ฝ้ายคำ..สวย

159 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 17 มกราคม 2010 เวลา 12:48 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3216

ดอกฝ้ายคำบานเต็มต้น เต็มที่ ลมหนาวก็มา พัดเสียแรงทีเดียวช่วงนี้ เขาก็ล่วงหล่น เราก็เก็บเอามาวางสวยๆต่อ ก็มันยังสวยอยู่น่ะ..

เพราะเราถ่ายรูปใกล้ๆไม่ได้ ต้องใช้ซูม ก็พยายามถ่ายมุมต่างๆ เพื่อให้ได้ภาพคมชัดและเด่นโดด
ก็ได้เท่าที่เห็นแหละ..

ทั้งดอกตูม ดอกบาน สวยไปคนละอย่าง ทั้งหงาย ทั้งคว่ำ ก็สวยไปคนละแบบ

พยายามหามุมที่เน้นดอกให้เด่น แต่ไม่ง่ายในเงื่อนไขที่อยู่ไกลและจัดมุมได้ยาก ก็เอาเท่าที่พอจัดได้

ลองใช้เทคนิคการถ่ายแบบให้ออกมาดูนุ่มนวล ให้เบลอๆบ้าง ก็สวยไปอีกแบบ บางคนชอบแบบนี้มากกว่าด้วยซ้ำไป

แม้แค่กลีบดอกที่โดดเด่นจากมุมมืดดำ ก็สวยเพียงพอ

เฮ่อ…มันก็แค่การปรุงแต่งขึ้นมาเท่านั้นเอง แค่เราไปกำหนดค่า ให้ราคา ชอบ ไม่ชอบ..เท่านั้นเอง

ทำให้นึกถึงคำในพระสูตรที่เทียบเคียงเอาว่า

“เอ่อ…มันสวยนะ แต่จริงๆแล้วมันไม่ได้สวยหรอก..เออ..แต่มันก็สวย..”

(ห้า ห้า เบื่องานเขียนก็แว๊บมาพึมพำที่นี่แหละ)


Solar Eclipse (KKN)

163 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 15 มกราคม 2010 เวลา 16:37 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2628

สุริยคราสที่ขอนแก่นครับ

ถ่ายรูปผ่านแผ่นฟีล์ม x-ray

สองชั้นที่มีพื้นที่ดำที่สุดทั้งสองแผ่น

มือจับ ถ่ายหลายสิบได้ดีแค่นี้ อิอิ


กำลังใจแด่ป้าจุ๋ม..

174 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 12 มกราคม 2010 เวลา 12:58 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2049

ไม่ทราบเป็นอะไร ไปงานประกวดกล้วยไม้ “ช้างบาน” ที่ มข.คราวนี้ ไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปดอกไม้ที่สวยๆเลยหละ เดินผ่าน เดินผ่าน ดูแล้วก็ผ่านไปเฉยๆ  ทุกทีหน่วยความจำในกล้องจะร้องบอกว่า ..เจ้านายมากไปแล้ว จำไม่ไหวแล้ว..อิอิ

แต่คราวนี้ได้รูปหัวใจมา  เลนเอามาฝากป้าจุ๋มครับ

ส่งกำลังใจมาให้ป้าจุ๋มครับ


เรือนริมธาร

683 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 มกราคม 2010 เวลา 13:51 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 6010

ไปกำแพงเพชร คราวนี้ไม่ได้พักบ้านพี่ แต่ไปพักที่เรือนริมธาร เป็นห้องพักขนาดกะทัดรัด มี 8 ห้องที่เป็นหลังๆ และมี 10 ห้องที่เป็นคล้ายๆห้องแถว คนข้างกายค้นมาจาก internet ราคาห้องเตียงคู่ริมแม่น้ำ 450 บาท ห้องติดกันด้านในราคา 400 บาท ในห้องก็มีทุกอย่างตู้เย็น พัดลม ทีวี โต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงาน ห้องน้ำ และที่เลือกเพราะมี WIFI และบรรยากาศดีมาก อ้อมีอาหารเช้าด้วย มีกาแฟ


ทราบคร่าวๆว่าเจ้าของเป็นหมออยู่กรุงเทพฯ ได้มรดกมาก็ทำเป็นที่พัก แล้วให้ญาติมาบริหารให้ ห้องสะอาด บรรยากาศดีมาก เพราะติดริมน้ำปิงที่สงบเงียบ ผิวน้ำเรียบเหมือนแก้ว ไม่มีเรือมาวิ่งให้เกิดเสียงดัง อ้อมีเหมือนกันแต่ไม่มาก



อยู่ใกล้สะพานที่เป็นเส้นถนนรอบเมือง ชาวบ้านเลี้ยงปลาในกระชัง และปลูกผักกะเฉด เช้าขึ้นมาก็มาเก็บผักกะเฉด แม้จะไม่ไกลจากสะพานก็เสียงรถก็ไม่รบกวนครับ


บริเวณที่พักมีสนามหญ้า มีต้นไม้ร่มรื่น มีโต๊ะให้นั่งเลน หรือจะทำกิจกรรมอะไรก็ได้ มีศาลาหลังเล็กๆ นั่งได้สักสิบคน สำหรับนั่งทานอาหารเช้า หลังจากนั้นจะมานั่งเล่นก็ได้ นั่งคุยกันก็โอเค นั่งเล่นคอมพ์ก็ไม่แปลก เขาจะให้รหัสเข้า Internet แล้วก็ใช้ฟรีไปเลย


ที่ผมชอบอีกอย่างคือ มีลานจอดรถกว้างขวาง ใครผ่านไปมากำแพงเพชร อยากพักก็ลองแวะไปนะครับ ดีกว่าหลายๆที่ จุดเด่นคือ สะอาด เงียบ ริมน้ำ อัธยาศัยดี ราคาไม่แพงครับ..


เล่นกับ แสง สี ตอนที่ 4

1671 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 ธันวาคม 2009 เวลา 21:41 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 22277

ตัวอย่างที่ผมเล่น

1. ผมมีรูปถ่ายพระจันทร์เวลากลางคืน แต่ไม่สวยเลย ดังรูป ไม่คมชัด ไม่..ไม่…ไม่..


ผมก็เอามาเล่นตามขั้นตอนต่างๆ แล้วเอารูปที่ได้ ไปเล่นต่อตามลูกเล่นต่างๆ กลับซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ใส่สีโน้นสีนี้ ดูไปมีส่วนคล้ายหยินหยาง เลยเล่นขาวดำไปเลย ก็ได้ของเล่นดังตัวอย่างข้างล่างนี้



2. ค่ำวันนั้นผมไปรับคนข้างกายที่สนามบินขอนแก่น เธอกลับมาจากปัตตานี ลงมาศึกษาเรื่องแรงงานอพยพของ ILO พอดี ห้างเซ็ลทรัลมาเปิดใหม่กำลังฉลอง ติดไฟสีสวยๆ จุดพลุสี ยืนอยู่ที่จอดรดที่สนามบินมองเห็นได้ จึงเอากล้องถ่ายเล่นดู ก็ได้ภาพที่ไม่พึงประสงค์ ดังข้างล่างนี้


ผมก็เอามาเล่นต่อ แบบนั้นแบบนี้ มากมายหลายลูกเล่น ก็ได้รูปดังต่อไปนี้



3. ลองเอาเมฆมาเล่นครับรูปซ้ายมือ รูปขวามือเป็นไฟกลางคืน


4. บางทีสร้างต้นแบบเอง เอาสีแต้มลงบนพื้นที่สีดำ แล้วเอามาเล่น


จะได้
รูปข้างล่างรูปแรก แล้วแต่งสีใหม่ในรูปที่สอง


5. บางทีอยากเห็นรูปแปลกๆ ก็ได้ออกมาแบบนี้ครับ


ท่านคงเดาไม่ออกว่าต้นฉบับคือรูปอะไร (ซ้ายมือ) ต้นฉบับคือรูปหนอนบนใบไม้ ผมซูมเอาเฉพาะขนสีเหลืองของตัวหนอนที่มี Back ground เป็นใบไม้สีเขียว ก็ได้ออกมาอย่างที่เห็น แปลกดี..

