เด็กบ้านนอกในเมือง..

6 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 เมษายน 2010 เวลา 11:07 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 943

พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า ปู่ส่งไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ คนจากบ้านนอกไม่รู้จักใครในกรุงเทพฯ ก็ต้องอาศัยวัด โดยพึ่งพาบารมีพระอาจารย์ที่บวชแล้วมาประจำที่วัดมหาธาตุ คนบ้านนอกสมัยก่อนก็ใช้วิธีนี้ทั้งนั้น การเป็นเด็กวัดแล้วเรียนหนังสือไปด้วยนั้น พระใช้วิธีสั่งสอนโดยไม้เรียว ทำอะไรผิดพลาดก็ตีลูกเดียว แต่เจตนาดี เด็กที่ผ่านระบบนี้มักได้ดีกันทั้งนั้น


ตอนผมถูกส่งไปเรียนมัธยมปลายในเมืองกรุง ก็ไปอาศัยบ้านคุณตาที่นับถือกัน แต่ไม่ใช่ญาติจริงๆเราก็เป็นเหมือนคนช่วยทำสวน ทำบ้านให้ท่าน อาศัยซุกหัวนอน กินข้าวแล้วเรียนหนังสือ กว่าจะปรับตัวได้ ล่อซะน้ำตาตกเลย


หลานตัวเองจบมหาวิทยาลัย ทำงานธนาคารที่กรุงเทพฯ มีครอบครัวซึ่งเป็นคนบ้านนอกเหมือนกัน ครอบครัวใหม่ในเมืองใหญ่ มันทุลักทุเล ทั้งคู่มีลูกน้อยหนึ่งคน ชีวิตก็ต้องวนเวียนกับการรับส่งลูกเล็กกับสถานที่รับเลี้ยงเด็กเช้าไปส่ง เย็นไปรับ

เมื่อมีจังหวะก็ส่งลูกเล็กไปต่างจังหวัด ให้ย่าให้ยายช่วยเลี้ยงแทน เฮ่อ ชีวิต มันวนเวียนอยู่อย่างนี้จะไปคิดอ่านอะไรก็ดิ้นรน พิจารณาโอกาส ช่องทางกัน ชีวิตแบบนี้ต้องใจเย็นๆ เพราะไม่มีอะไรง่าย มันติดขัดรัดรึงไปหมด และทั้งหมดใช้แต่เงิน ตัวกลางของการดำรงชีวิตของสังคมเมือง


การดิ้นรนของชีวิตสังคมเมืองนั้นทำให้คนเราแสวงหาช่องทางทุกอย่างที่ดีกว่า ภายใต้ข้อจำกัดมากมาย ต้องมีสติที่มั่นคง ต้องมีความอดทน อดกลั้น เติมพลังให้แก่กัน และสู้สู้…


สีฝัด…

840 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 2 เมษายน 2010 เวลา 23:06 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 23787

วันที่ผมกลับไปบ้าน ผมไปนั่งมุมนี้มองดูวัดตูม วัดที่ผมเติบโตเคียงคู่ข้างวัดมาตลอด รั้วบ้านผมติดวัดมีคลองเล็กๆคั่นอยู่ วัดแห่งนี้มีพระมากน้อยแปรเปลี่ยนไปตามช่วงเวลา บางพรรษามีพระเต็มวัด คึกคักมาก บางปีมีแต่หลวงตาเจิมอยู่องค์เดียว


หอระฆังนั่นมีก่อนผมเกิด สมัยเด็กๆผมชอบไปแย่งไม่ตีจากพระเณรที่เจ้าอาวาสมอบหมายให้มีหน้าที่ตีระฆัง ทางวัดได้เงินจากการทอดผ้าป่าจึงเอาเงินมาบำรุงซ่อมแซมแล้วทาสีใหม่


ผมมองไปใต้ถุนกุฏิพระ นั่นคือเรือขึ้นคาน เรือวัดที่พระใช้บิณฑบาตในช่วงน้ำท่วม ผมจำได้มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเรือนี้ บางปีเรือล่มพระเกือบจมน้ำมรณภาพ เพราะมีคลื่นจากเรือสินค้าผ่านมา บนเรือวัดนั้นมีพระสององค์นั่งตั้งลำเรือไม่ถูกคลื่นเลยทำให้เรือล่ม บาตรพระจมน้ำหายไป ชาวบ้านมาช่วยพระกันเต็มทั้งหมู่บ้าน เพราะพระมีจีวรพะรุงพะรังไม่สะดวกในการว่ายน้ำ จึงอันตรายมาก

ข้างๆเรือที่ขึ้นคานนั้นคือ “สีฝัด” หรือเรียกสีฝัดข้าว คนในเมืองคนภาคอื่นไม่รู้จัก เพราะเป็นเครื่องมือองค์ประกอบหนึ่งของการทำนาของภาคกลาง ภาคอีสานกับภาคเหนือใช้พัดวีเมล็ดข้าวเพื่อให้เมล็ดข้าวลีบ หรือสิ่งที่ไม่ใช่ข้าวกระเด็นออกไป เมล็ดข้าวหนักกว่าก็จะไม่ปลิวไปไหน แต่ภาคกลางใช้เครื่องสีฝัดเป็นเครื่องมือแยกเมล็ดข้าวออกจากทุกอย่างที่ไม่ใช่เมล็ดข้าว

ผมคุ้นเคยสีฝัดเพราะถูกพ่อใช้ให้ช่วยทุกอย่าง เป็นแรงงานช่วยกันแบกไปวางไว้ในที่ที่เตรียมไว้ ทำหน้าที่ขนข้าวจากกองที่นวดแล้วเอามาใส่เครื่องรับด้านบนของตัวสีฝัด ก่อนจะฝัดเอาฝุ่นละออง ข้าวลีบ ฯลฯ ออกไปจากเมล็ดข้าว จะเหลือเมล็ดข้าวล้วนๆไหลลงมาด้านหน้าของสีฝัด เป็นแรงงานหมุนใบพัดให้เครื่องทำหน้าที่ของมัน การหมุนต้องไม่เบา หรือแรงเกินไป หากเบาไปเศษสิ่งที่ไม่ต้องการก็อาจจะไม่หลุดไปหมด อาจตกมาพร้อมกับเม็ดข้าว เมล็ดข้าวก็มีการปน สิ่งแปลกปลอม ขายไม่ได้ราคา หรือถูกหักสิ่งเจือปน หากฝัดแรงไป เมล็ดข้าวก็อาจจะปลิวไปกับลมที่พัดนั่น ก็เสียหายอีก


ไม่ใช่มีแรงเท่าไหร่ก็ใส่เข้าไป มันมีศาสตร์ มีศิลป์มีองค์ความรู้ของมัน ไม่มีคู่มือ มีแต่สั่งสอนแล้งลงมือทำเลย ติชมกันตรงนั้น ที่คือการเรียนจากการปฏิบัติจริงเด็กชนบทจึงรู้จัก ใครมาเปลี่ยนเมื่อเมื่อยเกินไป เขาก็รู้ว่าจะใช้แรงเท่าไหร่จึงพอเหมาะ


สีฝัดคือเทคโนโลยี แบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่ให้ประโยชน์มาก ทั้งหมู่บ้านไม่จำเป็นต้องมีทุกหลังคาเรือน ขอหยิบขอยืมกันได้ หมดหน้านาก็ล้าง ทำความสะอาด แล้วเอาน้ำมันยางชโลมรักษาเนื้อไม้เอาไว้ใช้งานปีต่อไป ตั้งแต่มีเครื่องไถนา เครื่องนวดข้าว เครื่องฝัดข้าวที่เป็นเครื่องจักรกลที่ใช้น้ำมัน เจ้าสีฝัดก็หมดบทบาทลง กระเด็นมาอยู่ใต้ถุนวัด และหรือไปอยู่ในแหล่งรวบรวมของเก่าเพื่อขาย

จากข้อมูลอาจารย์ goo ทราบว่ามีการซื้อขายเพื่อเอาไปแต่งบ้าน ร้านอาหาร และอื่นๆในราคา 3,500 บาทต่อหลัง เหมือนเครื่องมือโบราณอื่นๆที่กลายเป็นเครื่องตกแต่งไปแล้ว


ไปพบภาพนี้ของอาจารย์วิรัตน์ ที่ g2k จึงขออนุญาตนำมาให้ชมกันครับ

http://gotoknow.org/blog/civil-learning/321493


แร้ง..

