แม่สาคร
อ่าน: 16995แม่สาคร ช่วงฉ่ำ เป็นชาวบ๊าน ชาวบ้าน
ในมุมมองของคนสมัยใหม่ก็ว่าแม่เป็นบ้านนอก เปิ่น
พูดจาอะไร ใครได้ยินแล้วก็ยิ้มๆ เพราะภาษาที่ใช่ บ่งบอกความเป็นคนบ้านนอก
จะเดินเข้าร้านใหญ่ๆ แม่ก็ถอดรองเท้าเข้าร้าน เอารองเท้าวางไว้หน้าร้าน
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ให้แม่มีประสบการณ์ขึ้นเครื่องบินจากขอนแก่นเข้ากรุงเทพฯ
แม่ก็ยกมือไหว้เครื่องบิน ยกมือไหว้แอร์โฮสเตทเขาไปทั่ว
สมัยที่ผมได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2512 พ่อให้เงินค่ารถและค่าใช้จ่ายประจำเดือนผมเพียง 500 บาทจำนวนนี้รวมค่ารถจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ในนั้นด้วย แม่แอบเอาเงินยัดใส่มือผมอีก 60 บาท
..กลัวลูกไม่พอกิน แต่แม่มีเพียงเท่านี้..
อีกครั้งหนึ่ง ครบกำหนดที่เปิดเทอมเรียนมหาวิทยาลัย จะต้องมีค่าเทอมแต่ทางบ้านไม่มีเงิน แม่เป็นคนดึงมือผมลงไปเก็บขวดใต้ถุนบ้านที่สะสมไว้เอาไปล้างทำความสะอาด แล้วเอาไปขายพอได้ค่ารถไปเชียงใหม่ แต่ค่าเทอมนั้นจะส่งตามไป ผมทราบว่าการแก้ปัญหาไม่มีเงินคือ แม่ต้องไปกู้ยืมเงินหลวงตาเจิมวัดตูมข้างบ้านส่งเป็นค่าเทอมให้ผม
…….ฯลฯ……..
เมื่อผมลงมาเยี่ยมแม่ที่บ้านในทุกช่วงโอกาส
ตอนที่ลากลับผมก้มกราบแม่
แม่จะดึงแขนผมไป หอม ฟอดใหญ่ทุกครั้ง พร้อมบอกว่า
“แม่คิดถึงลูกนะ หมั่นมาเยี่ยมแม่เมื่อมีโอกาสนะลูก”
มีคนทักว่า พ่อจะเสียชีวิตก่อนแม่ แม่สาครจะอยู่จนคลานเลย…
แม่สาคร ชาวบ๊านชาวบ้าน ทำนา ทำสวนครัว เป็นแม่บ้านของครูประชาบาล ส่งลูกเรียนหนังสือ 7 คน …. แม่ชอบอ่านหนังสือธรรม ชอบทำบุญเหมือนชาวบ้านทั่วไป
แม่สาคร วัย 89 ปี แบกสังขารที่มีหัวใจโต ความดันต่ำ ไตวายขั้นสุดท้าย ตับพิการ ปอดติดเชื้อ มือเท้าบวมเป่งเพราะระบบภายในหมดอายุ หมดศักยภาพที่จะทำหน้าที่ต่อไปได้
แม่สาครชาวบ๊าน ชาวบ้านท่านนี้นอนบนเตียงมา 2 เดือนเศษ
เตียงข้างๆล้มหายจากไปคนแล้วคนเล่า ต่อหน้าต่อตาปริบๆของแม่สาคร
แล้วคืนวันที่ 23 ตี 1อีก 50 นาทีผมเขียนงานเสร็จก็ล้มตัวลงนอนที่บ้านขอนแก่น อีกเพียง 5 นาทีเท่านั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสียงน้องชายผมบอกว่า “แม่เราไปแล้วพี่….”
ถึงคราวที่แม่สาครละสังขารไปด้วยความสงบ
..ผมรักแม่ครับ..