6. เอาของเล่นหลากหลายมาฝาก





ลองเล่นดูแล้วเอามาแบ่งกันดูบ้างนะครับ



เล่นกับ แสง สี ตอนที่ 3

66 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 ธันวาคม 2009 เวลา 20:25 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3996

ต่อจากตอนที่ 2


รูปที่ 14 รูปที่ 15

10. เมื่อเราเลือกการย้อมสี จะมีเมนูขึ้นมาดังรูปที่ 14 เราก็สามารถเลือกสีตามที่เราชอบใจได้ ดังภาพผมเลือกสีม่วง รูปที่ได้จะเป็นสีม่วง และเมื่อเลื่อนไปที่สีเขียว เราก็จะได้วัตถุเป็นสีเขียวดังรูปที่ 15 การย้อมสีนี้มีระดับตั้งแต่ 0-255


รูปที่ 16 รูปที่ 17


รูปที่ 18

11. หากเราต้องการเปลี่ยนสีพื้น เราก็ย้อนไปที่เมนูเลข 1 “ความสว่างสี” เมื่อขึ้นเมนูใหม่ก็เลือกที่เลข 2 คือ “สมดุลสี” ตามรูปที่ 16 เมื่อเลือกแล้วจะได้เมนูใหม่ขึ้นมาตามรูปที่ 17 ที่เมนูใหม่นี้เราก็ลองคลิกปุ่มตรงกลางนั้นไปซ้าย ขวา แล้วพิจารณาว่าพอใจแบบไหน กรณีตัวอย่างนี้ผมเลือกแถวล่างสุดของเมนู ที่ระบุ ซ้ายเป็นสีเหลือง ขวามือเป็นน้ำเงิน ตามรูปที่ 18 ลองขยับมาที่ 48 % ทางน้ำเงิน เราจะได้ Back ground เป็นสีน้ำเงินดังรูปที่ 17


รูปที่ 19 รูปที่ 20

12. ยังมีลูกเล่นอีกมากมาย เช่นเราสามารถเล่นกับสีแปลกๆได้อีกตามความพึงพอใจ เช่น รูปที่ 19 เราคลิกที่ “ความสว่าง,สี” เมื่อเมนูขึ้นมาก็คลิกที่ “Threshold” ซึ่งอยู่บรรทัดล่างสุดของเมนูนี้ จะได้เมนูใหม่เกิดขึ้น ตามรูปที่ 20 และเราสามารถปรับรูปได้โดยคลิกเลขที่ 1 และปรับสีพื้นได้โดยเลือกสีที่เลข 2


รูปที่ 21

ท้ายที่สุดจะได้รูปที่ 21

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงลูกเล่นเพียงนิดเดียวเท่านั้น มีลูกเล่นมากมาย หากท่านที่สนใจก็ลองใช้เวลาว่างเล่นดูนะครับ เพลินไปอย่าง ไม่ต้องมาปวดหัวกับเกมส์ที่กัมปูเจีย อิอิ


เล่นกับ แสง สี ตอนที่ 2

25 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 ธันวาคม 2009 เวลา 20:24 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3242

ต่อจากตอนที่ 1


รูปที่ 7

4. สมมุติว่าเราเลือกรูปเบลอๆที่คัดไว้แล้วดังรูปที่ 7


รูปที่ 8

5. แล้วเราก็ไปเลือกเมนูที่อยู่ด้านล่างของรูป เราเลือก “หน้าหลัก” ก่อน แล้วไปเลือก “ฟิลเตอร์” เราก็จะได้เมนูใหม่โผล่ขึ้นมาดังรูปที่ 8


รูปที่ 9

6. บนเมนูที่ขึ้นมานั้น เราไปเลือกที่ “การทำภาพบิดเบือน distort” โปรแกรมจะขึ้นเมนูใหม่ทางซ้ายมือ และมีตัวเลือกให้เล่นมากมาย เราก็เลือกที่ “swirl หรือ ภาพเหมือนมองผ่านน้ำที่กำลังหมุน” ดูรูปที่ 9


รูปที่ 10

7. เมื่อเราคลิกที่ “swirl หรือ ภาพเหมือนมองผ่านน้ำที่กำลังหมุน” รูปที่เบลอๆที่เราเลือกมานั้นจะถูกโปรแกรม ทำโดยอัตโนมัติให้เป็นรูปดังที่เห็น ซึ่งรูปจะออกมาเป็น “เหมือนน้ำกำลังหมุน” จะหมุนมากหมุนน้อยก็ขึ้นกับ level ที่เราเลือก ซึ่งจะมี level จาก 0-500 เราก็ลองเลือกให้โปรแกรมจัดการ ชอบตรงไหนก็คลิกตกลง เราจะได้รูปที่ 10


รูปที่ 11                                                                     รูปที่ 12

8. รูปข้างบนก็เป็นตัวอย่างที่ใช้ level ในระดับที่แตกต่างกัน ก็จะได้รูปที่แตกต่างออกไป หรือ ภาพน้ำที่กำลั
งหมุนมากน้อยต่างกัน ตามรูปที่ 11 และ รูปที่ 12


รูปที่ 13

9. เมื่อเราได้รูปที่ 12 หรือ ภาพน้ำที่กำลังหมุน เมื่อเราพอใจรูปทรงของรูปแล้วก็สามารถเล่นกับสีต่อได้อีก คือสามารถเปลี่ยนแปลงสีของรูปวัตถุ และเปลี่ยนสี Back ground ตามชอบได้ โดย คลิกไปที่เลข 1 “ความสว่าง,สี” จะมีเมนูขึ้นมาดังภาพแล้วเราก็เลือกคลิกที่ 2 “การย้อมสี” ตามรูปที่ 13

ต่อตอนที่ 3



เล่นกับ แสง สี ตอนที่ 1

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 ธันวาคม 2009 เวลา 20:22 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2571

พ่อครูบาถามว่ารูปตัวอย่างแบบนี้ถ่ายอย่างไร.. ผมตอบว่าไม่ได้ถ่ายแต่เป็นการใช้โปรแกรมมาเล่นแต่งครับ จะอธิบายต่อไปนี้เพื่อพ่อครูและทุกท่านที่สนใจ หากเซ็งเป็ดอะไรมา ก็มาขยับตามนี้ก็น่าจะพอแก้เซ็งไปได้ หรือว่าจะกลายเป็นเซ็งห่าน เซ็งไก่ อย.ก็ไม่รับรองนะขอรับ..


รูปที่ 1                                                                          รูปที่ 2

1. เริ่มจากกล้อง DIGITAL บางทีก็ถ่ายรูปเสีย เบลอ เป็นจุดสีอะไรไป ซึ่งผมลบทิ้งมามากมาย แต่ต่อมาเมื่อมาทำ Power point บ่อยๆ ก็พบว่า เอ..รูปเบลอๆนี่หากเอามาเป็น Back ground ก็น่าจะได้ เพราะไม่ต้องการชัด ต้องการวัตถุที่แสดงชัดๆ แต่ ภาพเบลอๆนั้นเอามาแต่งให้ Power point ดูน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น จึงเก็บภาพเบลอๆไว้ ไม่ทิ้ง จัดไว้ หนึ่ง dir เลยครับ


รูปที่ 3                                                                       รูปที่ 4

และช่วงที่ผมบ้าถ่ายรูปไฟท้ายรถขณะนั่งรถตามหลังคันอื่นยามค่ำคืน แล้วได้ภาพแสงไฟแปลกๆ ทั้งสวยและไม่สวยก็เอามาเล่นต่อ หรือไฟตามถนนที่รถวิ่งผ่านไป เรานั่งหน้ารถก็ถ่ายรูปเก็บเอามาดูเล่น รูปที่ 3 และรุปที่ 4 คือภาพต้นฉบับที่ถ่ายแสงตามถนนกลางคืนที่ผมนั่งหน้ารถตู้จากกรุงเทพฯถึงขอนแก่น



รูปที่ 5

2. โปรแกรมที่ผมใช้คือ PhotoScape v. 3.4 ดูรูปที่ 5 ซึ่งเป็นโปรแกรมจัดการรูปที่นิยมกันมาก สามารถ download ฟรีได้ครับ ที่นี่ ส่วนใหญ่ผมใช้ย่อขนาดรูปสำหรับ Post ครับ แต่มี Feature มากมายที่ส่วนใหญ่เราไม่มีเวลาไปเล่น ไปศึกษา เมื่อพอมีเวลาบ้างก็เข้ามาลองเล่น เคาะโน่นเคาะนี่ดู ก็พบว่ามีอะไรที่สนุกพอสมควร ผมไม่กล่าวถึงลูกเล่นอื่นๆนะครับ ตรงเข้าเป้าเลยคือ การเล่นแสงสีกับรูป


รูปที่ 6

3. เลือกไปที่ “เมนูแก้ไขภาพ” ช่องซ้ายมือสุดจะเป็น directory ให้เราเลือกว่า file ภาพที่เราต้องการอยู่ตรงไหน เราก็เลื่อนไปค้นหาภาพที่ต้องการ ดูรูปที่ 6

ต่อตอนที่ 2



ตลาดสิงค์โปร์..

634 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 ธันวาคม 2009 เวลา 23:03 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 12005


แขวงสะหวันนะเขตมีพื้นที่ใหญ่ที่สุด ตัวเมืองสะหวันนะเขตจึงมีสถานกงสุลใหญ่ประเทศไทยประจำอยู่ที่นี่ รับผิดชอบเลยออกไปจนถึงจำปาสัก พลเมืองในตัวเมืองมีมาก เป็นพื้นที่ที่อดีตผู้นำประเทศลาวเกิดที่นี่หลายท่าน คนไทยไปลงทุนไม่น้อย แต่ที่ไม่น้อยไปกว่ากันคือมาเลเซียและสิงค์โปร์ ตลาดกลางเมืองสะหวันนะเขตแห่งนี้เจ้าของผู้มาลงทุนคือ สิงคโปร์ จึงเรียกตลาดสิงค์โปร์

ตอนอาว์เปลี่ยนอยู่มุกดาหาร ข้ามมาหลายครั้งเพราะสนใจ “ปื้มลาว” อาว์เปลี่ยนเป็นคนสนใจภาษาลาว อ่านได้เขียนได้ลึกซึ้ง จึงเป็นหลักในงานหลายชิ้นที่ต้องผ่านมืออาว์เปลี่ยน

ตลาดสิงค์โปร์เป็นตลาดเสื้อผ้าเหมือนโบ้เบ้บ้านเรา นอกนั้นก็มีกระเป๋าที่มีรุ่นใหม่ทุกยี่ห้อ ใครอยากทันสมัยหิ้ว “หลุย….” ข้ามไปสะหวันนะเขตก็จะมีให้เลือกจนจุใจสนนราคา ตั้งแต่ 80 บาทจนถึง 500 กว่าบาท อิอิ ปลอมมาจากจีนทั้งน้านนนนน


อาเจ๊ท่านนี้กำลังทำแหวนทองที่เห็นแดงสุกอร่ามนั่นแหละเธอเพิ่งจะเผามันด้วยไฟแก๊ส..

