บุพเพสันนิวาส
อ่าน: 2191
ปถุชนยังละกิเลสไม่ได้ เกิดมาก็ย่อมต้องมีความรักทั้งหญิงและชาย พระพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุที่ทำให้หญิงชายรู้สึุกรักกันไว้ใน สาเกตชาดก พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙ ดังนี้
“ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เหตุไรหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้พอเห็นกันเข้าก็เฉย ๆ หัวใจก็เฉย บางคนพอเห็นกันเข้า จิตก็เลื่อมใส”
“ความรักนั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ด้วยการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑ ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑”
“เหมือนดอกอุบลและชลชาติ เมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ คือน้ำและเปือกตม ฉะนั้น”
บุพเพสันนิวาส คือ การได้เคยอยู่ร่วมกันในอดีตชาติ จนส่งผลให้ได้มาเป็นคู่ครองกันในปัจจุบันซึ่งส่วนใหญ่จะคิดว่าเคยอยู่ร่วมกันเป็นสามีภรรยาเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วบุพเพสันนิวาสหมายถึงการที่อาจจะได้อยู่ร่วมกันในฐานะอื่นก็ได้ เช่น พี่กับน้อง พ่อกับลูก แม่กับลูก เพื่อนกับเพื่อน ครูกับศิษย์ นายกับบ่าว เป็นต้น การที่มีบุพเพสันนิวาสร่วมกันนี้เมื่อเกิดมาร่วมกัน ก็มักจะสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันมา ทำอะไรตามกัน มีความเห็นสอดคล้องกัน ทำให้อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข
เนื้อคู่ คือ หญิงและชายที่เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสามีภรรยากันมาก่อนในอดีตชาติ
คู่ครอง คือ หญิงและชายที่ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสามีภรรยากันในชาติปัจจุบัน
คู่กรรม คือ หญิงและชายที่ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสามีภรรยา แต่มักไม่มีความสุข
เนื่องจากการมาอยู่ร่วมกันนั้นเกิดจากวิบากของกรรมที่ทำร่วมกันหรือวิบากกรรมที่มีต่อกันมาส่งผล เช่น อาจเคยทำบาปร่วมกัน หรือเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน เป็นต้น
คู่บารมี คือ เนื้อคู่ที่ได้ติดตามกันมา ส่งเสริมกันและกันในทางที่ดี ได้ใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรรยาร่วมกันนับชาติไม่ถ้วน และจะติดตามกันต่อไปจนกว่าจะสามารถหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้ มักใช้คำนี้กับพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีกับเนื้อคู่ลำดับ ๑ ที่จะได้เป็นคู่ครองกันในชาติสุดท้าย
เรื่องของ คู่บารมี เป็นคู่สำคัญ เป็นคู่ที่ยาวนานเพราะต้องร่วมกันสร้างบารมีขณะที่ฝ่ายหนึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเนื้อคู่ที่จะเคียงข้างกันไป การเป็นพระโพธิสัตว์นั้นต้องการกำลังใจที่เข้มแข็ง มั่นคง และเสียสละความสุขทั้งปวงเพื่อประโยชน์ของสัตว์โลก พระโพธิสัตว์นั้นต้องใช้เวลายาวนานมากในการสร้างบุญบารมีกว่าที่จะสามารถตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาถึง ๒๐ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป และอย่างช้าก็เนิ่นนานจนถึง ๘๐ อสงไขยกับเศษแสนมหากัปเลยทีเดียว
คนที่ตั้งใจเป็นคู่บารมีจึงต้องมีความเสียสละและเด็ดเดี่ยวไม่แพ้กัน บุคคลผู้ปรารถนาเป็นคู่บารมีนั้น จะเป็นผู้ที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากที่สุดได้เป็นคู่ครองกันมากที่สุด และเป็นเนื้อคู่ลำดับ ๑ อย่างเที่ยงแท้ การเป็นคู่บารมีนั้นลำบากมากยิ่งนัก เพราะคนเป็นคู่บารมีนั้นจะต้องพบกับสิ่งต่อไปนี้ คือ ต้องเกิดเป็นผู้หญิงไม่ได้เกิดเป็นผู้ชาย ต้องช่วยพระโพธิสัตว์ทำงานอย่างเต็มกำลัง ในบางชาติอาจต้องร่วมสร้างบารมีกับพระโพธิสัตว์ เช่น ต้องสละชีวิตร่วมกัน ต้องถูกบริจาคลูกหรือตัวเอง เพื่อเสริมบารมีให้พระโพธิสัตว์ เป็นต้น ตราบใดที่พระโพธิัสัตว์ยังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า คู่บารมีนั้นก็ยังไม่มีโอกาสบรรลุโลกุตรธรรมได้
จาก “หนังสือ…ความจริงเกี่ยวกับความรัก ความโกรธ และความเมตตา“
« « Prev : ทหารบุกหรือจะบุกทหาร?
