ไปวัดป่าภูก้อน

187 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 5 กันยายน 2010 เวลา 22:30 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 5979

คุณสินี หรือคุณตุ๊ ศรีภรรยาข้าพเจ้า เธอมีงานเอกสารที่ต้องเขียนไม่เคยเว้นว่าง งานชิ้นนี้จบ งานใหม่เข้ามา และทุกครั้งเธอเป็นคนเขียนรายงานหลัก นั่งๆอยู่แต่หน้าจอ แล้วก็กิน แล้วก็สัปปะหงก ผมต้องทำเป็นกระแอมดังๆ เธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา ทำต่อ อิอิ แซวเธอเล่น


ตั้งแต่น้องเบิร์ดให้ข้อมูลวัดป่าภูก้อนที่ อ.นายูง จ.อุดรธานี เราก็สนใจ จึงค้นหาข้อมูลได้มาเพียบเลย ยิ่งมีรายการทีวีออกก็ยิ่งได้ข้อมูลเพิ่มเติม กระตุ้นให้อยากไปกราบสักครั้ง เธอก็ออกปากว่า เราหาทางไปบ้างนะ ปกติเธอเอาแต่งานๆ นานๆจะออกปากอย่างนี้ก็รับปากเลย แล้วแต่เธอจะไปเมื่อไหร่เราพร้อมเสมอ เมื่อวันศุกร์เธอบอกว่าวันเสาร์ไปวัดกัน ก็ทันที..

ความจริงวัดป่าในอีสานเราก็ไปกราบมาพอสมควรศรัทธาทั้งนั้น พระเกจิอาจารย์ที่อีสานนั้นสุดยอดการปฏิบัติตั้งแต่พระอาจารย์ฝั้น พระอาจารย์มั่นเรื่อยมา จริงๆเราผูกพันกับวัดหินหมากเป้งของหลวงปู่เทศน์อยู่ เพราะน้องขวัญ ลูกสาวเราตอนเล็กๆ มีคนมาทักว่าเด็กคนนี้เลี้ยงยากนะ ให้ไปถวายเป็นลูกพระเสีย เราก็ไม่คิดมาก เพื่อความสบายใจก็ไปถวายน้องขวัญให้เป็นลูกบุญธรรมของหลวงปู่เทศน์ตั้งแต่เธอยังไม่รู้ความโน้น…


แม้วัดป่าภูก้อนจะไกลพอสมควร จากขอนแก่นประมาณ 200 ก.ม.เศษ แต่เส้นทางก็สะดวก แม้จะมีหลายช่วงเป็น Local Road แต่ก็ใช้ได้ดี เพียงแต่ ป้ายแสดงหนทางไปวัดน้อยไปหน่อย ต้องจอดรถถามชาวบ้านให้แน่ใจ แต่ความศรัทธาทำให้ระยะทางไม่มีปัญหา

ตลอดเส้นทางมีแต่ป้ายวัดป่าเต็มไปหมด ยิ่งเข้าเขตภูเขาก็ยิ่งมีวัดป่าถี่ไปหมด เป็นเมืองที่อุดมพระสายธรรมยุติที่นิยมธุดงค์เป็นวัตร ผมเคยบวชพระมาแล้ว 1 พรรษา จึงพอรู้ว่าภูมิประเทศแบบนี้เหมาะแก่การปลีกวิเวก เพราะมีป่า ที่เงียบสงบ และไม่ไกลจากชุมชนที่พอจะเดินออกมาบิณฑบาตได้ สมเป็น “ปฏิรูปะเทสะวาโสจะ เอตัมมังคะละมุตตัมมัง” อยู่ในประเทศ(ภูมิพื้นที่)อันสมควรเป็นมงคลยิ่งนัก


เมื่อไปถึงวัดก็ตรงไปกราบมหาเจดีย์ก่อน มีสถานที่จอดรถ มีร้านค้าของที่ระลึก ชา กาแฟ และอาหารเบาๆได้ มีร้านแสดงนิทรรศการ มีห้องน้ำ และสถานที่จำหน่ายเครื่องบูชาพระมหาเจดีย์


นาคบนบันไดนั้นทำจากทองแดงยาวเหยียด ที่ตั้งสวยงามเมื่อไปอยู่ข้างบนมองไปรอบๆพื้นที่ ชื่นใจ สดชื่น อากาศเย็น สงบ อาจเป็นเพราะไม่มีคนมากในวันที่เราไปก็ได้..


ภายในมหาเจดีย์มีรูปของพระอาจารย์ท่านต่างๆในปัจจุบันที่มีส่วนสำคัญในการก่อสร้างวัดป่าภูก้อนแห่งนี้ โดยมีพระอาจารย์ชาลี ถิรธัมโม เป็นเจ้าอาวาสปัจจุบันที่นี่ ซึ่งเราได้พบท่านที่มาควบคุมงานก่อสร้างอยู่ในวันนั้นด้วย


ส่วนชั้นบนของมหาเจดีย์เป็นรูปเหมือนของพระอาจารย์ใหญ่ทั้งหลายของสายธรรมยุติอีสาน รวบรวมไว้ให้ญาติโยมมากราบไหว้ระลึกถึงหลักธรรมที่ท่านได้สั่งสอนไว้


หลักจากชื่นชมแล้วเดินลงมาชมนิทรรศการตรงลานจอดรถ มีเจ้าหน้าที่ของวัดทำหน้าที่ให้ข้อมูลต่างๆตลอด และผู้ใดจะทำบุญในรูปแบบต่างๆก็ย่อมได้ เช่นบริจาคตรงๆ หรือซื้อสิ่งของต่างๆที่ทางวัดจัดไว้จำหน่าย ใครจะเข้าห้องน้ำก็มีมากมายหลายห้อง สะอาด หมดจดดียิ่ง

ตอนขาลงเพื่อจะไปยังอาคารพระพุทธไสยาสน์ ผมเกือบทับงูเห่าตัวใหญ่ เขาเลื้อยผ่านหน้ารถแบบช้าๆ ผมเบรกกะทันหัน เขาแผ่แม่เบี้ยใส่เลย ผมตัดสินใจถอยหลังให้เขาหายตกใจและบอกให้เขาเลื้อยต่อไปแบบทางใครทางมันนะ แทนที่เขาจะเลื้อยต่อไปเขาวกกลับมาทางเดิม เราจึงถอยรถให้ห่างๆให้เขาเลื้อยให้สะดวก แล้วเขาก็หายไปกับต้นไม้ข้างทาง..


อาคารต่างๆกำลังก่อสร้างอย่างเร่งรีบ(เจ้าหน้าที่วัดอธิบาย) เพราะต้องการให้เสร็จทันฉลองในหลวงในปีหน้า ส่วนประกอบต่างๆที่เป็นทองแดงรอยนูนที่หน้าต่าง ประตูอันสวยงามนั้นเสร็จหมดแล้ว องค์พระพุทธไสยาสน์ก็แกะเสร็จแล้ว ด้วยหินอ่อนสีขาวจากประเทศอิตาลี ฝีมือช่างเชียงราย อ.นริศ รัตนวิมลที่สุดยอดฝีมือจริงๆ


องค์พระพุทธไสยาสน์ถูกอาคารชั่วคราวครอบเพื่อป้องกันงานก่อสร้างตัวอาคารและหลังคา จึงเข้าไปกราบได้และเห็นเฉพาะพระเศียร เท่านั้น งดงามมาก สุดจะบรรยาย


ที่อาคารหลังที่เห็นนี้เป็นนิทรรศการและเจ้าหน้าที่วัดจัดจำหน่ายสิ่งของที่ระลึกต่างๆ ไปดูนิทรรศการแบบง่ายๆชั่วคราวไปก่อนนี้ก็ได้ความรู้พื้นฐานที่มาของวัดนี้บ้าง รูปตรงกลางนั้นคือภูเขาที่ตั้งของวัดนั้นเมื่อมองมาจากชุมชนจะเห็นเป็นรูปพระพุทธไสยาสน์ งดงามอย่างธรรมชาติ เทียบกับรูปขวามือที่แกะสลักหินอ่อนเป็นองค์พระพุทธไสยาสน์แล้วยิ่งตระการจิต นี่คือแรงบันดาลใจตระกูลวรวรรณและอื่นๆมาสนับสนุนการก่อสร้างวัดแห่งนี้..


