ความสำเร็จและบาดแผลของแม่กำปอง
อ่าน: 3446“บ้านแม่กำปอง” หมู่ บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา ในกิ่งอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้าน OTOP Village Champion ทั้งนี้ คนในชุมชนนั้นๆ มีส่วนร่วมในการพัฒนาหมู่บ้าน OTOP อย่างเข้มแข็ง มีผลิตภัณฑ์ OTOP ที่โดดเด่น นอกจากนั้น ในหมู่บ้านมีศักยภาพ ในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว สามารถรักษาอัตลักษณ์ และเอกลักษณ์ของท้องถิ่นในหมู่บ้านชุมชนไว้ได้
พรมมินทร์ พวงมาลา อดีตผู้ใหญ่บ้านแม่กำปอง ผู้ริเริ่มจัดทำหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เล่าว่า เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 สมัยที่เป็นผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าที่หมู่บ้าน มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว มีต้นทุนทางธรรมชาติ ทั้งอากาศ ป่าไม้ และน้ำตกที่มีความสูง 7 ชั้น จึงได้ขอความร่วมมือจากชาวบ้าน ให้ร่วมกันพัฒนาน้ำตก และบริเวณหมู่บ้านให้สะอาด และจัดทำเป็นโฮมสเตย์ขึ้น จนมาถึงปัจจุบัน ก็มีบ้านที่เข้าร่วมโครงการโฮมสเตย์ 10 หลังคาเรือน และสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 50-60 คน ด้วยกัน
แม่กำปองตั้งอยู่ในหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบแทบทั้งสี่ด้าน ทำให้มีอากาศเย็นสบาย ค่อนข้างหนาวในฤดูหนาว มีทัศนียภาพสวยงาม ชาวบ้านอยู่กันเรียบง่าย บ้านเรือนเป็นบ้านไม้สะอาดเรียบร้อย ไม่ทิ้งวิถีชีวิตของชาวบ้าน เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว ที่แนะนำกันแบบปากต่อปาก
กิจกรรมในชุมชนที่นักท่องเที่ยวจะได้มีส่วนร่วมมีทั้งการท่องเที่ยว ดูวิถีชีวิตของชุมชน ดูการเก็บใบชา ใบเมี่ยง การทำเมี่ยง การทำสมุนไพร การปลูกกาแฟ ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวบ้าน และหากนักท่องเที่ยวอยากจะชมการแสดงฟ้อน หรือการแสดงดนตรีพื้นเมือง ก็สามารถทำได้เช่นกัน ตอนเช้า ก็จะมีการทำบุญตักบาตร ร่วมกับเจ้าของบ้านอีกด้วย
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมี “น้ำตกแม่กำปอง” ซึ่งมีสายน้ำไหลตลอดทั้งปี มีความสูง 7 ชั้นด้วยกัน บนชั้นที่ 7 มีแอ่งน้ำสามารถลงเล่นน้ำได้ นอกจากนั้น ก็ยังมีเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ทั้งระยะใกล้และไกล โดยระยะไกลนั้นจะสามารถเดินขึ้นถึง “ดอยม่อนล้าน” ยอดเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,700 เมตร ในวันที่อากาศดี จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้ทั้ง 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง นอกจากนั้น บนยอดดอยม่อนล้านก็ยังมีสวนสน สวนสมเด็จย่า และลานของศูนย์พิทักษ์ป่า ซึ่งสามารถกางเต็นท์พักแรม ชมบรรยากาศบนยอดดอยได้ และที่น่าสนใจก็คือ ในช่วงฤดูหนาวประมาณ เดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม ต้นพญาเสือโคร่งหรือต้นซากุระเมืองไทย ก็จะออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งสวยงามมากทีเดียว ข้อมูลทั้งหมดเอามาจากแหล่งนี้ (ขอบคุณแหล่งข้อมูลมา ณ ที่นี้ด้วย)