ทอง..ร้านทองที่นี่ดูซบเซากว่าคราวก่อนที่ผมมา ในตู้มีทองวางไม่เต็มตู้ บางตาไปมาก ไม่เข้าใจเหตุผล แต่ทองที่นี่ออกแดงๆ ไม่เหลืองทองอร่ามเหมือนบ้านเรา นอกจากทองก็มีเครื่องเงินที่เป็นเครื่องประดับสวยครับ ฝีมือละเอียด ใครชอบเครื่องเงินก็ไม่ผิดหวัง

นอกนั้นก็เป็นของใช้สำหรับสตรี เครื่องประทินโฉมต่างๆ ก็ดูจะมาจากบ้านเราเป็นส่วนใหญ่


ผลไม้.. ด้านหลังตลาดเป็นเพิงง่ายๆ บริเวณใหญ่พอสมควรมีแต่ผลไม้ที่มาจากเมืองจีนทั้งทางเรือและทางรถ สารพัด เหมือนที่มีวางขายบ้านเราแหละครับ


ร้านขายปื้ม..ไม่หรูหราฟู่ฟ่าเหมือนบ้านเรา แต่ก็มีหลากหลายพอสมควร ทั้งแบบเรียน นิตยสาร อ่านเล่น วิชาการ การ์ตูน ดูเล่มขวามือซิครับ ท่าน ว.วชิรเมธี ก็มีวางขายที่นี่ เพราะตลอดริมโขงฝั่งลาวและลึกเข้าไปจนถึงชายแดนติดเวียตนาม สามารถรับทีวีไทยได้ทุกช่อง เขาจึงติดละครบ้านเราเหมือนคนไทยติด ข่าวสารต่างๆได้รับหมด การเมืองบ้านเราเป็นอย่างไร เขาตามทันโม้ดดดด


ที่แปลกตาในตลาดแห่งนี้ก็มีภาพที่เห็นนี่แหละครับ นี่คือกลุ่มสตรีที่มารับจ้างแต่งเล็บทั้งตัด ทำความสะอาด และปรนเปรอเล็บ นิ้วทั้งมือทั้งเท้า มีคนบอกว่าส่วนใหญ่เป็นสตรีมีเชื้อสายเวียตนามที่มักนิยมมาทำอาชีพนี้ มุมนี้มีจำนวนมาก แต่ก็เดินไปมุมไหนก็มีทุกทุม ครับ แบบเรียกไปทำให้ที่ร้านขณะนั่งขายสินค้าก็ได้.. ผมเห็นเล็บเธอหลายคนทาสี แต้มจุดสวยเลย… สตรีที่ไหนๆก็รักสวยรักงามนะครับ


ด้านหน้าตลาดนั้นถูกพัฒนาขึ้นเป็นสถานที่ขายสมุนไพรที่มีร้านวางสินค้าชัดเจน ซึ่งหลายปีก่อนนั้นแค่วางแบบกะดิน คุณยายท่านนี้นั่งหลับเอามือเท้าคางอยู่ สินค้าหลายตัวก็มาจากฝั่งไทยครับ เช่นยาหม่องสมุนไพรที่มีเนื้อสีเขียวๆ (ผมก็ใช้อยู่) อีกมุมหนึ่งกองสุมสมุนไพรเต็มไปหมด ปนกับพระพุทธรูป และเครื่องรางชนิดต่างๆ


ที่แปลกตาดูจะเป็นสองรูปนี้ครับ ซ้ายมือคือผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างเหมือนคนมีทั้งเพศชายและหญิงมัดเป็นคู่ๆ เขาบอกว่าคนจีน หรือคนที่ทำมาค้าขายจะซื้อเอาไปเคารพบูชาเพราะจะทำให้ทำมาค้าขึ้น.. ส่วนขวามือนั้นเป็นจิ้งจกตากแห้ง มีสองหาง.. เจ้าตัวซ้ายมือนั้น หางเป็นพวงเลย ใครอยากรู้สรรพคุณ ค้นคว้าเอาเองนะ อิอิ..


สังคมบ้านเราและแถบอินโดจีนนี้ก็พบเสมอคือ วณิพก สองท่านนี้นั่งอยู่ที่หน้าตลาด คุณลุงตาบอดและน่าจะมีอาการอื่นๆประกอบด้วยผมใส่เหรียญไทยไปมีเสียงดัง แล้วเดินเลยมา คุณลุงยังยกมือไหว้อยู่เลย…

มีคนสรุปไว้ว่า ผู้ที่ทำมาค้าขายในตลาดนี้ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนลาวครับ เป็นคนจีนและเวียตนาม…


พระธาตุอิงฮัง..

1819 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 ธันวาคม 2009 เวลา 21:12 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 39964

ผมไม่ได้ข้ามไปฝั่งสะหวันนะเขตบ่อยนัก นอกจากมีภารกิจเท่านั้น แต่คราวนี้ต้องพาผู้ใหญ่เบอร์สองไปเที่ยว ก็เลยต้องข้ามไป ก็แปลกหูแปลกตาไปพอสมควร


ยังจำได้ว่าเราเคยพาคณะกรรมการตลาดชุมชนของ 4 จังหวัดไปฟังประธานหอการค้าจังหวัดพูด สมัยนั้นคือ ดร.อีดิธ เป็นฝรั่งนะครับพูดไทยได้ และเป็นประธานหอการค้าจังหวัด ท่านอย่าแปลกใจว่าทำไมฝรั่งมาเป็นตำแหน่งสำคัญนี้ ก็เพราะเธอแต่งงานกับคนไทย เธอทำธุรกิจศูนย์ โตโยต้า ที่มุกดาหาร

หลังจากนั้นเราก็พาเกษตรกรข้ามประเทศไปคารวะท่านกงสุลใหญ่ประเทศไทยประจำแขวงสะหวันนะเขต ฟังท่านบรรยายและทานอาหารกลางวัน พอเดินทางกลับมาฝั่งไทย ส่งทุกคนกลับบ้าน ข่าวสึนามิถล่มฝั่งอันดามันไทยก็ประกาศลั่น


อาคารนี้สำหรับซื้อตั๋วเข้าพระธาตุ            อาคารเล็กๆนี้สำหรับสตรีนุ่งผ้าถุง

ข้ามไปฝั่งสะหวันนะเขตก็ต้องไปกราบพระธาตุอิงฮัง ซึ่งไกลออกไปประมาณ 14 กม. พระธาตุองค์นี้มีความสำคัญเท่ากับพระธาตุนครพนม ชาวบ้านสองฟากฝั่งให้ความเคารพบูชาเหมือนกัน เท่ากัน ผมชอบประเพณีที่นี่คือ ห้ามสตรีเดินเข้าไปชั้นในของตัวองค์พระธาตุ ได้แต่กราบไหว้ด้านนอกเท่านั้น และจะเข้าบริเวณวัด จะต้องนุ่งผ้าถุง.เท่านั้น….???


ดีจังเลย…สาวไทยที่นุ่งกางเกงเอวต่ำเอวสูงไม่มีสิทธิเข้าไปกราบนอกจากจะซื้อบัตรผ่านแล้วไปเอาผ้าถุงมาใส่ทับกางเกงเข้าไป ซึ่งเขามีบริการสุภาพสตรีครับ ค่าบัตรผ่านก็ราคา 5,200 กีบครับ คิดเป็นเงินไทยก็ 20 บาท สาวไทยยุคโลกาภิวัตน์บางคนก็ไม่เคยนุ่งผ้าถุงมาเลย ดูเขินๆ และคอยจะหลุดอยู่เรื่อย ต้องคอยจับ อิอิ..