เดินออกมาข้างนอกอาคาร วิวธรรมชาติเบื้องล่างสวยงามจริงๆ ที่สงบและเป็นสถานที่บ่งบอกถึงหลักธรรมในการเจริญสติ การค้นหา ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น เมื่อเรามองลึกลงไปมากกว่าตัวอาคารรูปธรรมที่สร้างขึ้นนั้น คือของจริงของแท้ คือคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ และพระอาจารย์ทั้งหลายได้เดินทางเส้นนั้นมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ส่งไม้ต่อให้ปุถุชนอย่างเราตระหนัก ผ่านรูปธรรมและธรรมชาติที่ให้เราถอดรหัสความจริงออกมา


ก่อนจากลา ได้พบท่านเจ้าอาวาสที่มาควบคุมงานก่อสร้างด้วยท่านเอง ท่านส่งยิ้มให้ด้วยความเมตตาเมื่อเราก้มกราบท่าน เราไม่รบกวนภารกิจของท่าน

แล้วคุณตุ๊ก็กล่าวว่า เราจะมาอีกครั้งเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้ว

ผมมองหน้าเธอแล้วตอบว่า จะมาอีกหลายครั้งครับ



เมฆที่ 530831 1708

32 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 กันยายน 2010 เวลา 22:35 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1392

นึกว่างานเตรียมต้นฉบับจะเสร็จ มีอีกตั้งหลายอย่างที่ต้องทำ อิอิ”

รูปนี้ถ่ายเมื่อวานบ่ายขณะขับรถกลับขอนแก่น บนเส้นทางกุฉินารายณ์-โพนทอง

ที่ท้องฟ้าไกลๆโน้นเมฆก้อนใหญ่ขวางทาง กำลังแปรเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ

หยุดรถแล้วก็เก็บเข้ากล้องซะ 200 กว่ารูป

ไปยืนถ่ายรุปที่สวนอ้อย กลางทุ่งเพื่อหลบสายไฟฟ้าข้างทางที่บังภูมิทัศน์

ชาวบ้านปลูกกระต๊อบใกล้ๆคงสงสัยว่า ตาเฒ่านี่มาถ่ายรูปอะไรเป็นนานสองนาน

ขี่มอเตอร์ไซด์มาถาม ถ่ายอะไรครับ….

ผมถ่ายรูปเมฆสวยๆครับ เขาหัวเราะหึหึ แล้วก็จากไป


กลับบ้าน

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 27 สิงหาคม 2010 เวลา 14:49 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1032

กลับบ้าน…

สมัยเรียนหนังสือชั้นมัธยมศึกษาที่ อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง

ไม่มีถนนเช่นนี้ ไม่มีรถเช่นนี้ ทุกคนต้องเดินเท้าจากบ้านไปโรงเรียน

แล้วแต่บ้านใกล้ บ้านไกล

พวกเราต้องเดินทาง ไป-กลับ ประมาณ 9 กม.

สนุกไปกับเพื่อนและเล่นกันไปตลอดทาง

ต่อมา ดีหน่อยก็มีจักยาน แต่ก็น้อยคนที่จะมีและได้ใช้

หากเป็นฤดูฝนนอกจากเดินแล้วมือหนึ่งถือกระเป๋าใบใหญ่

อีกมือต้องหิ้วรองเท้าเก่า ซีด เอาไปใส่ที่โรงเรียน ..ถุงเท้ามักจะมีส้นขาด และเหม็น

รูปนี้ถ่ายที่เส้นทาง โพนทองไปกุฉินารายณ์ กาฬสินธุ์

เด็กนักเรียนกำลังกลับบ้าน…


รอรถ.. ข้าว.. เดินทาง..

3 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 สิงหาคม 2010 เวลา 14:25 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 633

ตั้งใจจะเดินทางแต่เช้า คนข้างกายติดประชุม

ทำธุระ โน่นนี่ อ้าว ป้ำฉีดน้ำพ่นกระจกเสีย ต้องไปเปลี่ยน รถซ่อมก็เยอะ

คนข้างกายบอกว่า ผู้เชี่ยวชาญ JBIC มาขอคุยด้วย

บอกว่าตามงานเขียนมานานแล้วไม่เคยพบตัว

วันนี้มาพบ และมาชวนทำ Proposal ศึกษาเรื่องข้าวทั้งหมดในประเทศไทย

การเปลี่ยนแปลงเรื่องข้าวในมิติต่างๆของไทย น่าสนใจมาก

งานใหญ่อีกแล้ว เธอ…

นั่งรอรถอยู่ ช้าตามเคย อิอิ อีกแล้วครับท่าน….


แอบเขียนถึงลูกสาว..

839 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 9 กรกฏาคม 2010 เวลา 9:47 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 36469

แอบเขียนถึงลูกสาวซะหน่อย


เมื่อวานเธอโทรมาปรึกษาว่า หนึ่ง ได้ข่าวว่า Tesco Lotus จะ takeover คาร์ฟูร์ บริษัทที่เธอทำงานอยู่แผนกขนมปัง สองเธอสอบผ่านเข้าไปเรียน ป.โท ที่มหิดล หลักสูตรนานาชาติได้แล้ว ขอเงินค่าเรียนด้วย อิอิ.. สามเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันที่ขอนแก่นพ่อเขาเป็นอเมริกันชวนไปทำงานเป็นผู้แปลเอกสารและล่าม เธอก็มาปรึกษาว่าเป็นไง…

ประเด็นที่สามนั้น ครอบครัวผมรู้จักกับครอบครัวเพื่อนลูกสาวผมมานานเพราะคุณพ่อเพื่อนลูกเป็นครูสอนภาษาที่ AUA ขอนแก่น แต่งงานกับสาวไทย เรารู้จักกันมาตั้งแต่ยังไม่มีลูกเลย คุยกับลูกสาวผมไปๆมาๆก็ได้เค้าว่า พ่อเขามาจีบลูกสาวเราให้ลูกชายเขา เอ้า…เป็นงั้นไป อิอิ …

ส่วนเรื่องการเรียนนั้นก็บอกว่าเป็นความสนใจของลูกเราก็สนับสนุน แต่เธอต้องทำงานด้วย เรียนด้วยนี่เป็นเงื่อนไข เพราะอยากให้เอาประสบการณ์การทำงานไปแลกเปลี่ยนกับครูกับเพื่อน..เธอยินดี

ส่วนประเด็นแรกนั้น ข่าวบอกว่ายังไม่เป็นที่ตกลงแน่นอน แต่หากเป็นจริงก็เป็นเรื่องปกติ และเขาไม่เอาพนักงานออกทั้งหมดหรอก แค่เปลี่ยนเจ้าของเปลี่ยนผู้บริหารเท่านั้น..

ส่วนตัวผมสนใจอยากให้เธอเรียนทางสิ่งแวดล้อมมากกว่า แต่เมื่อเธอบอกว่าเธอสนใจด้านนี้ก็เอาตามใจผู้เรียน อิอิ..

แต่ เอ…มีลูกสาวคนเดียว ก็ยุ่งเหมือนกันนะมีฝรั่งมาจีบให้ลูกชายเขา เอ้อ..มีแบบนี้ด้วย..ห้า ห้า ห้า


น้ำล้างตีน..

