พระธรรมดิลก เกจิอาจารย์ล้านนา

2278 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 30 ธันวาคม 2011 เวลา 0:22 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 66597

ที่ศาลากลางหลังเก่าของเชียงใหม่นั้นเป็นอาคารที่สวยงามมาก ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ลำดับประวัติศาสตร์ล้านนา ท่านที่สนใจหาเวลาไปเยี่ยมชมนะครับ ผมว่าดีมากๆ ไม่เคยเห็นที่ไหนทำดีเท่านี้


หากยืนหันหน้าเข้าอาคารศาลากลางหลังนี้ ทางซ้ายมือคือวัดอินทขีลสะดือเมือง สวยผิดตาเพราะผมไม่ได้มาแถวนี้เสียนาน ผมจำได้สมัยที่เรียนจบมช.ใหม่ๆ ผมมาเป็นนักข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ส่วนกลางฉบับหนึ่ง จึงมาต้อนรับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ที่ศาลากลางแห่งนี้ และได้มาอาศัยสิมหลังนี้นั่งพัก สมัยนั้นเก่าโทรมมากๆ

ติดกับวัดอินทขีลคือพิพิธภัณฑ์อีกแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าติโลกราชเจ้าผู้ครองนครล้านนา ที่เคยนำทัพไปช่วยเจ้าผู้ครองนครล้านช้างสู้รบกับแกวในสมัยโน้น..

ผมเดินชมเพลินๆ ซึ่งไม่เคยเข้ามาก่อนเลย จัดดีมากๆอีกเช่นเคย แนะนำว่าใครที่ไปเชียงใหม่ควรที่จะหาเวลามาชมมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์เสียที่นี่จะเข้าใจล้านนาดีมากกว่าภาพที่เห็นในปัจจุบัน

สิ่งที่ผมประทับใจจนต้องน้อมกายก้มลงกราบ.สุดหัวใจคือพระอาจารย์ของผมซึ่งถูกจารึกให้เป็นเกจิอาจารย์แห่งล้านนา ซึ่งมี 6 รูป นับตั้งแต่ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงพ่อเกษม เขมิโก หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ และองค์สุดท้ายคือ พระธรรมดิลก หรือจันทร์ กุสโล

 


พระธรรมดิลกนั้น ผมรู้จักชื่อเสียงท่านตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือที่ มช. เพราะท่านจัดรายการวิทยุทุกเช้ามืด เทศนาสั่งสอนญาติโยมให้อยู่ในศีลในธรรม ให้ทุกคนสามัคคี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน สังคมจึงจะเป็นสุข เมื่อผมเข้าทำงานพัฒนาชนบทที่อำเภอสะเมิง ก็มีโอกาสใกล้ชิดท่านเพราะท่านเป็นพระนักพัฒนา ทำงานเพื่อคนยากจน เพื่อคนชนบทมากมาย

ซึ่งปกติท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงกลางเมืองเชียงใหม่ แต่ท่านชอบที่จะไปประจำที่วัดป่าดาราภิรมย์ที่ อ.แม่ริม และที่นั่นผมไปกราบท่านบ่อยๆ เพื่อปรึกษางานท่านและขอรับความร่วมมือจากมูลนิธิของท่าน

เมื่อผมปรารถนาจะบวชให้พ่อแม่ หนึ่งพรรษากับพระอาจารย์ธรรมธโรที่สำนักปฏิบัติธรรมไทรงาม จังหวัดสุพรรณบุรีรอยต่อกับวิเศษชัยชาญบ้านเกิดผม ผมก็ปวารณาตัวว่าจะขอมาลาสิกขาเพศที่วัดป่าดาราภิรมย์กับพระอาจารย์จันทร์ ซึ่งเราคุ้นชินเรียกท่านว่า หลวงพ่อวัดป่าดาราภิรมย์…

ท่านมีเมตตามาเป็นประธานสึกจากพระให้ผม สั่งสอนอบรมผม… และผมก็มีโอกาสร่วมงานกับท่านอีกเมื่อกลับไปทำงานพัฒนาชนบท

