เมื่อใจแลกใจ ก็จะเข้าใจ
กรณีนักศึกษาหญิงมีปัญหากันหน้า locker ด่ากันไปมาแล้วบันดาลโทสะกระชากผมกัน โดยมีเื่พื่อน ๆ ล้อมวงอยู่ ทำให้อาจารย์ดูไกล ๆ ไม่รู้กว่าจะไปถึงก็อำกันว่าไม่มีอะไรไม่มีใครยอมรับสักคน เดินหน้าใสหลีกลี้หนีกระจายกันไปคนละทางสองทาง
อาจารย์งานพัฒนาวินัยนักเรียนนักศึกษา (ปกครอง) ได้หลักฐานมาแค่
ผม 1 กระจุก!
พอได้รับรายงานจากหัวหน้างานว่ายังจับผม (?) หรือมือใครดมไม่ได้เลย ครูปูจึงกดโทรศัพท์หาหัวหน้าห้องห้องนั้นทันที เบอร์โทรเส้นสายทุกระดับชั้นมีอยู่ครบ มี option ให้เลือกด้วยนะ ว่าคนนี้เอาไว้หาข้อมูลเรื่องอะไร
เรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าคนนี้ต้องถามใคร
คนนี้หายไปจะตามได้ที่ไหน
กลุ่มนี้น่าจะเอาไว้ทำม้าเร็วได้
กลุ่มนี้เอาไว้ psycho น้อง ๆ
แก็งค์ off road เอาไว้ลุยงานออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทต่างจังหวัด
กลุ่มนี้เอาไว้ลุยกิจกรรม
กลุ่มนี้เอาไว้ออกงานได้
กลุ่มนี้เอาไว้สับขาหลอก
กลุ่มนี้เอาไว้รับแขก
กลุ่มนี้เอาไว้กรี๊ด เป็นต้น
เจ้าหัวหน้าห้องเล่าให้ฟังเป็นฉาก ๆ พร้อมสาธยายที่ไปที่มาต้นตอความบาดหมาง ใครด่าใครว่าอะไร ใครเริ่มลงมือก่อน แถมยืนยันอีกว่า “ผมรับรองว่าไม่มีอะไรรุนแรงไปกว่าการกระชากผมจริง ๆ นะ ‘จารย์”
“เออจ๊ะ อาจารย์เชื่อเอ็งอยู่แล้วล่ะ ขอบใจนะลูก”
พอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ก็ตรวจสอบกับอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลตรงกันทั้งหมดแล้วจึงเรียกคู่กรณีมาสอบถามปรับความเข้าใจกัน และสะท้อนให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากทำเช่นนั้นไปแล้ว อีกทั้งผลกระทบเรื่องกฎระเบียบ ภาพพจน์ ความรู้สึกของพวกเขาเองหลังจากทำลงไปแล้ว
และสะท้อนไปเลยว่า ครูรู้สึกต่อเรื่องนี้ยังไง
เนื่องจากเป็นนักศึกษาโตแล้ว แค่คลี่ภาพรวมของเหตุการณ์ทั้งหมดให้เขาเห็นชัด ๆ ที่เหลือเขาก็วิเคราะห์กันเองได้ค่ะ เหลือแต่ปัญหาเรื่องการทำความเข้าใจกับอารมณ์ขุ่นเคืองที่เกิดขึ้นกับตัวเองเท่านั้น จึงต้องทิ้งระยะให้ไปใคร่ครวญด้วยตนเองเสียใหม่ ให้หยุดเรียนไปซัก 5 วัน แล้วค่อยมาสะท้อนให้ฟังถึงสิ่งที่คิดได้และแนวทางการแก้ไข
