เพื่อนใหม่ร่วมบ้าน…

125 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 ตุลาคม 2009 เวลา 11:05 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2362

สองวันมาแล้วที่เราได้รับแขกมาร่วมบ้านแบบไม่ได้เชิญ เขามาเอง มาจากไหน มาเมื่อไหร่ จะอยู่นานไหมก็ไม่บอกไม่กล่าว


กลางวันก็หายหัวไปไหนก็ไม่รู้

ตกกลางคืนก็มาจองส่วนบนสุดของก๊อกล้างถ้วยชามในห้องครัว นั่งตรงนั้น จะเปิดน้ำ จะหมุนหัวก๊อก ก็ไม่ไปไหน นั่งเอาตามองเราปริบๆ


พอเราไปใกล้ก็ทำตาโปนๆใส่เรา

วันๆไม่รู้หากินอย่างไร ตกกลางคืนก็มานอนตรงนี้ ถ่ายมูลลงอ่างล้างพอดี

ไม่รู้หนีงู หนีนกฮูก หรือหนีภัยอะไรมาหรือเปล่า

มีปากก็ไม่พูด อิอิ..

(เร่งงานเขียน proposal อยู่ครับ)


งานใหญ่เข้า

127 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 16 กันยายน 2009 เวลา 19:30 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3620


ฮูปที่ไม่ได้แต้ม ไม่ได้อยู่แคมของ

119 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 กันยายน 2009 เวลา 12:21 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2829

แก้ง่วงตอนกลางวัน เอ้า…

ไม่ใช่ “ฮูปแต้มแคมของ” ที่ออตไปจัดค่ายเด็กเพิ่งเสร็จสิ้นไปนะครับ

แต่เป็น…อุบอิบ..


สักการสถานที่มุกดาหาร

1771 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 31 สิงหาคม 2009 เวลา 21:52 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 25902

มีคนจำนวนไม่มากนักที่จะรู้จักสักการสถานที่จังหวัดมุกดาหาร ความจริงสถานที่แห่งนี้คือประวัติศาสตร์อันหนึ่งของประเทศไทย ของอีสาน ของศาสนา และปรากฏการณ์การเผยแพร่ศาสนาในยุคแรกๆของเมืองไทย

หากท่านเป็นคาทอลิค ท่านคงทราบสถานที่นี้ดี แต่หากท่านนับถือศาสนาพุทธ ท่านอาจจะไม่เคยได้ยินสถานที่แห่งนี้เลยก็ได้ เพราะ ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ แม้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเองก็ตาม ทั้งนี้มีเหตุผลที่สำคัญหลายประการ ไม่ขอกล่าวถึง



ที่ยกมากล่าวเพราะ ออต กำลังจะไปทำค่ายในพื้นที่ใกล้ๆแห่งนี้ ก็เลยถือโอกาสแนะนำให้รู้จักซะเลย

สักการสถานเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ชนชาวคาทอลิก พี่น้องชาวคาทอลิกกล่าวว่าในชีวิตสักครั้งจะต้องมากราบสักการสถานที่แห่งนี้ หากจะไม่กล่าวถึงความเป็นมา แค่ตัวอาคารก็พิเศษสุดที่มีแห่งเดียวในประเทศไทย


การออกแบบอาคารแห่งนี้ได้รับรางวัลดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกแห่งประเทศไทย สวยงามมาก มาเห็นแล้วนึกเลยไปถึงยุคกรีก โรมันโน้น


กำแพงโค้งด้านซ้ายมือ กำแพงโค้งด้านขวามือ


แค่กำแพงโค้งก็มโหฬารตระการตา มหาทึ่ง เมื่อเดินเข้าไปดูตัวอาคารภายในกำแพงก็ยิ่งตะลึงครับ


ตัวอาคารที่ใช้ประโยชน์นั้นเป็นคล้ายๆกล่อง มีพื้นที่โล่ง สำหรับใช้เทศนาของนักบวชเมื่อถึงวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ ภายนอก เป็นที่โล่งหน้าเขียวขจี เย็นตา เย็นใจ สงบ



กระต๊อบสองหลังที่เห็นคือประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้ ที่เก็บรักษาไว้ให้เป็นการระลึกถึงความหวาดระแวง ความไม่รู้ จนเป็นที่มาของสักการสถาน


หากท่านมีโอกาสมามุกดาหาร สถานที่แห่งนี้น่ามาเยือนสักครั้งครับ


แมลงมุม-สาบ

196 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 สิงหาคม 2009 เวลา 0:50 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 5608

เช้าวันนั้น จะเข้าไปในห้องเก็บของ เห็นแมลงมุมกำลังกินแมลงสาบอยู่ เลยวิ่งไปเอากล้องมาเก็บภาพไว้ เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แมลงมุมตัวใหญ่ๆในบ้านมีหลายตัว เราคอยไล่มันเพราะหลายคนกลัว มาเห็นวิถีชีวิตมันเช่นนี้ ก็อือ…เป็นการจัดการโดยธรรมชาติ


ขอบคุณเธอ

767 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 26 สิงหาคม 2009 เวลา 1:18 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 12109