1191 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 กรกฏาคม 2010 เวลา 0:45 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 43981

ขออนุญาตใช้คำตรงๆนะครับ เพราะเป็นเรื่องที่ผมอยากบันทึกไว้ ให้ปรากฏว่ามีเรื่องราวในชีวิตของตนที่เกี่ยวข้องกับน้ำล้างตีน


รูปที่เห็นนี้ ผมถ่ายจากที่ดินของผมที่โป่งแยง อ.แม่ริม เชียงใหม่ นี่คือเรื่องที่ผมขึ้นมาทำธุระส่วนตัวพร้อมกับการร่วมศึกษาดูงานของทีมงานคนข้างกาย

ที่ดินแห่งนี้ผมอนุญาตให้ลูกเจ้าของที่ดินเดิมปลูกผักปลูกพืชขายเลี้ยงครอบครัว โดยไว้เนื้อเชื่อใจกัน เพราะแม่อุ้ยปุ่นนั้นผมเคารพนับถือท่านมาก คบกันมานาน ตั้งแต่สามีอุ้ยยังมีชีวิตอยู่ ผมก็จ้างให้เฝ้าสวนจนแกกินเหล้าหนักจนเสียชีวิตไปเลย ผมเสียภาษีที่ดินทุกปี และขึ้นมาดู ปีละครั้งสองครั้งตามโอกาส


แล้วก็มีเรื่องหวาดเสียวที่ลูกสาวอุ้ยปุ่นทำการหย่ากับสามี(คนที่สอง) แล้วผมได้ข่าวไม่ค่อยดีกับสามีลูกสาวอุ้ยที่คิดไม่ดีกับที่ดินผืนนี้ จึงรีบขึ้นมาจัดการเสียให้เรียบร้อย

น้องวรรณคนซ้ายมือ เป็นคนที่ผมเอ่ยถึง อุ้ยปุ่นอายุ 82 แล้วยังแข็งแรงเดินเหินไปไหนต่อไหนได้ น้องวรรณเล่าให้ฟังว่า อดีตสามีคนนี้คิดไม่ดีหวังจะหุบที่ดินผม แต่อุ้ยปุ่นต่อต้านว่าไม่ได้ ที่ดินนี้เป็นของผม และให้ลูกสาวอุ้ยทำกินเฉยๆ เรามีใจถึงกัน เคารพนับถือกัน ไปทำเช่นนั้นไม่ได้ แต่ก็ไปขัดใจลูกเขยที่มีเบื้องหลังไม่ดี… แล้วสามีก็มีเรื่องทะเลาะกันกับน้องวรรณอย่างรุนแรงถึงกับลงไม้ลงมือ ในที่สุดก็หย่าขาดจากกัน เพราะอุ้ยปุ่นยืนคำขาดว่าจะรักแม่หรือจะรักสามีคนนี้ น้องวรรณเลือกเอาแม่..

สำหรับน้องวรรณนั้น แม่หรืออุ้ยปุ่นนั้นคือที่สุด แล้วน้องวรรณก็ไปเอาอ่างมาเอาน้ำใส่ เอาส้มป่อยใส่ เอาดอกไม้ใส่แล้วให้อุ้ยปุ่นนั่งลงเอาเท้าหย่อนลงในอ่างนั้น น้องวรรณเล่าว่าเธอเอามือล้างเท้าแม่ พร้อมทั้งขอขมาลาโทษต่างๆนาๆที่ทำผิดไปบ้าง ไปยอมเชื่ออดีตสามีไปบ้าง ไม่ฟังแม่บ้าง.. อุ้ยปุ่นก็พุดให้อภัยลูก ตักเตือนลูกให้เป็นคนดี อยู่ในศีลในธรรม ยึดมั่นประเพณี…

แล้วน้องวรรณก็เอาน้ำล้างเท้าแม่มาผสมน้ำที่เตรียมไว้แล้วทำพิธีอาบน้ำ ทั่วหัว ทั่วตัว ด้วยน้ำล้างเท่าของแม่นั้น….


นี่คือที่สุดของที่สุดของคุณค่าของความเป็นคนที่แสดงออกต่อกัน ผมฟังน้องวรรณเล่าต่อหน้าอุ้ยปุ่นแล้วก็พูดอะไรไม่ออก… ตื้นตันใจเป็นที่สุด

ผมกราบอุ้ยปุ่น เหมือนทุกครั้งที่ผมขึ้นไปพบท่าน หากไม่ได้ท่านที่ดินของผมก็คงมีปัญหาหนักอกแสลงใจ แล้วผมก็ขอทำหลักฐานให้ถูกต้องตามกระบวนวิธีที่ควรทำ..พร้อมอนุญาตให้น้องวรรณปลูกพืชผักไปขายเลี้ยงครอบครัวต่อไป..

ผมนั้นเคยพกเอาฟันของคุณย่าที่เสียชีวิตไปนานแล้ว และชายผ้านุ่งของแม่เอาไว้เป็นเครื่องรางของคนโบราณ แต่ไม่เคยคิดว่า ที่บ้านโป่งแยงนี้จะมีพิธีกรรมสุดจะบรรยาย โดยเอาน้ำล้างตีนแม่มาลดลงหัว เพื่อไล่เสนียด จัญไรต่างๆที่เข้ามาในชีวิต และขอมาลาโทษต่อแม่ที่ทำบางอย่างพลาดพลั้งไปบ้าง..

ผมนึกย้อนไปถึงแม่ตัวเอง ที่กำลังป่วยนอนอยู่โรงพยาบาล หากมีใครถามผมว่าทำเช่นน้องวรรณได้ไหม ผมตอบได้โดยไม่ลังเลเลยว่า ผมทำได้ และทุกคนก็คงคิดอย่างผม

เพราะแม่ก็คือที่สุดของลูกๆอยู่แล้ว


ความจริงวันนี้..

9 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 27 มิถุนายน 2010 เวลา 0:51 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 758

เป็นวิธีการเผยแพร่ข้อมูลอีกแบบหนึ่งที่ อ๋อย ทำขึ้นมาแล้วแจกให้แก่สมาชิก นปช. โดยเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมโรงเรียนการเมือง ผมขอยืมนายข่างผู้ที่เป็นพี่ชายผู้ตายกรณีปอบดงหลวงที่ออกทีวีรายการ คุยกับแพะไปแล้วนั้น ผมเอามาฟัง ยังไม่ทันจบทั้งหมด 27 ประเด็นหรอกครับ แค่สองสามประเด็น คนข้างกายผมก็บอกว่า ไม่ฟังแล้ว ทนไม่ได้….


ผมก็แอบฟังซิ ที่ฟังเพราะอยากรู้ว่าเขาพูดเรื่องอะไร ประเด็นอะไรบ้าง สาระคืออะไร แล้วเขาต้องการชี้ให้คนเข้าใจอะไร…ฯ

ยิ่งฟังก็ยิ่งหนักใจ ลัทธิเสรีประชาธิปไตย ผมไม่ใช่ปฏิเสธ ประชาธิปไตย แต่เสรีประชาธิปไตยได้เปิดโอกาสให้ทุกคนอิสระที่จะเสนอสิ่งที่บิดเบี้ยวต่อสาธารณะ ซึ่งนี่คือส่วนหนึ่งที่ไปครอบความคิดคนกลุ่มหนึ่งที่ขาดการยับยั้งชั่งใจ พิจารณาข้อมูลอีกส่วนหนึ่ง แต่ใครเล่าที่จะเอาข้อมูลอีกส่วนไปให้คู่ขนานกับข้อมูลที่บิดเบือนนั้น….

สังคมไทยตกอยู่ในสภาวการณ์นี้ เหมือนสงครามสื่อสาร และพรรคการเมืองหนึ่งที่สนับสนุน นปช. ตั้งเป้าที่ชนบท ต่างจังหวัดอันเป็นฐานการเมืองของเขา มันจะกลายเป็นหนึ่งประเทศ สองโซน คือโซนที่ชื่นชมพรรคการเมืองหนึ่ง ที่สร้างระบบ นปช.เป็นการเมืองภาคประชาชน จับมือกับการเมืองระบบสภา กับอีกโซนที่อยู่ตรงข้ามนั่นเอง

ยิ่งซับซ้อนไปอีกเมื่อการเมืองนั้นไม่ใช่การเมืองที่บริสุทธิ์ แต่ซ่อนเงื่อนผลประโยชน์ไปจนเป็นแบบอย่างลงไปถึงการเมืองท้องถิ่นทั่วไปหมด

เพียงไม่กี่ประเด็นที่ผมนั่งฟังอย่างตั้งใจก็มองเห็นว่านี่คือระบบการปลุกระดมมวลชนให้เข้าใจประเด็นต่างๆอย่างไม่ครบถ้วน ไม่ครบด้านของข้อมูล ผมทราบดีว่าทีมงานเบื้องหลังของอ๋อยและพรรคนี้ เต็มไปด้วยสหายเก่าที่ใช้เงื่อนไขปัจจุบันสร้างงานกันอย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลมหาศาล เขาจึงท้าทายให้เลือกตั้งใหม่เพื่อเขาจะคืนเวทีการจัดตั้งรัฐบาล เขาจึงกล้าสร้างสถานการณ์ให้ยุบสภาเพื่อเขาเข้ามาทำงานการเมืองต่อเนื่องจากเดิมที่ได้ปูฐานไว้แล้ว

