แจ๋วขี้เซา ณ สวนป่า 4 พ.ค.2553
เช้านี้นกยูงคงทนเห็นภาพครูปูนอนอล่างฉ่างคนเดียวบนเสื่อหน้าทีวีในห้องโถงไม่ไหว เลยเคาะประตูกระจก โป้่ก ๆๆ นึกถึงเสียงยายตะโกนปลุกที่บ้านเลย
ปูเอ๊ยยยย ตื่นได้แล้ว…
แม่หวีหายไปไหน แล้วหว่า (จะสงสัยทำไมไม่ทราบ ก็มันสายโด่ง 7 โมงกว่าแล้วนี่)
งัวเงียขึ้นมาเจอแม่หวีคลี่ผ้าปูที่นอนผืนใหม่ไล่ปูในห้องข้างล่างทีละเตียง คนงานก็เก็บนู่น ถูนี่ กันยกใหญ่ เลยรีบเดินขึ้นไปชั้นบนเผื่อจะไปไล่ทำก่อนล่วงหน้าได้ ปรากฎว่ามีสองสาวเปิดเพลงฟังพร้อมทั้งลุยกันไปจนเสร็จแล้ว
เลยออกปากแซวว่า “แหม เมื่อคืนเห็นครูปูเข้ามาในบ้าน เลยหนีกันหมดเลยเนอะ ไม่เป็นไรหรอก อยู่กันเยอะ ๆ สนุกดี” ไม่ได้รับคำตอบหรอกค่ะ เห็นแต่รอยยิ้มเขิน ๆ แทน
เพิ่งรู้ตัวว่าแย่จังเลยเรา มาสวนป่าตั้งหลายครั้งแต่ไม่ค่อยได้พูดคุยหรือทักทายเด็ก ๆ ในสวนป่าเลย ตอนนี้ยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครชื่ออะไรกันแน่
ขอบคุณน้าอึ่งอ๊อบค่ะที่ช่วยเตือนสติ คราวหน้าต้องพยายามปรับเรื่องนี้ด้วยล่ะค่ะ
พ่อครูบาฯ เดินมาชวนให้ออกไปซื้อของในตลาดสตึก แต่ไม่อยากให้พ่อวิ่งไปวิ่งมา จึงอาสาจะออกไปซื้อให้เองกับแม่หวีสองคน โดยรายการของวันนี้จะเป็นพวกเครื่องปรุง เครื่องประกอบ อุปกรณ์ล้าง ทำความสะอาดทั้งหลาย จึงเริ่มชักชวนให้แม่หวีจัดทำรายการเพื่อจะได้เห็นงบประมาณที่แท้จริงของการจัดแต่ละครั้ง ทีนี้ก็จะสามารถคำนวณออกมาเป็นค่าใช้จ่ายรายหัวต่อคน ต่อคืนสำหรับผู้เข้ารับการอบรมได้ หากในอนาคตการอบรมมีปริมาณมากขึ้น จะได้มีเรทค่าใช้จ่ายมาตรฐานตั้งไว้ให้แต่ละคณะพิจารณา เพื่อสวนป่าจะได้มีศักยภาพที่จะจัดอบรมไปได้อีกนาน ๆ
สังเกตเห็นว่า การซื้อของเข้าสวนป่า แม่หวีผู้ที่ต้องรับภาระทั้งหมด ด้วยเวลาที่เร่งรีบ คนช่วยงานก็เพิ่งเรียกมาแค่ก่อนหน้าวันงานแค่วันเดียวเพื่อประหยัดค่าแรง รายการของที่พ่อครูบาสั่งให้ซื้อก็หลากหลาย เพราะยามที่อยู่กันสองคนตายาย แม่หวีบอกว่าแทบจะไม่ได้ออกไปซื้ออะไรเพิ่มเลย ทำให้พอต้องออกไปซื้อที ก็ไม่ได้สังเกตรายละเอียด ไม่รู้ว่าตอนนี้อะไรมาใหม่ อะไรลด อะไรดีไม่ดี เคยซื้อยังไงก็ซื้อยังงั้น หรือไม่ก็อะไรก็ได้
แอบเดินตามหลังเช็คสินค้าที่แม่หวีเลือกหยิบทุกรายการ ก่อนจะไปจ่ายสตางค์ จึงตัดสินใจถามแม่หวี พร้อมเอาอันที่เตรียมไว้เปรียบเทียบให้แม่หวีดูโดยละเอียดทั้งวิธีใช้ และราคาที่พอเหมาะกับความจำเป็น เผื่อแม่หวีมีเหตุผลหรือความชอบส่วนตัวที่เราไม่รู้