สับปะรด

273 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 22 สิงหาคม 2009 เวลา 23:21 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 6318

ผมชอบทานสับปะรด โดยเฉพาะสับปะรดน้ำหนึ่ง
จากท่าอุเทน นครพนม หวานอร่อยครับ

บ่อยครั้งที่ไปซื้อแล้วขอแกนสับปะรดจากแม่ค้ามาด้วย เขาให้ฟรีๆ บอกเขาว่าเอาไปให้หมาคุ้กกี้ อิอิ แต่เราก็แอบกินด้วย เห็นหมอบอกว่า แกนสับปะรดมีส่วนช่วยแก้นิ่วที่ไตด้วย

สับปะรดบางร้านมีผึ้งมาเกาะเต็มไปหมด เขาพยายามมาเอาน้ำหวานไป แม่ค้าขายสับปะรดก็แถมผึ้งไปด้วย

เจ้าคุ้กกี้ที่บ้านชอบกินผลไม้ทุกอย่างรวมทั้งแกนสับปะรดด้วย เลยคนกะหมานั่งกินแกนสับปะรดด้วยกัน แบ่งกันคนละแกน ไม่ได้กินแกนเดียวกันนะ อิอิ


โลกใบนี้..

23 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 สิงหาคม 2009 เวลา 23:17 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1611

โลกใบนี้..


นี่คือภาพของโลกเราในมุมหนึ่ง

อาจจะพิสูจน์มุมมองของคนเราว่า

เห็นแล้วอาจคิดอะไรไปมากมาย..


เมฆ..

1148 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 16 สิงหาคม 2009 เวลา 22:06 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 6400

ธรรมชาติย่อม…”เคลื่อนไหว-เปลี่ยนแปลง-ขัดแย้ง-สัมพันธ์”

การเดินทาง… ทำให้เห็นมุมต่างๆของโลกใบนี้

น้อมนำสู่… ความเข้าใจวิถีชีวิตและมวลสรรพสิ่ง


เรื่องมันมัน..

2085 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 สิงหาคม 2009 เวลา 23:51 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 9309

รถสิบล้อพ่วงจำนวนมากมายบรรทุกมันสำปะหลังเข้าคิวหน้าโรงงานฯ บนถนน กุฉินารายณ์-สมเด็จ

มันเป็นภาพปกติที่เราก็เห็นๆกัน..

แต่เบื้องหลังของภาพนี้คือลูกโซ่ของวิถีการผลิตที่ซ่อนประเด็นไว้มากมาย ลองไปค้นหาที่แหล่งผลิตซิ…


ภาพเก่าเล่าเรื่อง 19 เจ้าเล็ก..

1514 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 สิงหาคม 2009 เวลา 23:23 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 9835

สถานที่: โครงการพัฒนาชนบทสมบูรณ์แบบ อ.สะเมิง

วันเดือนปี: ปี พ.ศ. 2518-2523

โดย: Fridrich Naumann Stiftung ภายใต้ สำนักงานเกษตรภาคเหนือ

เล็กเป็นชื่อเล่นเขา ความที่เป็นลูกสุดท้องของพ่อชาวสุพรรณ ตระกูลนี้มีการศึกษาดี ญาติพี่น้องจึงมีหน้าที่การงานสูงๆ แต่เล็กออกจะเกเร กระนั้นก็ยังไปเรียนจนจบ High school จากปีนัง มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี

ปากเปราะ จริงใจ มีน้ำใจ รักเพื่อนฝูง ขี้เล่น และออกจะกรุ้มกริ่มกับสาวๆซักหน่อย เขาเข้ามาร่วมโครงการเป็นรุ่นที่สาม มาพร้อมกับภรรยาสาวและลูกชายเล็กๆสองคน เนื่องจากบุคลิกง่ายๆ คล่องแคล่ว กว้างขวางในความสามารถ จึงเป็นฝ่ายสนับสนุนของโครงการ

ครั้งหนึ่งเราขึ้นไปเยี่ยมชนเผ่ากระเหรี่ยง หรือปกากะญอบนดอยสูงด้วยมอเตอร์ไซด์ แล้วเจ้าเล็กโดนตัว “ต่อป่า” ต่อยเอาที่ต้นคอ เล็กรู้สึกเจ็บแปลบๆ เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นความผิดปกติก็เกิดขึ้นกับเล็กทันที รู้สึกบวมขึ้นอย่างทันทีทันใด และเริ่มหายใจติดขัด ทั้งตัวขึ้นผื่นเต็มไปหมด

ด้วยสัญชาติญาณ ผมเอาเล็กซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ บึ่งลงจากยอดดอย ลัดเลาะไหล่เขา ทุ่งนา หมู่บ้าน ลำห้วยมุ่งสู่ตัวอำเภอสะเมิง เป้าหมายคือสถานีอนามัยอำเภอ ขณะนั้นเวลาบ่าย ผมขับมอเตอร์ไซด์เร็วมากกว่าขับแข่งอีก เพราะ เล็กที่นั่งข้างหลังพูดตลอดเวลาว่า ..หายใจไม่ออก ปวด…