Next : หากชีวิตยังปรารถนาจะมีคู่… » »
9 ความคิดเห็น
สาธุ อิอิ
การไม่มีคู่เป็นลาภอันประเสริฐ (แบบว่าคิดเอง สบาย ๆ 5555+)
ไม่รู้กี่อสงไขยนะถึงจะมาเจอคนแห้วๆฮาๆ
หึหึหึ เรื่องว่าด้วยความจริงเกี่ยวกับความรัก ความโกรธ และความเมตตา ไหงมีแต่คู่ครองล่ะจ๊ะ อิอิอิ
)
(เปิดทางรอพี่สร้อยมากระแอมดีกว่า
สาธุด้วยคนดิ่ น้องราณี เหอ เหอ
ส่วนพ่อหน่ะไม่ต้องนับอสงไขยแล้ว เพราะเจอเข้าเต็มเปา ฮ่าๆๆๆ
งั๊น หนูตัดคำว่า ความโกรธ และความเมตตาออกก่อน อ.สร้อย จะมาดีฝ่า
ท่าทางน่าจะปลอดภัยดี เหอ เหอ
(แหม จริง ๆ ก็มีต่อแหล่ะค่ะแต่ขี้เกียจพิมพ์แล้วอ่ะ)
แอบมาดูคนรอคู่คุยกัน อิอิ
อ้าวถูกพาดพิงซะงั้น
แหม….ไม่ว่าจะครูปูหรือน้องเบิร์ดนะ..พี่ก็เชียร์ทั้งสองแหล่ะค่ะ…
อิอิ…ฮิ้ว…
เอ๊ะ ท่าจะจริงอย่างทั่้นพี่บางทรายว่าแฮะ เพราะตอนนี้ก็ปาเข้าไป 4 สาวแห้วแล้วอ่ะ
(#1 , #3 , #4 , #6) กร๊ากกกกกกกกก….
ไผจะเป็นรายต่อไปน๊อ…
โอม แห้วจงมา แห้วจงมา แห้วจงมา ….
ครูปูเล่นของ?? แบบนี้บรรดาผู้ที่รับประทานแห้วก็ไม่มาหรอก…มีแต่พวกเซียนแห้วถึงจะกล้ามา???? อิอิ
เรื่องเกี่ยวกับคู่บารมีนี่ไม่เคยอ่านจากไหนค่ะ (เคยอ่านแต่คู่กรรม) อุ๊ยคิดว่า คนที่จะเป็นคู่กันก็คงจะมีศีลเสมอกัน …ก็ทำให้มีโอกาสและหาโอกาสได้เจอกันในสถานการณ์ที่ร่วมกัน…เช่นเดินทางร่วมกันบ่อยๆ ..มีความคิดความเข้าใจในระดับจิตที่เคียงกัน…ส่งเสริมกันในกิจที่อีกฝ่ายสนใจหรือเจตนา…เอาใจใส่ดูแลอยู่เป็นเพื่อน ยอมสละตัวเอง (คือรวมทั้งเวลา เงินทอง ฯลฯ) เพื่อคนที่รัก ฯลฯ
การทำอย่างนั้นก็เป็นพลังด้านบวกที่ส่งเสริมให้ได้สร้างบารมีร่วมกันต่อๆ ขึ้นไป…และก็คงได้เป็นคู่บารมีกันหลายภพชาติ…
….แต่ก็ยังยืนยันคำเดิมนะคะว่า ไม่ว่าจะเป็นน้องเบิร์ดหรือครูปูจะเป็นคู่บารมีกับใคร..อุ๊ยก็เชียร์และลุ้นค่ะ….เพราะเรื่องความรักความเมตตาเป็นเรื่องมงคล ใครมีก็สร้างความปิติให้กับคนที่พบเห็นนะคะ
เผอิญอ่านเจอเกี่ยวกับเรื่องนี้เห็นว่าน่าสนใจดีค่ะ แต่อย่างที่พี่เบิร์ดว่าหน่ะค่ะ เอาชื่อหนังสือมาตั้งเป็นชื่อบันทึกแต่มุมที่นำเสนออาจไม่ตรงทั้งหมดค่ะ กำลังคิดอยู่ว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อบันทึกเป็น “บุพเพสันนิวาส” น่าจะเหมาะนิ อิอิ
เคยเห็นป๋า comment ในเจ๊าะแจ๊ะครั้งนึงมังค่ะ เรื่องการเป็นคู่กันต้องมีศีลเสมอกัน พออ่านเจอก็เลยสนใจแถมยังได้เห็นภาพของ คู่บุญ-คู่บาปอีกด้วย และองค์ประกอบของการจะเป็นคู่บุญตามที่หนังสือเขียนไว้นั้น
1. มีศรัทธาไปในแนวทางเดียวกัน
2. มีศีลอันเป็นเครื่องหอมทางใจเสมอกัน
3. มีจาคะอันเป็นวิธีคิดแบ่งปันเสมอกัน
4. มีปัญญาเสมอกัน
เรื่องคู่อะไรนี่ ส่วนตัวแล้วหนูเฉย ๆ นะคะ เพราะถือว่าได้มีชีวิตอยู่ในชาตินี้ หน้าที่อะไรที่พึงกระทำ ก็ได้กระทำแล้ว และกำลังกระทำอยู่ เลี้ยงดูพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ เป็นคนดีของสังคม สร้างประโยชน์ให้กับคนรอบข้างและสังคมที่เราอยู่ด้วย ไม่เคยทำร้ายใคร (ก่อน) ที่เหลือก็เป็นกำไรค่ะ ใช้ชีวิตไปฝึกไปในส่วนที่ยังพัฒนาได้ค่ะ
หากจะเลือกมีคู่คงต้องมีเหตุผล (ดีๆ) พอควร ปูนนี้แล้วก็คงจะไม่วี๊ด วิ่ว… เอามันส์
หรือเพราะไม่มีอะไรจะทำหรอกนะคะ
ช่วงนี้มีเหตุให้ใคร่ครวญเรื่องการมีคู่เป็นอย่างยิ่ง เพราะเกิดกรณีตัวอย่างขึ้นอย่างจัง ให้ได้พิจารณาทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น มากกว่าความสุขความสมหวังและจุดสูงสุดของชีวิตอย่างที่สาว ๆ ชอบฝันกันอ่ะค่ะ
(แค่คำแก้ตัวของคำว่า “เพ้อ” อ่ะค่ะ อิอิ)
บันทึกที่เกี่ยวเนื่อง
คู่บาป-คู่บุญ