ผู้ที่จะไปกราบพระธาตุจะต้องซื้อ เครื่องบูชา เหมือนบายศรี แบบที่เห็นนี้ จะมีชาวบ้านทำมาวางขายข้างทางริมถนนก่อนถึงพระธาตุ ที่บริเวณวัดจะไม่มีเครื่องบูชานี้ขาย จะมีแต่ธูปเทียนเท่านั้น



ขอไม่เล่าประวัติพระธาตุอิงฮังนะครับ สภาพทั่วไปก็ไม่หรูหรา เท่าพระธาตุพนมของเรา แต่ความหรูหราไม่ใช่สาระ ความศรัทธาต่างหากที่พี่น้องลาวไทยตลอดริมโขงบริเวณนี้ต้องมากราบไหว้สักครั้งในชีวิต


ใกล้ๆองค์พระธาตุจะมีศาลาหลังย่อมๆ มีพระและแม่ชีมานั่งประจำหมุนเวียนกัน เพื่อให้ผู้มีศรัทธาเข้าไปขอพรและให้ผูกข้อมือ โดยจะบริจาคหรือไม่ก็ไม่กะเกณฑ์ใดๆ


ด้านหน้าขององค์พระธาตุจะมีผู้เฒ่าคอยทำพิธีพิเศษให้ท่านที่ต้องการตรงบานประตูเข้าองค์พระธาตุ สังเกตเห็นว่า เครื่องบูชานั้นจะถูกนำไปวางเรียงกันที่ฐานองค์พระธาตุ และจะมีมะพร้าวอ่อนที่เปิดกะลาออกแล้วพร้อมดื่มน้ำ วางเรียงด้วยกัน ผมไม่มีโอกาสสอบถามรายละเอียด เดาเอาว่า น่าจะเป็นเครื่องบูชาอีกประการหนึ่ง ตามความเชื่อเฉพาะของที่นี่

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ หากใครเป็นคนช่างสังเกตที่บานประตูที่ปิดทองนั่นนะครับมีภาพ อีโรติคแกะสลักอยู่ ไม่ได้สอบถาม จึงไม่มีคำอธิบายครับ แต่เอามาให้ชมกันเป็น “รหัสธรรม” ก็แล้วกัน


มีโปรแกรมอื่นอีกเราก็เดินทางออกจากที่นี่ มาถึงปากซอยก่อนจะเลี้ยวเข้าตัวเมืองสะหวันนะเขต ก็เห็นภาพนี้ครับ


ชนบทที่ไหนๆก็มีภาพเหล่านี้ครับ

มุมหนึ่งก็นึกไปว่า ประเทศที่ปกครองด้วยอีกลัทธิหนึ่งนั้น ก็ไม่น่าที่จะมีภาพเหล่านี้ปรากฏ ก็ไหนว่า ลัทธิทุนนิยมงมงาย ฟุ้งเฟ้อ มีแต่ขยะทางจิตวิญญาณสะสมให้แก่เด็กยุคใหม่ที่จะเป็นอนาคตของประเทศ นี่คือความจริง

คิดอีกทีก็เพราะมีอย่างนี้น่ะซีจึงมีคนอย่างเราเข้ามาทำงานพัฒนาชนบท หากดีไปหมดเราก็ตกงานน่ะซี อิอิ อิอิ..ยุส่งไปเลย…


ไป Sawan Vegus..วันรัฐธรรมนูญ 52

11 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 ธันวาคม 2009 เวลา 21:55 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2844

รถมินิบัสคันสวยที่เห็นนี้ เห็นเผินๆก็น่าจะนึกถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่กำลังจะไปท่องเที่ยวที่ไหนสักแห่งหนึ่ง


แต่หากจะดูชัดๆที่หน้ารถคันสวยนี้จะเห็นคำว่า Sawan Vegus, Hotel & Casino

นี่คือรถที่รับคนจากฝั่งมุกดาหารไปแขวงสะหวันนะเขต ตรงรี่ไปที่ บ่อนคาสิโนใหม่ที่นี่


นี่คือป้ายใหญ่บอกว่าข้างหน้าคือโรงแรมหรูและคาสิโน หรือเรียกชัดๆคือ บ่อนใหญ่ที่ถูกกฎหมาย


ที่หน้าบ่อน Sawan Vegus มีโฆษณาใหญ่ที่เร้าใจคอพนันคือ โชคใหญ่ทุกเดือนคือรถปิคอัพโตโยตาไฮลัคคันนี้ ผมเห็นทะเบียน มุกดาหารด้วย….


นี่คือประตูทางเข้าบ่อนใหญ่ ท่านสังเกตไหมครับว่าเขาใช้ภาษาไทยและอังกฤษ ทำไมไม่ใช้ภาษาลาว??

ชายสองคนขวามือนั่นคือเจ้าหน้าที่ของโรงแรมและบ่อนแห่งนี้ ทำหน้าที่ตรวจบัตรสำหรับคนที่นั่งรถมินิบัสของบ่อนเข้ามาโดยตรง เขาจะ มีบริการพิเศษ แต่มีเงื่อนไขคุณจะต้องเล่นการพนันไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งอย่างต่ำ 100 บาท..นี่คือคำกล่าวของพนักงานขับรถที่ผมนั่งไป..

ก่อนก้าวไปข้างในบ่อนใหญ่แห่งนี้ พนักงานขับรถบอกว่าให้เก็บกล้องถ่ายรูปไว้ในรถ ห้ามเอาเข้าไปเด็ดขาด.. เลยไม่ได้ภาพมา ก็เล่าให้ฟังก็แล้วกัน

เป็นห้องโถงใหญ่มาก หลังคาสูง พื้นปูพรม ทั้งหมด เปิดแอร์เย็นฉ่ำ พื้นที่ขนาดสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่นี้ มีเครื่องเล่นการพนันที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์จัดการ มีพนักงานจัดการเล่นเป็นสตรีหน้าตาดี น่าจะมีสัก 30 โต๊ะกระจายอยู่ตรงกลางห้อง แต่ไม่ทราบเลยว่าแต่ละโต๊ะนั้นเรียกว่าอะไรบ้าง ด้านในสุดซึ่งตรงข้ามกับทางเข้าเป็นพื้นที่สล๊อทแมชีน.. มีจำนวนประมาณ 10 ตัว

มีจังหวะที่คุยกับพนักงานบ่อนแห่งนี้เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี เขาพยายามอธิบายว่าเป็นอย่างไรบ้าง..

  • เด็กหนุ่มชี้ไปที่โต๊ะทุกโต๊ะว่ามีกระดาษขาวขนาดครึ่ง A 4 เขียนว่า ห้ามประชาชนลาวมาเล่นการพนันเด็ดขาด
  • ที่นี่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีพนักงานแบ่งเป็น 3 กะๆละ 8 ชั่วโมง
  • ได้เงินเดือน 4000 บาท แต่มีสวัสดิการมาก พอใจ
  • ผมถามว่าเป็นคนที่ไหน เขาบอกว่าเป็นคนจำปาสัก ถามว่าเรียนจบอะไร เขาบอกว่า จบปริญญาตรีที่สะหวันนะเขตด้านภาษาอังกฤษ? พนักงานทุกคนที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้..!
  • เครื่องดื่มฟรี พร้อมกับชี้ไปที่พนักงานใส่เสื้อขาวแขนยาวว่าเขามีทีหน้าที่บริการด้านนี้
  • ก่อนที่จะถามอะไรไปมากกว่านี้เด็กหนึ่งคนนี้ก็ขอตัวไปก่อน

มุมหนึ่งมีป้ายภาษาไทยขนาดใหญ่ว่า รับพนันกีฬา ใต้ป้ายนี้มีจอทีวีขนาดใหญ่ที่กำลังถ่ายทอดการแข่งฟุตบอลต่างประเทศอยู่ หน้าจอนั้นมีโซฟาอย่างดีกลุ่มใหญ่รองรับคนที่สนใจการพนันประเภทนี้

มองไปที่ผู้เล่นการพนันตามโต๊ะต่างๆ ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 60-40 วัยกลางคน หน้าตาก็ธรรมดา ไม่ใช่คุณหญิงคุณนาย บางโต๊ะน่าจะเป็นสามีภรรยากันด้วยซ้ำไป มีโต๊ะว่างประมาณ 10 โต๊ะ

ผมยืนดูหญิงท่านหนึ่งเล่นสล๊อทอย่างเพลิน กดปุ่มนั่นนี่ไปเรื่อยๆ ดูหน้าจอที่มีตัววิ่งอยู่ สักพักก็มีไฟวูบวาบ คล้ายส่งสัญญาณว่าถูกรางวัลนะ แต่ตัวเลขโชว์ 180 แล้วก็เล่นต่อ แล้วในที่สุดเครื่องกินหมด..