567 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 เมษายน 2010 เวลา 23:47 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 8162

วันที่ผมกลับไปบ้านเกิด ผมแอบไปดูพื้นที่เดิมของบ้าน แต่ต้องย้ายออกไปอยู่ในที่ปัจจุบัน เพราะน้ำกัดเซาะพื้นที่บ้านจนถึงเสาบ้าน ขืนอยู่ต่อไปบ้านก็จะตกไปในแม่น้ำน้อย จะทำกำแพงกั้นน้ำ ที่ภาษาภาคกลางเรียก “รอ” ก็ไม่มีเงินมากขนาดนั้น ลูก 6 คนกำลังเรียนหนังสือ


แม่น้ำนี้ผมเล่นมาตั้งแต่เด็ก ว่ายน้ำข้ามฝั่งไปข้ามมาสนุก ผู้ใหญ่ก็คอยดุด่า ไม่กลัวจมน้ำหรอก แต่กลัวปลาปักเป้าจะกัดไอ้จู๋น่ะซี อิอิ ซึ่งมีคนโดยกัดบ่อยๆ วันหลังค่อยคุยพื้นที่ตรงนี้ยามเด็ก


วันนั้นผมแหงนดูท้องฟ้า โน่น โน่น อะไรเต็มท้องฟ้าโน่น.. รูปนี้มองไม่เห็น มีจุดดำๆตรงกลางรูปน่ะ


เอ้าซูมเข้ามา เป็นรูปที่ผมไม่เห็นมานานแสนนานเพราะอีสานไม่มีให้เห็น แต่สมัยเด็กๆผมเห็นภาพแบบนี้บ่อยมาก นกขนาดใหญ่เป็นฝูงบางทีนับได้ถึง 50 กว่าตัว บินวนกันเป็นวงกลม เรียกว่าร่อนมากกว่า เพราะเขาขยับปีกสองสามที หลังจากนั้นก็กางปีกร่อนวนเป็นวงกลมไล่เรียงกันไป

เป็นนกแร้ง หรืออีแร้ง ครับ คอยาวไม่มีขน หัวแดงๆ กางปีกเต็มที่กว้างมากขนาดมากกว่า 1 เมตร เขากินแต่ซากสัตว์ที่ตายแล้ว เช่นหมาตาย เขาก็จะร่อนลงมาทั้งฝูงแล้วเข้าทึ้งซากจนเหลือแต่กระดูก สมัยเด็กๆชอบเอาไม้วิ่งไล่ตีมัน มันก็วิ่งหนีแล้วก็วนกลับมาที่ซากใหม่ เราวิ่งไล่ไม่ทันหรอกครับ


มีแร้งเป็นตัวแทนความสกปรก ความเหม็น ความไม่ดีงาม แต่เขาเป็นผู้ขจัดขยะ เคยเห็น FW เมล์ ในธิเบตเมื่อมีคนตายจะมีการนำศพไปให้แร้งกิน โดยคนทำพิธีจะเอาขวานมาจามร่างกายให้เป็นเส้นๆ ง่ายต่อแร้งมากิน…!!!!!?????


เหลือง..สวย

13 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 เมษายน 2010 เวลา 21:36 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1031


เหลืองสวย

เพราะชอบ..มันจึงสวย

เหลืองจริงๆไม่เกี่ยวกับสวยหรือไม่สวย

จิตเราต่างหากที่ไปเสพมันแล้วชอบ หรือไม่ชอบ

ชอบมาก ชอบน้อย ไม่ชอบ จนถึงไม่ชอบมาก

เป็นเรื่องของจิตที่มีเบื้องหลังของการสะสมมา

นึกถึงนานมาแล้วหลานสาวมาจากกรุงเทพฯ

ไม่เคยรู้จักชนบท เห็นควายกลางทุ่งนาเธอไม่รู้จัก

ถามว่านั่นตัวอะไร เราลองบอกเธอว่านั่นคือหมู

เธอบอกว่า หมูอู๊ดๆน่ะหรือ.. เราก็บอกว่าใช่ เธอหัวเราะชอบใจ

อีกหลายเดือนต่อมาเธอไปเยี่ยมเยือนเราอีก

คราวนี้เจอะควายที่เดิมเป็นฝูง เลย

เธอถามว่า คุณอา..ทำไมหมูอยู่กันเป็นฝูง

ทำไมหมูตัวใหญ่จัง ทำไมหมูมีเขาด้วย ทำใม…ทำใม..

ผมตกใจนิดๆว่า เราผิดไปแล้ว ….

เราไปโปรแกรมสมองเธอเมื่อหลายเดือนก่อนว่านี่คือหมู..

ผมตัดสินใจ นั่งลงอธิบายว่า คุณอา..ของโทษที่แกล้งหนู

ความจริงนั่นคือควาย ไม่ใช่หมู ลองถามคุณแม่ดูซิ

ลองถาม พี่ขวัญ ดูซิ ลองถามชาวบ้านที่มาเลี้ยงควายนั่นดูซิ

กว่าเธอจะยอมรับ เธอก็ว่านั่นคือหมู หมู หมู อยู่นาน

แต่ในที่สุดเธอก็ค่อยๆ ยอมรับว่ามันคือควาย..

ใครหนอไปโปรแกรมพี่น้องว่า ข้อมูลของแดงนั้นคือที่สุด….


กราบหลวงพ่อกล้วย..

25 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 30 มีนาคม 2010 เวลา 0:06 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2117

เพราะท่านรองเลขาฯส.ป.ก.มอบหมายงานพิเศษให้ผมจึงต้องอยู่ขอนแก่นและทำให้มีโอกาสพบปะพ่อครูบาฯ อ.ไร้กรอบ และน้องทวีสิน ซึ่งท่านได้รับเชิญจาก ดร.ศักดิ์พงศ์ให้ไปร่วมประชุมที่ มมส.


ตั้งใจจะแอบไปร่วมฟังการพูดคุยกันที่ มมส.แต่การประชุมของผมที่ศาลากลางจังหวัดไม่จบเมื่อจบก็เลยมุ่งหน้ากลับขอนแก่น ป้าหวานคนใจงามก็กริ๊งกร๊างมาถามว่าจะไปวัดหลวงพ่อกล้วยกับพ่อครูบาไหม ผมตกลงและจะแวะรับป้าหวานไปด้วย ไปสมทบทีมของ พ่อครูบาที่วัดฯ


ท่าน อ.ไร้กรอบท่านคุ้นเคยที่นี่มานานจึงพาไปกราบหลวงพ่อกล้วยที่ท่านกำลังดูงานก่อสร้างอาคารต้อนรับญาติโยมที่จะมาแวะเวียนที่วัดนี้ หลวงพ่อกล้วยเชื้อเชิญให้เดินชมวัดและให้มาพำนักพักพิงที่นี่ได้ตลอดเวลาที่อยากมา มีอาคาร ที่พักเพียงพอที่จะรับ..แม้อาคารริมอ่างน้ำที่ร่มเย็นดังภาพ

ท่าน อ.ไร้กรอบชี้ให้พวกเราดูภาพซ้ายมือบนนั่นว่านี่คือที่สุดท้ายของพระอาจารย์ที่จะเผาร่างเมื่อท่านมรณภาพ มันเป็นมรณานุสติที่ดีใครที่ทะยานอยากควรที่จะมาพินิจพิจารณาความไม่แน่นอนของชีวิตแห่งนี้..


เห็นแล้วก็ชุ่มชื่นใจ ล้วนกระตุกให้ผู้ผันผ่านตัวเองมาที่นี่ได้เห็นธรรมในธรรม พระพุทธองค์ทิ้งร่องรอยให้ปุถุชนได้ไตร่ตรองสภาวะอันเป็นอนิจจัง


ข้าน้อยขอก้มกราบพระพุทธองค์ผู้บริสุทธิ์ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน


เราเดินผ่านป่าช้า ซึ่งอยู่บริเวณใจกลางวัด พบหญิงสาวสองท่านกำลังกางเต็นท์นอนกลางป่าช้านี้ เธอรู้จักกับท่าน อ.ไร้กรอบ และแนะนำว่าเธอเป็นแอร์โฮสเทตสายการบินเยอรมัน การมานอนในป่าช้าเป็นกระบวนการกำหนดมรณานุสติที่ดียิ่งและเธอมีใจที่แก่กล้า มุ่งมั่นเกินปุถุชนด้วยซ้ำ สาธุ


ภาพซ้ายมือนั่นคือหลุมศพตัวอย่างที่อยู่เต็มไปหมดในป่าช้ากลางวัดแห่งนี้ พร้อมที่จะเชื้อเชิญทุกท่านเข้ามาฝึกภายในตัวเอง

เชิญทุกท่านนะครับ…..