ก่อนจะถาม ใจนึงก็ตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ น๊อ เกรงว่าแม่หวีจะคิดว่าเรา story เยอะหรือเปล่า แต่เอาน่า กะด้วยสายตาแล้ว แพงไปรายการละ 10-20 บาท กี่ชิ้นก็คูณเข้าไป เท่าไหร่แล้วล่ะ ถ้าไม่ได้มองกันเป็นคนอื่นคนไกล คิดว่าเราเป็นญาติกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน เราจะอยากพูดไหม เอาเป็นว่าพูดเลยแล้วกัน ไม่สนแร่ะ ก็มันอยากพูดนี่
ปรากฎว่าแม่หวีตกใจเลย บอกว่าไม่เคยรู้เลย ไม่เคยมีใครบอกอย่างนี้
“ปูเอ๊ย… แม่หวีมองไม่เห็นน่ะลูก ตามัวหมดแล้ว แว่นก็ไม่ค่อยพก เคยซื้อยังไงก็หยิบไอ้ของเดิม ๆ ไม่เคยดูหรอกว่ามันราคาเท่าไหร่ มันบอกไว้ทำอะไร ราคาเท่าไหร่ แม่ก็เอา ก็มันไม่มีใครคล่อง ๆ ตาดี ๆ มาอยู่ใกล้ ๆ ช่วยกันดูนู่น ดูนี่แบบนี้นี่”
ว่าแล้วก็หัวเราะ แหะ แหะ
ครูปูสิคะ แหะ ไม่ออกซักกะแอะเลยล่ะค่ะทีนี้
นี่เลยเป็นสาเหตุให้ตั้งใจเลยว่าเที่ยวนี้จะขออนุญาตแม่หวีจับรายละเอียดค่าใช้จ่ายของสวนป่าในการจัดอบรมแต่ละครั้งโดยเฉพาะเลยค่ะ
อากาศร้อนมาก เตรียมของกันไป พ่อครูบาก็รำพึงรำพันตลอดเรื่องผักตายบ้าง ซบบ้าง เสียดายที่พวกเราที่จะมาถึงจะไม่ได้กินผักอย่างที่พ่อครูบาต้องการ
“แหม ถ้าฝนลงมาก่อนหน้านี้ซัก 2-3 ครั้งนะ พวกเราได้ลุยผักกันหน้ามืดแน่!” พูดพลางส่ายหน้าด้วยความเสียดายไปพลาง
ว่าแล้วก็ทำอาการอย่างนี้วนไปวนมาตั้งแต่เช้ายันค่ำ (แปลว่าเสียด๊าย…เสียดายจริง ๆ)
บ่ายนี้อากาศร้อนรุ่ม แต่ไม่กลุ้มใจนะคะ อิอิ
ทำอะไรนิดหน่อยเหงื่อก็ออก เลยยิ่งล้า เข้าไปอีก
อาบน้ำ ปะแป้งตรางู จู้ฮุกกรู
แล้วนอนผึ่งพุงอ่าน จากจิตวิทยา สู่จิตภาวนา จบไปหนึ่งเล่ม
เรื่องที่อยากป่วน จบไปหนึ่งเล่ม
ท้องไส้และเลือดลมเริ่มจะปั่นป่วนตามชื่อหนังสือแร่ะ 555…
พออ่าน พายเรือ…เทียบฝั่ง ได้แค่ค่อนเล่ม ก็ คร่อก…
ผลอยหลับไปบนเก้าอี้ฮ่องเต้หน้าทีวีตอนบ่ายแก่ ๆ ตื่นมาสดชื่นสุด ๆ
สงสัยจะชดเชยกับการอดนอนที่ผ่านมา 1 เดือนเต็ม ๆ ซะล่ะม๊าง
น่าน… คิดเข้าข้างตัวเองอีก อิอิ
กำลังหน้ามืดกับการเตรียมของและเก็บล้างอยู่ในครัว ป้าจุ๋มกับป๋าขาก็มาถึงพร้อมข่าวร้าย
ข้าวโพดข้าวเหนียวสีขาวที่ฝากป๋าซื้อ บ่ มี
อุตส่าห์ไม่ซื้อจากตลาดสตึกน๊อ โม้กับแม่หวีอีก ฝากป๋าซื้อแล้ว รอกินอย่างเดียวเลยเรา แป่ว!…วัยรุ่นเซ็งเลย!