เมื่อผมย้ายไปทำงานอีสานท่านก็มีเมตตาส่ง สคส. ปีใหม่ไปให้ประจำทุกปี ผมพบท่านหลังสุดเมื่อผมไปทำงานที่ดงหลวงแล้ววันหนึ่งฟ้าบรรดาลให้ผมขับรถไปที่จังหวัดนครพนม ไปกราบพระธาตุพนม แล้วผมก็พบท่านโดยบังเอิญ ท่านมากับญาติโยมด้วยรถตู้ที่สร้างพิเศษสามารถนำผู้ป่วยขึ้นลงรถได้โดยระบบไฮโดรลิค เพราะท่านเดินไม่ได้แล้ว นั่งแต่บนรถเข็ญ แต่สุขภาพโดยรวมยังสดใส ผมไปก้มกราบท่าน รายงานตัวให้ท่านทราบว่าผมคือใครในอดีต ท่านจำได้ยิ้มให้ผมและให้ศีลให้พรผม.. หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ไปกราบท่านอีกเลยจนท่านมรณภาพไป

มาพบท่านที่เป็นหุ้นขี้ผึ้งร่วมกับเกจิอาจารย์ล้านนาแห่งนี้ ผมปิติมากที่ขึ้นมาเชียงใหม่ครั้งนี้ได้มากราบท่านอีกครั้งแม้จะอยู่ในสถานภาพเช่นนี้ก็ตาม


สาวสันทราย..อีกครั้ง

2666 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 ธันวาคม 2011 เวลา 16:00 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 51038

เบิร์ดสนใจ “สาวสันทราย” เลยเอารูปมาลงเต็มๆ เผื่อเป็นข้อมูลเอาไปหาดูในที่อื่นๆครับ ต้นสาวสันทรายก็คือ ต้นที่ป้ายนี้ติดอยู่นี่แหละครับ สวยครับ เดินดูดอกหลายชนิดสาวสันทรายเด่น ดึงให้เราเดินไปชมใกล้ๆครับ


เต็ม..

2405 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 27 ธันวาคม 2011 เวลา 22:51 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 54285

ยาหยีอยากพักผ่อนหลักจากทำงานหนักมาตลอด เดินทางทุกสัปดาห์วางแผนจะไปพม่าแถวเชียงตุง ต่อมาเพื่อนร่วมงานสมัยสะเมิงนัดพบกันส่งข่าวมาบอกว่าอยากให้ไปสังสรรค์กันหน่อย ไม่ได้พบกันนานแล้ว เราจึงเปลี่ยนแผน ไปเชียงใหม่ ตรวจสอบลูกสาวว่าหยุดงานวันไหนจะได้ไปด้วยกัน ถือโอกาสครอบครัวพักผ่อนด้วย

เราเริ่มเอะใจเรื่องที่พัก จึงติดต่อที่พักแหล่งประจำของเรา เต็มหมดแล้ว โทรไปหลายแห่งที่เราคุ้นชินก็ เต็มหมด เอาหละซี ทำไงดีล่ะ

พอดีผมมีงานที่เหมืองแม่เมาะ ประชุมกับท่านรองผู้ว่าจังหวัดลำปาง นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ กฟผ ในเรื่อง Public scoping เลยต้องขึ้นมาลำปางกับทีมงาน และถือโอกาสเลยไปเชียงใหม่เร็วกว่ากำหนดเดิม ช่วงนี้พอหาที่พักได้ แต่วันที่ 30 ถึงวันที่ 1 เต็มหมด อาจเหลือบ้างในราคาสูงกว่า 4,000 บาทต่อคืนขึ้นไปถึงคืนละ 10,000 บาท มันเกินฐานะเรานะ อยากพักอยู่ร๊อก แต่อย่าดีกว่า ยิ่งนานวันห้องยิ่งเหลือน้อยลงมา เราชะล่าใจไปหลายแห่ง ว่ามีห้องในราคาที่สู้ได้ แต่ขอตระเวนไปดูที่อื่นๆอีก ทำไปทำมา ย้อนมาเอาที่เดิมก็หมดแล้ว….สมน้ำหน้า