ผ่านตรงไหนมา ชาวบ้านต่างแปลกใจว่าผมทำไมขับรถเร็วจังวันนี้ จะรีบไปไหน ผมพาเล็กมาถึงสถานีอนามัยใช้เวลาเกือบ 45 นาทีจากยอดดอย ปกติน่าจะใช้เวลามากกว่าชั่วโมง… เล่าเรื่องให้พี่อนามัยทราบ พี่เขาเข้าใจจับนอนบนเตียงแล้วก็ฉีดยาเข้าไปหนึ่งเข็ม… ทันที

พี่อนามัยบอกว่า ทำบุญมามากนะนี่ หากช้ากว่านี้ เล็กคงหายใจไม่ออกอันตรายถึงชีวิตได้เลย เพราะเล็กเขาแพ้พิษของตัวต่อป่า พิษตัวต่อทำให้เกิดบวม เห่อด้านในหลอดลม หลอดลมหายใจตีบลง นี่แหละที่ทำให้หายใจไม่ออก….

เล็กคนนี้คืออดีตสามีของป้าดาว ที่ผมชวนเธอมาร่วมปลูกป่าที่พระบาทห้วยต้ม ลี้ ลำพูนคราวที่แล้วด้วย ปัจจุบันเล็กมีครอบครัวครั้งที่สาม อยู่กินกันที่แม่สาย เชียงราย เขาเคยมานอนพักกับผมที่มุกดาหารนานนับสัปดาห์…


ให้กำลังใจตัวเอง..บ้าง

17 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 สิงหาคม 2009 เวลา 17:21 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2280

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผมมีประชุมโครงการเช้ายันบ่ายแก่ๆที่ขอนแก่น แล้วก็เดินทางเข้ามุกดาหารเพื่อพาคุณ TOMOKO สตรีญี่ปุ่นเข้าไปศึกษาดูงานในวันรุ่งขึ้น ระหว่างเดินทางไปมุกดาหารเราคุยกันไปตลอดทางอย่างสนุกสนาน เธอเล่าถึงงานที่ทำในประเทศแซมเบีย ว่ามันยากเย็นมากมายแค่ไหน

ผมเองก็เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโครงการที่มุกดาหาร และความคิดเห็นของผมที่เกิดขึ้นตลอดเวลาการทำงาน ผมเอาความคิดเห็นนั้นมาแลกเปลี่ยนกับเธอ รวมทั้งการเขียนบันทึก KM ในลานปัญญาแห่งนี้ เธอตื่นเต้น ผมเลยเอาให้เธอดูตัวอย่างเมื่อเดินทางถึงมุกดาหารแล้ว หลายเรื่องเกี่ยวเนื่องกับโครงการ เธอจึงขอสำเนาไปศึกษา


เธอไปมุกดาหารเป็นจังหวัดสุดท้าย พร้อมปอปั้นผมว่า มาที่นี่ได้เรียนรู้มากกว่าเรื่องงานที่รับผิดชอบ มากกว่ากิจกรรมที่เธอต้องการมาศึกษา แต่ที่สำคัญเปลี่ยนวิธีคิดของเธอไปด้วย โดยเฉพาะเรื่องมันสำปะหลัง และสระน้ำประจำไร่นา….

ผมแปลกใจเล็กๆคำพูดด้วยสาระเดียวกันนั้นผมพูดกับผู้บริหารโครงการเมื่อเช้าช่วงการประชุม ทุกคนเฉยๆ แค่ผ่านหูซ้ายไปขวาเท่านั้น แต่เธอที่เป็นสตรีญี่ปุ่นกลับตื่นเต้นที่มาเข้าใจวิถีชาวบ้านที่ปลูกมันสำปะหลังเพื่ออะไร ความต้องการสระน้ำในแปลงนาเพื่ออะไร… และสิ่งที่ผมค้นพบนั้นมันจะส่งผลให้ย้อนไปดูวัตถุประสงค์ของโครงการ..ซึ่งจะต้องพิจารณาปรับปรุงใน phase ใหม่ต่อไป

วันรุ่งขึ้นผมพาเธอตระเวนไปทั่วเป้าหมายในดงหลวงทั้งแปลงมันสำปะหลังและตลาดชุมชน แล้วก็บึ่งรถเข้าขอนแก่นส่งเธอขึ้นเครื่องลงกรุงเทพฯ เมื่อคืนผมส่งบันทึกในลานในเรื่องที่เกี่ยวข้องไปให้เธอ สายวันนี้ผมก็ได้รับ Email ตอบมาดังนี้ครับ

Ajaan Paisal,
Good morning, how are you?

Thank you very much again for all the contribution you made during 1 day trip to Mukdahan.
I’ve learned a lot from you, I am really lucky person to have that chance.

I received your respectful 8 articles, thank you very much for your prompt action.
I’ll ask our secretaries to translate them from Morning, it’ll be really interesting for me and I’ll share them with my colleagues in Japan too.

OK, talk to you more later. Please give my best regard to your wife too.

Thank you very much, again.

