วิเคราะห์ เฮงซวย..

17 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 12 พฤษภาคม 2010 เวลา 0:38 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 1144

บ่อยครั้งที่เราได้ยินคนพูดว่า ร้องเพลงคนละคีย์ เล่นเพลงคนละคีย์

บ่อยมากๆ นั่งฟังพระเทศน์แล้วไม่รู้เรื่อง เพราะพระท่านพูดคนละภาษากับผู้ฟัง อธิบายได้คือ พระท่านเอาหลักธรรมมาเทศน์ ที่มีความหมายลึกซึ้งเกินกว่าปุถุชนจะฟังเพียงผ่านหูเท่านั้นแล้วเข้าใจ คำบางคำอาจจะต้องปฏิบัติเป็นแรมปีจึงจะเข้าใจลึกซึ้งถึงความหมายนั้นๆ เช่น มหาสติปัฏฐาน 4 (การเห็นกายในกาย การเห็นเวทนาในเวทนา การเห็นจิตในจิต และการเห็นธรรมในธรรม)
ยกตัวอย่าง การพิจารณาให้เห็น เวทนา ในเวทนา หมายถึง เข้าใจในเวทนาจริงๆอย่างถูกต้อง เห็นเวทนาตามความเป็นจริงไม่ถูกครอบงําโดยกิเลส หรือทิฎฐุปาทาน(ยึดมั่นในความเชื่อของตนเองอย่างผิดๆ)
เห็นว่าสักแต่เพียงกระบวนการทางธรรม(ชาติ)เป็นปกติอย่างนี้ตลอดกาล เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่ไปยึดมั่นหรือถือมั่นให้เป็นอุปาทานในเวทนาหรือการเสพรสความรู้สึกรับรู้ ในอารมณ์ที่บังเกิดขึ้นนั้น (ข้อมูลจาก www.kammatan.com)

ถามว่าการที่ปุถุชนคนทั่วไปอย่างเราๆ ท่านๆ เดินไปทำบุญที่วัดแล้วพระท่านพูดว่า “ให้ญาติโยมมั่นพิจารณา เวทนาในเวทนานะ…” เราจะเข้าใจไหม ผมเชื่อว่ามีน้อยคนนักที่จะเข้าใจ ตรงนี้เองที่ผมเรียกว่า พูดกันคนละภาษา เล่นเพลงคนละคีย์

ผมเรียนหนังสือกับท่านอาจารย์ ถวัลย์ ดัชนี สมัย มช.ปี 2512 นั้น ท่านเพิ่งกลับมาจากนอก และกำลังดังเป็นพลุแตก เข้ามาสอนวิชา Art appreciation เดือนแรกฟังท่านไม่รู้เรื่องเลย อะไรโลกิยะ อะไรโลกุตระ จนพวกเราเรียก Art อัปรีย์ อิอิ

การที่พระคุณเจ้าเอาสาระของมหาสติปัฏฐาน 4 มากล่าวนั้น ท่านกล่าวด้วยฐานของท่านที่มีความรู้ ความเข้าใจ มากกว่าปุถุชน กล่าวในฐานที่ท่านพัฒนาจิตไปนั่งอยู่ในสภาวธรรมนั้นๆ คำพูดของท่าน สาระของท่านจึงอยู่เหนือคนทั่วไปจะเข้าใจท่านได้

เช่นเดียวกับท่านอาจารย์ ถวัลย์ ดัชนี ท่านศึกษาและปฏิบัติด้านโลกุตระธรรมมามากมายจนจิตท่านขึ้นไปแขวนลอยอยู่ที่ตรงนั้น สิ่งที่ท่านพูด ทำ คิด อ่าน จึงมีภาษาออกมาที่อยู่บนฐานของธรรมที่ท่านสถิตที่ตรงนั้น ดูได้จากงานของท่าน

แน่นอนท่านอาจารย์ ดร.โสรีย์ ท่านรู้ เข้าใจ ปฏิบัติ ฝึกฝนจิตสำนึกของท่านในทางปรัชญาธรรมมากกว่าเราๆ ท่านๆ หลายคำที่ท่านแสดงความเห็น เราจึงต้องตั้งสติ ฟังอย่างโยนิโสมนสิการ แต่กระนั้นมิอาจเข้าใจได้ทั้งหมด ต้องฟังซ้ำ ขอคำอธิบายเพิ่มเติม และเหมือนท่านควบคุมสติให้นิ่งสงบอยู่ในมิตินั้น จึงไม่ง่ายนักที่เราจะเข้าใจท่าน

เมื่อเราใช้มิติของปุถุชนไปสอบถามท่าน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ในขณะที่ท่านอยู่ในมิตินั้นๆ ท่านอาจจะรำคาญกับคำถามแบบนี้ ท่านย่อมกล่าวคำที่ไม่เสนาะหูออกมา ด้วยความที่เป็นศิลปิน ภาษาที่ใช้จึงบาดหู ที่ในชีวิตปกติเราไม่ค่อยได้ยินคำนี้บ่อยนัก ผมเองพยายามปรับตัวตั้งนานกว่าจะพยายามเขย่งตัวเองขึ้นไปฟังสาระในคำกล่าวต่างๆของท่าน

คนพูดพูดด้วยคีย์หนึ่ง คนฟังฟังด้วยอีกคีย์หนึ่ง

นั่นคือ ป้าหวานอยู่ในคีย์หนึ่ง ขณะที่อาจารย์ขึ้นไปอยู่ในอีกคีย์หนึ่ง

ความต่างตรงนี้เองที่เป็นที่มาของคำว่า..เฮงซวย.. หากผมเป็นคนพูดคำถามนั้น ผมก็โดน เฮงซวย เป็นสองเท่า..