เมื่อหันมามองอีกด้านหนึ่งก็ไม่ต่างกัน เพราะก็ใช้ระบบสื่อสารมวลชนสร้างภาพให้แก่ตนเอง เพียงแต่บริบทของสองกลุ่มนี้ต่างกันเท่านั้น การพูดไม่หมดของกลุ่มหนึ่งก็สร้างการหลงผิดของชนชายขอบว่าสิ่งที่เขาสื่อสารมานั้นคือความจริง ทั้งที่หากเอาข้อมูลทั้งหมดตั้งแต่ต้นเรื่องไปจนจบนั้นความหมายของทั้งหมดมันแตกต่างจากการตัดตอนสาระเอามาพูด

ความจริงเราท่านต่างก็ทราบดีว่าการสื่อสารนั้นมักมีปัญหาเสมอแม่ในครอบครัว ที่ทำงาน ในหมู่บ้าน ซึ่งเราพบบ่อยๆ แต่นั่นอาจสร้างปัญหาเพียงเล็กน้อย แต่การสื่อสารที่ผิดเพี้ยน บิดเบี้ยว เป็นความจริงบางส่วน และเป็นเรื่องราวของประเทศชาติแบบนี้ อันตรายยิ่งนัก…

โลกร้อนยิ่งขึ้นทุกวัน การเมืองในสภาโดยเฉพาะภาคประชาชนก็ถูกไฟสุมทุกวัน การขยายตัวของความแตกต่างนั้นคือ ไฟนรกที่รอวันลุกขึ้นมาในวันข้างหน้า

ฤาบ้านเมืองเราจะแหลกลานอีก เพราะความแตกต่างทางความคิดของคนไทยด้วยกันเอง.. ห่วงจริงๆ


Loving Hut

329 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 22 มิถุนายน 2010 เวลา 17:20 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 7091

บนเส้นทางจากอ่างทองไปขอนแก่นนั้นปรกติผมจะหยุดพักทั้งรถทั้งคน ระหว่างทางเพื่อทานอาหารบ้าง กาแฟ บ้าง แต่ไม่มีร้านประจำ ก็แล้วแต่ท้องมันร้อง หรือความเหมาะสมของเวลาและร้านอาหารระหว่างทาง

มาคราวที่ผ่านมาคนข้างกายบอกว่า หิวแล้ว ทั้งที่เพิ่ง 11 โมงไปไม่เท่าไหร่ เราแวะซื้อองุ่น ลูกใหญ่ๆจากไร่ข้างทางแถว กลางดง ปากช่อง แล้วก็มองหาร้านอาหาร เห็นป้านร้านเจ จึงคุยกันว่าเราลองแวะร้านนี้ก็แล้วกัน


มีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว 2-3 โต๊ะ เขาจัดร้านน่ารักมาก เน้นต้นไม้ เรียบง่าย โปร่ง ดูสะอาดตา เราพอใจจึงนั่งลงสั่งอาหาร โดยผมยกให้คนข้างกายจัดการ ผมหยิบหนังสือที่วางอยู่ข้างโต๊ะมาดู เป็นเรื่องราวของท่าน ติช นัท ฮันท์ ที่หมู่บ้านพลัมในประเทศฝรั่งเศส ผมเองคุ้นเคยกับท่าน ติช นัท เพราะมีหนังสือของท่าน และมีประสบการณ์บางอย่างเกี่ยวกับท่านด้วย ผมชอบหนังสือเล่มนี้มาก


ระหว่างนั่งรออาหารก็ชื่นชมการจัดร้านและบรรยากาศ มีมุมหนังสือให้หยิบอ่าน มีทีวีถ่ายทอดสดๆผ่านระบบดาวเทียมจากต่างประเทศ เมื่ออาหารมาก็ทึ่งในรูปแบบ เราสั่งแกงส้มผักกะเฉด ร้านก็จัดเตามาให้แยกผักกะเฉดสดๆมาให้เราจัดการเอง.. ผัดน้ำมันเห็ด.. สลัดผัก.. และใส้กรอกอีสานเจ นี่นะคนหิวสั่งอาหาร เต็มโต๊ะนั่งกันแค่สองคน อิอิ

อร่อยทุกอย่างครับ โดยเฉพาะแกงส้มผักกะเฉด ระหว่างนั่งทานไปผมเหลือบไปดูทีวี ก็เอ๊ะขึ้นมาเพราะไปเห็นมุมทีวีมีสัญลักษณ์ SM เลยถือโอกาสสำรวจร้านใหม่อย่างละเอียด ใช่แล้ว ใช่แล้ว นี่เป็นร้านอาหารเจสายของอาจารย์ชิงไห่ ที่ผมเป็นศิษย์ท่าน จึงถือโอกาสถ่ายรูปและเอามาฝากกัน


ผมเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่เพราะอาจารย์ชิงไห่ เมื่อสมัยที่ผมทำงานกับ UROCONSULT ในโครงการ NEWMASIP ที่สำนักงานชลประทานที่ 4 ขอนแก่นใกล้บ้านของผมเอง ช่วงนั้นผมกำลังสนุกเต็มที่กับการดื่ม สูบบุหรี่ และเที่ยวกลางคืน โดยมากเพื่อนชวนออกนอกบ้านมากกว่าผมจะชวน อ้าวจริงๆนะ..


ตกเย็นเห็นลูกน้องซึ่งกำลังตกมัน ก็นั่งดื่มเบียร์กันที่ร้านหน้าสำนักงาน ผมก็นั่งดื่มด้วย เพลินไป ไม่ได้ไปรับคนข้างกายที่ มข. เมื่อรู้ตัวก็เสียใจที่เกิดเรื่องเช่นนั้น จึงคิดจะเลิกดื่ม เลิกสูบบุหรี่ ก็พอดีอีกไม่กี่วันต่อมา มีรถโฆษณาเชิญคนที่สนใจไปฟังอาจารย์ชิงไห่มาปาฐกถาธรรม ที่โรงแรมโฆษะ ผมก็ชวนลูกสาวซึ่งยังเล็กอยู่เลยไปฟังด้วย ถูกใจมาก จึงตัดสินใจเข้ารับการประทับจิตกับอาจารย์ชิงไห่เป็นผู้ปฏิบัติธรรม กินเจ พร้อมทั้งฝึกสมาธิกับกลุ่ม

ผมทำอยู่ประมาณ 6 ปี พบว่ามีผลดีกับตัวเองมาก ให้มุมมองชีวิตใหม่ๆ และส่งผลดีไปต่างๆด้วย เช่น สุขภาพดีเพราะเลิกดื่ม เลิกสูบบุหรี่ มีเวลากับครอบครัวมากขึ้น รายจ่ายทางด้านนี้ก็ไม่มี ฯลฯ

ผมต้องสารภาพว่าการกินเจกับการเข้าพื้นที่ทำงานพัฒนาชาวบ้านนั้น เราต้องเตรียมตัวเองมากเพราะในหมู่บ้านไม่มีอาหารเจ เราต้องหอบหิ้วไปเอง และเจนั้นมีข้อห้ามมากมาย เช่นสถานที่กิน ภาชนะที่ใช้ ต้องระวังหมดไม่แปดเปื้อน ในที่สุดเกิดปัญหากับการปรับตัวในพื้นที่ทำงานชนบท เป็นภาระคนรอบข้างไปหมด จึงตัดสินใจลดลงมาเหลือแค่มังสวิรัติจนถึงปัจจุบันนี้..


ผมจึงออกจากกลุ่มปฏิบัติธรรมมาโดยปริยาย แต่ยังเคารพ เชื่อถือวิธีปฏิบัติธรรมของอาจารย์ แต่ลดตัวเองมาเป็นพวกรายสะดวก ที่เรียกว่า Convenient group

เมื่อผมแสดงตัวต่อเจ้าของร้าน Loving Hut แห่งนี้ ท่านก็ดีอกดีใจและต้อนรับผมเสมือนกับรู้จักกันมานาน ท่านเอาหนังสือให้ เอาแผ่น CD ให้ และเชิญให้แวะมาทุกครั้งนะหากมีโอกาสผ่านทางนี้

ผมจึงถือโอกาสนี้แนะนำเพื่อนๆที่ผ่านกลางดง ปากช่องก็แวะทานอาหารเจร้าน Loving Hut แห่งนี้นะครับ


ภูธาราฟ้า..