Tomoko NISHIGAKI

ไม่มีอะไรครับ..ก็แค่ให้กำลังใจตัวเองเล็กๆน้อยๆเท่านั้นครับ


Contrast of Light: Contrast of Life

26 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 22 กรกฏาคม 2009 เวลา 22:44 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1299

เป็นคนที่ค่อนข้างชอบภาพประเภทนี้ ภาพที่สีตัดกัน

มันมีความชัดเจน เด่นโดด และขมุกขมัวอยู่ในเฟรมเดียวกัน

เอ..นักแปลความหมายคงอธิบายอะไรเป็นตุเป็นตะ..

ย้อนมองดูตัวเอง

วิถีชีวิตก็อยู่ระหว่างชนบทและเมือง

สลับไปมาเช่นนี้แบบครึ่งต่อครึ่ง

จึงเป็นชีวิตที่มีคำถามมากจริงๆ


แมลงสาบ..

41 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 กรกฏาคม 2009 เวลา 21:09 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3921

วันก่อนพบ ผอ.สำนักงานส่งเสริมการเกษตรภาคอีสาน(จำชื่อใหม่ของสำนักงานนี้ไม่ได้แล้ว) ไปออกกำลังกายด้วยกัน ท่านกล่าวว่า

พี่..ปีนี้เตือนเกษตรกรหน่อยนะเพราะเมื่อต้นปีการเพาะปลูกข้าวฝนดี มาช่วงนี้ฝนเริ่มจะทิ้งช่วง หรือตกก็ไม่ได้น้ำ แถมอากาศร้อนอบอ้าว ธรรมชาติแบบนี้แมลงศัตรูพืชจะเจริญเติบโตเร็วมาก และจะเข้าทำลายพืชผักของเกษตรกร โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจที่ลงทุนสูงให้หมั่นตรวจตรา หากพบมากผิดปกติ ให้รีบรายงานให้เกษตรอำเภอทราบ จะได้รีบแก้ไขแต่ต้นมือ….


เมื่อคืน คนข้างกายลงไปชั้นล่าง เมื่อขึ้นมาจะเข้าประตูก็เอะอะ เสียงดังอยู่ที่ประตู

ออกไปดูพบว่า มีแมลงสาบนับสิบตัว บินชนมุ้งลวดหน้าต่าง พยายามจะเข้ามาในห้อง.. เป็นปรากฏการณ์ที่เราไม่เคยพบมาก่อน…


ภาพเก่าเล่าเรื่อง 11 กล้วยอบสะเมิง

1320 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 กรกฏาคม 2009 เวลา 22:19 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 76438

สถานที่: สะเมิง

วันเดือนปี: ประมาณปี พ.ศ. 2523

โครงการ: โครงการพัฒนาชนบทสมบูรณ์แบบ อ.สะเมิง

โดย: Fridrich Naumann Stiftung ภายใต้ สำนักงานเกษตรภาคเหนือ

พื้นที่สะเมิงนั้นอาชีพหลักคือการทำนาปีข้าวเหนียว และข้าวไร่ตามไหล่เขา หลังนาก็ปลูกกระเทียม ซึ่งขึ้นชื่อว่าคุณภาพดี เพราะไม่ใช้ปุ๋ยเคมี กระเทียมที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี หรือใช้ปุ๋ยมูลสัตว์นั้นเก็บเอาไว้นานๆจะไม่ฝ่อ เหมาะเอาไปทำพันธุ์ต่อ สรรพคุณทางยาก็มีมากกว่า นอกจากนี้มีพืชเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น ข้าวโพดพื้นบ้าน ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ถั่วเขียว งา ฯลฯ พืชเศรษฐกิจที่ทำเป็นแบบ Contract farming คือยาสูบพันธุ์เวอจิเนีย และที่ขาดไม่ได้คือกล้วยน้ำว้า


ชาวสะเมิงมีทั้งคนเมืองและชนเผ่าไทยลื้อ นอกนั้นก็เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าต่างๆ ส่วนมากเป็นม้งกับปกากะญอ กล้วยที่สะเมิงลูกใหญ่ หวาน ดก เพราะดินภูเขาดีมาก อาชีพที่สำหนึ่งคือการทำกล้วยอบขาย

เราเคยได้ยินกล้วยตาก แต่ที่สะเมิงเป็นกล้วยอบ เพราะใช้วิธีอบในเตา เกษตรกรเรียนรู้และดัดแปลงมาจากอาคารอบ หรือบ่มใบยาสูบนั่นเอง โดยสร้างอาคารเล็กๆขึ้น ภายในอาคารปิดด้วยดินที่มีโครงด้านในเป็นไม้ไผ่สาน ทึบ แบ่งป็นสองชั้น ชั้นล่างเกือบติดพื้นดิน เว้นไว้สำหรับเอาฟืนท่อนใหญ่ๆใส่เข้าไปได้ ชั้นบนแบ่งย่อยเป็นชั้นสำหรับใส่ตะแกรงอบกล้วย จะกี่ชั้นก็แล้วแต่การออกแบบของเจ้าบ้านนั้น

ระหว่างชั้นบนกับชั้นล่างแบ่ง หรือ กั้นด้วยแผ่นเหล็กชิ้นใหญ่ เพื่อใช้เผาพื้นด้านล่างแล้วให้เกิดความร้อนส่งแผ่ไปอบกล้วยที่อยู่บนชั้นต่างๆนั้น


ขั้นตอนการอบกล้วยนั้นเป็นความลับ(ทางราชการ)ที่มีเทคนิคเฉพาะของใครของมัน แต่โดยทั่วไปคือ คัดเลือกกล้วยที่เริ่มสุก และกล้วยเหล่านั้นจะไม่เอามาจากสวนที่มีต้นหญ้าคาขึ้น ชาวบ้านบอกว่า หากเอากล้วยจากสวนที่มีหญ้าคา จะทำให้กล้วยออกรสฝาดมากกว่า เอากล้วยมาปอกเปลือกลงในอ่างใหญ่ ล้างน้ำปูนเพราะ….

