แสงน้อย ก็สร้างระบบการชดเชยแสงในตัวกล้องมาให้

แสง Contrast มาก ก็สร้างระบบเฉลี่ยแสงมาให้

หากเป้าหมายมีแสงสลัวๆ ก็ทำระบบวัดแสงมาให้และเชื่อมกับแฟลชอัตโนมัติ หากแสงไม่เพียงพอเกินไปแฟลชก็จะทำงานอัตโนมัติ…

กล้องรุ่นใหม่ๆยังสามารถโฟกัสได้หลายจุดในเฟรมเดียวกันอีก โอยเก่งไปหมดเจ้ากล้อง DSLR ในปัจจุบันนี้

เหลือแต่ว่า ผู้ถ่ายรูปจะมีศิลปะในการหามุมกล้องอย่างไรจึงจะสวย ออกมาดูดี จะถ่ายอย่างๆไรให้วนเวียนอยู่ในหลักการถ่ายรูป เรื่ององค์ประกอบก็สำคัญ เรื่องความชัดลึก เรื่อง Composition ฯลฯ และเรื่องการรอคอยจังหวะ เรื่องการคาดการณ์ล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิด เราจะถ่ายรูปเหตุการณ์นั้นๆควรจะอยู่จุดไหนดีที่สุด ฯลฯ เหล่านี้ต้องเรียนรู้ไปถ่ายรูปไป วิเคราะห์วิจารณ์กันไป

บุคลากรที่พัฒนาการถ่ายรูปดีที่สุดคือกลุ่มนักข่าว นักเขียนบทความ นักสะสมรูปเฉพาะเรื่อง ท่านเหล่านี้จะต้องถ่ายรูปออกมาเป็นงานศิลปะแขนงหนึ่งทีเดียว ภายในเสี้ยววินาทีนั้นจะต้องได้รูปนั้นๆออกมา นี่คือมืออาชีพจริงๆ

อย่างไรก็ตามใครๆก็อยากถ่ายรูปให้ได้ดี แต่ก็มีอุปสรรคภายนอกมากมาย เช่น รูปขณะรถวิ่ง เรือวิ่ง ยากนะครับที่จะหามุมกล้องดีดีมาได้

ปัจจุบันจึงมี program จัดการเรื่องรูปมากมาย ที่จะมาช่วยแก้ไข ปรับปรุงรูปถ่ายของเราให้ดูดีได้ ผมจะไม่ขอกล่าวถึงโปรแกรมอื่นๆ จะกล่าวเฉพาะโปรแกรม PhotoScape เท่านั้น เพราะผมคุ้นกับมันเป็นอย่างดี…

ต่อตอน ๓



ถึงท่านสีสุวัน ๑

146 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 พฤษภาคม 2011 เวลา 11:45 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2327

ท่าน “สีสุวัน สังบัวบุลม” หรือ Sisouvan Sangbouaboulom รู้จักกับผมทาง fb ในชมรมคนรักมวลเมฆ ท่านเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยเทคนิคในเวียงจัน ก็ติดต่อกันเรื่อยมาตามโอกาส ผมไปเวียงจันก็ไม่มีโอกาสนัดพบท่าน

มีครั้งหนึ่งท่านถามผมเรื่องการปรับแต่งรูปที่ถ่ายมาให้ดูดี ผมก็รับปากท่าน แต่ไม่ได้ลงมือสักที เลยถือโอกาสนี้ เขียนตามความเข้าใจของผมเสียที ผมเชื่อว่าแต่ละท่านก็มีเทคนิคเฉพาะตน หากท่านมีคำแนะนำเสริม เพิ่ม ก็เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทั่วไปนะครับ

๑ : ก่อนอื่นๆทำความเข้าใจเรื่องกล้องสักนิดว่า ยุค DSLR หรือ Digital Single Lens Reflect หรือกล้องดิจิตอลที่เรารู้จักกันในปัจจุบันนั้นเข้ามาแทนที่กล้อง SLR หรือ Single Lens Reflect Camera เขาเรียกย่อๆว่า SLR ซึ่งเป็นกล้องรุ่นเก่าที่ไม่มีระบบอัตโนมัติต่างๆมากนัก ระบบธุรกิจด้านกล้องพัฒนามานานและญี่ปุ่นก็เป็นเจ้ายุทธ์จักรด้านนี้ ผมเติบโตและบ้ากล้องแบบลูกทุ่งมาสมัย Nikon F2 ใครบ้ากล้องย่อมรู้จักตัวนี้ว่ามันยอดเยี่ยมแค่ไหน และหนักจนคอเคล็ดเลยหละ