จริง ๆ นี่ก็คือการสั่งพักการเรียนนั่นเอง แต่ไม่ได้บอกอย่างนั้นหรอกค่ะ แค่บอกว่าเป็นสิ่งที่เขาต้องทำให้ได้อย่างเร่งด่วนก่อน ถ้าคิดอะไรได้ให้กลับมาคุยให้ฟังหน่อย แล้วถึงจะค่อยพูดเรื่องการกลับมาเรียน ส่วนงานด้านเอกสารและการทำความเข้าใจกับผู้ปกครองก็สำคัญพอ ๆ กัน ต้องครบถ้วนชัดเจนด้วยซึ่งก็มักจะเคลียร์กันได้ในที่สุด
ช่วงเย็นมีประชุมสรุปงานจึง share กับงานพัฒนาวินัยนักเรียนนักศึกษาและอาจารย์ที่ปรึกษาว่าหากเราจริงใจกับเด็ก เด็กจะรู้จักเราอย่างแท้จริง เขาจะเห็นหัวจิตหัวใจครู จะเข้าใจว่าสิ่งที่เราทำทั้งหมดว่าเพื่อประโยชน์ของตัวเขาเอง ไม่วันนี้ก็วันหน้า ยิ่งเขาโตขึ้น ๆ ความเข้าใจเรื่องพวกนี้ก็จะยิ่งชัดขึ้นเรื่อย ๆ
การให้ความใกล้ชิดดูแลพูดคุยให้ความสนิทสนมและช่วยเหลือเขายามต้องการ เขาจะไว้ใจและให้ความร่วมมือตอบกลับเราในทุก ๆ เรื่อง
ครูต้องไม่ทำให้เด็กรู้สึกว่าเป็นคนละพวกกัน ถึงจะเป็นครูปกครอง นี่ก็ไม่ใช่เกมโปลิสจับขโมย
เด็กเป็นลูกศิษย์เราไม่ใช่ผู้ต้องหา ความผิดพลาดที่เขาทำก็ด้วยวัยที่ยังน้อยประสบการณ์ยังด้อยหรือสิ่งแวดล้อมเอย ครอบครัวเอยไม่ส่งเสริมพัฒนาการเท่าที่ควรย่อมพลั้งพลาดได้เป็นธรรมดา หากยังพอมีลู่ทางไหนใส่ความเข้าใจที่ถูกต้องลงไปได้ เปิดพื้นที่ปลอดภัย ๆ ให้ได้ทดลองทำซ้ำใหม่ ระหว่างนั้นก็เสริมแรงให้กำลังใจวางทีท่าเหมือนว่าสิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกระเถิบตัวเองเข้าไปใกล้ชิดเขา กว่าที่เคยเสียหน่อย
ไม่ได้ลูกศิษย์คืนหรือไม่ได้ใจ ก็ให้มันรู้ไปล่ะ(วะ) ทีนี้
ฮี่ ๆ ๆ
ส่วนที่นอกเหนือจากสติปัญญาความสามารถของครูที่จะเหนี่ยวรั้งหรือเกินจะเยียวยาก็ตามแต่ใจจะไขว่คว้าแล้วกันค่ะ เมื่อก่อนทำใจไม่ได้หรอกนะคะไม่เคยยอมปล่อยซักราย เดี๋ยวนี้แก่แล้วหมดฤทธิ์ไปแยะ ยอมรับไปเลยบอกกันดี ๆ ว่าเราทำได้แค่นี้จริง ๆ เต็มที่แล้ว ที่เหลือจะยังไงให้เขาตัดสินใจ เพียงแต่ถ้าเขาไม่แก้ไขเรื่องนี้เราก็ไม่มีอะไรจะสอนเขาแล้ว ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วครูบาอาจารย์สอนไม่ได้จะอยู่ด้วยกันไปทำไม โรงเรียนนะไม่ใช่สนามเด็กเ่ล่น
ถ้าเป็นกรณีที่คุยกันไม่ได้เลยหรือไม่ยอมคุยก็ถือว่าสุดมือสอยก็ปล่อยมันไปเถอะค่ะ เก็บแรงไว้สอยไอ้ที่ยังพอสอยได้ดีกว่า
ครูปูนี่ท่าจะเข้าข่ายโรคจิตค่ะ เห็นลูกศิษย์คนไหนผอมลงเรียกคุยเลย ปิดห้องคุยเหมือนเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ เหตุผลที่ได้ฟังก็ขำ ๆ กันไปคนละแบบ