แล้วก็เอาไปเข้าเครื่องบีบให้แบนดังรูป แล้วก็เอาไปวางเรียงกันในตะแกรง มากเพียงพอสำหรับการอบครั้งหนึ่งๆ แล้วก็ปิดประตู ทำการก่อไฟเผาฟืนใส่เข้าไปด้านล่างของเตาอบนี้ ควบคุมความร้อนด้วยเทอร์โมมิเตอร์ ความร้อนเท่าไหร่เป็นความลับ(ทางราชการ)

นานพอสมควรก็เปิดประตูเอาตะแกรงออกมากลับกล้วยเอาด้ายอื่นลงล่างบ้าง และสลับตะแกรงบนลงล่าง ล่างขึ้นบนบ้าง ดูแลฟืนให้มีตลอด นานเท่าไหร่เป็นความลับ(ทางราชการ) เมื่อได้ที่ก็เอาออกมาทิ้งให้อุ่นๆบรรจุถุงพลาสติก ขาย

สมัยก่อน กก.ละ 10 บาท กินกันพุงกาง เดียวนี้แพงขึ้นไปเท่าไหร่แล้วไม่รู้…

กล้วยอบสะเมิงขึ้นชื่อว่ารสอร่อย สะอาด ออกจากเตาก็เข้าถุงเลย.. ไม่ได้ทิ้งให้แมลงวันตอม..

ใครเข้าสะเมิงละก็ถามหากล้วยอบนะครับ ที่บ้านศาลา หรือบ้าน ป่ากล้วยก็ได้ รับรองไม่ผิดหวังแน่ๆ..


ภาพเก่าเล่าเรื่อง 12 ส. ศิวรักษ์

7 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 กรกฏาคม 2009 เวลา 21:42 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1167

สถานที่: สะเมิง

วันเดือนปี: ประมาณปี พ.ศ. 2524

โครงการ: โครงการพัฒนาชนบทสมบูรณ์แบบ อ.สะเมิง

โดย: Fridrich Naumann Stiftung ภายใต้ สำนักงานเกษตรภาคเหนือ

 

เนื่องจากโครงการฯเป็นมูลนิธิของประเทศเยอรมัน และเข้ามาเมืองไทยโดยการชักนำของอาจารย์ ส. ศิวรักษ์ เนติบัณฑิตอังกฤษผู้โด่งดัง ท่านอาจารย์เป็นผู้สนับสนุนกิจกรรมของคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะองค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานเพื่อสังคมในด้านต่างๆ ท่านเป็นผู้รู้กว้าง และสัมผัสการทำงานแบบนี้มามากจึงมีสาระที่อบรมบ่มเพาะสำนึกพวกเรามาเสมอ ท่านไปพูดที่ไหนๆ พวกเราก็แห่ไปฟังกัน


ประมาณปี พ.ศ. 2522 เราก่อตั้ง คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนแห่งชาติขึ้นหรือ กป.อพช. ผมเป็นกรรมการในยุคแรกๆอยู่พักหนึ่ง เราเชิญท่านมาพูดให้สติแก่พวกเรา ท่านพูดถึงนักเขียนมากมาย เช่น ฟร้านซ์ เฟนอน, กอร์กี้, ฟริจอฟ คับปรา, อี เอฟ ชูเมกเกอร์, ฯลฯ นักคิดนักเขียนไทยก็มีมากมาย โดยเฉพาะท่าน ประยุต ปยุตโต หนังสือต่างๆที่นักพัฒนาชุมชนควรจะอ่านมากมาย เรางี้ แค่กระผีกของท่านก็ไม่ได้ ท่านอ่านหนังสือดีดีมากมาย และเอาแง่คิด ความรู้มาบอกกล่าวพวกเรา

เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมท่านก็พาฝรั่งเข้าไปประเมินผลโครงการที่เราทำอยู่ ผมพาท่านท่องสะเมิงโดยท่านนั่งท้ายมอเตอร์ไซด์ เนื่องจากท่านไม่เคยนั่งมาก่อน เกร็งไปหมด ผมเองก็เกรงที่มีผู้ใหญ่ระดับโลกมานั่งท้ายมอเตอร์ไซด์ ท่านมาสัมผัสชีวิตพวกเรา มาดูงานที่เราทำ มาเยี่ยมชาวบ้าน…และให้สติแก่พวกเรา