สมัยนั้น คร่าวๆเป็นว่า พ.ศ. 2520 ลงไปในอดีตนั้นใครที่เล่นกล้อง SLR นั้นจะต้องเรียนรู้วิธีถ่ายรูปมากกว่าปัจจุบันหลายเท่าตัว เพราะต้องตั้ง shutter speed และ Aperture เอง หรือตั้ง ความเร็ว shutter และรูรับแสงเอง ซึ่งมีหลักการ ทฤษฎีให้เรียนรู้กัน ซึ่งแค่เจ้าสองตัวนี่ก็มีเทคนิคมากมายว่าหากวัตถุประสงค์จะถ่ายรูปดอกไม้ควรตั้งอย่างไร หากจะถ่ายรูปวิว ควรจะตั้งอะไรอย่างไร การถ่ายรูป Portrait ควรจะ focus ตรงไหน เทคนิคทั้งนั้น คนไทยฝีมือดีดีในสมัยนั้นก็มีมากมาย มีการประกวดภาพถ่ายระดับชาติด้วย

คนเล่นกล้องสมัยนั้นเสียเงินมหาศาล เพราะเมื่อล้างอัดมาแล้ว ต้องจ่ายเงินน่ะซี ฟิล์มหนึ่งมี 36 รูปๆละ 10 บาทขนาด Postcard หากถ่ายหลายม้วน เธอเอ้ยข้าวปลาไม่ต้องกินกัน สมัยนั้นจะถ่ายสักรูปก็ต้องมั่นใจว่า ดี ใช้ได้ ถูกต้องตามหลักการถ่ายรูปแล้ว ตั้งค่าต่างๆถูกต้องแล้ว ผมนั้นยังหนุ่มแน่น ยังไม่มีภาระก็ทุ่มเงินเดือนซึ่งไม่กี่บาทลงมาที่รูปหมด อิอิ..โสน้าน่า



สมัยนั้นไม่มีคอมพิวเตอร์ และโปรแกรมตกแต่งรูปเหมือนปัจจุบัน ถ่ายไปอย่างไรก็ล้างอัดมาอย่างนั้น รูปสีที่ล้างมาทิ้งลงถังขยะก็มากมายเพราะเบลอบ้าง ฯ เจ้าของร้านล้างอัดเขาก็ชอบ ทั้งๆที่รู้ว่าจะล้างอัดมาแล้วก็ใช้ไม่ได้ เขาก็ล้างมาให้ เพราะเขาไปเงิน อิอิ อยู่เชียงใหม่สมัยนั้นก็รู้จักมักจี่กับร้านล้างอัดรูปหลายร้าน เดี๋ยวนี้หายไปไหนหมด…


บ้าขนาดลงทุนล้างอัดรูปขาวดำเอง ใช้ห้องส้วมที่พักนั่นแหละเป็นห้องมืด ขอยืมเครื่องมือเจ้าของที่พัก(เช่าที่พักอยู่) ซึ่งบ้ากล้องเหมือนกัน ศึกษากระบวนวิธีแล้วไปซื้อน้ำยามาล้างอัดจนสว่าง เอารูปขาวดำที่ล้างมาได้ ห้อยผึ่งเต็มห้อง ไม่ต้องหลับนอนกัน ถ่ายรูปอะไรหรือ..ก็คุณตุ๊ คนข้างกายนี่แหละเป็น Subject ห้า ห้า ห้า หากไม่สวยก็โดนทุบซะน่วมเลย ห้า ห้า ห้า…

เนื่องจากเราย้ายที่ทำงานไปทั่ว ไม่รู้ว่าไปซุกอยู่ที่ไหนบ้างภาพชุดนั้น ไปคว้ารูปสีมาได้ ก็มาแปลงเป็นขาวดำซะพอเป็นตัวอย่างนะครับ



Main: 0.12455987930298 sec
Sidebar: 0.2200939655304 sec