ชายแปลกหน้าบนยานแปลกตา

8 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 มีนาคม 2010 เวลา 0:01 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1482

บ่ายสามโมงเศษวันนั้น ขับรถมาจากดงหลวงกลับสำนักงาน เห็นรถประหลาดคันหนึ่งมุ่งหน้าไปตัวเมืองมุกดาหาร ผมชะลอแล้วเห็นว่าเป็นการประกอบรถขึ้นใหม่ใช้แรงคนถีบแต่เป็นลักษณะนอนถีบ แปลกตาดี



ขับรถเลยไปแล้วลงมาเพื่อถ่ายรูป คนขับเป็นฝรั่ง หน้าตาดี ยกไม้ยกมือพร้อมพูดว่าสวัสดีครับ เมื่อเขาผ่านหน้าผมไป จริงเมื่อเห็นสิ่งแปลกแบบนี้ก็อยากรู้ อยากตั้งคำถามไปหมด แต่เขาก้ไม่ได้หยุด เราเองก็ไม่อยากไปรบกวนการเดินทางของเขา..


นับเป็นงานสร้างสรรค์ เราจะเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดจากคนไทยบ้างไหม มีเหมือนกันแต่น้อยมากๆ ผมไม่รู้จักจักรยานแบบนี้มาก่อนจึงไม่รู้ว่าเป็นจักยานที่มีการผลิตขายทั่วไปในต่างประเทศธรรมดาๆ หรือเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่

เขาผ่านไปเข้าตัวเมือง แต่แล้วเขาก็เลี้ยวไปทางทิศใต้ของตัวเมืองมุกดาหาร เราแยกจากกันตรงสี่แยกนั้น

ยานพาหนะที่ใช้แรงคนขับเคลื่อนนั้น น่าจะเป็นที่พึ่งของมนุษย์ในยามวิกฤตในอนาคตดัง ผญาของพ่อสำบุญ วงศ์กะโซ่กล่าวไว้เมื่องานวันไทบรู ดังนี้


ไอ้เสือ(แดง)ถอย..

172 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 มีนาคม 2010 เวลา 23:29 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3523

หมดสัญญาจ้าง..

กลับไปเผชิญความแห้งแล้งบ้านเราต่อ..


กระจกส่องประเทศไทย..

903 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 มีนาคม 2010 เวลา 9:19 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 10567

เช้านี้ลองเข้าไปที่ Dash Board

เลื่อนลงไปล่างสุดของหน้าจอแล้วคลิกที่ กรอบมุมล่างซ้าย


หรือเข้าตรงไปที่ http://ma.tt/2010/03/bangkok-unrest/

ไปดูฝรั่งคุยกันเรื่องกรุงเทพฯ บ้านเรา….

เหมือนกระจกส่องประเทศไทยนะครับ..


เย็นวันหนึ่งที่ริมโขง..

236 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 17 มีนาคม 2010 เวลา 11:37 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2697

ที่นอนก็คือที่ซุกหัวนอนจริงๆ ออกจากห้องก็ตรงไปที่ทำงาน ตกเย็นก็เข้าตลาดราตรี หรือไม่ก็ร้านเจซื้ออาหารแล้วก็กลับห้อง ดู จอเหลือง ดูช่อง 11 ไปด้วยแล้วก็ทานข้าว เสร็จก็เริ่มงานอีกครั้ง จนเที่ยงคืน ตีหนึ่ง หลับไป ตื่นเช้าก็เข้าสู่เดิมๆ

เย็นวันนี้นึกอยากไปริมโขงที่เรียกตลาดอินโดจีน เขาว่าน้ำโขงแห้ง ไปดูซะหน่อย โอย..ลมแรงจริงๆดูต้นตีนเป็ดซิ ใบลู่ตามลมไปเลย ชาวมุกดาหารมีคำพูดเล่นๆกันว่า ลาวเปิดพัดลมใส่แรงไป..อิอิ



ตั้งแต่มีสะพานมิดตะเพียบ ลาว-ไท การใช้บริการทางเรือก็ลดลงอย่างมาก ดอนทรายโผล่ขึ้นมาสูงกว่าที่เคยเห็น เราเคยนึกว่าไอ้จักรพรรดินิยมมันขีดเส้นแบ่งเขตแดนเอาเปรียบประเทศไทยเพราะทุกเกาะแก่งกลางน้ำโขงนั้นเป็นของลาวหมด แม้ว่าหลักการคือร่องน้ำลึก..อ้าวใจเย็นๆ..เรามาพักผ่อนน่ะ..

ตลอดท้องน้ำโขงมีทุ่นขาวๆและธงสีแดงลอยอยู่เต็มไปหมด นั่นคือสัญลักษณ์บอกร่องน้ำที่ให้เรือต้องวิ่งไปตามนั้น เห็นเรือสินค้าวิ่งซิกแซกไปมา อ้อมโลก กว่าจะถึงฝั่งลาว ก็ใช้เส้นทางที่ยาวกว่า นานกว่า เสียพลังงานมากกว่า เพราะเหตุดังกล่าว


ยืนรับลมแรงอยู่นาน ชื่นใจ หายเหนื่อย สายตาสอดส่ายไปทั่วๆ เห็นสะพานเงาๆโน้น เพราะฟ้าหลัวจึงไม่ชัดเจน ยอดเขามโนรมย์ก็ครึ้มไปหมด ลมแรงตลอดเวลาทำให้ชาวเมืองไม่น้อยเดินออกมารับลมตามริมโขง บ้างก็เอาลูกมาด้วย หลายคนเป็นคนเฒ่าแก่ ที่ลูกหลานปลดระวางลงแล้ว ก็ใช้เวลาช่วงปลายชีวิตอย่างมีความสุข แต่บางคนยังต้องแบกภาระหารายได้อยู่… ชาวเมืองบางคนจูงหมารักตัวโปรดมาด้วย มันขี้เยี่ยวตามชอบใจ ระบบสาธารณสุขที่มุกดาหารสู้นครพนมไม่ได้ ที่นั่นเขาสะอาดมาก ต้องชมกันหน่อย


สาวท่องเที่ยวเดินหาเสื้อผ้าตัวโปรดที่ริมประตูวัด คุณยายยังมองหาลูกค้ากล้วยไม้ป่าที่เอามาอย่างผิดกฎหมายจากฝั่งลาว นานๆเจ้าหน้าที่ก็จับพอเป็นข่าวซะที วันรุ่งขึ้นเธอก็มานั่งขายใหม่ มันตลกไม่ออก ปีปีหนึ่งกล้วยไม้จำนวนมหาศาลจากฝั่งลาวไปอยู่ที่จตุจักร และบ้านคนที่รักพืชดอกพวกนี้มากมาย รวมทั้งผมด้วย แรกๆผมไม่ทราบว่ามาจากไหน ขนซื้อเอาไปเลี้ยงที่บ้านขอนแก่นจำนวนหนึ่ง แต่ต่อมาก็หยุดซื้อแล้ว อยากได้ก็ไปซื้อในงานเกษตรอีสานที่เขาใช่ระบบขยายพันธุ์โดย Tissue culture


เด็กนักเรียนท้องถิ่นผู้ชายคนนี้คงได้ของเล่นถูกใจ เธอนั่งเล่นคนเดียวนานมากโดยไม่ขยับไปไหน ส่วนเด็กสาวรุ่นใหม่ใส่แว่นสวยนั้น มาจากอุดร คุณครูพามาสามคันรถบัส ต่างวิ่งมาชื่นชมลมพัดแรงเย็นสบาย และดูธรรมชาติริมโขง ฝั่งลาว ต่างส่งเสียงดังนกกระจากแตกรัง อิอิ


หันเข้าหาวัดยอดแก้วศรีวิชัย ที่ติดกับตลาดอินโดจีน พระอาทิตย์กำลังตก มุมสวย มิใช่เพียงวัดเดียวที่ตั้งอยู่ติดตลาดอินโดจีนแห่งนี้ ต่างมีรายได้วันหนึ่งหลายบาทจากการให้บริการจอดรถ ให้บริการห้องน้ำ เปิดโบสถ์ให้คนเข้าไปกราบพระประธานแล้วตั้งตู้รับบริจาค เก็บค่าแผงแม่ค้า..ฯลฯ ปีหนึ่งๆไม่ทราบยอดรายได้รวมเท่าไหร่ เอาเถอะ..ไม่ต้องการเจาะลึกประเด็นร้อนอะไร..

