น้ำซัน
อ่าน: 2888
ตรงที่ผมถ่ายรูปนั้นเป็นร้านอาหาร ตรงนี้เราเรียกแม่น้ำสองสี ซ้ายมือไกลๆนั่นคือแม่น้ำโขงน้ำขุ่น ขวามือน้ำใสกว่านั้นคือ แม่น้ำซัน อันเป็นที่มาเพลงกุหลาบปากซันนั่นแหละ
เมืองปากซัน อยู่ในแขวงบริคัมไซ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ อ.บึงกาฬ หรือจังหวัดใหม่ที่สุดของไทยเรา ที่นี่มีโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ผมมาเขียนรายงานให้ในเรื่องการพัฒนากลุ่มผู้ใช้น้ำร่วมกับนักวิชาการสาขาอื่นๆให้กับ UN ซึ่งเป็นเจ้าของเงิน เราต้องมานำเสนองานเขียนต่อประชาชนในพื้นที่ ต่อผู้นำเมืองปากซัน และเมืองปากกะดิ่ง
ผมมาเมืองปากซันเมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้วสมัยนั้นมาอบรมให้กับประชาชนร่วมกับองค์กร NGO ยุคแรกๆที่มาทำงานในลาวหลังการปลดปล่อย เปลี่ยนไปหมด ไม่เหลือภาพเก่าๆให้เห็นอีก สมัยนั้นระหว่างอบรม ก็มีกองหลอนมายืนถือปืนคุ้มครองเรา สมัยนี้ไม่มีกองหลอนแต่มีหน่วยงานใหม่ระดับหมู่บ้านทำหน้าที่แทน
สมัยโน้นเราไปดูพื้นที่บ้านโน้นบ้านนี้ เมื่อมาพบเจ้าเมืองท่านก็พูดเหมือนว่าเดินไปกับเราด้วย เราทราบภายหลังว่ามีหน่วยระดับบ้านทำหน้าที่รายงานให้เจ้าเมืองทราบหมดว่าเราไปที่ไหน พูดกับใคร เรื่องอะไร ปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้น ซึ่งผมเห็นด้วย
เราพักที่โรงแรมซึ่งเจ้าของเป็นชาวเวียตนาม เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเป็นชาวเวียตนาม มีร้านอาหารติดน้ำซัน เราก็ฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารนี้ ที่น้ำซันผมเห็นชาวบ้านมาทอดแห ลงเบ็ด ลงข่ายจับปลาเหมือนชนบทที่ผมเห็นในเมืองไทย
ถนนสาย 13 ใต้ สายนี้เชื่อมนครเวียงจันผ่านบริคัมไซไปสะหวันนะเขต เมืองที่ผมคุ้นเคยที่สุด
การประชุมกับเจ้าเมืองและเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆระดับเมืองนั้น ผมประทับใจเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมเมือง ที่ท่านยืนยันให้ศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ละเอียด มีโอกาสคุยกันท่านบอกว่ามีโอกาสมาศึกษาดูงานในเมืองไทยหลายแห่ง หลายโครงการและในฐานะที่ท่านเรียนจบปริญญาโทมาทางนี้ ก็ตระหนักเรื่องนี้มาก และไม่ต้องการให้งานพัฒนาใดๆต้องส่งผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม
ความตื่นตัวในเรื่องนี้มีมากในยุคปัจจุบัน ผมเห็นเป็นเรื่องดีที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้ความสำคัญในเรื่องนี้ การลงทุนใดๆไม่ควรส่งผลกระทบหรือส่งผลกระทบน้อยที่สุดต่อสิ่งแวดล้อม
ไม่มีอะไรหรอก แค่เขียนบันทึกมาเท่านั้น..