ที่นี่คนธรรมดาทั่วไปก็เข้าไปได้ โดยไม่ต้องเล่น เขายินดี นี่แหละที่ผมเข้าไปได้เพราะอยากเข้ามาดูว่า บ่อนที่มีตลอดแนวแม่น้ำโขงที่ไม่ใช่ฝั่งไทยนั้นเป็นอย่างไร .. จริงๆผมมีภารกิจอื่น แต่คนขับรถแนะนำว่า แวะไปดูเฉยๆก็ได้ เลยแวะมาดูซะหน่อย

ผมเห็นคนไทยนั่งที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ลุ้นการพนันที่เขาเล่นอยู่นั่นแล้วก็ถอนหายใจ เฮือกใหญ่..ในสมองเขามีอะไร

เมื่อเดินทางกลับออกมา เห็นธงแดงค้อนเคียวปักอยู่ ผมก็นึกในใจว่า ตอนปฏิวัติสังคมนั้นก็โจมตีรัฐบาลว่ามอมเมาชาวบ้านด้วยการพนัน แต่มาวันนี้เขาทำแหล่งการพนันใหญ่โต แม้ว่าจะสร้างกฎว่าห้ามคนลาวเล่น แต่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาเงินเข้าประเทศ นึกเลยไปว่า มันก็ไม่ต่างจากการสนับสนุนประชาชนปลูกฝิ่น ผลิตเฮโรอิน แล้วสร้างกฎว่าห้ามคนประเทศนี้เสพ แต่ผลิตเพื่อขายเอาเงินเข้าประเทศ ทั้งสองประเทศมีศาสนาเดียวกันเป็นหลัก มีพระธาตุที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองฝั่งโขงที่ประชาชนกราบไหว้…


บนสะพานมิตรภาพไทยลาวที่ผมเดินทางกลับมุกดาหาร มีธงประดับสวยงาม ประกาศว่าวันชาติลาวเพิ่งผ่านไปเมื่อวันที่ 2 นี้เอง

ผมถามตัวเองว่า ชาติคืออะไร การสร้างชาติคืออะไร การเกี่ยวก้อยมิตรประเทศเดินไปในอนาคตด้วยกันสู่เมืองสวรรค์ดั่งชื่อเมืองนี้ ควรจะทำอย่างไร…

คนเล็กๆ(แม้ตัวใหญ่) อย่างเราที่ทำงานพัฒนาคิดมากมายไปหรือเปล่าหนอ..


พระจันทร์..

16 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2009 เวลา 0:43 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3682


พระจันทร์ที่สวนป่าใหญ่เท่านี้ไหมครับ…อิอิ


คำสนทนาธรรมดา

18 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 24 พฤศจิกายน 2009 เวลา 17:01 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 700

เขาว่าปีนี้ราคาข้าวมันดี.. ก็วิทยุ มันว่าไง เขาว่าพายุมันเข้าเวียตนาม ฟิลิปปินส์ คู่แข่งข้าวของเรา พังพาบลงไปแล้ว เหลือแต่เราไม่เป็นไรมากนัก ก็นอนยิ้มๆอยู่ แต่ยิ้มได้ไม่นานหรอกคุณเอ้ยย รายจ่ายมันไปล่วงหน้าแล้ว

รัฐก็มาช่วยจัดประกันราคาให้ เห็นแต่เถ้าแก่ยิ้มกว้างกว่าเพื่อน ทั้งขึ้นทั้งล่องเถ้าแก่ได้หมด ได้ลูกเดียว


ลูกน่ะหรือ มีซิ สาม สี่ คนนั่น… โอยมันไม่อยู่หรอกบ้านเรา โน้น..มันไปกรุงเทพกรุงไทยโน่น ส่งเงินมาบ้าง ไม่ส่งมาบ้าง นี่ตากับลูกเขยก็ต้องมาทำเอง ปีหน้าปีโน้นก็ปลดละวางตัวเองแล้ว ไม่ไหวแล้ว


นั่นยาย..มานั่งดูตาทำงาน แค่เดินก็จะไม่ไหวแล้วจะมาช่วยอะไรได้ แกมาให้กำลังใจหรือมากำกับก็ไม่รู้ หุหุ ก็ดี…มีคนคุยด้วย

เองทำงานอะไรเล่า…. จะมาช่วยตาหรือไงล่ะเห็นหยุดรถถามโน่นถามนี่

ไหวหรือเจ้านาย เดี๋ยวมือไม้ไม่ได้จับปากกาหรอกนะจะบอกให้….

ฝากไปบอกนายกด้วยนะ…มาเยี่ยมทางนี้บ้าง ไม่มีหรอกเสื้อแดงเสื้อเหลืองน่ะ มีแต่เสื้อเหม็นๆของตาที่แหละ..

ตาชอบคนนี้… ถ้าลูกสาวยังโสดจะยกให้เลยนะเนี่ยะ..

..!!!!..


..ร้า

712 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2009 เวลา 21:33 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 5736

อากาศดีดีอย่างนี้ผมก็ปิดแอร์รถ เปิดกระจก รับลมเย็นข้างนอก

โอ้….ดีจริงๆ.. เพลินไปเลย

ผมชอบฟังข่าวหนักๆจึงเปิดวิทยุ AM รัฐสภาฟังการอภิปราย ก็ได้ความรู้มาก ฟังความเห็นคนโน้นคนนี้ วิเคราะห์สาระคนโน้นคนนี้ บางทีก็เบื่อสุดเบื่อ ที่สภาวุ่นวายจริงๆ แต่ก็ได้ความรู้ เหมือน update บ้านเมือง


เมื่อ ผ่านกุฉินารายณ์ ก็เข้าเส้นทางไปมุกดาหาร มีหลายช่วงที่ถนนสวยมาก ผมชอบ เพราะเหมือนอุโมงค์ต้นไม้ ผมขับรถช้าเพราะรถตำแหน่งนั้นเก่าและโทรมมากๆ ไม่กล้าขับเร็วๆ เพราะซ่อมใหญ่มาหลายครั้งแล้ว จริงๆควรจะปลดระวางได้แล้ว แต่โครงการไม่มีนโยบายเปลี่ยนรถให้ นอกจากเปิดโครงการใหม่ ก็จะซื้อรถใหม่ ตามปกติของโครงการ

เอ บรรยากาศก็ดี อากาศก็เย็นดี ทำไมกลิ่นโชยมาไม่ค่อยดีเลย


เลยขับรถเร็วขึ้นเข้าไปดู รถคันข้างหน้า

ป๊าดดดดด นั่นมันรถบรรทุกปลาร้านี่เอง

ในปี๊บเต็มหลังรถคันนั้น มีแต่ปี๊บปลาร้า มุ่งหน้าไปคำชะอี มุกดาหาร เส้นทางเดียวกับเรา ผมเลยเร่งแซงไปเลย ควบอีแก่ปุเลงๆแซงไปอยู่ข้างหน้า เฮ่อ ค่อยหายเหม็นหน่อย..

ใจยังนึกว่า โห ก็ปี๊บนั่นขึ้นสนิมเต็มไปเลย มันจะมีผลกับ ส้มตำปลาร้าไหมหนอ

เฮ่อ ใครชอบส้มตำปลาร้าระวังเด้อ…..อิอิ


Stonehenge in Thailand..

35 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 22 พฤศจิกายน 2009 เวลา 21:39 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 4047

Stonehenge in Thailand




เอารูปมาให้ชมก่อน เป็น Stonehenge ที่บนภูเขา จังหวัดชัยภูมิ หลังจากจบทอดผ้าป่าแล้วทีมงานก็ไปเที่ยวต่อ ผมไม่รู้มาก่อนว่ามีหินแบบนี้ในบ้านเรา

น่าสนใจมาก นักธรณีวิทยาคงมาศึกษากันปรุไปแล้ว เป็นกองหินธรรมชาติที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ที่มีขนาดใหญ่และสูงเท่านี้ ในแง่ความสวยงามตามธรรมชาตินั้น สวยมากขึ้นหากท้องถิ่นพัฒนามากกว่านี้ ควบคุมคนมาเที่ยว จัดการขยะ และวิธีการเที่ยวที่มีการให้ข้อมูลไปด้วย นี่ไม่มีอะไรเลย เห็นแต่หินสวยๆ ยืนมากี่ล้านปีก็ไม่รู้

ถนนฝุ่นตลบ แต่กำลังพัฒนา

วัยรุ่นเที่ยวนี่ซิ เห็นแล้วก็รำคาญสายตาจริงๆ

เอาแค่นี้ก่อนนะ ทริปนี้มีหลายอย่างแต่งานรออยู่ครับ ค่อยทยอยก็แล้วกันครับ


จากนาข้าวถึง Pullman

90 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 พฤศจิกายน 2009 เวลา 23:53 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 7262

รอรับพ่อครูบาฯที่สนามบินขอนแก่นเมื่อเช้านี้ คนมารับมีจำนวนมากมาย คิดว่าคงมีผู้ใหญ่มาเที่ยวบินนี้ จริงๆคือ หมอประเวศ วะสี และอดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุข และปลัดกระทรวงนี้ และผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงหลายท่าน มาร่วมงานที่ Pullman


จ๊ะเอ๋ กับ อ.แสวง ที่มารับพ่อครูเหมือนกัน เลยพากันไปกินเซี่ยงจี้เลิศรสของขอนแก่น แล้วพ่อครูก็ตัดสินใจไปแปลงนา อ.แสวง แทนไป รพ.น้ำพอง พ่อครูบอกว่าส่งการบ้านให้แล้ว ขอปลีกตัวไปดูนาหน่อย

กำลังเกี่ยวข้าวพอดี อ.แสวง พาเราเดินชมโน่นนี่ พร้อมอธิบายละเอียดยิบ ผมนั้นทึ่งกับ อ.แสวงมานานแล้วตั้งแต่ทราบว่ามาทำนาเอง นี่แหละคนจริง..


ผมถือโอกาสไปคว้าต้นข้าวที่เกี่ยวรวงข้าวไปแล้ว เอามาทำปี่ แบบที่เคยเล่นสมัยเด็กๆ ที่เคยบันทึกไปแล้ว เอามาเป่าดู….ใช้ได้ ใช้ได้ ยังดังอยู่..