ชื่นชมมุมสวยของสุริยันกับช่อฟ้าใบระกาของอาคารต่างๆในวัด สวยจับใจ ปล่อยให้เด็กๆนักเรียนจากแดนไกลฮือฮากับลมแรงและสินค้าริมถนนมากมายนั้น


องค์ประกอบชีวิตเรา ทางกายนั้นมีมากมายให้เราได้เสพสมตามวิถีแห่งเอกปัจเจก ส่วนทางใจนั้นนับวันล่องลอยถอยห่างออกไปทุกที


เห็นหลังคาโบสถ์ในมุมสวยงามก็นึกถึงอีตาเม้ง ที่กำลังจะก้าวเดินเข้าสู่โลกของธรรมตามที่ตนศรัทธาปสาทะ


นึกถึงหลายท่านที่ปล่อยสัจจะธรรมให้เพื่อนพ้องได้ระลึกถึงเนืองๆ ยืนเก็บมุมสวยของสัญลักษณ์แห่งธรรมไว้จนอิ่มเอม ก่อนที่จะขับเคลื่อนรถอีแก่คู่ใจกลับไปห้องซุกหัวนอนตามปกติ…


เที่ยวลาวใต้ 6 ตลาดและตาดฟาน

331 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 มีนาคม 2010 เวลา 17:38 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 5616

วันสุดท้ายที่เราอยู่ในปากเซ เมืองจำปาสักนั้น เราไปชมตลาดใหม่ของเมืองปากเซ มีคำกล่าวว่า หากจะดูความอุดมสมบูรณ์ของท้องที่ใดๆก็ให้ไปดูที่ตลาด เราพบว่าเมืองปากเซนั้นมีความอุดมสมบูรณ์มาก


ระบบตลาดยังเป็นแบบเดิมๆส่วนใหญ่ก็เป็นแบบแบกะดินของกินของใช้มากมายโดยเฉพาะของกินนั้นมีครบสารพัดที่เป็นแบบพื้นเมืองพื้นบ้าน



หากเอาปริมาณและชนิดของอาหารมาเป็นตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของท้องถิ่นนั้นๆ ปากเซก็มีความสมบูรณ์มากๆโดยเฉพาะผลผลิตที่มาจากลำน้ำโขง ทั้งปลานานาชนิด หลายชนิดผมไม่เคยเห็นมาก่อน พืชผัก ต่างๆมาจาก “ดอน” หรือเกาะแก่งที่อยู่กลางลำน้ำโขง โดยเฉพาะที่เรียกว่า “สีพันดอน” นั้นคืออู่ข้าวอู่น้ำของเมืองปากเซ จำปาสัก และผมเดาว่ายังส่งอาหารเหล่านี้ไปเมืองอื่นๆด้วย


เราเดินทางต่อไปยังตาดฟาน ตาดคือน้ำตก ที่นั่นมีรีสอร์ทอยู่ด้วย พบว่ามีฝรั่งมาเช่าพักกันมาก ตาดฟานเป็นน้ำตกที่มีความสูงมากกว่า 200 เมตร อยู่ในหุบเขาใหญ่ เราต้องยืนดูที่ขอบหุบเขาหนึ่งแล้วดูไปที่อีกหุบเขาหนึ่งทางทิศตะวันตก จะเห็นตาดฟาน


รอบๆคือป่าทึบ ผมชอบที่นี่มากที่สุด ด้วยเหตุผลที่น้ำตกสวยแม้จะไกลเราไม่มีโอกาสสัมผัสนอกจากดู แต่ก็ดีไปอย่างที่น้ำตกจะไม่มีการท่องเที่ยวไปรบกวนความเป็นธรรมชาติของเขา ที่รีสอร์ทนี้มีอาคารที่จำหน่ายอาหาร กาแฟเครื่องดื่มต่างๆ ต้นไม้ครึ้มไปหมด ชอบมากครับ


เนื่องจากเป็นหุบเขากว้างใหญ่ จนไม่ได้ยินเสียงน้ำตก ฝรั่งแต่ละคนที่มายืนดู เขาใช้เวลานานมาก จนเรานึกในใจว่า ขยับเสียทีซิจะได้ยืนตรงนั้นบ้างเพราะเป็นจุดที่ดูดีที่สุด อิอิ

เรานั่งดื่มกาแฟสดและดื่มด่ำกับธรรมชาติอยู่นานพอสมควร เราไปแบบครอบครัวจึงใช้เวลาได้เต็มที่ มองไปรอบๆเห็นภาพคนไทยจำนวนมากที่ดังๆมาเยี่ยมที่นี่แล้ว ดูเอาเองว่าใครเป็นใครนะครับ



เที่ยวลาวใต้ 5 หลี่ผี คอนพะเพ็ง

419 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 มีนาคม 2010 เวลา 13:35 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 8295

ที่โรงแรมจำปาสักพาเลสนั้นห้องพักกว้างขวางมีความเป็นมาตรฐาน ที่แปลกคือ รอบห้องนั้นเป็นทางเดิน


อันเนื่องมาจากเดิมเป็นการก่อสร้างเป็นพระราชวังของเจ้าบุญอุ้ม ณ จำปาสัก แต่เกิดการเปลี่ยนแปลงเสียก่อนรัฐบาลใหม่จึงดัดแปลงมาเป็นโรงแรม ท่านดูรายละเอียดได้ที่นี่ ประวัติโรงแรมจำปาสักพาเลส

คณะรัฐมนตรีสมัยทักษิณเคยมาที่นี่และถ่ายรูปไว้ดังภาพซ้ายมือล่าง

หลังจากอาหารเช้าที่อยากทานเท่าไหร่ก็เชิญตามสบาย แต่มีแต่คนไทยไปแย่งกันเอง ผมเห็นการบริหารจัดการเรื่องอาหารแล้วยังด้อย และทานแบบทิ้งขว้างก็เยอะ เพราะเป็นบุปเฟต์ คนเราจึงตักอาหารมากันเต็มที่ แล้วทานไม่หมด คนนั้นคือคนไทยครับ

เราเดินทางไปดูน้ำตกหลี่ผี ระหว่างทางนั้นต้องหยุดพักและข้างทางให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ จึงมีอาชีพสร้างห้องน้ำขึ้นในลาวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวซื้อบริการ ผมว่าเป็นการพัฒนารองรับการท่องเที่ยวที่บูมกันมากๆ ทำให้ผมย้อนไปนึกถึงการเดินทางไปเที่ยวเวียตนามในดินแดนลาวนั้นเส้นทางนั้นยังไม่มีบริการนี้ เมื่อนักท่องเที่ยวไทยนั่งรถไปเที่ยวต้องวิ่งเข้าป่าทั้งชายหญิง ทุลักทุเล ไม่ทราบว่าเส้นทางนั้นก่อสร้างห้องน้ำบริการแบบเส้นทางไปน้ำตกหลี่ผีหรือยัง


สักพักใหญ่ๆเราก็มาถึงท่าเรือเข้าไปในเขตสีพันดอน เพื่อเที่ยวดูน้ำตกหลี่ผี ข้ามเรือไปแล้วก็เห็นบริการห้องน้ำอีก เขียนเชิญชวนทั้งภาษาอังกฤษและภาษาลาว ว่า “บริการห้องน้ำ คนละ 1000 กีบ เท่ากับ 5 บาทไทย”


ที่นี่เรียกบ้านดอนเดด เราต้องนั่งรถ 5 แถว เปิดโล่งโจ่งพาเราไปหลี่ผี บนถนนแบบชาวบ้านจริงๆฝุ่นเต็มไปหมด เห็นนักท่องเที่ยวไทยหลายคันใส่หน้ากากกันทุกคน ถนนก็แคบเวลาสวนกันคันหนึ่งต้องหยุดเพื่อให้อีกคันไปก่อน หลายคนคงบ่นว่าล้าหลัง ฝุ่นเต็มไปหมด ทำไมไม่ลาดยางเหมือนฝั่งไทย ผมกลับคิดว่า เออ นี่แหละเสน่ห์อย่างหนึ่ง ฝรั่งหลายคนใช้วิธีเช่าจักรยานไปดูน้ำตก และเช่าโฮมเสตย์แถบนี้นอนกันเป็นสัปดาห์เลย


ระหว่างเส้นทางไปน้ำตกหลี่ผีนั้นไกด์สาวลาวชี้ให้ดูซากหัวรถจักรไปน้ำที่ฝรั่งเศสมาสร้างและทิ้งไว้ ผมนึกย้อนหลังคราวไปเที่ยวหลวงพระบางที่ไปดูหลุมศพ อองรีย์ มูโอต์ ชาวฝรั่งเศษที่มาสำรวจแม่น้ำโขงย้อนขึ้นไปจนไปเสียชีวิตที่หลวงพระบาง ก่อนเสียชีวิตเขาเขียนรายงานแล้วในที่สุดฝรั่งเศษต้องยกเลิกการยกกำลังที่จะบุกจีนทางแม่น้ำโขงเปลี่ยนไปเป็นแม่น้ำหอมในเวียตนามแทน แต่ก็ถือโอกาสยึดเวียตนาม เขมร ลาว และเกิดเรื่องราวกับไทยอย่างที่เราเรียนกัน