33 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 มิถุนายน 2010 เวลา 23:32 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1123

รูปนี้อยู่บนภูเขาสูงนะครับ

วันนี้แอบมานอนค้างที่เขาแผงม้าแล้ว

พรุ่งนี้จะลงไปรับลูกสาวที่กรุงเทพฯกลับไปอ่างทองอีก

เป็นงานศพคุณอา ครับ..


สาวสะแกราช

77 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 มิถุนายน 2010 เวลา 1:28 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2117

วันที่ไปเที่ยวชมป่าสะแกราช รอยต่อปักธงชัยกับวังน้ำเขียวนั้น ขากลับออกจากป่า ตรงประตูทางออก เราต้องจอดรถเพราะเอาบัตรประชาชนคืน พอดีเราเห็นสตรีคนหนึ่งนั่งอยู่ เธอเป็นคนตาบอด ผมถามยามว่า เธอจะไปโคราชหรือเปล่า ยามบอกว่าใช่ ผมบอกว่า เชิญไปด้วยกัน เธอตกลง


เธอเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 6 จากขอนแก่นวิทยายน จังหวัดขอนแก่น แต่เป็นคนโคราช ได้สามีเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานป่าไม้สะแกราชนี่เอง มาอยู่ด้วยเพราะต้องการบรรยากาศดูหนังสือ จะไปสอบเป็นพนักงานของบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ที่เขาประกาศรับคนตาบอดเข้าทำงาน แผนกคอมพิวเตอร์


เธอใช้คอมพิวเตอร์เก่ง เธอว่าเช่นนั้น เขามีโปรแกรมพิเศษที่เมื่อพิมพ์ลงไปแล้วเกิดเสียงก็ทราบว่าเป็นอักษรอะไร เธอบอกว่ามีคู่แข่งเยอะเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะสอบผ่านหรือเปล่า

ระหว่างทางไปโคราชนั้น บางจังหวะเธอใช้โทรศัพท์โทรไปบอกแฟนเธอว่า มาโคราชกับอาจารย์แล้ว อาจารย์ให้นั่งรถมาด้วย…

สักพักเธอก็โทรไปที่บ้านบอกให้มารับด้วยที่หน้า บิ๊กซีโคราช เสียงทางโทรศัพท์บอกว่าไม่ว่างติดธุระอยู่ เธอบอกว่างั้นเธอจะนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเข้าไปเอง


ก่อนถึงบิ๊กซี จะต้องผ่านเดอะมอลล์ ซึ่งมีคนมาเดินมาก รถจำนวนมากก็มาที่นี่ ทำให้รถติด เราก็คุยกันว่ารถติด เธอก็บอกว่าถึง เดอะมอลล์แล้วหรือ เหมือนเธอรู้ทุกอย่าง …

เธอคุยเก่ง และอารมณ์ดี เราชื่นชมเธอที่ต่อสู้กับชีวิตในโลกมืดด้วยความสามารถของเธอเอง และเราขอปรบมือให้บริษัทประกันภัยที่ประกาศรับคนพิการทางสายตาเข้าทำงาน แม้เพียงคนเดียวเราก็ชมเชยที่กล้าอ้าแขนรับพลเมืองของประเทศเรากลุ่มนี้

เราส่งเธอที่คิวรถมอเตอร์ไซด์ หน้าบิ๊กซี พร้อมทั้งบอกรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างให้ไปส่งเธอด้วย แต่เธอคุ้นเคยอยู่แล้ว

เธอยกมือไหว้และขอบคุณเรา

เราอวยพรให้เธอโชคดีในการสอบ…

ผมขับรถต่อไปขอนแก่นด้วยความสุขใจลึกๆ…


อาชีพของคนจนในเมือง..

12 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 5 มิถุนายน 2010 เวลา 22:37 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1235

เย็นมากแล้ว

ชายคนนั้นถีบจักรยานกลับบ้าน

เป็นจักรยานที่ท่านผู้นี้ใช้ประกอบอาชีพ

เป็นอาชีพที่เกือบจะไม่เห็นแล้วในสังคมยุคนี้

ผมไม่มีโอกาสคุยกับท่าน ทั้งที่อยากจะทำหน้าที่นั้น

อาชีพรับจ้างย้อมผ้าแบบ Mobile unit ครับ

อุปกรณ์เป็นปี๊บที่ออกแบบสำหรับติดไฟและต้มน้ำสำหรับย้อมผ้าได้

ข้างเตามีช่องใส่ฟืน.. แค่นี้ก็หากินได้แล้ว

อยากรู้ว่าท่านไปแถวไหนบ้าง

วันๆเฉลี่ยมีคนจ้างย้อมผ้ากี่ราย คิดราคาเท่าไหร่

และ…ฯลฯ…


เรื่องเล่าจากแฟร์เวย์ 2

911 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 29 พฤษภาคม 2010 เวลา 22:34 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 10342

ขอคุยเรื่องสนามกอล์ฟอีกหน่อย ติดพัน อ่ะ ที่ขอนแก่นนั้นมีสนามกอล์ฟมาก จริงๆ เป็นเมืองทองของคนเล่นกอล์ฟก็ว่าได้ เพราะมีตั้งแต่สนามหัดตีใหม่ๆ ไปจนแบบมืออาชีพ ตั้งแต่ราคาไม่ถึง 500 บาทไปจนถึงราคา 3000 บาทต่อรอบ ลองนับดูสนามรอบตัวเมืองมี 6 แห่ง เก่าแก่ที่สุดจะเป็นสนามรถไฟ อยู่ใจกลางเมืองที่สถานีรถไฟนั่นแหละครับ มือใหม่ก็มาออกรอบที่นี่ พวกพ่อค้าในเมืองเวลาน้อย และพวกผู้สูงอายุจะมาใช้สนามนี้กันมาก


สนามที่เก่าใกล้เคียงกันน่าจะเป็นสนาม ร 8 ในค่ายทหารสีหราชเดโช ทางไปสนามบินนั่นแหละเนื่องจากอยู่ในค่ายทหาร สภาพก็ขาดแคลนความสมบูรณ์เพราะไม่มีงบประมาณมาบำรุง แต่ที่เด่นที่นี่คือ เขาอนุรักษ์แย้ มีแย้ทำรูและหากินในสนามหญ้ามากมาย ตีกอล์ฟไปก็เห็นแย้วิ่งลงรู

สนามที่ดีมากๆก็คือ สนามเขื่อนอุบลรัตน์ เพราะเป็นของ กฟผ. น้ำท่าสมบูรณ์ งบประมาณไม่อั้น คนงานเยอะ จึงสมบูรณ์มากกว่าที่อื่นๆ สนามที่มาใหม่คือ สนามแคนคูณ เป็นเอกชนได้ข่าวว่าเป็นนักการเมืองระดับชาติมาซื้อที่นาทำสนามกอล์ฟ ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่เพราะส่วนใหญ่เป็นทุ่งนาที่ดัดแปลงมาเป็นสนามกอล์ฟ และต้นไม้น้อย


ที่มาใหม่ สองสนามคือ สนามท่าพระ และสนามสิงห์ท่าพระ อยู่ใกล้ๆกัน สนามท่าพระนั้นเป็นของราชการ เดิมคือสำนักงานเกษตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อมายุบเป็นเกษตรสหกรณ์จังหวัด เป็นสถานที่ที่ผมทำงานกับ USAID ที่นี่ 5 ปี กับโครงการ NERAD เมื่อปี 2525 มี 9 หลุม พวกข้าราชการชอบมาที่นี่เพราะราคาถูก และน้ำสมบูรณ์เพราะอยู่ติดลำน้ำชี