ร้อน แล้วก็ฝน..

10 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 พฤษภาคม 2010 เวลา 21:34 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 638

วันนี้ที่ขอนแก่น ร้อนตับแตกตั้งแต่เช้ายันเที่ยง

(ความร้อนในรูปนี้ถ่ายเมื่อวาน ไม่ใช่วันนี้)

พอบ่าย ฟ้าเริ่มมีเมฆฝน มากขึ้น มากขึ้น


มองไปทางทิศใต้ เหมือนฟ้าปิด ฝนกระหน่ำไกล ความร้อนกลับเย็นลงเหลือ 32 องศา แล้วฝนก็ตกลงมา แต่ไม่มากอย่างที่คาดคิด


สงสัยลูกนี้ถล่มสวนป่า อย่างข่าว “คอน”


เดี้ยง..

18 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 9 พฤษภาคม 2010 เวลา 21:36 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1181

เมื่อวันที่กลับมาจากสวนป่านัดกันว่าคนข้างกายจะต้องไปพบทันตแพทย์ แต่ก็เลื่อนไปเพราะเธอต้องไปงานสวดศพที่อุดร กลับมาจนดึกดื่นก็มานั่งเร่งเขียนรายงานให้ ITTO อีก

วันเสาร์ทั้งวันก็เร่งเขียนอีก ตกกลางคืนได้เรื่องเลย

สักสองทุ่ม เธอจะเดินไปอาบน้ำ แล้วก็เกิดมึนหัว แบบบ้านหมุน และปวดหัวมากๆจนร้องโอดโอย อยากอาเจียน อยากเข้าห้องน้ำวุ่นวายไปหมด ผมก็ตกใจ…


เมื่อหลายสิบปีก่อนที่เชียงใหม่ เราพักที่โรงแรมแถวช้างเผือก เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แบบว่าขยับตัวไม่ได้ จะเวียนหัวจนทนไม่ไหว จะอาเจียน ต้องไปเอานายแพทย์มาดูที่ห้องพัก นายแพทย์ก็ดีเหลือเกินหิ้วร่วมยามาดูจนหายปกติ


อาการแบบนี้หายไปนานมาเกิดขึ้นอีกเมื่อคืนก่อน ผมโทรหาเพื่อนที่เป็นแพทย์ก็ไม่ได้ จึงโทรไปปรึกษาแพทย์ที่ขอนแก่นราม เพราะเราสนิทกับคุณหมอที่นั่นสมัยคุณแม่เป็นคนไข้ที่นั่นหลายปี หมอไม่อยู่เวร จึงตัดสินใจเรียนรถ Ambulance มารับ กว่าจะเอาตัวลงจากชั้นสองได้เล่นกันทุลักทุเลเพราะเธอขยับไม่ได้ อาเจียนตลอด


เลยได้นอนที่โรงพยาบาล ได้ยาฉีดแก้อาเจียน ให้น้ำเกลือ ค่อยยังชั่ว

เช้ามาคุณหมออรทัย เจ้าประจำมาดูอาการก็ทักว่าเคยเป็นมาใช่ไหม เอาหละ โปแตสเซี่ยมต่ำ น้ำในหูผิดปกติ ต้องดูอย่างละเอียดอีกที นอนให้น้ำเกลือและยาต่างๆก็ดีขึ้น โอย ผมกลายเป็นบุรุษพยาบาลไปแล้ว.. วันนี้ออกจาก รพ.แล้วกลับมานั่งตาแป๋วอยู่ที่บ้านแล้ว อิอิ


น่ากลัวอาการแบบนี้นะครับ เพราะเธอช่วยตัวเองไม่ได้เลยช่วงที่บ้านหมุน ปวดหัว แบบขยับไม่ได้ คุณหมอแนะนำให้นอนหลับตาเท่านั้น พักเฉยๆ หากปวดหัวก็ต้องทานยาแก้ปวด แล้วเมื่อพอเคลื่อนไหวได้ก็ไปพบแพทย์ ซึ่งต้องมีคนช่วยช่วงที่มันเป็นขึ้นมา….นี่คือสิ่งที่ต้องวางแผนในอนาคต..หากผมไม่อยู่แล้วเธอเป็นขึ้นมาก็ยุ่ง..

สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญนะพี่น้อง หมอตา ป้าหวานเตือนพวกเราเสมอ เอาใจใส่สุขภาพกันหน่อย

ระหว่างเธอนอนที่ รพ.ผมก็ถือโอกาสถ่ายรูปขอนแก่นในมุมต่างๆมาให้ดูกันครับ..


ไอศกรีมที่สวนป่า

103 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 7 พฤษภาคม 2010 เวลา 22:13 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 6650

ผมจำชื่ออ้ายท่านนี้ไม่ได้แล้ว

สายวันนั้น ทุกคนมายืนล้อมอ้ายท่านนี้เพื่อซื้อไอศกรีมแบบทำเองดูดแก้ร้อนกัน ช่วงเวลาหนึ่งครุปูกับผมยืนตรงนั้น ครูปูเลี้ยงไอศกรีมผมและหลายๆคน (ขอบคุณมากๆครับ) ผมถามว่าทราบได้อย่างไรว่าในสวนป่านี้มีคนมาหลายคนแล้วเข้ามาขายไอศกรีม

อ้ายตอบว่า ก็ผ่านมาที่ถนนใหญ่เห็นรถบัสเข้ามาก็เลยขับตามมาครับ ไอ้ติมนี่ไปรับเขามาอีกที