http://www.yourhealthyguide.com/travel/tn-maekampong-homestay.html
ผมกลับมาจากลาว คนข้างกายกลับมาจากภาคเหนือ เธอไปที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ลำปาง เพื่อพาชาวบ้านจากชัยภูมิไปดูงานการใช้พลังน้ำผลิตไฟฟ้าจากน้ำตก เธอแวะไปนอนที่โฮมสเตย์แม่กำปอง ซึ่งครั้งหนึ่งเธอมาประเมินผลโอทอปนั่นเอง กลับมาเธอก็เล่าให้ฟังว่า แม่กำปองก้าวไปไกลมากและชื่นใจเหลือเกินที่ชาวบ้านลุกขึ้นมาร่วมมือกันพัฒนาชุมชนตนเองจนเป็นแบบอย่างที่น่าเรียนรู้ยิ่งนัก
แต่ภายใต้ความสำเร็จที่คนไปเยือนชื่นชมนั้นก็มีมุมที่น่าคิด ที่ผู้นำและชาวบ้านร่วมกันสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนกลับถูกระเบียบราชการมากดกั้นให้ความเข้มแข็งของชุมชนตีบตัน
ความสนิทสนมของอดีตผู้นำกับคนข้างกายมีมาตั้งแต่สมัยประกวดโอทอป ผู้นำท่านนี้เล่าให้คนข้างกายฟังว่า ชุมชนสร้างฝายกักน้ำไว้หลายแห่งเพื่อเอาพลังน้ำไปสร้างกระแสไฟฟ้าจนเหลือใช้ เพราะการอนุรักษ์ป่ารอบหมู่บ้านทำให้น้ำมากพอทั้งปี และชุมชนไม่ใหญ่ ไม่ขยาย ไม่มีนายทุนหรือคนเมืองไปกว้านซื้อ ทำให้ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้เหลือใช้จึงนำไปขายเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำรายได้เข้าชุมชนเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ในด้านต่างๆรวมทั้งสวัสดิการประชาชน
แต่แล้วปัญหาที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ สตง.มาตรวจและบอกกับชุมชนว่า ทำกิจกรรมนี้ได้แต่ความเป็นเจ้าของต้องเป็นของท้องถิ่นเท่านั้น กฎหมายไม่อนุญาตให้หมู่บ้านเป็นเจ้าของ…? ผู้นำแม่กำปองก็ลองไปคุยกับ อบต.ว่ามีทางทำได้ไหมโดยให้ อบต.เป็นเจ้าของแต่ทำสัญญากันว่า รายได้ร้อยละ 90 ให้เป็นของหมู่บ้าน ยกให้ อบต. 10% ทำไปได้พักเดียว สตง.มาบอกว่าทำไม่ได้ต้องให้ อบต.เป็นเจ้าของเท่านั้น รายได้ทั้งหมดให้ตกกับ อบต.และให้เอารายได้นี้แบ่งให้กับทุกหมู่บ้าน เฉลี่ยไป…???
ทั้งที่ผู้นำบ้านแม่กำปองและชาวบ้านสร้างมากับมือแล้วผลจบลงเช่นนี้ เขาตัดสินใจปิดกิจการการผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้กับการไฟฟ้า ผลิตเพียงพอใช้ในชุมชนเท่านั้น
เนื่องจากแม่กำปองมีชื่อเสียง ผู้หลักผู้ใหญ่ไปแวะเวียนกันไม่ซ้ำหน้า ปัญหาใหญ่นี้ถูกเสนอให้ได้รับรู้ ระหว่างการบริการความประทับใจแบบสุดๆ แต่แล้วทุกอย่างก็เงียบกริบ เหมือนป่าสาก…..
ไหนว่าสนับสนุนให้ชุมชนเข้มแข็ง ไหนโฆษณาให้ผู้นำสร้างความร่วมมือกับชุมชน ไหนว่าให้สามัคคีกัน คนข้างกายถามว่าชาวบ้านแม่กำปองคิดอย่างไร..คงไม่ต้องอธิบายนะครับ เพราะเรารับรู้กันได้โดยไม่ต้องบอกกล่าว
เฮ่อ……