เพราะเรามีแต่ความตั้งใจทำงาน มีความต้องการช่วยเหลือชุมชนผ่านระบบโครงการ แต่ไม่มีประสบการณ์ สมัยนั้นในมหาวิทยาลัยยังไม่มีภาควิชาพัฒนาชุมชน มีแต่เรียนกันเอง สนใจกันเอง และไปหาประสบการณ์กันเอง ดีที่สุดก็ไปฝึกงานหรือศึกษาดูงานกันที่ต่างประเทศ เช่นที่ ฟิลิปปินส์ที่เรียกสถาบัน “เซียโซลิน” ที่ศรีลังกาก็โครงการ “ซาโวดายา” ที่อิสราเอลก็ “กิบบุช” และ “โมชาป” บลังกาเทศก็คือ “กรามินแบ๊งค์” ของมูฮัมหมัด ยูนุส ที่ได้รับรางวัลโนเบล ที่เกาหลีก็โครงการ “แซมาเอิลอุลดอง” ของปักชุงฮี

ในเมืองไทยที่ทำกันอย่างจริงจังก็ต้องสภาคาทอลิคแห่งประเทศไทยที่ก้าวหน้ามากที่สุด อาจเรียกว่าเป็นต้นปฐมบทของงานพัฒนาเอกชนในประเทศไทย

ท่านอาจารย์ ส. ศิวรักษ์ ถือได้ว่าท่านเป็นปรมาจารย์ของคนทำงานเพื่อชุมชน


ภาพเก่าเล่าเรื่อง 8 ทัศนศึกษากรุงเทพฯ

1408 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:34 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 16787

กิจกรรมการพัฒนานั้นมีมากมาย ล้วนแต่เป็นความคาดหวังที่จะก่อเกิดในสิ่งที่ดี แก่บุคคล แก่ชุมชน แก่กลุ่ม องค์กร หรือแม้แต่ส่งผลสะเทือนในระยะยาว


แต่ทั้งหมดนั้นก็ก่อให้เกิดผลที่ไม่พึงปรารถนาขึ้นด้วย เพราะไม่ได้คิดถึงส่วนนี้ หรือคิดไม่ถึง หรือไม่ระมัดระวัง หรือ ฯลฯ

สะเมิงเป็นเมืองปิด หรือกึ่งปิด(เหมือนดงหลวงช่วงที่ผมเข้าไปใหม่ๆ) เพราะชาวบ้านมีเวลาส่วนใหญ่อยู่กับท้องที่ท้องถิ่น เชื่อมต่อกับโลกภายนอกด้วยรถโดยสารที่มีจำกัด และวิทยุที่ฟังได้บ้างไม่ได้บ้าง โดยเฉพาะทีวี เลิกกันเลย ทั้งอำเภออาจจะมีไม่ถึง 10 เครื่อง เพราะเป็นพื้นที่ภูเขา ไม่สามารถรับคลื่นได้ สมัยนั้นยังไม่มีระบบดาวเทียม…

ความหวังดีของเราก็คือ พาคณะแม่บ้าน และเยาวสตรีออกไปศึกษาดูงานในเมืองจนถึงกรุงเทพฯ โดยเชื่อมกับเพื่อนองค์กรพัฒนาเอกชนในเมือง เพื่อดูแหล่งสลัม ซึ่งก็คือพี่น้องจากชนบทที่มาอาศัยที่นี่เพื่อหางานทำ….

เราคิดในแง่ดี มีการเตรียมมาตัวมาก ก่อนการเดินทาง ระหว่างการเดินทาง และหลังการเดินทาง พูดคุยกันมากเพื่อให้เกิดการเรียนรู้สภาพสังคมในมุมต่างๆ ในครั้งนั้นเรามีโอกาสติดต่อกับองค์กรที่ทำงานด้านสิทธิสตรีที่ถูกกดขี่ เราเลือกกรณีขายบริการจำนวนหนึ่งที่มาทำงานในกรุงเทพฯ การพบปะพูดคุยกันมีการเตรียมการอย่างดี โดยภาพรวมก็ออกมาดี ใครต่อใครก็แสดงความเห็นว่า อยู่บ้านนอกเราดีกว่า ไม่มีเงินใช้แต่มีกิน ไม่ต้องดิ้นรน เผชิญปัญหาการกดขี่มากมายเช่นกรณีอาชีพนี้…

เราเดินทางกลับสะเมิง ต่างแยกย้ายกับกลับบ้าน….

……

ทุกอย่างก็เดินไปตามปกติ เราก็ออกตระเวนเยี่ยมเยือนพี่น้องกันตามแผนงาน..

แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น…. มีหญิงสาวในหมู่บ้านหายตัวไปสามคน..

ต่อมาทราบว่าเธอเหล่านั้นแอบหนีหมู่บ้านเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปหากลุ่มสตรีที่ขายบริการนั้น..??

พระเจ้า….

กิจกรรมของเรามีส่วนเป็นการชี้โพรงให้กะรอกเสียแล้ว…..


ผู้ค้าเทคโนโลยี..