เจ้าหัวรถจักรนี้คือความพยายามที่จะยกเรือขึ้นบกเพื่อหลบหลักคอนพะเพ็ง หลี่ผี และเกาะแก่งต่างๆทีมีมากมายในแม่น้ำโขง ซึ่งที่มุกดาหารก็มีเรือมอริส เป็นประวัติศาสตร์ทิ้งไว้เพราะเรือบางลำได้นำขึ้นบกแล้ววิ่งขึ้นไปได้ เช่นมอริส แล้วพ่อค้าไทยหัวใสก็ซื้อมาจากฝั่งลาวมาทำร้านอาหารในแม่น้ำโขงที่มุกดาหาร ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว จอดเฉยๆ ผมไม่ทราบเหตุผล อาจเป็นเพราะหลายปีที่ผ่านมาเกิดการยิงกันตายถึง 5 ศพในเรือลำนี้ก็ได้…


รถ 5 แถวพาเราไปจอดใกล้ๆหลี่ผีเราต้องเดินเข้าไปอีกสัก 30 เมตร ข้างทางก็มีร้านชาวบ้านมาขายกล้วยปิ้ง น้ำ ขนมพื้นบ้าน ส้มตำ


เราเดินถึงหลี่ผีก็เห็นนักท่องเที่ยวทั้งไทยทั้งฝรั่งต่างหามุมมองน้ำตกและถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอกัน มองเห็นหลี่ เครื่องมือจับปลาอันเป็นที่มาของชื่อหลี่ผี.. มีป้ายเตือนนักท่องเที่ยวระวังอันตรายที่อาจพลัดตกลงไปได้ ซึ่งมีบ่อยๆ


น่าตกใจที่มีแต่หิน น้ำมีนิดเดียว..??!!! เหลือเพียงร่องรอยระดับน้ำที่เคยมีอยู่ หากเดินทางเป็นพันกิโลจากไทยเพื่อมาดูหินก็เซ็งเป็ดเลย… ผมซูมกล้องไปที่น้ำใสๆก้นหลี่ผีก้พบเศษขยะมากพอสมควร ขวดเบียร์ กระป๋องเบียร์ และอื่นๆลอยวนอยู่ก้นหลี่ผีนั่น แหล่งท่องเที่ยวกับขยะเป็นของคู่กันนะ…อิอิ


พักพอหายเหนื่อยเราก็เดินทางกลับไปน้ำคกคอนพะเพ็งต่อ เส้นทางกลับก็ผ่านร้านขายสินค้าแบบในไทย ที่ท่าเรือดอดเดด ผมเห็นร้านขายเครื่องดื่มไทยหลายอย่างและมีน้ำตราหัวเสือของลาววางขายด้วย


ระหว่างทางนั่งเรือกลับ เราเห็นน้องหมายืนบนหัวเรือสวนทางกับเรา เขาคงกลับบ้านดอนเดดนะคงไม่ไปเที่ยวหลี่ผีแน่เลย อิอิ ที่ท่าเรือนั้น ผมสังเกตเห็นรถบรรทุกสินค้าเต็มลำ จึงเข้าไปถามว่าในเก่งนั่นคืออะไร เขาบอกว่าเป็นปลาจากแม่น้ำโขงจะเอาไปขายที่ปากเซ แล้วในถุงแดงๆสามใบนั้นคืออะไร เขาบอกว่าทั้งหมดนั่นคือยอดผักหวานป่า เท่านั้นเองผมก็ขอเขาเปิดดูแล้วสัมภาษณ์ใหญ่เลยมามาจากไหน เอาไปไหน ราคาเท่าไหร่ เก็บอย่างไร ชาวบ้านชอบกินไหม มีใครเอามาปลูกในสวนบ้างไหมหรือเอามาจากป่าอย่างเดียว…พบว่า มาจากดอน หรือป่าที่เป็นเกาะแก่งกลางแม่น้ำโขง และจำนวนมากมาจากเขมร ราคากิโลกรัมละ 80-100 บาทไทย ใจผมนึกอยากหิ้วกลับบ้านจัง เพราะในไทยที่มุกดาหารขาย กก.ละ 250-400 บาท


จากนั้นไกด์พาไปเที่ยวคอนพะเพ็งต่อ สวยสมใจครับ ยิ่งใหญ่สมราคาคุยจริงๆ ใครไม่รู้ตั้งสมญาว่า “ไนแอการาแห่งเอเซีย” ผมก็ยกมือให้สุดๆ ดูซิครับสภาพแบบนี้ตลอดทั้งปี แม้ฤดูน้ำหลาก น้ำก็จะมากกว่านี้แต่สภาพไม่ต่างไปจากนี้เท่าไหร่ แล้วจะเอาเรือข้ามไปได้อย่างไร ก็มีทางเดียวคือ ยกขั้นรถรางจากใต้คอนพะเพ็งไปเหนือคอนพะเพ็ง แล้วทำอย่างนี้เรื่อยไปตลอดแม่โขง แบบนี้ฝรั่งเศสสมัยนั้นจึงถอดใจ..


อยู่กับปลวก..

317 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 มีนาคม 2010 เวลา 10:35 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 6744

เพราะเราทั้งคู่ทิ้งบ้านให้เป็นที่นอนเล่นของผู้ช่วยแม่บ้าน แม้ว่าจะไม่ค่อยพอใจที่เธอไม่ค่อยทำงานเข้าตาเท่าไหร่ แต่ก็อยู่กันมานาน บอกอะไรก็ทำ แต่นานไปเธอก็ไม่ทำ อิอิ คิดเสียว่ารกคนดีกว่ารกหญ้า

แล้วมันเป็นไงล่ะ..

ปลวกซิครับท่าน ผมบ่นมาหลายบันทึกแล้ว ผมก็ควานหาวิธีการต่างๆที่ไม่ใช้สารเคมี


ป้าจุ๋มแนะนำไว้ ว่ามีเพื่อนที่รับทำการกำจัดปลวก ผมก็เก็บเป็นข้อมูลไว้..

น้องเบิร์ดแนะนำน้ำส้มสายชู เพราะหากถูกตัวเขาจะแสบแล้วเขาหนีไป..น่าสน

ไปบ่นให้พี่ใหญ่ที่ทำงานด้วยกันฟัง ท่านก็บอกว่า บ้านพี่นะก่อนสร้างเทปูน เอาแผ่นพลาสติกผืนใหญ่มาปูก่อนแล้วจึงเทปูน เขาว่ามันกลัวพลาสติก นี่ก็สร้างบ้านมานับสิบ สิบปีแล้ว ไม่มีปลวกครับ…เออ ผมก็เก็บข้อมูลไว้..

ไปค้นข้อมูล เขาว่า หัวกลอย หากเอามาฝานแล้วแช่น้ำเอาน้ำมาพ่นมันจะตายและหนีไป เอาหละได้การที่ดงหลวงมีกลอยเยอะจึงสั่งชาวบ้านหากลอยให้หน่อย…

วันนั้นแวะไปเอากลอยกับผู้เฒ่าในหมู่บ้าน พ่อใหญ่ถามว่า อาจารย์เอากลอยไปกินหรือ..ทำเป็นไหมล่ะ ..ผมบอกพ่อใหญ่ว่าไม่ได้เอาไปกินหรอก จะเอาไปหมักพ่นฆ่าปลวก…

พ่อใหญ่บอกพร้อมชี้ไปที่บ้านข้างๆว่า นี่..นี่..อาจารย์บ้านลูกสาวนี่ใช้เกลือครับ เกลือแกงเรานี่แหละเทใส่โคนเสาไปเลย ไม่มีปลวกซักตัว มันคงเค็ม เออ..ผมได้หลายวิธีแล้ว

วันหยุดสุดสัปดาห์ก่อนผมก็เอาทุกสูตรมารวมกัน ไปซื้อน้ำส้มสายชูมา 6 ขวด (ที่บ้านไม่ทานน้ำส้มสายชู ทานซีอิ้ว) ไปซื้อเกลือ เอาน้ำส้มควันไม้ หมักกลอย เอามาผสมกันกะว่า ฮื่อคราวนี้แหละปลวกก็ปลวกเถอะเห็นดีกัน…

วงกบข้างครัวเป็นที่ทดลองเพราะปลวกกัดกินจนโผล่หัวออกมาให้เห็น จัดการไปซื้อ ไซลิงค์แบบพลาสติก เอาเข็มแบบใหญ่มา จัดการซะบ้านเลอะไปเลย ทิ้งไว้สัปดาห์หน้าค่อยมาดู คนข้างกายก็ตระเวนไปทั่วประเทศ ผมก็เข้าดงหลวง ทิ้งบ้านไว้กับแจ๋ว ..ทั้งปี..อิอิ