อ้าย พรุ่งนี้จะมีคนมาอีก อ้ายจะมาไหมล่ะ อ้ายตอบว่าหากมีคนก็มาซิครับ

เออ..งั้นก็จะโทรบอกเอาไหมว่ามีคนเข้ามาสวนป่าตอนไหน มีโทรศัพท์ไหมล่ะ จะได้บอกได้

อ้าย งุ่นง่านเล็กๆ เขินๆ แล้วก็บอกว่า ผมไม่มีโทรศัพท์ครับ

เราก็ถามต่อว่า อ้าว…งั้นก็ส่งข่าวบอกไม่ได้ซิว่าพรุ่งนี้ตอนไหนจะมีคนเข้ามาในสวนป่านี้..จะได้มาขายไง ขายดีนะ อากาศร้อนๆเช่นนี้ ใครๆก็อยากกินไอศกรีม

ครูปูกับผมพยายามหาทางให้ อ้าย มาขายในสวนป่าให้ได้ แต่ติดตรงที่ว่าจะบอกอย่างไร…

คุยไปมาสักพัก อ้ายบอกว่า ได้ ได้ เดี๋ยวผมทำได้

ครูปู รีบถามทันทีว่า อ้าย..จะหาเงินไปซื้อมือถือหรือ ไม่เอานะ ไม่สมควร ไม่จำเป็น..

อ้ายทำหน้า ปูเลี่ยนๆ เราก็เลยหาทางออกให้ว่า เอางี้ซี ทุกครั้งผ่านถนนใหญ่มาทางนี้ก็แวะมาดูซะหน่อยว่ามีคนจำนวนมากมาที่สวนป่านี่หรือเปล่า..

….

ครูปู และท่านอื่นๆอุดหนุน อ้าย ไปมากพอสมควร ผมก็ว่าน่าจะมากพอที่จะกระตุ้นให้อ้ายท่านนี้ คงต้องแวะมาสวนป่าทุกครั้งที่ผ่านมา…

ไอศกรีม ของอ้าย บรรเทาความร้อนไปได้โขทีเดียวครับ คนที่เป็นแฟนประจำน่าจะเป็น คอน.. อิอิ


ไฮกุ จากสวนป่า..

41 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 7 พฤษภาคม 2010 เวลา 20:49 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 2997

สวนป่าเพื่อสหกัลยาณมิตร “บ้านมกรา” มีหลายรายการ ผมชอบ session ของ ออต เหมือนทุกคน เพราะความเป็น artist ของออต ที่ออกแบบ session ได้สวยงาม โดยเฉพาะ ไฮกุ ที่เอาไปสัมพันธ์กับผัสสะที่เกิดขึ้นกับคนๆนั้น

ออตเริ่มด้วยการแจก เมล็ดมะรุมคนละเมล็ด ให้ทุกคนพิจารณาแล้วใส่ปาก ค่อยๆ อม กัด เคี้ยว แล้วค่อยๆพิจารณารสสัมผัสที่เกิดขึ้น แล้วให้เขียนผัสสะนั้นออกมาเป็น “ไฮกุ” น่ารักซะ และมีความหมายมากครับ ชอบมากที่แต่ละคนแสดงออกมา ซึ่งมันบอกอะไรหลายอย่าง

เห็นลูกศิษย์ท่าน อ.โสรีย์ หน้าเบ้ เมื่อเคี้ยวเมล็ด ส่ายหน้า แล้วทำท่าจะคายทิ้ง อาจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสัมผัส และเธออาจไม่รู้มาก่อนว่านั่นคือ สมุนไพรที่มีคุณค่าทางยา

ออต อ่านไฮกุ แต่ละคน มีความหมายกว้างแล้วแต่ท่านนั้นๆจะแสดงออกมา แม้ว่าจะเป็นไฮกุแบบไทยๆแต่มีความหมายครับ

รอบต่อไป ออตแจก ใบผักฮว้านง๊อก สมุนไพรลือลั่นที่มาจากเวียตนาม และเป็นอาหารเราบางมือที่แสนอร่อย ออตให้ร่างรูปขอบใบผักนี้ พิจารณาแล้วเคี้ยวมัน รับรส แล้วเขียนไฮกุ


บ้าน อาหาร น้ำ ยา ป่าปัจจัย

ไม่มีเราเขายัง

ไม่มีเขาเราสิ้นเผ่าพันธุ์

สุดท้าย ออตทิ้งโจทย์ให้ทุกคนไปทำการบ้านมา คือ ให้ไปถ่ายรูปอะไรก็ได้ในสวนป่า แล้วเอารูปนั้นมาเขียนไฮกุ แล้วเอามาดูกันในเวลากลางคืน

ไฮกุนั้นเป็นวีธีการเขียนกวีของญี่ปุ่นที่ผมไม่รู้จักเท่าไหร่ ผ่านๆตาบ้างแต่ก็ชอบ แต่ไม่เคยเขียน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกครับ ออตกล่าวว่า ไฮกุมี สามบรรทัด บรรทัดที่ 1 มี 7 คำ บรรทัดที่ 2 มี 5 คำ บรรทัดที่ 3 มี 7 คำ

รูปภาพข้างบนนั้นเป็นรูปที่ถ่ายป่าสวนป่าจากที่พักชั้นบนของอาคาร 6 เหลี่ยม เช้าวันนั้นด้วยมือถือ แล้วเอามาแต่งเป็นขาวดำ แล้วเอามาทดลองแต่งไฮกุแบบ ไม่เค๊ย ไม่เคย

ก็แค่มาเล่าให้เพื่อนๆฟังน่ะครับ


เมื่อสวนป่าต้อนรับ..

17 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 พฤษภาคม 2010 เวลา 22:25 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3034

เชิญคร๊าบบบบ….

สวนป่ายินดีต้อนรับ คร๊าบบบ

จับจองที่พักเอาตามสบาย ชอบมุมไหนเอาเล้ยยยยย

อ้าว…ป้าจุ๋มควงใครมาน่ะครับ..อิอิ

(แหล่งที่มา: Reader’s Digest)


อารมณ์ขันชาวบล็อก..