ที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศและนานาชาติก็เป็นสนามใหม่ล่าสุดคือ สนามสิงห์ท่าพระ เป็นของเบียร์สิงห์ที่มีโรงงานทำเบียร์ที่นี่ มีที่ดินมากมายจึงสร้างสนามกอล์ฟระดับโปรฯจริงๆ ราคานั้นเท่ากรุงเทพฯ หรือแพงกว่าบางแห่งด้วยซ้ำไป เคยจัดแข่งขันนานาชาติมาแล้ว

สนามไดรฟ์นั้นมีสามแห่ง คนก็แน่นทีเดียว

เท่าที่สังเกต เพราะไทเกอร์ วูดส์ ที่เป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน เป็นมือหนึ่งของโลก ทำเงินมหาศาล เพราะโปรช้าง ธงชัย ใจดี และฯ อีกหลายคน ทำให้คนไทยตื่นตัวมาเล่นกอล์ฟ ทั้งผู้ใหญ่และเด็กวัยรุ่น ที่พ่อแม่สนับสนุน โปรฯต่างๆทำเงินกันเป็นกอบเป็นกำ ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ ทุกสถาบัน และกลุ่มนักธุรกิจหนุ่ม


เยาวชนของขอนแก่นที่โด่งดังก็มีหลายคน ทั้งชาย หญิง มาตอนหลังหายเงียบไป ผมเห็นด้วยที่พ่อแม่สนับสนุนเยาวชนมาเล่นกีฬา อะไรสักอย่างไม่จำเป็นต้องกอล์ฟก็ได้ หากเขาชอบก็สนับสนุนเขา ลูกขวัญของผมก็เคยไปฝึกหัดกับโปรอยู่พักหนึ่ง เธอไม่โปรดก็เลยเลิกราไป

อีกกลุ่มหนึ่งที่ผมเห็นจำนวนหนาตาคือกลุ่มคุณหมอทั้งจาก รพ.เอกชนและของรัฐ ทั้งๆที่หมองานยุ่งจะตายไป ก็อุตสาห์ปลีกตัวมาออกกำลังกาย ส่วนใหญ่หมอจะมาแต่เช้ามืด พอสัก 9 โมงเช้าก็เลิกแล้ว ไปอาบน้ำท่าทำงานต่อ

นักการเมือง มีไม่น้อยครับ ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ที่พบบ่อยที่เป็นแกนนำแดงก็มี เวลาออกรอบไม่ยักใส่เสื้อแดง แต่ลูกน้องเพียบ ขนาบซ้ายขวา นัยว่าอยากเล่นแต่ก็ระมัดระวังตลอดเวลา ท่าน สว ก็มาตีบ่อย ท่านผู้ว่าฯ นายอำเภอก็เยอะ

คนเล่นกอล์ฟนั้นจะมีมารยาทปฏิบัติต่อกันครับ เช่น ไหว้ต่อกันเมื่อพบกัน เมื่อร่ำรากัน ระหว่างเล่นก็ชมเชย ให้กำลังใจกัน แม้จะห่วยแตกก็จะพูดดีดีแก่กัน

ครั้งหนึ่งผมออกกรอบกับสามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีเป็นนายตำรวจใหญ่ระดับรองผบ.ตร. ภรรยาเป็นอาจารย์ในมข. น่ารักจริงๆพากันออกรอบ สามีก็ชมภรรยาตลอด ภรรยาตีเปรี้ยง ก็บอกว่า “..ดีมากแม่..”
ทั้งๆที่ลูกกอล์ฟตกปุไปไม่กี่หลา… ผมละขำในใจ และชมท่านรอง ช่างเอาใจภรรยาดีจริงๆ

อีกครั้งหนึ่งผมออกรอบกับท่านผู้ว่าจังหวัดหนึ่ง ซึ่งท่านผู้ว่าออกรอบก็จะมีท่านปลัด ท่านนายอำเภอ ท่านโน่น ท่านนี่ ออกรอบด้วยเพื่อเอาใจนาย.. เป็นเพื่อนนาย.. เราเล่นกันไปหลายหลุม ผมก็จะชมใครต่อใครตามมารยาท และการสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หลายหลุมผ่านไป ผมสังเกตท่านปลัดมองหน้าผมบ่อยๆเวลาผมชมท่านผู้ว่าตีลูกบ้าง พัดลูกบ้าง ซึ่งผมจะชมว่า ..แหม เยี่ยมครับท่าน หรือเยี่ยมจริงๆท่าน.. ก็มันติดปาก

มาถึงหลุมหนึ่งท่านปลัดทนไม่ไหวเดินมาหาผมแล้วมากระซิบอกผมว่า พี่..คราวต่อไปอย่าชมว่าเยี่ยมนะครับ ชมว่าดี หรือดีจริงๆ เพราะท่านชื่อ “เยี่ยม” ครับ…ฮา…….


โกโก้เย็นแก้วนั้น..

809 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 29 พฤษภาคม 2010 เวลา 14:16 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 40305


ปัจจุบันมีร้านเล็กๆขายกาแฟและเครื่องดื่มอื่นๆกระจายไปทั่ว น่าจะเริ่มมาจากตามห้างสรรพสินค้า แล้วขยายไปตามปั้มน้ำมัน และปัจจุบันในมหาวิทยาลัยก็มีทั่วทั้งพื้นที่ ตามทำเลที่เหมาะสม

ที่ RDI หรือ Research and Development Institute มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีร้านเล็กๆอยู่ที่มุมสนามติดถนนที่เป็นทำเลเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนและคุยกันแบบง่ายๆชั่วคราว เป็นศูนย์กลางการเรียนที่สำคัญที่มีนักศึกษาต้องผ่านถนนเส้นนี้ ร้านขายเครื่องดื่มตรงนี้จึงขายดี


เธอเป็นสาว อ.นาเชือก พ่อแม่ทำนาน้ำฝน ไม่มีระบบชลประทาน เธอมีพี่สาวอีก 1 คน ชาวนาอย่างพ่อแม่เธอก้มหน้าทำนาส่งเสียพี่สาวเรียนจนจบคณะเภสัชศาสตร์ มข.นี่เอง ได้งานที่ในเมืองขอนแก่น แล้วย้ายไปทำงานที่ รพ.ประจำอำเภอนาเชือก ใกล้บ้านเธอสมใจพ่อแม่ที่อยากให้ลูกสาวอยู่ใกล้บ้าน

ตัวเธอเองหรือ กำลังเรียนชั้นปีที่ 1 คณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ กำลังจะเปิดเรียน พ่อแม่ก็รวบรวมเงินส่งค่าเทอม แม้จะไม่สูงเท่า มหาวิทยาลัยนอกระบบ แต่สำหรับชาวบ้านทำนาทำไร่นั้นต้องกัดฟันกันเชียวหละ

หนูก็เลยมารับจ้างขายกาแฟที่ร้านนี้ช่วงเสาร์-อาทิตย์ค่ะ พอได้ค่าใช้จ่ายช่วยเหลือพ่อแม่ที่บ้านค่ะ

จบแล้วหนูฝันอยากทำงานสายการบิน หรือไม่ก็ธนาคาร แต่หนูเรียนไม่เก่งค่ะ ไม่รู้จะไปได้แค่ไหน…ค่ะ

เป็นเรื่องที่เราพบเห็นทั่วไป มันเป็นเรื่องการดิ้นรนของครอบครัวธรรมดาๆของคนชนบท หากพ่อแม่เปิดโอกาสให้ลูกๆและลูกๆมีสำนึกกับความพยายามเดินไปข้างหน้าและประคับประคองชีวิตให้อยู่ในเส้นทางที่เหมาะที่ควร เด็กจากบ้านนาหลังคามุงสังกะสี ก็พอมีทางเดินสำหรับชีวิต แม้จะไม่มากนักก็ตาม

วันนั้นผมสั่งโกโก้เย็น และเป็นโกโก้ที่อร่อยเป็นพิเศษครับ..