234 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 17 กรกฏาคม 2009 เวลา 14:43 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 4981

เมื่อวันก่อนนั่งดูข่าวทีวีอยู่ดีดีหน้าจอก็ดำมืด ปลุกไม่ตื่นเลย มีแต่เสียง

ต้องอุ้มไปส่งร้านที่เราซื้อมาแผนกซ่อม ทิ้งไว้ 4 วันทางร้านโทรมาบอกว่า

..พี่ ทีวีรุ่นนี้เขาเลิกผลิตอะไหล่แล้ว..มาเอากลับไปได้เลย…!!!!

ถามเขาว่า ไม่มีอะไหล่เทียมเลยหรือ เขาบอกว่าที่ร้านเป็นตัวแทนจำหน่าย ใช้แต่ของแท้ ลองไปร้านซ่อมอื่นดู

ใช้เวลาไปถามร้านที่รับซ่อมทีวีเก่าแก่ของขอนแก่น ช่างบอกว่า..เอามาเลยพี่ จัดการให้ได้ ไม่มีปัญหา..

เรากลับไปร้านแรก บอกให้ช่างแบกไปใส่รถหน่อย ช่างยกมาใส่ท้ายรถแล้วก็บอกว่า

ช่าง: ….พี่มันเป็นที่ปลั๊กข้างในมันเสื่อม ไม่มีอะไหล่ แต่สามารถใช้วิธีเชื่อมได้ ทุกอย่างยังใช้ได้ เป็นแค่ตรงนี้เอง…

ผม: ..อ้าว..เป็นแค่นี้ทำไมไม่ซ่อมให้พี่ล่ะ..

ช่าง: ก็ทางร้านเขาบอกพี่ไปก่อนอย่างนั้น

ผม: อ้าว ..?.. แล้วซ่อมให้พี่ได้ไหมล่ะ..

ช่าง: ได้ครับ.

ผม:….????!!!!???? เง็งจริงๆ งั้นยกกลับคืนร้านเอาไปซ่อมให้พี่หน่อยนะ..

ช่าง: ได้ครับ แล้วก็ยกทีวีกลับคืนเข้าร้านไปอีกครั้ง..

เดาว่าค่าซ่อมคงไม่เกิน 500 บาท ดีกว่าไปซื้อเครื่องใหม่..

นึกถึงวันก่อน ไฟเลี้ยวที่กระจกมองหลังที่อยู่ข้างรถซ้ายขวาไม่ทำงาน เอาไปถามร้านประดับยนต์ เขาบอกว่า พี่ซ่อมไม่ได้ต้องเปลี่ยนกระจกใหม่ทั้งชุด(สองข้าง) ไปถามสามร้านก็ตอบเหมือนกัน เราเลยทิ้งไว้ไม่ซ่อม ไม่เปลี่ยน…ต่อมาลองเอาไปร้านประดับยนต์เก่าแก่ขอนแก่นร้านหนึ่งอยู่หน้าวัดศรีจันทร์ ให้เขาดู อาเจ๊…เมียเจ้าของร้าน ออกมารับ ถามปัญหาแล้วก็เดินไปจับกระจกมองหลังที่ไฟเลี้ยวไม่ทำงาน มองไปมาแล้วก็บอกว่า พี่ อาจเป็นเพราะสายไฟขาดก็ได้ ลองให้ช่างถอดดูไหม ผมก็ว่าเอาเลย…

ไม่นานเท่าไหร่ ช่างก็พยักหน้า บอกว่า สายไฟขาดจริงๆ เดี๋ยวเชื่อมให้ ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด…. อาเจ๊ เดินมาบอกว่า เป็นแบบนี้หลายคันแล้ว บางร้านเขาไม่ดูจะเปลี่ยนใหม่ทั้งชุดลูกเดียว..

ผมเสียเงินไปแค่ 200 บาท แทนที่จะเสีย เกือบหมื่นบาท…

ธุรกิจเทคโนโลยีนั้น ร้านค้ามองเรา คือ ไอ้งั้งคนหนึ่ง

หรือ คนที่ร้านค้าจะรักษาผลประโยชน์ลูกค้าเพื่อซื้อใจ…

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงอาจารย์แฮนดี้ครับ เพราะท่านเป็นนักเทคโนโลยีพอเพียง

อย่างไรก็ตาม

ร้านประดับยนต์หน้าวัดศรีจันทร์ ได้ใจผมไปหมดแล้ว..

ช่างคนซ่อมทีวีคนนั้นก็ได้ใจผมไป เช่นกัน..


สิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยพบ..

3 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 กรกฏาคม 2009 เวลา 22:55 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 821

ข้างบ้านมีต้นมะม่วง ซึ่งปล่อยตามธรรมชาติ ไม่ค่อยดูแลเท่าไหร่ แค่ให้บ้านมีต้นไม้เขียวๆ อยากตัดแต่งกิ่ง เธอก็บอกไม่ต้องทำ ผมก็เอากล้วยไม้ไปแขวนไว้ สาม สี่ กระถาง มีแมลงก็ไม่พ่นยาเคมีไล่ จึงไม่ค่อยได้กินผล ออกดอกดกมาก แต่ไม่ติดผล มีนกมาทำรัง ออกลูกแล้วก็เร่ร่อนไปตามประสาเขาบ่อยๆ