ต่างคนต่างกลับมา ตรงรี่ไปดูผลงาน….ชะ ชะ ชะ ชะ เจ้าปลวกน้อย ยังก่อสร้างบ้านของเขาอยู่ เขี่ยเอาดินออกตัวเขาก็ร่วงลงมาเลย…สรุปว่าไม่ได้ผล หรืออาจเป็นเพราะผมทำไม่ถูกวิธี หรือเป็นเพราะเอามาผสมกันทุกอย่างแล้วฤทธิมันฆ่ากันเอง …

ผมขึ้นไปห้องนอน น้ำยาที่บริษัทมาฉีดไว้ ตรวจสอบดูก็ได้ผลเฉพาะส่วนที่พ่นน้ำยาไว้ ตรงอื่นๆผมยังได้ยินปลวกมันกัดพื้น ตัดสินใจยกเตียงออก เจาะพื้นกลางที่เตียงครอบอยู่

แม่เจ้า….อยากจะพูดให้เว่อไว้หน่อย ปลวกวิ่งพล่าน มากเป็นกำกำเลย ผมจัดการเอาน้ำยาที่บริษัททิ้งไว้ให้ราดลงไป ทีนี้ก็เกิดงานเข้าหละซี แกะตรงโน้นก็มี ตรงนี้ก็มี หมดกัน เลยตัดสินใจย้ายห้องนอนไปนอนข้างล่างห้องลูกสาวที่เจ้าตัวไม่อยู่เพราะมาทำงานกรุงเทพฯ ต้องรื้อพื้นปาเก้ และคงต้องทิ้งทั้งหมด ทำใหม่ ทีนี้คงปูกระเบื้องแล้วหละ…..

เราแพ้มันซะแล้ว สู้ไม่ไหว พิจารณามันเหมือนภูเขาน้ำแข็ง ส่วนที่เห็นคือส่วนภูเขาข้างบนน้ำ ส่วนที่อยู่ใต้น้ำซิ มากมายนัก….

ดูรูปข้างบนซิ ยังกะนวัตกรรมพิสดาร ที่ใครมาสร้างไว้ จริงๆคือผลงานของปลวกตัวเล็กๆนี่แหละ


โศลกแดง..

604 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 มีนาคม 2010 เวลา 20:36 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 11791

โศลกแดง


เราเกิดมาในบ้านหลังนี้ เรารักเราผูกพัน

เรารู้ว่าพี่น้องเราไม่เท่าเทียมกัน บางคนร่ำรวย บางคนยากจน

คนคนหนึ่งได้รับการศึกษา ในสถาบันระดับสูงของประเทศ

แต่อีกมากมายนักไม่มีโอกาสเช่นนั้น

คนที่ได้รับการศึกษาคนนั้นมีโอกาสมากมายที่จะเลือกทางเดินแห่งชีวิต

แต่เขาเลือกเดินลงสู่ชนบท เพราะเขารักบ้านหลังนี้

ความรักนี้ไม่ได้มากไปกว่าคนอื่นๆหรอก แต่เลือกที่จะยึดอาชีพการทำงานกับชนบท

ไม่มีเกียรติ์ และไม่มีความร่ำรวยรออยู่ข้างหน้า

มีแต่ปัญหาและความหวังดีและกล้าที่จะเผชิญพร้อมๆกับพี่น้อง

มาวันนี้บ้านหลังใหญ่หลังนี้เดือดร้อน เพราะคนในบ้านทะเลาะกัน

เราท่านก็รู้ดีว่าเพราะอะไร

ช่วยกันเถอะครับ…ช่วยเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะให้พี่น้องเราหันหน้ามาคืนดีกัน

“หากเราไม่เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหานี้ เราก็คือส่วนหนึ่งของปัญหานั่นเอง..”


เที่ยวลาวใต้ ปราสาทวัดพู 1

307 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 7 มีนาคม 2010 เวลา 21:48 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 7755

เช้าวันที่อบอุ่นเราออกเดินทางจากที่พักหอพักราชภัฏอุบลฯเราทิ้งรถของเราไว้ที่บริษัทนั่งรถตู้ที่เราซื้อบริการทัวร์เพียงครอบครัวเดียวไปรับลูกสาวที่บินมาจากรุงเทพฯแล้วก็ตรงสู่ช่องเม็กชานแดนไทยลาว

ถนนหลายช่วงชำรุดแต่ส่วนใหญ่ก็ใช้ได้ดี ทัวร์บกพร่องไปหน่อยไม่จัดการใบผ่านแดนให้เรียบร้อยทั้งที่บอกว่าจะจัดการไว้ล่วงหน้า แต่ก็ไม่ได้ใช้เวลามากนัก อาจเป็นเพราะจำนวนคนยังไม่มาก ปกติมากับทัวร์ เขาจะจัดการให้หมด ลูกค้าแค่นั่งคอย และพ่อค้าก็เข้าใจรู้ว่าไม่ว่าจะออกหรือจะเข้าคนที่ผ่านก็ต้องคอย

ดังนั้น บริษัทดาวเรืองของลาวจึงมาสร้างร้าน Duty free ขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าที่ด่านสะหวันนะเขตเสียอีก และได้ผลจริงๆ พี่ไทยแห่เข้าร้านและซื้อ ซื้อ ซื้อ ส่วนมากก็คือ เหล้าฝรั่ง ไวน์ เครื่องสำอาง น้ำหอม คนทั่วไปก็ถือโอกาสเข้าห้องน้ำดีดีที่นี่ ทานกาแฟร้อนเย็น ซึ่งราคาแพงกว่าบ้านเรา อิอิ

เมื่อข้ามสะพานที่ญี่ปุ่นสร้างให้นั้น เราก็พบบ้านที่กำลังก่อสร้างทางตลิ่งซ้ายมือ มันใหญ่โตมาก ไกด์สาวบอกว่านี่คือบ้านของเจ้าของบริษัทดาวเรือง หรือ ดาวเฮือง ผู้ยิ่งใหญ่เรื่องกาแฟ อะราบิกา ของลาว

เราไม่เข้าที่พักก่อนตรงไปทานข้าวกลางวันและเลยไปเที่ยวปราสาทวัดพู อาหารกลางวันก็นับว่าใช้ได้ครับส่วนใหญ่เป็นปลา แม้ว่าผมจะทานไม่ได้แต่ครอบครัวก็เอร็ดอร่อย ทุกอย่าง แล้วเราก็มุ่งไปทางทิศใต้ตามเส้นทางหมายเลข 13 ของลาว แล้วต้องไปข้ามแพแม่น้ำโขงกลับไปอยู่ฝั่งขวาอีกครั้ง

ไกด์สาว นั่งบ่นอุบอิบไปตลอดทางที่จะข้ามแพ ถามได้ความว่า แพจะข้ามฝั่งได้ต้องรอรถมาเต็มแพ หากไม่เต็มก็ไม่ออกไป จะนานเท่าไหร่ก็ต้องรอ บังเอิญช่วงนี้ทัวร์มากันมากจึงไม่ต้องรอนาน แต่ดูสภาพแพยนต์แล้วแตกต่างจากที่เมืองไชยบุรีมาก ที่นั่นทันสมัยกว่ามาก โครงสร้างพื้นฐานของลาวต้องพัฒนาอีกมากครับ


เมื่อขึ้นอีกฝั่งก็มีร้านค้าท้องถิ่นขายสินค้าพื้นบ้าน แต่ก็ไม่มีรถคันไหนจอดให้คนลงไปชมต่างก็รีบมุ่งหน้าเดินทางต่อไปวัดพู ที่นี่คือเมืองจำปาสัก ดั้งเดิมจริงๆ ยังมีอาคารโบราณสมัยฝรั่งเศสปกครองหลงเหลืออยู่ และทำเป็น “เฮือนพัก” ให้ฝรั่งมาเช่าพักแบบ B&B หรือ Bed and Breakfast สำหรับพวกBackpacker


น้องหมากับดอกไม้..