5 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 พฤษภาคม 2010 เวลา 8:42 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 605

โปรดระวัง บล็อก อิอิ

(แหล่งที่มา: Reader’s Digest)


การ์ด..

31 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 พฤษภาคม 2010 เวลา 22:29 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1255

ดำเว้ย…เตรียมตัวไว้เอ็ง

ได้ข่าวมาว่ารัฐบาลประกาศไม่รับรองความปลอดภัยแกนนำและการ์ด

ได้ข่าวอีกว่า การ์ดเริ่มทยอยหลบเข้ากลีบเมฆไปบ้างแล้ว..

เดี๋ยวเขาจะมาเอาเราไปเป็นการ์ดว่ะ..

เอ็งเตรียมตัวไว้ให้พร้อมตลอด 24 ชั่วโมงนะ

ลงชื่อ…. แดงเองว่ะ


แดงยืนหยัด..

21 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 พฤษภาคม 2010 เวลา 22:13 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 870

แดงยืนหยัดกัดไม่ปล่อย ว่ะ..


น้องนกหัวแดง..

90 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 เมษายน 2010 เวลา 20:07 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1965

บ่ายห้าโมงเย็นเศษวันนั้นที่บ้านขอนแก่น

เห็นนกตัวนี้ที่ไม่รู้จักและไม่เคยเห็นมาก่อน

บุคลิกเขาแปลกมาก ยืนขาถ่างๆมองซ้ายทีขวาที

แล้วก็บินหนีไป

แม้ว่าบนหัวเขาจะมีสีแดง

แต่ไม่เกี่ยวกับการวุ่นวายใดๆ

ตรงข้ามเขาให้ความรื่นรม น่ารักและความรู้สึกดีดี


จดหมายถึงอ๋อย 2

14 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 เมษายน 2010 เวลา 0:29 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 653

อ๋อย สมัยที่เราเรียนเราอ่านหนังสือกันมาก ล้วนเป็นเรื่องหนักๆทั้งสิ้น แม้แต่ Selected Work of Mao หรือ The Capitalist ของ Marx หรือ แม่ ของ Maxim Gorgi ฯลฯ ของคนไทยเองเราก็อ่านงานของจิตร ภูมิศักดิ์, ยอดธง ทับทิวไม้, ท่านกุหลาบ สายประดิษฐ์, ท่านปรีดี พนมยงค์ และอีกมาก บางคนสนใจกวี ก็อ่านของ คาลิล ยิบราล ฯลฯ เราไม่ได้อ่านใครอ่านมัน อ่านแล้วเอามาถกกันมากกว่าอ่านหนังสือเรียน มีหลายคนที่อ่านหนังสือ “แตก” จับประเด็นเก่ง สามารถมาสรุปให้เพื่อนฟังได้อย่างดี

อ๋อย คนรุ่นเราสมัยนั้นไม่เที่ยวเตร่ ดูหนังฟังเพลง ไม่ได้เมาเหล้า เล่นไพ่ตามหอพัก แต่เราเอาเวลาเหล่านั้นมาศึกษาเรื่องราวต่างๆของโลก หนังสือเหล่านี้หลายเล่มเราต้องเผาทิ้ง หรือซ่อนในที่ลับเพราะผิดกฎหมาย อย่างโฉมหน้าศักดินาไทย เดี๋ยวนี้ยังหาอ่านไม่ได้ แต่เราถกกันซะป่น บดกันเป็นผง คุยกันยันสว่างครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งเราเรียกกันว่า ตกผลึกทางความคิดใช่ไหมอ๋อย

เรื่องที่หวาดเสียวดูจะเป็นระบบชนชั้นในสังคมนี่แหละที่เราเอาทฤษฎีของ Marx เป็นตัวตั้ง เอาบทเรียนของ “อเยลเด” ในอาเจนตินา บทเรียนจากรัสเซีย ในจีนฯ มาศึกษา สมัยนั้นเราเป็นคนหนุ่มสาว ที่บริสุทธ์ผุดผ่อง เจตนาทั้งหมดเพื่อสังคมที่ดีกว่า คิดเอาบ้านเอาเมือง หรือที่เรียกคิดใหญ่ เพราะสภาพสังคมในช่วงนั้นอ๋อยก็รู้ว่ามันอยู่ในสภาพเผด็จการ ในคราบประชาธิปไตย สร้างเพื่อนพ้องน้องพี่ให้มีอุดมการณ์ ใกล้เคียงกับเรา พี่นิสิต จิรโสภณ รุ่นพี่เราที่แกร่งที่สุดก็ถูกถีบตกรถไฟเสียชีวิตด้วยความจัดจ้านของพี่เกินใครๆ .

อ๋อย เพื่อนเราที่ลุยเรื่องชาวนา ก็ไปสร้างชาวนาในภาคเหนือจนเดินตามเรามามากต่อมาก และเป็นเป้าให้กับบ้านเมือง และพ่อหลวงอินถา ศรีบุญเรืองก็สังเวยให้กับอุดมการณ์ ซึ่งสรุปกันว่า กอ.รมน.สั่งเก็บผู้นำชาวนา จนประเมินว่าอยู่ในเมืองกันไม่ได้ ต้องหลบรี้หนีภัยเข้าป่า พี่เป็นคนไปส่งหลายคน ตามระบบที่วางไว้ หลายคนไปเสียชีวิตไม่ได้กลีบคืนบ้านอีกเลย

อ๋อย เมื่อน้ำเดือด เพื่อนฝูงก็บอกว่าถึงเวลาที่ทุกคนต้องตัดสินใจต่อชีวิตครั้งใหญ่ คือการเข้าป่าแล้ว เพราะช่วงนั้นที่กรุงเทพฯ ทหารออกมาฆ่าผู้เดินขบวนแล้ว.. เพื่อนบางคนเก็บเสื้อผ้าด้วยน้ำตาแล้วเข้าป่าไปด้วยหัวอกที่ชอกช้ำ ไปนั่งกอดกันร้องให้ท่ามกลางป่าเขาที่เงียบสงัด พ่อแม่ พี่น้องยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกๆได้ตัดสินใจครั้งใหญ่แล้ว..

เคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง ขัดแย้ง สัมพันธ์ สังคมเคลื่อนตัวออกไป วุฒิภาวะแต่ละคนสูงขึ้น พี่ตัดสินใจเลือกทางเดินของพี่คือสู่ชนบท แม้ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคทางบ้านเมือง และก็ไม่พ้นข้อหาทางการเมือง ที่ศูนย์การุณยเทพเชียงใหม่นั้น พี่พบท่านอาจารย์องุ่น มาลิกที่เราเคารพรักท่าน พบอาจารย์วิทยาลัยครู พบผู้นำชาวนาที่ตกขบวน และเพื่อนนักศึกษาหลายคน.. รวมทั้งไอ้แอ๊ด เดลินิวส์ การ์ตูนนิสต์ชื่อดังก็นอนเตียงติดกับพี่..


อ๋อย เพื่อนๆแอบออกมาจากป่ามาเยี่ยมพี่บ้างเป็นครั้งคราว แล้วก็หายหน้าไปจนป่าแตกนั่นแหละทุกคนก็อกหักออกมาสังคมเมืองอีกครั้ง

อ๋อย แดงที่เคลื่อนตัวทุกวันนี้ คนผ่านชีวิตช่วงของเรานั้นอ่านก็ออกว่านี่คือ แนวคิดเดิมที่เคยใช้มาก่อนปัดฝุ่นเอามาปรับใช้ในเงื่อนไขปัจจุบัน

อ๋อย แดงกล้าหาญเหลือเกินกว่าที่พี่คาดคิด กล้าหาญประกาศกลางกรุงเทพมหานคร ถึงการล้มอำมาตย์ ใครๆก็เข้าใจได้ว่าหมายถึงใคร วันที่พี่เข้าไปในพื้นที่ทำงานของพี่เห็นธงแดงยกขึ้นเหนือกระต๊อบชาวบ้านของพี่นั้น พี่รู้สึกเจ็บปวดลึกๆ จริงๆ….

อ๋อย คนที่อ๋อยปกป้องอยู่น่ะ แค่ใช้วาทะกรรมทางการเมืองสร้างผลงานเพราะอ๋อยและทีมงานของพวกเราในอดีตป้อนกระบวนวิธีให้ใช่ไหม อ่านสังคมชนบทออกมาแล้วใช้จุดอ่อนนั้นเป็นประโยชน์ทางการเมือง การเมืองที่อ้างแต่คะแนนเสียง อ้างผลการเลือกตั้ง แล้วก็ไปยืนยืดอกเป็นผู้มีเกียรติในอาคารที่โอ่อ่า แล้วใช้โอกาสนั้นแสวงหาประโยชน์ที่แนบเนียนมากขึ้นฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งก็อดทนที่จะก้าวสู่อุดมคติของกลุ่มตนที่วาดฝันมา เช่นนั้นหรือ ต่างใช้ซึ่งกันและกัน

อ๋อย ปัจจุบันนี้ พี่ไม่เชื่อ ว่าขั้นตอนการปฏิวัติสังคมนั้นจะหยิบอดีตมาใช้ได้ในปัจจุบัน หรือว่ากลุ่มของอ๋อยพัฒนาไปไกลแล้ว และกำลังทดสอบขั้นตอนเหล่านั้น แต่ปากหนึ่งตะโกนว่า สันติ อหิงสา ไร้ความรุนแรง แต่มือข้างหลังเต็มไปด้วยอาวุธร้ายที่พร้อมจะลงมือเมื่อมีจังหวะ

อ๋อย ทฤษฎีปฏิวัติสังคมที่ใช้วิธีรุนแรงนั้น ไม่เคยจบลงด้วยเป้าหมายที่ต้องการ แนวความคิดสร้างสังคมที่วาดบนกระดาษและมิได้มาจากการปฏิบัติจริงนั้น ย่อมขาดสาระและรายละเอียดในสภาพจริง แนวคิดนั้นก็เป็นเพียงบลูปรินส์สวยที่ลอยอยู่บนฟากฟ้าเพียงเท่านั้น

อ๋อย ทางเดินชีวิตของพี่อยู่ในวงการพัฒนาชนบท มากกว่าสามสิบปี ในระหว่างทางเดินของช่วงเวลาดังกล่าว พี่สัมผัสในหลวงด้วยงานของพระองค์ พี่ชื่นชมพระองค์ท่านที่ก้าวลงมาผลักดันให้สังคมชายขอบของไทยได้ก้าวพ้นความทุกข์ยาก หากพระองค์ไม่ก้าวลงมา พี่ก็เชื่อแน่ว่าชายขอบของประเทศจะมีปัญหามากมายซึ่งหน่วยงานของรัฐก็เอื้อมมือไปไม่ถึง แค่นี้ก็ล้นพ้นแล้ว คนพูดน่ะมีมาก คนคิดก็มีเยอะ แต่พระองค์ทำ และนำประสบการณ์นั้นๆมาสร้างทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง.

พี่เชื่อในสิ่งที่พี่เห็น และได้สัมผัส อ๋อย พี่ไม่เชื่อในความฝัน และยิ่งความฝันที่รุนแรงนั้น พี่ไม่เห็นด้วย..