ยังดีน๊อ ป้าจุ๋มกรุณาหิ้วสมุนไพรมาฝาก 2 ขวด จะกินแก้หิวไปพลาง ๆ ก่อนก็ใช่ที่ เก็บเอาไว้ส่งให้แม่ดีกว่า ขอบคุณป้าจุ๋มมากค่ะ
กับข้าวทุกอย่างเตรียมพร้อมเสร็จสรรพ นั่งน้ำลายไหลด้วยความหิว เพราะอากาศร้อนมากกินอะไรไม่ค่อยลงมาทั้งวัน รอทีมพี่ครูอึ่งกันดีกว่า กินกันเยอะ ๆ สนุกดี
สองทุ่มกว่า ๆ คุณหมอจอมป่วน พี่ครูอึ่ง ครูอาราม ครูไพลินและคุณพรพรรณก็มาถึง
ครูปูมัวแต่วิ่งไปนู่นมานี่ก็เลยไม่ค่อยทราบว่าสองท่านนี้คือใคร ปล่อยไก่ไปก็หลายตัว นึกว่าเป็นครูที่โรงเรียนพี่ครูอึ่งทั้งคู่ ไปชวนท่านร้องเพลงบ้าง ชวนคุยกันเรื่องการสอนภาษาอังกฤษบ้าง (ก็เห็นนั่งกันเงียบ ๆ กลัวจะเหงาอ่ะค่ะ) จนครูไพลินเริ่มแนะนำตัวเลยถึงบ้างอ้อ ส่วนคุณพรพรรณได้แต่คุยเล่นกัน
เพิ่งมารู้เพราะน้าอึ่งอ๊อบเล่าให้ฟังเมื่อไม่กี่วันมานี้เองว่าเป็นเพื่อนของพ่อครูบา และคุณพรพรรณคนนี้แหละ ที่ชาวเฮฯ สายเหนือ แหย่กันว่าเป็น กิ๊กครูบาฯ (อิอิ อดแซวเลยเรา:P)
มื้อแรกของการกินข้าวร่วมกัน เป็นเมนู กระหล่ำปีผัดน้ำปลา
ปลารากกล้วยอบกรอบ
ไข่ครอบจากหลวงพี่ชัยวุธ
และหมูย่างตรังของน้าแป๊ด
และเมนูที่ทำได้ครั้งแค่ครั้งเดียว (ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้วอ่ะ) ได้แก่ “แกงเค็มตำลึงหมูสับ”
จากแม่ครัวที่ 1 ป้าจุ๋มเป็นคนเอาน้ำใส่หม้อตั้งไฟ
ครูปูเป็นคนเทน้ำปลา
แมคไกเวอร์แห่งมงคลวิทยาเป็นคนรับช่วงต่อจนเสร็จสรรพใส่ถ้วย
ครูปูจึงสรุปกับป้าจุ๋มสองคนได้ว่า น่าจะผิดที่คนสุดท้ายอ่ะค่ะ ฮา…
อิ่มแล้ว แจ๋วจะปฏิบัติหน้าที่ล้างถ้วยชาม พี่หัว… เอ๊ย พี่ครูอึ่งก็เข้ามาจับไม้จับมือพร้อมทำสีหน้าจริงจัง
“น้องปูจ๋า มื้อนี้พี่ขอล้างถ้วยชามเองนะ พี่เมาบกอ่ะนะ ขอพี่เถอะ” กร๊ากกกก…
พร้อมซุปซิปเบา ๆ “โชว์เฟอร์เราซิ่งน่าดูเล๊ย…อิอิ”
หลังจากนั่งคุยกันอย่างพอสมควร พ่อครูก็ชวนพาเดินไปชมเรือนหกเหลี่ยมซึ่งจะเป็นที่พักของสุภาพบุรุษทั้งหลาย ส่วนสาว ๆ ก็นอนเมาท์กันที่เรือนใหญ่เช่นเคย
ครูอารามพยักหน้าบอก “สบายมั่ก ๆ ” ได้ข่าวภายหลังว่า ลากที่นอนลงมานอนพื้นซะงั๊น คงจะสบายมากจริง ๆ นั่นแหล่ะ
อิอิอิ
« « Prev : การทำให้คนในองค์กรคิดถึงส่วนรวม
Next : โยงจิตกับปัญญาลงมาถึงพฤติกรรม » »
ความคิดเห็นสำหรับ "แจ๋วขี้เซา ณ สวนป่า 4 พ.ค.2553"