บริเวณที่นา อ.แสวงจัดแบ่งเป็นโซน ออกแบบที่นาแตกต่างจากรูปแบบเดิม ขออนุญาตลงรายละเอียดทีหลังครับ

เพราะมีเรื่องราวมากมายที่น่าสนใจ โดยเฉพาะผมที่ทำงานใกล้ชิดกับชาวบ้าน


จากแปลงนาเราไปรับป้าหวานไปทานข้าวมังสวิรัติที่ร้านดังที่สุดของขอนแก่น ตะวันทอง ที่ผมเป็นลูกค้ามานานกว่า 10 ปี ที่ร้านนี้เป็นสายอโศก จึงมีหนังสือดีดีที่เกี่ยวกับสุขภาพ และแนวคิดดีดีมาวางขาย รวมทั้งของ อ.ไร้กรอบ ดร.บัญชา (ชิว) ผมเองก็มาคว้าไปหลายต่อหลายเล่ม ยังกองอยู่บนโต๊ะเลย อิอิ

แล้วก็พากันไปเข้าร่วมสัมมนาที่โรงแรม Pullman เรื่อง “เวทีจุดประกาย: ขับเคลื่อนแผนแม่บทกำลังคนด้านสุขภาพสู่การสร้างสุขภาพภาคอีสาน” บุคลากรทางด้านนี้มาร่วมกันแน่นห้องขนาดใหญ่ ต้องใช้เก้าอี้เสริม

มีวิทยากรมาเล่าเรื่องราวด้านนี้ให้ฟัง 6 ท่าน ไม่รวมปาฐกถาของท่านหมอประเวศ วะสี ขอสรุปเท่าที่จับความได้โดยไม่ได้บันทึก

  • ปัญหาปัจจุบันด้านนี้คือบุคลากรที่จะทำหน้าที่รับมือกับการเจ็บป่วยของประชาชน
  • เน้นไปที่พยาบาลที่จะต้องทำการผลิตมากขึ้นเพื่อช่วยแพทย์ และงานแทนแพทย์เบื้องต้นได้
  • งานด้านสุขภาพต้องทำเชิงรุกไม่รอให้เจ็บป่วยแล้วมาหาหมอ ต้องมีทีมงานออกไปหาชุมชน หาคนไข้
  • ฟื้นฟูระบบศูนย์สุขภาพชุมชนแบบรอบด้านโดยดึงผู้รู้ในชุมชนเข้ามาช่วย หรือทำให้เป็นงานของเขา
  • ฯลฯ

ในที่ประชุมได้เชิญนายแพทย์ในหลายจังหวัดของอีสานมาเล่าประสบการณ์การแก้ปัญหาดังกล่าว ผมเป็นทึ่งกับการทำงานของคุณหมอ พวกเราทุกคนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ป้าหวานถึงกับกล่าวว่า คุณหมอเหล่านั้นคิดได้ไง..ทำได้ไง..เก่งจัง…

  • คุณหมอเหล่านั้นแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านนี้โดยการผลิตบุคลากรนี้กันเองโดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐ เพราะรัฐมีกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับมากมายกำกับ

  • อบต.แห่งหนึ่งที่ยโสธร หาทางออกกับคุณหมอโดยการเก็บเงินชาวบ้านเดือนละ 20 บาททุกคนตั้งแต่เกิดมาจนแก่เฒ่า เก็บหมด แล้วไปจ้างเจ้าหน้าที่ด้านนี้มาเสริมโดยไม่ใช้งบประมาณรัฐ
  • คุณหมอท่านหนึ่งตั้งกองทุน 2 บาท เก็บเงินกับชาวบ้านแล้วมาแก้ปัญหานี้สำเร็จ เอางบเหล่านี้ไปผลิตบุคลากรมากมาย
  • ในทำนองเดียวกัน ที่ขอนแก่น ที่สกลนคร ที่อุบลราชธานี ที่ยโสธรต่างใช้วิธีการนี้หรือคล้ายคลึงกันและประสบผลสำเร็จแบบน่าทึ่งมาก..ทำได้ไง..

ขอจบดื้อๆ โดยพวกเราประทับใจข้าราชการในกระทรวงนี้ที่สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติอย่างมาก ที่ร้านอาหารเย็นและที่สนามบิน เรานั่งวิเคราะห์กันว่า ทำไมบุคลากรกระทรวงนี้เรายกนิ้วให้ แต่เมื่อพ่อครูและ อ.แสวงกล่าวถึงบุคลากรอีกกระทรวงหนึ่งที่ทำหน้าที่สร้างคนนั้น ท่านทั้งสองก็ส่ายหน้า

  • เป็นเพราะมีตัวอย่างดีเป็นเลิศอย่าง อ.หมอประเวศ วะสี ท่านเป็นแบบอย่างที่คุณหมอต่างเอาเป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะหมอรุ่นใหม่ๆ
    ท่านพูดดี ท่านประพฤติดี ท่านออกไปเยี่ยมเยือนคุณหมอในชนบท ไปให้กำลังใจ ไปชื่นชม ชี้แนะ ให้แนวคิด เสริมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคม ขณะที่กระทรวงอื่นนั้นไม่มีบุคลากรแบบท่าน
  • โรงเรียนหมอ รุ่นต่อรุ่น ได้สร้างสมแพทย์ที่มีความรับผิดชอบสูง
  • ความคิดติดดิน ดูสาระการแลกเปลี่ยนกันว่า ต่อไปนักเรียนแพทย์นั้นต้องไปฝึกงานที่โรงพยาบาลชุมชน ไม่ใช่ฝึกที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ ประจำจังหวัด เพื่อให้เขาสัมผัสสถานการณ์จริงของสังคม

เรื่องนี้ผมว่าแทงใจดำ อ.แสวงมากเพราะ อ.แสวงกำลังพาลูกศิษย์ลงนาของจริง แต่คณะกลับไม่สนับสนุน ให้เรียนแต่ทฤษฎี….

มาร่วมสัมมนาได้ทั้งชื่นใจและ ถอนหายใจ เฮ่อ….


เด็กวิเศษฯ..เขน็ด…

556 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2009 เวลา 21:17 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 9358

ช่วงนี้ขับรถไปมุกดาหารก็อดที่จะหยุดรถดูข้างทางไม่ได้ เพราะท้องทุ่งอร่ามสีทองเต็มไปหมด


เลยถือโอกาสบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับฤดูกาลนี้ในภาคกลางสมัยที่ผมยังเป็นเด็กเล็ก เท่าที่ความทรงจำยังมีอยู่

กระบวนวิธีการเก็บเกี่ยวข้าวของภาคกลางและอีสานมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ที่เห็นชัดๆคือการมัดข้าว อีสานกับภาคเหนือจะมีความคล้ายคลึงกันมาก คือ มัดข้าวด้วย “ตอก” ที่ทำมาจากไม้ไผ่ที่มีธุรกิจด้านนี้ทำเงินจำนวนไม่น้อย ขนาดข้าวที่มัดนั้นทางอีสานกับภาคเหนือมีขนาดใกล้เคียงกันคือ ประมาณเอาสองมือมากำได้พอดี เพราะเป็นขนาดที่เหมาะที่จะเอามือจับแล้วตีเพื่อเอาเมล็ดออกก่อนจะเหลือฟางข้าวแล้วเอาทิ้งไปหรือเอาไปประโยชน์อย่างอื่นต่อ


ส่วนภาคกลางนั้นไม่ได้ใช้ “ตอก” แต่ใช้เขน็ด อ่านขะเน็ด ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกไหมเพราะเป็นคำที่ไม่ได้ใช้มานานมากแล้ว เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้จักเขน็ดแล้ว เขน็ดก็คือ ต้นข้าวที่เอารวงข้าวออกแล้ว เอามาหลายๆต้นแล้วเอามาควั่นเหมือนเชือก เพื่อเอาไปใช้มัดข้าวที่เกี่ยว ให้เป็น “ฟ่อน” ฟ่อนข้าวภาคกลางมีขนาดเท่ากับเอาสองมือโอบรัดได้พอดี

พ่อจะตื่นแต่เช้ามืดคว้าเคียวเกี่ยวข้าวไปเกี่ยวข้าวพอประมาณไปกองไว้ในที่ที่เหมาะสม แล้วก็เอาเคียวนั้นเกี่ยวต้นข้าวที่มีความยาวมากกว่า 1 วาของเรา ท่านอย่าลืมนะครับว่าทุ่งนาภาคกลางนั้นเป็นนาน้ำท่วมลึกท่วมหัวคน ชาวนาภาคกลางก็จะใช้พันธุ์ข้าวที่เรียก “ฟางลอย” ที่ต้นข้าวจะยืดยาวมากเท่าที่น้ำท่วมสูง น้ำท่วมแค่ไหน ต้นข้าวก็จะสร้างตัวเองให้ยืดยาวมากกว่าความสูงของน้ำที่ท่วม แล้วชูรวงข้าวขึ้นเหนือน้ำ เมื่อข้าวสุก ก็พอดีน้ำลดลงเมื่อน้ำลดลงหมด ต้นข้าวก็จะราบเรียบนอนไปในทิศทางเดียวกันตามทิศทางการไหลของน้ำ ไม่ตั้งต้นเหมือนข้าวภาคอีสานหรือภาคเหนือ