1022 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 กุมภาพันธ 2010 เวลา 22:48 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 12494

พอมีเวลาว่างก็เอาน้องหมาไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะขอนแก่นใกล้ๆบ้าน หมาเขารู้นะ พอเราเปิดกระบะท้ายรถ เขาก็วิ่งมามองแล้ว ยิ่งพอเราหยิบโซ่ทำเสียงกริ๊งกร๊าง แค่นั้นแหละ เขาก็กระดี๊กระด้า เต้นโหย่งเหยง ดีใจขึ้นมา วิ่งไปวิ่งมาวนใกล้รถนั่นแหละ เมื่อเอาชุดใส่สายโซ่ล่ามใส่เท่านั้น ก็วิ่งไปปีนท้ายรถทันที

อิอิ เนื่องจากเธออ้วนกระโดดขึ้นไม่ได้ เราต้องอุ้มสองขาหลังใส่ท้ายรถให้ แล้วก็กระดิกกระดี๊อยู่ในกระบะรถนั่นแหละ เมื่อไปถึงสวนก็กระวนกระวายอยากจะลงทันที เราก็ต้องอุ้มเขาลง อิอิ หนักน่าดูเลย

หากไปแต่เช้าๆยังไม่มีคนมาเดินเล่นเราก็ปลดสายโซ่ให้เขามีอิสระได้สนุกเต็มที่


เมื่อเขามีอิสรภาพ ก็จะวนเวียนใกล้ๆเรานั่นแหละ วิ่งไปมาก็เหลือบดูเราสักครั้ง แล้วก็วิ่งไปโน่นนี่ “นุ๊กอีแหล่ว”….

ผมก็คว้ากล้องมองดูอะไรที่เข้าตาบ้าง ดอกไม้ นก วิว ธรรมชาติอื่นๆ ซึ่งมีมากมายที่เราเพลิดเพลินกับสิ่งเบาๆในวันเบาๆแบบนี้







หาความสุขเล็กๆกับวันหยุดบ้างครับ เอารูปมาฝาก

(เรื่องจากแฟ้ม)


วิถี วัฒนธรรม ท้องถิ่น

37 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 8 กุมภาพันธ 2010 เวลา 23:59 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2570

ชีวิตสองข้างทางที่ผมใช้ชีวิตขับรถไป-มา มุกดาหารกับขอนแก่นนั้น เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลจริงๆ ปีนี้หนาวไม่มาก ยังไม่ทันใส่เสื้อกันหนาวแบบหนาๆเลยก็เข้าสู่ความร้อนซะแล้ว ก่อนที่จะเข้าสู่ตัวเมือง สองข้างทางเป็นทุ่งนาดูแห้งแล้ง มีแต่ตอซังข้าว บางแห่งไถกลบ บางแห่งยังทิ้งไว้เฉยๆ ดีที่ปีนี้ยังไม่เห็นการเผาตอซัง นี่คงเป็นผลของการรณรงค์ของทางราชการ ขอชื่นชมที่ประสบผลสำเร็จ…


สายตาผมไปเห็นคนนั่งอยู่กลางทุ่งนา เป็นผู้สูงอายุ นั่งขุดอะไรอยู่ แต่ผมเดาในใจออกก่อนแล้วว่าเขาทำอะไร ผมหยุดรถแล้วเดินลงไปคุยด้วย


นอกจากคุณยายผู้สูงอายุสองท่านแล้วก็มีเด็กน้อยด้วย คนที่คลุกคลีกับชนบทอีสานไม่บอกก็ทราบว่าทำอะไร หาสัตว์ที่อยู่ใต้ตอซังข้าวใต้ผิวดินทุ่งนานั่นแหละครับ

คุณยายครับ รู้ได้อย่างไรว่าทุ่งนานี้มีหอย

เอ้า..ก็แค่เอาเสียม “สัก” ไปสองสามที โน่นนี่ หากโดนวัตถุแกร๊กกร๊าก ก็ใช่เลยแถวนี้มีหอยแน่นอน นี่คือประสบการณ์แห่งวิถีชีวิต


มีหอยจูบเป็นส่วนมาก นอกนั้นก็หอยเชอรี่ที่ฝังตัวลงดินหลังน้ำในนาแห้ง การฝังตัวลงดินก็เพื่อรอฤดูฝน หรือน้ำใหม่ที่จะมาในช่วงการผลิตใหม่ นอกนี้ก็มีปูนา หนู… ล้วนเป็นอาหารพื้นบ้าน เอาไปอ่อม แกงกับหน่อไม้ ฯลฯ…


คุณยายครับ เด็กรุ่นหลังเขากินแบบนี้เหมือนยายหรือเปล่าครับ

โอย..มีหรือมันจะไม่กิน ลูกหลานกลับมาจากกรุงเทพฯต่างก็วิ่งหาอาหารพื้นบ้านอย่างนี้กันทั้งนั้น ผัก หญ้า ปลา เนื้อ ในตลาดมันไม่ถูกปาก สู้แบบนี้ไม่ได้


นี่คือความชอบ ที่เป็นวัฒนธรรม ที่เป็นวัฒนธรรมการบริโภคของท้องถิ่น ของภูมิภาค

ก็ดูซิครับ เด็กคนนี้มาคลุกคลีกับคุณยายตั้งแต่เล็กขนาดนี้ มีหรือจะไม่ซึมซับวิถีท้องทุ่งติดตัวไปจนเติบโต

นี่คือวิถี

นี่คือวัฒนธรรม

นี่คือท้องถิ่น



ผมโดนหนอนแลบลิ้นใส่..

2153 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 7 กุมภาพันธ 2010 เวลา 12:33 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 31773

เมื่อวาน เช้าตื่นขึ้นมาก็ลงไปดูต้นไม้ พ่นปุ๋ยน้ำหมักให้เขา ที่ต้นส้มจี๊ด ที่ปลูกใส่กระถางไว้ เราชอบเอาลูกส้มจี๊ดมาทำอาหาร เขาหอมดี จะใช้น้ำของส้มจี๊ดก็ได้ จะหั่นๆเป็นชิ้นๆแล้วทำน้ำพริกโจรแบบปักษ์ใต้ก็อร่อยเหาะ


แต่ต้นส้มจี๊ดนอกจากเราจะชอบแล้ว แมลง หนอนต่างๆก็ชอบด้วย หากไม่ดูแลดีดี เรียบร้อยใบส้มมักถูกหนอนกินโกร๋นหมดเลย เหลือแต่ก้านกิ่งใบ เขาคงอร่อยนะ มนุษย์อร่อยลูกมัน หนอนอร่อยใบ อิอิ

เช้าเมื่อวานผมขณะพ่นปุ๋ยน้ำหมักก็พบเจ้าตัวเขียวปัดนี่… เขานิ่งเงียบเหมือนนอนหลับหากไม่สังเกตจริงๆก็ไม่เห็น หน้าตาจ๊าบจริงๆเจ้าหนอนพันธุ์นี้ เขาคงอร่อยใบส้มจี๊ดมาก ใบหายเกลี้ยง ตัวหนอนเขียวเข้มเลย

ผงสงสัยว่าตัวมันเป็นอย่างไร เนื่องจากพันธุ์นี้ไม่มีขนปุกปุย ก็คิดเอาเองว่าผิวหนังเขาคงไม่มีพิษ ลองเอานิ้วไปแตะๆดู โอยนุ่มนิ่ม ห้า ห้า ห้าของนุ่มๆชอบ เลยแตะซะทั่วตัวเลย เมื่อแตะมาถึงหัวเขา โอยนั่นอะไร…. ออกมาจากปากเขา จ๊ากส์มันแลบลิ้นให้เรา สีแดงมีสองแฉก มีน้ำเมือก แลบลิ้นค้างสักพักก็หุบกลับเข้าปาก

แลบลิ้นนานพอที่เราจะถ่ายรูป เอาใหม่ เอานิ้วแตะๆที่หัวใหม่ คราวนี้แลบออกมายาวเลย อิอิ

เขาคงแลบลิ้นขู่เราเน๊าะ..จ๊ากสสสส กลัวแล้ว กลัวแล้ว จ้า…. ไม่แตะอีกแล้ว
ไม่ล้อเล่นแล้ว…

อยากรู้ว่าวงจรชีวิตเขาจะเป็นผีเสื้อแบบไหนหนอ

แล้วผมก็ปล่อยให้เขาอยู่อย่างสบาย อยากกินใบส้มใบไหนก็เชิญไม่กวนแล้ว…

ห้า ห้า ผมมีเพื่อนบ้านหน้าตาแปลกจริงๆ

ห้า ห้า ผมโดนหนอนแลบลิ้นใส่…


อีเกิ้งที่มุกฯ..

129 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 มกราคม 2010 เวลา 9:17 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2404

อีเกิ้ง(อีสาน), เขน(ใต้) หรือพระจันทร์

ที่มุกดาหาร วันขึ้น 12 ค่ำเดือน 3

ดูสารคดีทาง UBC เรื่องวันโลกดับ

อธิบายโดยนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์อเมริกา แล้ว..

สยองรังสีแกรมมาที่ระเบิดออกมาจากจุดระเบิดต่างจักรวาล

แสงสว่างและความร้อนที่เกิดขึ้น

มากกว่าเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์เป็นล้านๆเท่า

ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่วินาทีก็มาถึงโลก

และชั้นโอโซนในบรรยากาศรอบโลกลุกไหม้..