เรื่องเล่าจากแฟร์เวย์ 1

989 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 พฤษภาคม 2010 เวลา 21:08 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 10274

(ฟ้าขอนแก่นเมื่อเวลา 18:51 น. ถ่ายจากหน้าต่างบ้าน)

วันนี้ไปออกกำลังกายซะหน่อย ผมตีกอล์ฟครับปกติชอบ และจะออกรอบสัปดาห์ละครั้ง แต่มาช่วงหลังห่างเหินไปนานทีเดียว

คนมาตีกอล์ฟกันค่อนข้างมาก หน้าเก่าประจำมาเมื่อไหร่ก็เห็นทุกครั้ง จนเขาตั้งฉายาเจ้าของสนามก็มี

ผมไม่มีก๊วน ชอบไปแทรกก๊วนโน้น นี้ ดีไปอย่างรู้จักคนเยอะ และเรียนรู้นิสัยคน สิ่งหนึ่งที่ผมชอบคือการคุยกับแคดดี้ ก็คนที่มาลากถุงกอล์ฟให้เรานั่นแหละ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงที่มาหารายได้ บางคนก็เป็นอาชีพเสริม และบางคนก็เป็นอาชีพจริงๆไปเลย

วันนี้ผมได้แคดดี้ผู้ชาย คุยกันก็ทราบว่า เขาและภรรยามายึดแคดดี้เป็นอาชีพ หลังจากที่ล้มเหลวการเปิดร้านทำขนมปัง และขนมต่างๆประเภทคุกกี้ ขายไม่ดี คู่แข่งเยอะ ขาดทุนสะสมมาสองปี ทนต่อไปไม่ไหวต้องเลิก ไม่รู้จะไปทำอะไรก็มายึดอาชีพแคดดี้ ส่งลูกเรียนหนังสือจนอยู่ปีที่ 4 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะบริหารธุรกิจ

นี่เปิดเทอมต้องหาเงินค่าเทอม 5,000 บาท ค่าห้องพัก 8,000 บาทตลอดทั้งเทอม แคดดี้เบอร์ 205 บอกผมว่า ไปเป็นสมาชิกแชร์ในหมู่บ้าน ขาดเหลืออะไรก็พึ่งพาวงแชร์นี่แหละ วันนี้ผมรีบมาทำงานตั้งแต่เช้ามืด กะว่าอยากได้สองรอบเพื่อสะสมเงินให้ลูก

205 เล่าให้ฟังว่า เคยไปขอกู้เงินจากรัฐบาลเพื่อเป็นค่าเรียนหนังสือ แต่ไม่ผ่านการพิจารณา ผมไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร เราสองคนผัวเมียจึงมาก้มหน้าเป็นแคดดี้สะสมเงินให้ลูกนี่แหละ

ลูกสาวเรียนใช้ได้ไม่เด่นแต่ก็เอาตัวรอดได้ตลอด, เหลืออีกปีเดียวก็จบแล้ว, มีลูกคนเดียว, จบเมื่อไหร่ก็เบาแล้วหละ, ผมหนักใจอย่างหนึ่ง แคดดี้บ่นกับผม ผมถามว่าอะไรเล่า ก็ลูกสาวผมมีนายตำรวจยศร้อยตำรวจเอกมาติดพัน เป็นคนสุพรรณบุรี เขาจะมาพูดเจรจาขอลูกสาวผมน่ะซี… ผมบอกไปว่า ยังก่อน รอให้ลูกเรียนจบก่อนค่อยว่ากัน

นายตำรวจคนนี้เป็นคนดีอยู่ เขามีแม่ที่ไม่สบายนอนอยู่โรงพยาบาลเพราะเส้นเลือดในสมองแตก แต่ไม่ถึงกับพิการ แม่เขาบอกลูกชายที่เป็นนายตำรวจว่า แม่ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่จะไปขอลูกสาวคนนี้ให้ แม่อยากมีลูกสะใภ้ อยากมีหลาน เพราะแม่คงมีชีวิตได้ไม่นาน…

205 บ่นว่า ผมยังไม่อยากพูดเรื่องนี้เลย อยากให้ลูกสาวจบก่อน อีกปีเดียวเท่านั้น แต่แม่เขาก็เร่งเร้า เพราะสุขภาพ นายตำรวจก็อยากเอาใจแม่เขา….

205 บอกผมว่าช่วงแดงอาละวาดนั้นนายตำรวจคนนี้ถูกราชการสั่งให้เข้าร่วมม็อบในสภาพนอกเครื่องแบบเพื่อหาข่าวสารส่งให้ราชการ และ….เล่าต่อไม่ได้ครับ

ช่วงหนึ่งเขาเล่าว่า ผมไม่ชอบทั้งแดงทั้งสีไหนๆ สังคมไม่สงบเลย อย่างนักการเมืองคนหนึ่ง มาเล่นกอล์ฟ ครั้งหนึ่งเขาเป็นแคดดี้บริการให้ พบว่า พกปืนมาด้วย บอกว่าต้องพกประจำเพราะไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น… และแน่นอนทั้งก๊วนนั้นล้วนเป็นนักการเมือง เป็นหัวคะแนนและทำหน้าที่การ์ดให้เขาตลอด…

เงินค่าแคดดี้ที่ผมจ่ายให้ชายคนที่มีเบอร์ 205 นั้น เขายกมือไหว้ผม ผมขอบคุณที่เขามาบริการผมและแบ่งปันชีวิตให้ผมฟัง ความคิดผมหยั่งไปถึงลูกสาวของเขา นายตำรวจคนนั้น คุณแม่นายตำรวจ ครอบครัวแคดดี้คนนี้ที่ตั้งหน้าขายบริการคนตีกอล์ฟเพื่อสะสมเงินเป็นค่าเล่าเรียนของลูก…
ผมขอให้เขามีสติในการตัดสินใจเรื่องลูกสาว และชื่นชมที่เขาต่อสู้ชีวิตด้วยอาชีพสุจริต… คนระดับล่างจนๆนั้นมีทางเลือกน้อย หากสังคมไม่ช่วยกันประคับประคอง และสร้างหลักประกันให้เขา


วาทกรรมแดง

1188 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 24 พฤษภาคม 2010 เวลา 21:28 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 16854

วาทกรรมนี้ “..เป็นความจริง” แต่ มีกลุ่ม

“..ใช้ความจริงมาบดบังเป้าหมายจริงจริง..”


สร้างและทำลาย

1070 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 พฤษภาคม 2010 เวลา 18:44 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 15892


สร้างบ้าน


ทำลายบ้าน


Molotov cocktail

1244 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 พฤษภาคม 2010 เวลา 20:04 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 23251

แดงเผาบ้านเผาเมืองนั้น เครื่องมือที่สำคัญคือ โมโลตอฟ คอกเทล เจ้าชื่อแปลกๆนี่คือระเบิดน้ำมัน ทำก็ง่ายนิดเดียวอย่างที่อริสมันต์ แนะนำให้แดงมาเผาเมืองกรุงนั่นแหละ

เอาขวดเปล่ามา ขวดอะไรก็ได้ ที่มีขนาดเหมาะมือ ปัจจุบันพบว่าขวด เอ็มร้อย หรือขวดที่มีขนาดเดียวกันนั้นเหมาะที่สุดเพราะมีขนาดเล็ก กะทัดรัด พกพาสะดวกกว่าสมัยก่อน เอาใส่น้ำมันเบ็นซิน แล้วเอาเศษผ้ามายัดใส่ทำเป็นเหมือนไส้ตะเกียงสมัยก่อน เอาส่วนที่ยื่นออกมาไว้สำหรับจุดไฟ เศษผ้าที่ใส่เข้าไปนั้นเมื่อถูกน้ำมันเบ็นซินก็จะซึมกระจายทั่วง่ายที่จะจุดไฟ


เมื่อจุดไฟที่ปลายส่วนที่ออกมาข้างนอกปากขวดแล้วก็ใช้ขว้างไปที่เป้าหมาย


เนื่องจากเป็นอาวุธที่ผลิตง่ายและหวังผลการทำลายได้แน่นอนจึงเป็นเครื่องมือหลักในการใช้เผาบ้านเมืองครั้งนี้.. ขวดมีน้ำหนัก ประกอบกับแรงที่ขว้างไป หากเป้าหมายคือกระจก แน่นอน กระจกย่อมแตก เมื่อขวดกระทบพื้นก็แตกออก น้ำมันในขวดกระจาย ไฟก็ลุกพรึบ