เขน็ดที่พ่อนำทุกเช้าก็มากเพียงพอใช้มัดข้าวในเกี่ยวได้ในแต่ละวัน ชาวนาที่ลงมือทำเองรู้ดีว่าจะต้องทำเขน็ดจำนวนเท่าไหร่ คนที่ทำเขน็ดไม่มีคุณภาพดีพอเวลาเอาไปมัดข้าวให้เป็นฟ่อนก็อาจจะเกิดขาดทำให้ข้าวเสียหายได้… หลายครั้งเห็นพ่อเอาต้นข้าวที่จะมาทำเขน็ดแผ่เอาไว้ตั้งแต่เย็นจนรุ่งเช้าจึงตื่นมาทำเขน็ด พ่อบอกว่า ทิ้งให้น้ำค้างมันลงจับต้นข้าวจะได้เหนียวไม่แห้งกรอบจะช่วยให้คุณภาพเขน็ดดี

ผมไม่เห็น “เขน็ด” มานานแล้วครับ


เด็กวิเศษฯ ๑

2528 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 15 พฤศจิกายน 2009 เวลา 2:19 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม, เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 18545

บ้านผมอยู่ติดวัด กิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นที่วัดจึงอยู่ในสายตาครอบครัวผมทั้งหมด บ้านติดแม่น้ำน้อยซึ่งเป็นสาขาแม่น้ำเจ้าพระยา แยกมาจากตัวเขื่อนเจ้าพระยาที่จังหวัดชัยนาท และไปออกแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้งที่จังหวัดอยุธยา แม่น้ำน้อยเส้นนี้มีบทบาทสำคัญในอดีต เพราะไหลผ่านตัวเมืองวิเศษชัยชาญ ที่เป็นเมืองด่านสำคัญก่อนที่พม่าจะเข้าถึงกรุงศรีอยุธยา


วัดใกล้ๆบ้านยังมีร่องรอยของบรรยากาศการสู้รบกับพม่า คือมีการพบกะโหลกศีรษะคนโบราณที่บนเพดานโบสถ์วัดอ้อย คนเฒ่าคนแก่เล่าต่อกันมาว่า เป็นกะโหลกชาวบ้านที่หนีกองทัพพม่าขึ้นไปแอบบนเพดานโบสถ์ จนกระทั่งเสียชีวิตบนนั้น


การที่มีบ้านติดแม่น้ำนั้นมีทั้งส่วนดีและไม่ดี ส่วนดีก็คือ หน้าหนาวก็ไม่หนาวจัดเพราะไออุ่นจากน้ำจะส่งผลไปถึงบ้านที่อยู่ติดแม่น้ำ และหน้าร้อนก็ได้ลมที่พัดมาตามลำน้ำเข้าสู่ตัวบ้าน ก็ลดความร้อนลงไปได้ แต่ข้อเสียคือ ตลิ่งหน้าบ้านพังทุกปี จนถึงเสาเรือนและในที่สุดก็ต้องย้ายบ้านไป บ้านที่ปลูกริมแม่น้ำในมุมที่น้ำกัดเซาะนั้นจะพบปัญหานี้ทั้งนั้น ครอบครัวที่มีเงินก็ลงทุนทำที่ชะลอน้ำที่ภาษาภาคกลางเรียก “รอ” หรือ เขื่อน กันตลิ่งพัง แต่โดยทั่วไปก็จะใช้ปลูกต้นไม้ ที่นิยมมากคือ “ต้นพง” น่าจะประเภทเดียวกับ แขม อ้อ (หากผิดพลาดก็อภัยนะครับ)

บ้านภาคกลางนั้นจะมีทรงเดียวคือใต้ถุนสูง มีหลายเหตุผล คือ ภาคกลางนั้นน้ำท่วมจำเป็นต้องยกพื้นสูง การมีบ้านใต้ถุนสูงช่วยในเรื่องการถ่ายเทลมได้ดี จึงช่วยลดความร้อนในช่วงฤดูร้อนได้ และมีหลายหลังคาเรือนที่ใช้ใต้ถุนบ้านดัดแปลงเป็นคอกสัตว์ ซึ่งส่วนมากเป็นควาย ในช่วงฤดูแล้ง หากช่วงน้ำหลากก็ย้ายควายไปอยู่บนร้าน หรือที่อยู่ของควายที่สร้างเป็นเรือนยกพื้นสูงขึ้น ไม่มีฝา อาจจะมีหลังคา แต่ก็โปร่ง ตลอดช่วงน้ำท่วมควายจะอยู่บนเรือนนั้น เจ้าของจะเกี่ยวหญ้ามาให้กิน และจูงลงมากินน้ำ หรือตักน้ำไปให้กิน
หรือจูงลงไปอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณให้ ควายชอบน้ำ จึงชอบนอนในน้ำเป็นเวลานาน เด็กๆก็ขึ้นไปขี่บนหลังพร้อมกับขัดตัวให้ด้วย ชาวนาจึงใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงที่ใช้แรงงานมาก

บ้านผมทั้งติดวัดและติดคอกควายของเพื่อนบ้าน จึงนอนดมกลิ่นขี้ควายตลอด ชาวนาจะแข่งขันกันเลี้ยงควายให้อ้วนท้วนและอวดกัน คุณพ่อผมนอกจากรับราชการเป็นครูใหญ่แล้วก็ทำนาช่วยแม่ด้วย พ่อจึงมีควายโปรดสองตัวไอ้ม่วงกับไอ้มั่น อ้วนท้วนมาก เรียกว่าควายถึกก็ได้


ผมเฉียดตายมาแล้วเพราะเจ้าสองตัวนี่แหละ ครั้งหนึ่งช่วงเก็บเกี่ยวข้าวในนาแล้วเสร็จ ก็ต้องขนย้ายฟ่อนข้าวเข้าลานใกล้ๆบ้านพัก การขนย้ายฟ่อนข้าวก็จะใช้เกวียนเทียมควาย เกวียนก็มีทั้งขนาดใหญ่ กลาง เล็ก หากเล็กมากๆก็เรียก “เลื่อน” ที่บ้านมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง วันนั้นพ่อให้ผมเอาเกวียนขนาดกลางไปขนข้าวกลางนาที่มีญาติพี่น้องคอยอยู่ที่ทุ่งนาแล้ว ให้ผมเอาเกวียนเทียมไอ้ม่วงไอ้มั่นไปบรรทุกกลับมา นัยว่าพ่อต้องการฝึกผมทำงาน ผมก็สนุกซี นั่งบนเกวียนที่มีควายถึงอ้วนท้วนเป็นแรงลากเกวียนไป สักพักเดียว มันเห็นควายตัวเมียเพื่อนบ้านอยู่ข้างหน้า มันก็เดินอย่างเร็วไปหาตัวเมีย จะบังคับหรือส่งเสียงอย่างไรมันก็ไม่ฟัง มุ่งแต่จะไปหาตัวเมีย

ยิ่งดึงยิ่งบังคับมันยิ่งโขยก หรือวิ่งเหยาะๆไป มันเป็นเกวียนนะไม่ใช่รถ ล้อเกวียนไม่มีโชคอับ ไม่มียาง มีแต่ไม้ล้วนๆ เกวียนถูกควายถึกลากไปออกนอกเส้นทางมันก็ไปโดนคันนาเข้าซิ เกวียนก็กระดอนโหยง เท่านั้นเอง ผมก็ตัดสินใจกระโดดลงจากเกวียน ปล่อยให้ควายถึงวิ่งไปหาตัวเมียทั้งที่บ่ามันเทียมเกวียนอยู่ ดูดู๋ ความรักของมันหน้ามืดตามัวไม่ฟังเสียงเจ้าของแล้ว ปรากฏว่าเกวียนพังล้อหลุดไปข้างหนึ่งมันจึงหยุดเพราะวิ่งต่อไปไม่ได้แล้ว พ่อผมและเพื่อนบ้านเห็นจึงวิ่งมาช่วยกันจับ…เฮ่อ เกือบพิการไปแล้ว.. ชาวบ้านจึงมักตอนควาย การตอนก็ทำให้ฮอร์โมนเพศลดลงหรือหมดไป ทำให้ฤดูการ “เป็นสัตว์” ของควายที่ตอนแล้วไม่ดุดันอย่างที่เล่ามา

แล้วท่านทราบไหมว่าภาคกลางแต่ก่อนนั้นเขา “สนสะพาย” “ตอนควาย” ทำ “ลานกองข้าว” กันอย่างไร….



แอบไปอาบน้ำแร่แจ้ซ้อนมา..