เขียนถึงพระไพศาล วิสาโล

51 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 เมษายน 2010 เวลา 21:13 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3309

เมื่อเอ่ยชื่อพระไพศาล วิสาโล คงรู้จักท่านดีในหลายสถานะด้วยกัน เนื่องในโอกาสที่ท่านจะได้รับรางวัลศรีบูรพาประจำปี 2553 ในวันที่ 5 พ.ค. 53 นี้ ที่สถาบันปรีดี พนมยงค์ ซอยทองหล่อ ถนนสุขุมวิท ผมขออนุญาตคัดลอกประวัติและผลงาน ของท่านมาจาก หนังสือสกุลไทย ฉบับที่ 2894 โดยพบพลอย หน้า 54 …..

เดิมชื่อ ไพศาล วงศ์วรวิสิทธิ์ เกิด 10 พ.ค. 2500 ที่กรุงเทพฯ เรียนที่อัสสัมชัญ กรุงเทพฯ เรียนคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนเรียนเป็นบรรณาธิการปาจารยสาร และทำกิจกรรมในชมรมพุทธศาสตร์และประเพณี ท่านไม่เชื่อแนวทางมาร์กซิส แต่ท่านสนใจการเมือง จึงถูกมองว่า เป็นซ้าย และ ขวาในเวลาเดียวกัน

ช่วง 6 ตุลา 19 ท่านไปร่วมชุมนุมอย่างสงบในตึกเรียน แยกจากนักศึกษาเป็นการอดอาหารเรียกร้องคณะสงฆ์พิจารณาประเด็นที่เปิดโอกาสให้จอมพลถนอม กิตติขจร บรรพชาเป็นสามเณร และถูกจับขณะที่ทหาร ตำรวจและฝ่ายขวาบุกเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เมื่อเรียนจบก็ไปทำงานกับกลุ่มประสานงานศาสนาเพื่อสังคม ตั้งแต่ปี 2516 แต่ต่อมาตัดสินใจบวชในปี 2526 ที่วัดทองนพคุณ แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร แล้วมาปฏิบัติธรรมที่วัดสนามใน ตำบลวัดชะลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี

แล้วไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าสุคโต ตำบลท่ามะไฟหวาน อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิกับหลวงพ่อคำเขียน สุวณโณ ตั้งใจจะบวชเพียง 3 เดือน เมื่อปฏิบัติธรรมมีความก้าวหน้า เกิดความอาลัยในผ้าเหลืองจึงบวชต่อเรื่อยมา


ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระนักกิจกรรมหัวก้าวหน้า เชื่อมโยงพุทธศาสนากับสังคม เป็นนักคิด นักวิชาการ ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต แต่มักเลือกจำพรรษาที่วัดป่ามหาวัน(ภูหลง) บ้านตาดรินทอง ตำบลธาตุทอง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เพื่อรักษาและอนุรักษ์ป่าตามโครงการวนาพิทักษ์ภูหลง เพราะทำให้ชาวบ้านเกรงใจไม่กล้าตัดไม้ วัดป่ามหาวันไปมายากทำให้มีเวลาทำงานและปฏิบัติธรรมได้มาก นอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่งกรรมการมูลนิธิโกมลคีมทอง กรรมการมูลนิธิสุขภาพไทย กรรมการมูลนิธิสันติวิธี กรรมการสถาบันสันติศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น กรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ และประธานเครือข่ายพุทธิกา


ผลงานที่ผ่านมาของท่านได้แก่ งานเขียนและงานบรรยายจำนวน 100 เล่ม งานเขียนร่วม 19 เล่ม งานแปลและงานแปลร่วม 9 เล่ม งานบรรณาธิการและบรรณาธิการร่วม 7 เล่ม ตัวอย่างผลงาน อาทิ มองอย่างพุทธ เพื่อความเข้าใจในชีวิตและสังคม พุทธศาสนาไทยในอนาคต แนวโน้มและทางออกจากวิกฤติ เส้นโค้งแห่งความสุข(๒) เราเป็นได้มากกว่าผู้บริโภค เส้นโค้งแห่งความสุข(๑) สดับทุกข์ยุคบริโภค ชีวิตและความตายในสังคม ประตูสู่สภาวะใหม่ คำสอนทิเบตเพื่อเตรียมตัวตายและช่วยเหลือผู้ใกล้ตาย ช้างไทยในความทรงจำ พลิกฟื้นไทยให้เขียวชอุ่ม ทางเลือกใหม่เพื่อการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม พุทธศาสนากับคุณค่าร่วมสมัย ฯลฯ

ทัศนะต่อชีวิต พระไพศาล วิสาโล ยืนยันว่า “ชีวิตอาตมาเป็นแค่พระอย่างเดียว ก็เป็นเกียรติและประเสริฐสุดในชีวิตแล้ว ไม่มีอะไรสูงสุดกว่าการเป็นพระ ที่เหลือเป็นส่วนเกิน”…..

ผมขอแสดงความยินดีกับพระคุณเจ้าครับ..