สิ่งมีชีวิตบนโลกก็มอดไหม้หมดมิเหลือหรอ

อีกสมมุตฐานหนึ่งคือพระอาทิตย์ของเรานี้

เกิดการเปลี่ยนแปลงการเผาไหม้

ทำให้เกิดการขยายตัวของมวลใหญ่ขึ้นสามเท่า

อะไรจะเกิดขึ้น.

แม้ว่าสมมุติฐานนี้จะเกิดเพียงหนึ่งในล้านส่วน

แต่มิใช่เกิดขึ้นไม่ได้

อีเกิ้งที่สวยๆในมุมสัมผัสของเรานั้นมันไม่มีหรอก..

ตั้งคำถามว่า “ชีวิตเพื่ออะไรกัน”

พฤติกรรมที่มนุษย์พึงปฏิบัติต่อกันคืออย่างไร

สังคมมนุษย์ควรมีครรลองแบบใด

..ฯลฯ..

ดูเหมือนคำตอบมีอยู่แล้ว

เริ่มที่ตัวเราเองก่อนแล้วกันนะ


ชายคนนั้นกับขยะริมถนน..

171 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 มกราคม 2010 เวลา 21:54 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3634

ผมและคนข้างกายเดินทางถึงล้านนาศรีนครพิงค์ตั้งแต่บ่าย 5 โมง เพื่อนจากมุกดาหารโทรติดต่อมาตั้งแต่เช้าว่า มาล้านนาก็ดีแล้วช่วยเข้าไปใน มช. เอาเสื้อ มช.และอื่นๆไปขายในงานราตรีอ่างแก้วสิ้นเดือนนี้ด้วยซี จะได้ไม่เสียเที่ยว เอาใส้อั่วและแคบหมูไปโตยเน้อ.. ครับผม..รีบบึ่งเข้า มช.ก่อน CMU shop จะปิด โฮ…รถติดระเบิด เพราะวันนี้รับปริญญากัน

ได้ลูกสาวเพื่อนที่เรียนคณะวิศวะที่นี่ช่วยจัดการให้ ทุกอย่างก็เรียบร้อยในเวลา 45 นาที ได้ของไปลังใหญ่กลับขอนแก่นและจะเลยต่อไปมุกดาหาร เหลือใส้อั่วกับแคบหมู ค่อยไปหาซื้อในวันกลับ

ผมมาล้านนาครั้งนี้เพราะอย่างที่ประกาศไว้ว่ามาร่วมงานฉลองครบรอบอายุท่านอาจารย์ อคิน รพีพัฒน์ ซึ่งท่านมีบ้านที่นี่ด้วย งานก็ทั้งวัน จะต้องร่วมเสวนาตอนบ่ายด้วย น้องๆผู้จัดแซวว่า จะเอาผมขึ้นเวทีด้วย อิอิ เอากันแบบไม่ได้ตั้งตัวนี่นา…


เสร็จธุระหมด ผมก็เข้าที่พักประจำของผมกลางเมืองราคาถูกๆ แล้วรองเท้ามันก็พาเราไปนั่งที่ร้านอาหารเกาหลี มาทุกครั้งก็มากินร้านนี้ทุกครั้ง ชอบกิมจิน่ะซี…แต่ไม่ชอบดาราเขาหรอกนะ ผมน่ะตก เทรนไปนานแล้ว โน่นต้องลูกสาว พวกวัยรุ่นโน่น ผมชอบอาหารเขาต่างหาก ก็ไม่ได้โปรดปรานอะไร แค่เปลี่ยนรสชาดน่ะครับ

หลังจากพุงกางแล้วก็ควงคนข้างกายเดินเล่น ไปกินกาแฟ ดูชีวิตศรีนครพิงค์ ผมหิ้วเป้ที่ใส่อุปกรณ์ถ่ายรูป แต่ก็ไม่ได้รูปอะไรที่น่าสนใจ นั่งคุยกันสักพักก็เดินกลับกะว่าจะทบทวนภาระพรุ่งนี้


แต่แล้วก็มีอะไรเข้ามาในสายตาผม คนเก็บขยะครับ เขาก้มหน้าควานหาถุงพลาสติกและกล่องกระดาษ แล้วก็เอาไปรวมๆไว้ แล้วก็ย้ายไปขยะกองอื่น ผมคว้ากล้องมาถ่ายรูปเขาโดยไม่ใช้แฟลช เกรงว่าเขาจะโกรธ หรือไม่พอใจ เขาเดินมาใกล้ผม ผมก็ตัดสินใจเดินไปคุยกับเขา


…เอาไปขายหรือครับ… ใช่ เอาไปขาย ผมคุยต่อว่า ดีมากครับ ดีมากครับพร้อมยกนิ้วหัวแม่มือให้เขา เขายิ้มให้ผมแล้วเดินมาคุยว่า ..โผ เคยไปซามักงาน เขาว่าโผ เป บ้า โผเลยไม่มี งาน สำเนียงแบบนี้ ใครก็เดาออกว่าเขาเป็นชนเผ่า ผมเลยถามว่า เป็นม้งหรือครับ เฮา เป อาข่า อ้อ เผ่าอาข่า ผมเคยคลุกคลีพักหนึ่งที่เชียงรายสมัยที่สมเด็จย่าอยู่ เขาบอกว่า บ้านเขาอยู่แม่สรวย ผมก็ต่อว่าดอยวาวีใช่ไหมที่มีกาแฟดังๆ เขาบอกใช่

ผมมีลูกสามคน กำลังเรียนสองคน คนที่สามได้มาไม่ตั้งใจ ยังเล็กอยู่ คนโตเรียน ม.6 กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ผมต้องหาเงินให้ลูกเรียนหนังสือ

แค่นั้นเอง..ผมสะอึก… เขาพูดต่อว่า ผมไม่มีงานที่มีค่าจ้างทำ มีทางเดียวที่จะหาเงินได้คือขยะเหล่านี้มีเงินทองซ่อนอยู่ แค่ผมใช้เวลากับมันผมก็ได้เงิน เก็บสะสมให้ลูกได้

“เพื่อลูก..พ่อทำได้ทุกอย่าง..”


ผมชมเขา ดีมากครับ ดีมากครับ เขายิ้มให้ผมแล้วพูดว่า “ขอบคุณที่ให้กำลังใจ” เขาก้มหน้าทำหน้าที่พ่อแก่ลูกของเขาอย่างแข็งขัน เขาไม่เอ่ยปากขอเงินผมเลย ทั้งที่ผมเดาว่า เขาอาจจะเป็นเหมือนหลายคนที่เคยพบคือ อยากแสดงความน่าสงสารแล้วเรียกร้องเงินทอง อะไรทำนองนั้น ไม่เลยเขายิ้มและทำงานของเขาต่อไป เขาเพียงขอบคุณที่ให้กำลังใจเขา….


ผมเดินจากมา ในมโนสำนึกผมคิดอะไรไปมากมาย

ผมอยากจะคุยเขาอีกหลายอย่าง…

หูผมยังก้องคำที่ว่า… เพื่อลูก พ่อทำได้ทุกอย่าง….

..ขอบคุณที่ให้กำลังใจ…

ผมไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำไป แต่การพูดคุยไม่กี่คำกับเขา ให้สติดีจริงๆ..

ผมเป็นคน sensitive ตั้งแต่เมื่อไหร่…ผมเดินจากมาด้วยน้ำตาซึมๆ พร้อมจูงแขนคนข้างกายกลับที่พักเพื่อทำภารกิจอื่นเพื่อพรุ่งนี้ต่อไป…


Coke + Mentos = ?

337 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 มกราคม 2010 เวลา 18:09 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 6499

แต่ก่อนผมชอบกิน Coke ไม่ชอบ Pepsi แต่ก็หยุดมานานแล้ว

เห็น FW mail นี้ก็ตกใจ อันตรายมากนะครับ เด็กๆที่ชอบบังคับพ่อแม่ ร้องจะกินน้ำอัดลม ระวังหน่อย..

ความจริงมีอีกนะครับที่ผสม COKE แล้วอันตรายมากๆ เพราะมันคือน้ำกรดดีดีนี่เอง คือเอากำมะถันใส่ไปในน้ำ COKE อย่าทำเด็ดขาดนะครับ จะโกรธใครมากมายแค่ไหนก็อย่าเอากำมะถันใส่น้ำ Coke แล้วไปสาดหน้าเขา กรรมมากมายนัก

ขอบคุณผู้ FW mail



Main: 1.5790040493011 sec
Sidebar: 0.086326122283936 sec