ผมตัดสินใจโทรหาเพื่อนรักที่เขาเป็นคนเชียงใหม่ช่วยแนะนำที่พักให้หน่อย มันบอกว่า โธ่ โธ่ มันยากยิ่งกว่างมเข็มอีกว่ะ แต่จะลองดูให้

เราได้ห้องถึงวันที่ 30 แต่วันที่ 31 และวันที่ 1 นั้นไม่มีที่พัก เราเริ่มมองไปรอบๆเมือง ไกลออกไป ไกลออกไป แม่ริม แม่แตง ลำพูน ป่าซาง ดอยสะเก็ด ….เต็มหมด โชคดีที่ผมเตรียมเต็นท์ ถุงนอนมาพร้อม หากไม่มีห้องพักจริงๆ ก็กางเต็นท์นอนกันหละ

เวลาผ่านไปเราตรวจพบว่าที่น้ำพุร้อนแม่ออน มีที่พักว่าง ราคาแพงลิ่ว แต่พอรับได้ จึงคว้าไว้ แล้วไปดู พอใจเอาเลย สักพักใหญ่ๆเพื่อนโทรมาบอกว่าหาห้องว่างให้ได้แล้วข้างบ้านเขา เป็นห้องพักใหม่ที่สร้างไม่เสร็จดีแต่พักได้ เราขอบคุณเขาแต่เราตัดสินใจไปแล้ว

ผมมาเชียงใหม่ทุกปีเพราะมีที่ดินที่นี่ มีเพื่อนมากมายที่นี่ เพราะผมเรียนจบที่นี่ แต่ไม่เคยเผชิญปัญหาที่พักเท่าปีนี้เลย สงสารคนเชียงใหม่ที่มีความสวยงามแต่ไม่สงบ เพราะมีคนต่างถิ่นมามากเกินไป เกินพอดี ….
(ในจำนวนนั้นรวมผมไปด้วย อิอิ)

รูปข้างบนนั้นไม่เกี่ยวกับเรื่องนะ ชื่อสาวสันทราย ชื่อแปลกนะครับ


เหรียญเก่า..

2514 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 24 ธันวาคม 2011 เวลา 14:24 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 58017

ผมไปหลวงพระบางหลายครั้ง เดินตลาดกลางคืน ซึ่งเหมือนไนท์ บาร์ซาร์เชียงใหม่ก็หลายหน แต่ไม่เคยพินิจพิจารณาร้านขายของเก่า เพราะเฉยๆ แค่มองผ่านๆไปเท่านั้น

แต่มาได้ยินคนพูดว่า ไปหลวงพระบางมาแล้วไปได้เหรียญเก่าของไทยเรา ทำให้ผมสะกิดใจ เอ ทำไมเราไม่ดูบ้างเล่า เหรียญเก่าๆของไทยนั้นน่าที่จะสะสมไว้ให้ลูกหลานดู

มาคราวนี้ผมแค่ผ่านหลวงพระบาง เพราะต้องรีบไปทำงานและแค่ผ่านไม่ได้พักที่นั่นจึงหมดโอกาสจะไปเดินดูเหรียญเก่า แต่ผมมีเวลาค้างคืนที่เวียงจันเที่ยวกลับ จึงตั้งเป้าหมายไว้ และก็มีโอกาสจริงๆ หลังจากเดินชมพระอาทิตย์ตกดินที่ฝั่งไทยเมื่อมองจากฝั่งเวียงจันแล้วก็ถือโอกาสเดินชมไนท์ บาร์ซาร์ใกล้ๆนั่นเอง

ไม่ผิดหวังผมพบเหรียญเก่าของไทยหลายเหรียญ ก็ต่อรองราคา ซื้อมาหลายเหรียญเขาก็ลดให้ ผมถามเขาว่าเอามาจากไหน เขาบอกเป็นของเก่า เหรียญนี้ปี พ.ศ. 2460 ก็ 90 กว่าปีแล้ว สมัยผมเด็กๆก็ได้เห็น ได้ใช้อยู่ และมีหลายชนิด แต่หมดไปแล้ว

อย่าถามว่าราคาเท่าไหร่นะครับ…ไม่บอก อิอิ….