บ่ายวันหยุดวันหนึ่ง เดินไปดูกล้วยไม้ พบว่ามีใบไม้ใบหนึ่งเปื่อยจนเนื้อใบหลุดลุ่ยไปหมดแล้ว เหลือเพียงโครงกลางใบที่เรียกก้านใบคงสภาพอยู่ และบนก้านนั้นมีสิ่งประหลาดอยู่ 9 หน่วย ไม่รู้จักว่าเป็นพืชชนิดไหน เห็ดชนิดใด หรือ..? เพราะไม่เคยพบมาก่อน ตั้งใจว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วก็ไปทำธุระอื่นจนลืมไปเสีย 1 สัปดาห์


เมื่อวันหยุดที่ผ่านมานึกขึ้นได้ก็คว้ากล้องไปถ่ายไว้ แต่ก็ไม่สามารถถ่ายสวยๆ ชัดๆได้ ก็ได้เท่าที่เห็น

เรียนชีววิทยามาก็คืนครูไปหมดแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหน….เอามาให้ดูกันเล่นๆครับ แต่แน่ใจว่ามันไม่เกี่ยวกับ เสื้อแดงเสื้อเหลือง ไม่เกี่ยวกับการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ไม่น่าจะเกี่ยวกับไข้หวัด 2009 และไม่ได้มาจากต่างดาวแน่ๆ

แต่น่าจะเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

ความพอดีของสิ่งแวดล้อม ที่เจ้าสิ่งมีชีวิตนี้เกิดขึ้นมา อิอิ…



ยินดีกับท่านทูตไทยประจำเวียตนาม..

2066 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 กรกฏาคม 2009 เวลา 21:26 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 33867

ขอแสดงความยินดีกับท่านพิษณุ จันทร์วิทันที่ได้รับโปรดเกล้าฯให้ไปเป็นเอกอัคราชทูตไทยประจำเวียตนาม ท่านพิษณุ เป็นลูกช้าง รหัส 17…(หลังผม 5 ปี) บ้านเกิดที่สระบุรี ครอบครัวเป็นคนเชียงใหม่ลูกช้างเหมือนกัน…

ปี พ.ศ. 2543-2546 ท่านเป็นกงสุลใหญ่ประเทศไทยประจำสะหวันนะเขต ตรงข้ามมุกดาหาร เราพบกันบ่อยเพราะที่ริมโขงนั่นมีร้านอาหาร “วาย วาย วาย” เป็นที่ตั้งชมรมศิษย์เก่าลูกช้าง และทุกวันพุธแรกของเดือน พวกลูกช้างก็นัดกันมาทานข้าวที่นี่ประจำท่านพิษณุก็มาบ่อย นอกนั้นก็มีกิจกรรมต่างๆร่วมกันเสมอ

หลังจากที่หมดวาระที่สะหวันนะเขตแล้ว ท่านก็ไปเป็นกงสุลใหญ่ที่นิวยอร์ก และได้รับโปรดเกล้าให้เป็นเอกอัคราชทูตที่ปากีสถาน(2548-2550) และก่อนไปเวียตนามท่านเป็นอธิบดีกรมเอเชียใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา ท่านทูตพิษณุมีความรู้ความสามารถหลายด้าน เป็นนักพูด ร้องเพลงเก่ง และเป็นนักเขียน “…ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสารคดี ประวัติศาสตร์ หรือกระทั่งนวนิยาย เห็นได้ชัดเจนจากผลงานรวมเล่ม อาทิ เมนูพระกระยาหารรัชกาลที่ 5 เสน่ห์ภาษาลาว ชีวิตท่านภูมี วงศ์วิจิตร นักปฏิวัติ/ประธานประเทศลาว และภูต นวนิยายที่ลงเป็นตอนๆ ในนิตยสาร ‘พลอยแกมเพชร’…..”

ผลงานเขียนและงานแปลของท่านทูตรูปหล่อคนนี้คือ

1 ล้านนาไทยในแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง / ปิแอร์ โอร์ต ; พิษณุ จันทร์วิทัน, แปลและเรียบเรียง

2 เมนู พระกระยาหารสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรป พ.ศ. 2440 = A collection of the royal menus during H. M. King Chulalongkorn’s visit to Europe 1897

3 เสน่ห์ภาษาลาว                                                                                           4 กงสุลไทยในเมืองลาว 5 ตามรอย “ปิแอร์ โอร์ต” สู่เชียงใหม่ สมัยพระพุทธเจ้าหลวง 6 เสน่ห์ภาษาลาว

7 ไวน์ขึ้นโต๊ะเสวยรัชกาลที่ 5

ขอบคุณข้อมูลจาก:

  1. http://www.oknation.net/blog/print.php?id=72041
  2. http://clrem-opac.sut.ac.th/BibList.aspx?keyid=1462&searchtype=Author+Alphabetic&collection=&language=&pubyearstart=&pubyearend=&searchresultpage=BasicSearch.aspx&showform=%be%d4%c9%b3%d8+%a8%d1%b9%b7%c3%ec%c7%d4%b7%d1%b9



Main: 0.1235511302948 sec
Sidebar: 0.36552286148071 sec