จดหมายถึงอ๋อย 1

32 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 เมษายน 2010 เวลา 0:23 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1027

อ๋อยน้องรัก พี่นั้นชื่นชมอ๋อยมาตั้งแต่เราร่วมกันตั้งพรรคประชาธรรม โดยพี่เป็นเลขาธิการ แล้วมติพรรคส่งอ๋อยเข้าชิงนายกองค์การนักศึกษา เราฟอร์มทีมกัน หาเสียงและในที่สุดอ๋อยได้รับเลือกให้เป็นนายกองค์การนักศึกษา อ๋อยขึ้นไปทำงาน พี่กล่าวได้ว่าอ๋อยสร้างผลงานอย่างน่าชื่นชม

เราจัดการอภิปรายทางการเมืองบ่อยครั้งเมื่อมีประเด็นเกิดขึ้น เราประชุมร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆกันบ่อยครั้งที่สวนอัญญา ที่ท่านอาจารย์องุ่น มาลิกบริจาคให้นักศึกษาที่ทำกิจกรรมเพื่อบ้านเมือง พี่จัดค่ายจร ที่แม่ทา ลำปาง โดยเอาเพื่อนนักศึกษาไปออกชนบท ซึ่งส่วนใหญ่นักศึกษาที่ออกค่ายนั้นมาจากฝั่งสวนดอกเป็นส่วนใหญ่ที่อ๋อยเรียนแพทย์อยู่นั่น ผลการออกค่ายครั้งนั้นสร้างผลสะเทือนต่อสำนึกเพื่อนร่วมค่ายมากเพราะทั้งหมดเข้าป่า รวมทั้งอ๋อย หลายคนกำลังจะเรียนจบแพทย์ศาสตร์ ทันตแพทย์ เภสัช พยาบาล เทคนิคการแพทย์ เมื่อออกจากป่าบางคนกลับมาเรียนต่อให้จบ แต่หลายคนก็ไม่เรียน ไปทำงานตามที่ตัวเองถนัด จนถึงปัจจุบันนี้

อ๋อยเองมาเรียนจนจบแล้วไปเรียนต่อทางเศรษฐศาสตร์ที่อเมริกา กำลังทำปริญญาเอก ก็มาลงสมัครเลือกตั้งได้ สส.ที่บ้านของอ๋อย และอ๋อยก็เวียนว่ายในสนามการเมืองเปิดตลอดจนถึงปัจจุบัน

พี่ก็ยังชื่นชมอ๋อยเพราะบทบาทนั้นโดดเด่น และแสดงความสามารถในการพูดและเหตุผลประกอบ พวกเราจัดงานทำบุญท่านอาจารย์องุ่น มาลิก พวกเราก็ยกให้อ๋อยเป็นประธานเพื่อระดมทุนเข้ามาสานงานต่อที่ท่านอาจารย์ดำเนินงานมาตลอดชีวิตท่าน

แต่แล้วอ๋อยก็เข้าร่วมกับทักษิณ เหมือนอ้วน แรกๆเราก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ต่อมาดูเพี้ยนๆอย่างไรไม่ทราบ จนในที่สุดเบื้องหลังของทักษิณก็เปิดออกมาหมดสิ้น อ๋อยก็ออกมาปกป้อง….

พี่ไม่รู้เหตุผลเพราะเราไม่ได้ติดต่อกันนานมากแล้ว แต่พี่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าอ๋อยกำลังคิดอะไรอยู่ และ ค่ำวันที่ 10 เมษายน 53 พี่เปิดวิทยุฟังเสื้อแดง บังเอิญอ๋อยกำลังขึ้นเวทีพูด เหมือนเดิมนะอ๋อย หนักแน่น ท่วงทำนอง เหตุผล และแล้วอ๋อยพูดว่า ..อนุ….คุณคืออดีตลูกน้องผม อภิสิทธิ์ ขอบอกว่า ตอนนี้ค่ำมืดแล้ว ทั้งวันอภิสิทธิ์ส่งทหารมาปะทะกับคนเสื้อแดง ตอนนี้ค่ำแล้ว ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างขอให้ต่างฝ่ายถอยกลับไปที่ตั้งเสียจะดีกว่า..

อ๋อย..เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง การปะทะก็เกิดขึ้นจริงๆและมีคนบาดเจ็บ ล้มตายจริงๆ พี่น้องคนไทยต้องมาล้มตายกันกลางเมือง…

พี่ไม่เข้าใจว่า อ๋อยได้ส่งสัญญาณเช่นนั้นเพราะอ๋อยรู้เรื่องทั้งหมดใช่ไหม..? ซึ่งพี่ไม่เชื่อว่ามันเป็นการบังเอิญ..??


นี่คือลัทธิประชาธิปไตย

5 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 12 เมษายน 2010 เวลา 22:45 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 785


แด่ผู้สังเวยลัทธิประชาธิปไตยทุกท่าน

แด่ผู้พันร่มเกล้า ผู้เสียสละ



วันนี้เราเสียกรุงเมื่อ 7 เม.ย. 2310

23 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 7 เมษายน 2010 เวลา 13:29 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1763

พี่น้องเอ๋ย

วันนี้เมื่อ 247 ปีที่ผ่านมา

ประชาชนไทยทั้งประเทศต้องร่ำไห้ ทั่วแผ่นดิน

เพราะเราต้องเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าครั้งที่สอง

และวันนี้ 7 เมษายน 2553

พี่น้องเรามาทะเลาะกันเอง…..มันช้ำใจยิ่งนัก

…..สนิมเกิดแต่เนื้อในตน….


ยืนอยู่บนสิ่งที่มี..

10 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 เมษายน 2010 เวลา 16:39 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 725


ชนบทนั้น “ยืนอยู่บนสิ่งที่มี” รอบข้างตัวมีอะไรที่ใช้ประโยชน์ได้ ก็ใช้สิ่งนั้น ง่ายๆ การกระทำเหล่านี้มีหลายมุมมอง นักวิชาชีพด้านต่างๆมีเหตุผลมองสิ่งเหล่านี้บนพื้นฐานวิชาชีพของตัวเอง จากมาตรฐานของวิชาชีพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับได้


นี่คือโครงสร้างกระต๊อบในสวน ไม่มีสมุดโน้ต สวยๆ ไม่มีเครื่องอีเลคโทรนิคบันทึก ก็ใช้โครงสร้างกระต๊อบนี่แหละเป็นบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของลูกหลาน และคนที่จำเป็นต้องติดต่อ ใช้ถ่านแทนปากกา แค่นี้ก็บรรลุวัตถุประสงค์การบันทึกเหมือนกัน

การบรรลุวัตถุประสงค์ของชนบทนั้น “ยืนอยู่บนสิ่งที่มี”


ผมรักเสื้อแดง จิง จิ๊ง..