อาคารบ้านเราไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้จึงติดกระจกสวยๆเอาไว้โชว์สินค้าหรือบรรยากาศด้านในของห้างร้านต่างๆ ก็ง่ายที่สุดต่อการขว้างด้วย โมโลตอฟ แล้วกระจกก็ย่อมแตกออก หากปาไปนับสิบ นับร้อยลูก มันจะเหลือหรือ.. ยิ่งมีหน่วยกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงมิให้ใครไปดับไฟอีกก็เรียบร้อย การเผาบ้านเผาเมืองก็สัมฤทธิผล เอาไปรายงานนายได้ แล้ว..รับเงินไป

โมโลตอฟ คอกเทล (Molotov cocktail) ระเบิดแบบนี้ใช้ครั้งแรกในกองทัพฟินแลนด์ ..เมื่อครั้งต่อสู้กับกองทัพโซเวียตในช่วงสงครามฤดูหนาว เมื่อค.ศ. 1939


สมัย 6 ตุลา ที่เชียงใหม่ ผมและกระบวนการนักศึกษาสมัยนั้น ก็มีส่วนรับรู้รับทราบกระบวนการเตรียมเจ้าโมโลตอฟ คอกเทล นี้เหมือนกัน นอกจากเจ้าชื่อคล้ายๆเครื่องดื่มในผับนี้แล้ว ยังมีระเบิดขวดอีก อิอิ

ที่เขียนบันทึกมานี้ แค่มาเล่าให้ฟัง ไม่ได้สนับสนุนให้ใครเอาความรู้นี้ไปทำนะครับ มันเป็นบาปหนักหนา

ข้อมูลและภาพจาก: http://www.navy22.com/smf/index.php?topic=18133.0
http://www.mythland.org/v3/archiver/tid-1383.html และ google


สิ่งมีชีวิตข้างถนน..

7 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 พฤษภาคม 2010 เวลา 0:56 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1268

วันนี้เดินทางจากมุกดาหารเข้าเมืองขอนแก่น ระหว่างทางแวะฉี่ขอบป่าข้างถนนเขต อ.คำชะอี


ระหว่างทำธุระนั้นหูผมได้ยินเสียงกรอบแกลบ จนรู้สึกได้ว่าเหมือนมีการเดินบนใบไม้แห้ง ผมเดาออกว่าน่าจะมีสัตว์ตัวเล็กๆเดินที่พื้นตามใบไม้แห้ง เพราะเคยมีประสบการณ์ปลวกกินใบไม้แห้งเสียงดังคล้ายๆกัน เมื่อเสร็จธุระก็ก้มมองที่พื้น และบริเวณรอบๆ โอ้ โห….เต็มไปหมดเลย

เจ้าหนอนกระดืบ กระดืบ ตามใบไม้ที่พื้นและตามต้นไม้ทุกต้น ผมกระโดดโหยง..รีบไปที่รถคว้ากล้องมาถ่ายเก็บไว้ ถ่ายไปก็กระโดดโหยง โหยง เพราะสยิวหากเขากระโดดมาเกาะขากางเกง

เดาเอาว่า ฝนตกใหม่ๆต้นไม้ผลิใบไม้อ่อนออกมา เจ้าหนอนเหล่านี้มีอาหารก็เดินขบวนไปราชประสงค์ เฮ้ย…เดินขบวนมากินเลี้ยงใบไม้อ่อนกัน อิอิ


กรณีการรับนักศึกษาพยาบาลโควตา..

23 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 พฤษภาคม 2010 เวลา 23:04 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 723

“…..การจะรับนักศึกษาพยาบาลในโควตาดีเด่น ด้านการเป็นผู้นำ และจิตอาสา จะกำหนดจุดตัดสินอย่างไรดีค่ะ หากต้องหาจุดที่ชัดเจน ที่คิดไว้คือ มีคำรับรอง มีหลักฐานเชิงประจักษ์ค่ะ…”

ข้าเจ้าขอออกตัวว่าเป็นผู้รู้เรื่องน้อย แต่ขอแสดงความคิดเห็นบ้าง

  1. การรับนักศึกษาพยาบาลในโควตาดีเด่น….”จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติด้านการเป็นผู้นำ และจิตอาสา” ….. ก่อนจะไปรายละเอียด ต้องถามต่อว่ามีคุณสมบัติอะไรอีก ที่เป็นที่พึงประสงค์ของการเป็นพยาบาลที่ดี เช่น มีจิตใจเอื้อเฟื้อ โอบอ้อมอารี ฯลฯ กำหนดมาให้ครบถ้วนตามต้องการ อย่าลืมคุณสมบัติพยาบาลในสายตาชาวบ้านด้วย
  2. หากกำหนดคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว ก็หาผู้เข้าใจเรื่องนี้ อธิบายคุณสมบัติ นั้นๆให้ละเอียดยิบว่าเป็นเช่นไร เช่นการเป็นผู้นำนั้นในความหมายของการเป็นพยาบาลต้องการการเป็นผู้นำนั้นรายละเอียดคืออะไร….จิตอาสา รายละเอียดคืออะไร ฯลฯ
  3. เมื่อได้ครบถ้วน ก็จัดทำเป็นแบบสำรวจคุณสมบัติดังกล่าวให้ครบถ้วนทุกด้าน แล้วให้ผู้สนใจเอาใบรับสมัครนี้ไปศึกษาแล้วเขียนสมัคร ให้ผู้ปกครองลงนามด้วย อีกใบสมัครหนึ่งให้ผู้นำชุมชนเป็นผู้กรอกแบบสำรวจนั้นด้วย และให้แสดงความจริงใจในการตอบนั้นๆ
  4. ในแบบสำรวจนั้นควรที่จะมีแบบอัตนัยให้แสดงความคิดเห็นด้วย
  5. ทั้งข้อ 2 และข้อ 3 นั้นอาจเกิดการเบี่ยงเบนได้ เช่น ใช้อิทธิพลกรอกแบบสำรวจนั้นๆเพื่อให้ลูกหลานเข้ามาเรียน ซึ่งก็อาจมีเหตุการณ์นี้จริงๆ เพราะสังคมไทยมีภาพนี้อยู่ในทุกจุดจริงๆ
  6. มีอีกขั้นตอนหนึ่งคือ หลังจากที่ทุกคนส่งใบสมัครตามนั้นแล้ว สถาบันเอามารวบรวมแล้วจัดกลุ่มตามความเหมาะสมเช่น กลุ่ม A ดีเยี่ยม กลุ่ม B น่าสนใจ กลุ่ม C รอการพิสูจน์
  7. เมื่อได้กลุ่มผู้สมัครดังข้อ 6 แล้ว ก็จัดทีมงานออกไปสัมภาษณ์ในพื้นที่โดยตรงเลย ไปดูของจริงของครอบครัว พูดคุยกับเจ้าตัว พูดคุยกับญาติพี่น้อง พูดคุยกับเพื่อนบ้าน พระ ครู ผู้นำ ฯลฯ (พิจารณาเอาตามความเหมาะสม) ทั้งนี้เพื่อประเมินภาพจริงของผู้สมัครบุคคลนั้นๆ
  8. เอาข้อมูลทั้ง ข้อ 3 ข้อ 4 และข้อ 7 มาประชุมแล้วลงมติการคัดเลือกโดยพิจารณาจากข้อมูลทั้งหมดดังกล่าว

รายละเอียดนี้มีการจัดทำแล้วในกรณี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คัดเลือกนักศึกษาโควตาเข้าเรียนพิเศษ….

ผู้ที่คัดเลือกของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คือ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทองและคณะ สมัยนั้นผมทำงานในพื้นที่ชนบทตามหมู่บ้านชายแดนไทยที่จังหวัดสุรินทร์ และเห็นการทำงานแล้วทึ่งต่อการเอาจริงเอาจังในการคัดเลือกของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้เด็กดีจริงๆ


แด่น้องอึ่ง..

7 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 12 พฤษภาคม 2010 เวลา 22:55 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1330

พอฝนตกลงมา อาหารธรรมชาติของพี่น้องอีสานก็มีมากมาย

นี่คือน้องอึ่ง ที่มีวางขายในตลาดราตรี มุกดาหาร

ราคากิโลกรัมละ 100 บาท ขาดตัว

ถามว่าเอาไปทำอะไรกิน อ้าวพี่น้องอีสานตอบหน่อย…..



Main: 0.10225081443787 sec
Sidebar: 0.26697301864624 sec