พื้นที่ประเทศลาวคือผ้าที่พับไว้..

2451 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 ธันวาคม 2011 เวลา 21:52 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 49661

สภาพพื้นที่ประเทศลาว เมื่อมองลงมาจากเครื่องบิน

ที่บินจากหลวงพระบางมาเวียงจัน

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2554 เวลา 14:05 น.

ภูมิอากาศด้านล่างนั้นหนาวเหน็บครับ

ช่วงหนึ่งผมบรรยายให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมงานพัฒนาชุมชน

เรื่องการทำงานกับชุมชน ระหว่างนั้นหัวหน้างานของ

เขาลุกขึ้นมาพูดว่า ต่อไปเราต้องรู้เรื่องราวอย่างละเอียดของชุมชน

ทุกครัวเรือน เราจะพัฒนาการเกษตรให้ก้าวหน้า “ประเทศลาว

เรามีพื้นที่กว้างขวาง เพียงเป็นพื้นที่ที่เหมือนผ้าพับไว้เท่านั้น

หากคลี่ออกมาจะกว้างใหญ่มาก” …

เมื่อดูภาพนี้แล้วทำให้นึกถึงคำพูดของหัวหน้าท่านนั้นครับ


นี่หรือความเจริญ..

2464 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 ธันวาคม 2011 เวลา 0:38 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 68163

(ภาพยาย ที่สถานีรถโดยสารประจำทางนครเวียงจัน)

ผัวยายตายไปหลายปีแล้ว

ลูกมันก็ทิ้งยายไปหลายปีแล้วเช่นกัน ไม่เคยส่งข่าวมาเลย

ยายเลยอยู่ตัวคนเดียว ต้องช่วยตัวเองเพราะไม่มีรายได้อะไร

มรดกอะไรก็ไม่มี ยายเป็นคนลาวใต้ มาได้ผัวที่เวียงจันนี่

ยายมาเก็บพลาสติกไปขายเอาเงินซื้อข้าวกิน…

เมืองไหนๆก็มีภาพเช่นนี้ จึงมีคำถามว่า

เอ….ความเจริญคืออะไร…?


นี่คือชีวิต..

2348 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 22 ธันวาคม 2011 เวลา 22:06 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 58482

ชีวิตบางคนก็เลอเลิศสะแมนแตน บางคนยิ่งกว่านิยายหลากรส …บางคนก็ธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา บางคนก็เลวสิ้นดี บางคนดีใจหาย….
แล้วเราเป็นแบบไหนล่ะ ก็เป็นเรานี่แหละ..หึหึ

ช่วงที่ผมอยู่กับเปลี่ยนที่หงสา ก่อนเดินทางกลับมาสองสามวัน ได้รับ SMS ว่า ภรรยาอาจารย์บัณฑร อ่อนดำเสียชีวิตแล้ว รดน้ำศพวัน.. และจะฌาปนกิจศพวันที่ 22 ธันวาคม 54 ที่กรุงเทพฯ

ผมเล่าให้เปลี่ยนฟัง ว่าอาจารย์ยังนอนในโรงพยาบาลศรีนครินทร์ที่ขอนแก่นเพราะเป็นอัมพาต ท่อนล่าง กำลังรักษาตัวมาสองเดือนแล้ว นี่ภรรยามาเสียชีวิตอีก อาจารย์ก็ไปงานไม่ได้ซิ…

(รูปจากบันทึกของหนานเกียรติใน G2K)

ผมเดินทางออกจากหงสาวันที่ 21 ไปไชยบุรี ไปหลวงพระบาง แล้งนั่งเครื่องลงเวียงจัน รถไปขอนแก่นหมดแล้วต้องนอนค้างที่เวียงจัน ผมติดต่อกับศรีภรรยา ก็ได้รับทราบว่าเราจะเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจอาจารย์บัณฑรที่โรงพยาบาลกันในบ่ายสามโมงวันที่ 22 ผมขอไปด้วย