384 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 เมษายน 2010 เวลา 13:02 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 5776

ไผเกลียดเสื้อแดง..ก่าซ่าง

แต่อ้ายฮัก ทู๊กกกก คน เด้..


บอกแล้วก็ไม่เชื่อ..

567 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 เมษายน 2010 เวลา 12:47 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 10916

เฮีย…บอกแล้วว่าอย่าเล่นการพนัน บอกเท่าไหร่ก็ไม่เชื่อ

เล่นแล้วมันจะหมดตัว….!!??


…ที่มาของรายได้ใหม่…

17 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 เมษายน 2010 เวลา 12:47 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 616

คนข้างกายเดินทางบ่อยมากๆ วันนี้ก็ลงสงขลาและปัตตานีอีก

ปกติการเดินทางภายในอีสานก็จะมีรถตู้เจ้าประจำ

ประจำจนบริษัทนี้ไม่ต้องไปรับลูกค้าที่อื่นเลย อิ อิ

พนักงานขับรถก็ชอบที่จะรับบริการเพราะทุกคนถูกผู้จ้างทำตัวเท่ากันหมด

จึงสนิทสนม ก็จ้างกันมานับสิบปีแล้วรายได้ไปออกรถตู้ใหม่ได้เลย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พนักงานขับรถมาบอกว่า

พี่ พี่ เพื่อนผมที่ขับรถตู้รับจ้างอีกบริษัทหนึ่งบอกว่า

เขาลงไปกรุงเทพฯร่วมกับแดง ได้มาสองพันห้าร้อยบาท สองวันครับ…


พระไพศาล ฐิตสาโร

596 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 เมษายน 2010 เวลา 23:36 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 11635

เนื่องในวาระดียิ่งที่ เม้ง จะบวช จึงเอารูปเก่าของผมตอนบวชมาให้ดูกัน น่าจะประมาณปี 2520 ตอนนั้นทำงานพัฒนาชนบทที่ อ.สะเมิง เชียงใหม่ พ่อบอกถึงวาระที่พี่น้องผู้ชายสามคนควรจะบวชได้แล้ว


ก็เป็นไปตามประเพณีท้องถิ่น พี่น้องสามคนบวชพร้อมกัน รวมทั้งพี่ชายผมคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือเลย


พระอาจารย์ซ้ายมือสุดนั่น ที่จีวรสีกลัก คือพระอาจารย์ธรรมธโร เจ้าสำนักวิปัสสนาไทรงาม จ.สุพรรบุรี ที่พี่น้องสามคนจะไปจำพรรษาที่นั่น พระอาจารย์ธรรมธโรได้มีเมตตามาเป็นพระพี่เลี้ยงและรับตัวไปสำนัก


หน้าตาบึ้งตึงเชียว อิอิ ดูเหมือนจะมาที่บ้านก่อนไปอยู่วัด ส่วนรูปขวามือนั้น เป็นช่วงออกพรรษาแล้ว เตรียมจะลาสิกขา ญาติโยมในพื้นที่ทำงานนิมนต์ให้ไปโปรดสัตว์ที่ อ.สะเมิง เชียงใหม่ จึงวางแผนจะไปลาสิกขาที่วัดเจดีย์หลวง เพราะสนิทสนมกับท่านเจ้าอาวาสที่ท่านเป็นพระนักเทศน์และนักพัฒนาชุมชน

ก่อนลาสิกขา ท่านอาจารย์ไพโรจน์ ผลประสิทธิ์ ผอ.สำนักงานเกษตรภาคเหนือสมัยนั้นนิมนต์ไปเพลที่บ้านท่าน เลยเพื่อนๆร่วมงานมากันหมด พระก็ให้ศีลให้พร



แล้วก็ไปลาสิกขาที่วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม ที่ท่านเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงท่านเป็นเจ้าอาวาสที่นั่นด้วย ท่านทำพิธีให้ ก่อนท่านมรณภาพท่านเลื่อนสมณะศักดิ์เป็นชั้นเทพ…ผมจำไม่ได้ว่าฉายาท่านเป็นเช่นใด หลังจากลาสิกขาแล้วผมก็กลับไปทำงานในสะเมิงก่อนอีก 1 ปี แล้วย้ายถิ่นฐานไปอีสานจนปัจจุบันนี้

พระอาจารย์ธรรมธโร เจ้าอาวาสสำนักวิปัสสนาไทรงาม สุพรรณบุรี ท่านก็มรณภาพไปแล้ว นึกย้อนไปช่วงนั้น เป็นช่วงที่ชีวิตได้สัมผัสอีกโลกหนึ่งที่มีคุณค่าเหลือเกิน สมณะเพศนั้น เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของทุนทางสังคม เป็นผู้สร้างแรงเกาะเกี่ยวทางสังคม ไม่ว่าจะเป็นพระในศาสนาใดก็ตาม ล้วนเป็นผู้สร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับสังคม

ผมยังภาวนาเสมอว่า หากชีวิตไม่สิ้นไปก่อน จะขอเข้ามาสู่ร่มศาสนาโดยการบวชทั้งกายทั้งใจอีก.. ผมได้รับฉายาว่า พระไพศาล ฐิตสาโร ครับ



Main: 1.3669590950012 sec
Sidebar: 0.29977989196777 sec