1046 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2009 เวลา 19:41 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 14247


คนข้างกายมีธุระที่อช.แจ้ซ้อน จึงชวนให้ไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนด้วยกันเมื่อวันหยุดที่ผ่านมา

เป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่น่าเที่ยวครับ ไปอาบน้ำแร่ร้อนๆ แค่นี้ก็คุ้มแล้ว



ใช้เส้นทาง 1252 สวยมากๆ ตลอด เส้นทางบนภูเขา 60 กม. มีรถสวนมา 2 คัน ผ่านหมู่บ้านที่สงบ สะอาด เรียบง่าย จนคนข้างกายอยากย้ายมาใช้ชีวิตยามแก่เฒ่าที่นี่ เสน่ห์ชุมชนหุบเขาทางเหนือนี่น่ารักเป็นที่สุด


คนข้างกายมาดูการใช้พลังงานน้ำผลิตกระแสไฟฟ้า ที่แจ้ซ้อนนับว่าประสบผลสำเร็จ กระแสไฟฟ้าที่ใช้ตลอด 24 ชม. ผลิตเองทั้งหมด

ใครอยากมาเที่ยว หากเอารถมาเองแนะนำเส้นทางนี้นะครับ สวยมากๆ แต่ต้องเป็นใจถึงหน่อยนะ เพราะเป็นเส้นทางภูเขาที่แคบแต่คุณภาพใช้ได้ แม้จะมีทำเครื่องหมายจะต้องซ่อมสองสามจุด แต่ก็เดินทางได้ แม้รถเก๋งครับ

สัญญากับตัวเองว่า หากมีเวลาจะมาอีกแต่จะค่อยๆไปและถ่ายรูปให้หนำใจไปเลย…


ไปกราบหลวงพ่อกล้วย..

2506 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 25 ตุลาคม 2009 เวลา 20:39 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 15842

ญาติมาเยี่ยมหลังจากไปทอดกฐินที่อุดรฯแล้วก็ชวนไปทำบุญที่วัดป่าธรรมอุทยาน หลวงพ่อกล้วยของอ.ไร้กรอบ ที่บ้านสำราญ


ใกล้แค่นี้เองแต่เพิ่งจะมีบุญได้ไปกราบท่าน พวกเราไปสายนิดหน่อยเพราะคณะใหญ่รถตู้สองคัน กว่าจะรวมตัวกันได้ กว่าจะไปหาอาหารไปถวายพระ เดินทาง เข้าเขตวัดก็ได้ยินพระท่านสวดมนต์แล้ว พระทุกองค์เริ่มฉัน แต่หลวงพ่อกล้วยซึ่งผมเห็นท่านเป็นครั้งแรก ท่านเทศนาเพื่อให้เวลาญาติโยมรวมกันและหาที่นั่งและนั่งนิ่งๆสักพัก ท่านก็หยุดและพระทุกองค์ก็เริ่มฉัน แต่ท่านก็ยังไม่ฉันนั่งคอยญาติโยมที่มาใหม่เตรียมอาหารมาถวายเพิ่มเติม โดยใส่ม้าที่มีล้อ เมื่อพระอาจารย์ตักอาหารแล้วก็เลื่อนให้พระองค์อื่นๆเอาไปพิจารณาตักอาหารเพิ่มเติมต่อไป


อาจจะเป็นเพราะผมนั่งแตกกลุ่มออกมาท่านพระอาจารย์ก็มองมาทางผมบ่อยครั้ง เลยใช้โอกาสที่พระท่านกำลังฉันและญาติโยมเริ่มทยอยออกไปศาลาโรงธรรมที่เป็นธรรมเนียมว่าญาติโยมก็ไปหาอาหารที่นั่นทานกัน ผมเข้าไปกราบพระอาจารย์แล้วแนะนำตัว ต้องขออนุญาตกลุ่มลานปัญญา อาจารย์ไร้กรอบ ที่ผมได้อ้างถึงกลุ่มและท่านอาจารย์ พระอาจารย์พยักหน้า แล้วก็ถามว่าเพิ่งจะมาหรือ อยู่ที่ไหนล่ะ ..ฯ เอ้า มีบุญวาสนากันก็มาพบกัน มีโอกาสก็มานะ ใกล้กันแค่นี้มาเมื่อไหร่ก็มา เดี๋ยวไปทานอาหารร่วมกับญาติโยมแล้วก่อนไปก็ไปพบกันที่กุฏินะ


ผมเดาว่าเป็นประเพณีปฏิบัติที่เมื่อพระฉันอาหาร ญาติโยมก็ปลีกตัวไปหาอาหารตามที่พระอาจารย์เชื้อเชิญ ผมนั้นเตรียมอาหารจากตลบาดเพื่อจะไปทานอาหารเช้ากับญาติที่บ้านจึงไม่ไปทานอาหารตามญาติโยม ถือโอกาสเดินชมพื้นที่ ก่อนไปวัดผมดูทาง Google มาบ้างแล้ว เมื่อมาเห็นกับตาก็ต้องบอกว่าร่มรื่นน่าพักอาศัยยิ่งนัก น่ามาตั้งสติ สมกับที่มีมงคลสูตรกล่าวถึงที่ว่า ปฏิรูปะเทศะวาโสจะ เอตัมมังคะละมุตตัมมัง อยู่ในประเทศ(สถานที่)อันสมควรเป็นมงคลยิ่งนัก


มีภาพสวยๆมากมายระหว่างทางที่ผมเดินชมพื้นที่ ไก่วัดกลุ่มนี้ยังมีความสุขกับการ “นอนคอน” ไม่สนใจว่าจะมีใครเดินผ่านไปมา ความสุขของเขาก็คือการอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย ไม่มีใครคิดจะทำอะไร ยามจะกินก็มีของกินมากมายทั้งตามธรรมชาติ และที่พระ และญาติโยมเอาอาหารมาให้ เอ..รึว่ามานอนตรงนี้เพื่อมานั่งฟังพระอาจารย์เทศนา


ผมเดินไปพบคุณลุงกำลังเก็บกวาดวัด จึงถามคุณลุงว่าบ้านอยู่ที่ไหน ลุงบอกอยู่ที่บ้านสำราญติดกันที่นี่แหละ แล้วก็ชมคุณลุงที่เก็บกวาดวัดได้สะอาดสวยงามน่าเดินสมาธิ น่าพำนัก น่ามาปฏิบัติธรรม ปฏิบัติจิต.. เดินคุยไปมาเลยถือโอกาสนั่งลงคุยกัน


ผมถามคุณลุงว่าที่เห็นนั่นมันคืออะไรทำไมเหมือนสถานที่เผาศพแบบพื้นบ้าน แต่ทำไมสร้างเสียสวยเชียว คุณลุงตอบว่า เดิมสถานที่ตรงนี้คือสถานที่เผาศพชาวบ้านตอนนี้ย้ายไปตรงโน้น ตรงนี้เลยสร้างไว้เตือนสติ

ผมถามต่อว่า: ไผ่สวยๆนี่ชาวบ้านเอาไปทำประโยชน์อะไรหรือไม่

คุณลุง: คุณเอ้ย…บริเวณนี้ทั้งหมดเดิมเป็นป่าช้าเก่าแก่ ใครตายก็เอามาฝังที่นี่แล้วปลูกต้นไผบ้างต้นไม้ไว้บ้าง รกทึบมากไม่มีใครอยากเข้ามา แม้วัวควายมันยังไม่เข้ามาเลย ออกจากบ้านก็แค่เลาะชายป่าไปรอบๆเท่านั้น พระอาจารย์ท่านมาจำวัดในป่าช้านี่นะ….ตั้งแต่แรกๆไม่มีวัดแล้ว


ที่ศาลาหลังใหญ่แห่งนี้คุณลุงจะแนะนำใครๆให้ไปกราบพระประธานซึ่งสร้างด้วยหยกขาวทั้งองค์และคราวที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เกศนั้น ในหลวงทรงพระราชทานพวงมาลัยมาถวายด้วย นับว่าเป็นบุญตายิ่งนักที่ได้มาเห็น


ผมเองก็ผ่านวัดวามาพอสมควร ก็นับได้ว่าวัดป่าธรรมอุทยานของหลวงพ่อกล้วยแห่งนี้ มีพื้นที่กว้างขวาง และร่มรื่นด้วยไผ่ ที่มีญาติโยมและผ้าขาวที่มาปฏิบัติธรรม ช่วยกันทำความสะอาดทุกวันตั้งแต่เช้ามืด ฟ้าสว่างขึ้นมาก็สะอาดร่มรื่น

ผมและคนข้างกายพูดตรงกันว่า เห็นทีเราจะมาบ่อยครั้งแล้วหละ

วัดป่านั้น ป่าไม้ที่ร่มรื่นคือเสน่ห์ดึงดูดจิตใจคนโดยธรรมชาติ เข้ามาแล้วจิตใจเย็น สงบลงเยอะ พระอาจารย์เหมือนท่านเข้าใจจริตคนสมัยใหม่ว่า ต้องการสถานที่และบรรยากาศแบบไหนจึงถูกจริตคนรุ่นใหม่ในการเข้าวัด วัดป่าธรรมอุทยานเป็นวัดหนึ่งที่ผมศรัทธาในบารมีของพระอาจารย์กล้วยยิ่งนัก ทั้งหมดนี้ผมเพียงสัมผัสครั้งแรกเท่านั้น คงไม่เทียบเคียงอาจารย์ไร้กรอบที่ลึกซึ้งยิ่งนัก



Main: 1.6330740451813 sec
Sidebar: 0.30693197250366 sec