“ไม่มีอะไรจริงจริ๊ง ผมไปซื้อกางเกงขาเดฟมาแพงด้วยแต่ใส่ไม่ได้ พอลดน้ำหนักแล้วใส่ได้ ตอนนี้เลยติดไม่กินข้าวเย็นเปลีี่ยนไปเตะบอลแทนอ่ะ ไม่เชื่อ ‘จารย์โทรถามแม่ผมได้เลย ถ้าผมติดยาเมื่อไหร่ผมบอก’จารย์แน่ ‘จารย์ไม่ต้องห่วง ฮ่าๆๆๆ” (หัวเราะครืนกันทั้งแก็งค์)
แค่ขอบตาคล้ำก็ลากแขนมาซักจนสะอาดว่าไปทำอะไรมา เล่นเกมดูทีวีไม่สน เงื่อนไขคือต้องรายงานตัวทุกวันแล้วต้องคล้ำน้อยลง น้อยลงด้วยนะ ยังไม่ดีขึ้นอีกโทรหาแม่เลย
“นี่ถ้าอาจารย์ปูมีอายครีมคงยกให้เขาไปแล้วล่ะค่ะ (แต่นี่ไม่มีกำลังรอให้ป๋าซื้อให้อยู่อ่ะ) รบกวนคุณแม่ช่วยดูและจัดการให้หน่อยนะคะ ขอบตาคล้ำงี้หมดหล่อกันเลยเนอะ ลูกชายเรา”
บางเรื่องอาจดูขำ ๆ แต่จริง ๆ แล้วถ้าเราใส่ใจจี้ติด ๆ แบบนี้อยู่เสมอ ๆ เขาจะตื่นตัวเพราะรู้ตัวว่ามีใครคนหนึ่งสนใจเขาอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นการป้องปรามไม่ให้ลูกศิษย์เราไปเกี่ยวข้องกับอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ได้อย่างดีเชียวค่ะ แต่การสื่อสารก็ต้องมีศิลปะพอที่จะไม่เลยเถิดไปกระทบความรู้สึกเขาด้วยนะ
ผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็ขำ ๆ ครูกันแต่ก็ร่วมด้วยช่วยกันเสียเป็นส่วนใหญ่
ถึงจะดูเพี้ยนไปหน่อย (หน่อยเดียวจริง ๆ) แต่ครูปูว่าผู้ปกครองเข้าใจและสัมผัสได้ค่ะว่าครูกำลังทำอะไรอยู่ และรู้ว่าไม่ง่ายเลยถ้าครูเขาไม่มีใจกับลูกเรา
ส่วนที่ไม่แฮปปี้ ก็อมโบตันกันต่อไปอ่ะนะ กั่กๆๆๆ
เรื่องแบบนี้ถือเป็นบารมีที่ครูต้องทำเอง สั่งสมกันเองทั้งนั้น
แล้วมันต้องมาจากตัวตนจริง ๆ ของครูเสียด้วยสิคะ fake กันได้ที่ไหนล่ะเรื่องแบบนี้ ไม่รอดหรอก
เรื่องการปกครองคนนี่ ครูปูว่าไม่ว่าจะเป็นลูกศิษย์หรือลูกน้อง
หากเราลงทุนด้วยอะไรเราก็จะได้สิ่งนั้นตอบแทน
อยากรู้ว่าเราเป็นหัวหน้าแบบไหน
ก็ดูที่ผลของงานประกอบกับเสียงของลูกน้องที่แสดงระยะห่างระหว่างใจของกันและกันดู
อยากรู้ว่าตัวเราเป็นครูแบบไหน
ก็ลองมองไปที่ความงอกงามของศิษย์
แล้วตั้งใจฟังสิ่งที่เขาสะท้อนออกมาในรูปแบบต่าง ๆ ดูบ้าง
ชัดนะ
ครูปูว่า…
« « Prev : แมวไม่อยู่ หนูกลับไม่ร่าเริง
Next : ครูพันธุ์ใหม่ หัวใจไม่จน » »
ความคิดเห็นสำหรับ "เมื่อใจแลกใจ ก็จะเข้าใจ"