ผมเดินทางถึงขอนแก่นเที่ยงเศษ ในมหาวิทยาลัยกำลังมีพระราชทานปริญญา รถติดวุ่นวายไปหมด ผมทำธุรที่บ้านเสร็จก็เดินทางไปกราบอาจารย์บัณฑรที่โรงพยาบาล ผมไปถึงก่อนเวลานัด เห็นเตียงอาจารย์กำลังปิดผ้ารอบ ทราบว่าผู้ช่วยพยาบาลกำลังทำความสะอาดร่างกาย ผมยืนดูข้อมูลต่างๆที่โรงพยาบาลทุกแห่งมักจะติดไว้เป็นข้อมูล ข่าวสารเชิงสุขภาพด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับตึกนั้นๆ ขณะที่ก็คอยทีม RDI มาสมทบด้วย

เมื่อผู้ช่วยพยาบาลทำความสะอาดเสร็จแล้วผมตัดสินใจเข้าไปกราบอาจารย์ก่อน ผมค่อยๆเข้าไป ผมเห็นอาจารย์นอนตะแคงขวา มือขวาอาจารย์งอไปอยู่ที่ใบหน้า ผมเห็นมือขวานั้นถือมือถือเก่าๆเล็กๆอยู่ ผมกราบอาจารย์แล้วถามว่ากำลังพูดโทรศัพท์หรือครับ อาจารย์พูดให้เสร็จก่อนแล้วกัน…. อาจารย์รีบตอบว่า เปล่าไม่ได้คุย เสร็จแล้ว

เมื่ออาจารย์พยายามตั้งใบหน้าตรงจากการเอียงขวา ผมเห็นน้ำตาท่านอาจารย์ไหลออกมา…

ใช่ซิ…เมื่อชั่วโมงกว่าๆมานี่เองที่กรุงเทพฯได้ฌาปนกิจศพภรรยาอาจารย์ไป โดยที่อาจารย์ไม่ได้ไปร่วมงานด้วย ผมเดาความรู้สึกนี้ได้ดี

ผมเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆอาจารย์เอามือไปจับแขนอาจารย์ นัยว่าผมมาให้กำลังใจอาจารย์นะครับ ผมสงสารอาจารย์หรือใครก็ตามที่จะต้องมาตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้…ผมนิ่งไปชั่วครู่ปล่อยความรู้สึกของผมผ่านมือที่จับแขนอาจารย์อยู่…

อาจารย์กลับเข้มแข็งมากๆ เพียงไม่กี่อึดใจท่านอาจารย์ก็คุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น น้ำเสียงปกติ (แม้ในใจท่านอาจจะกำลังร่ำให้อยู่..) จากการคุยกันทราบว่าต้องจ้างผู้ช่วยพยาบาลอิสระมาดูแลตลอด ช่วงหนึ่งนั่งเก้าอี้คนพิการมากเกินไปทำให้เท้าบวม และติดเชื้อในกระแสเลือด จึงต้องกลับมานอนให้หมอดูแลใกล้ชิดอีก คงจะนอนยาวไปถึงสามเดือนเลย

ไม่กี่นาทีทีมงาน RDI ก็มาสมทบ เรารวบรวมเงินจำนวนหนึ่งให้อาจารย์เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆที่จะต้องใช้อีกมากมาย

ระหว่างที่เราคุยกันนั้นก็มีโทรศัพท์เข้ามา ท่านอาจารย์คุยด้วย ผมยังเดาว่าคนทางกรุงเทพฯคงรายงานงานฌาปนกิจศพภรรยาอาจารย์ละมั๊ง แต่ไม่ใช่ เป็นโทรศัพท์มาจากกระทรวงต่างประเทศเชิญอาจารย์เข้าประชุม ในฐานะที่อาจารย์เป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
โดยที่ทางกระทรวงต่างประเทศไม่ทราบการป่วยของอาจารย์….

ผมไม่ขอกล่าวประวัติท่านอาจารย์เพราะเคยบันทึกไปบ้างแล้วและ หนานเกียรติแห่ง G2K ผู้ล่วงลับไปแล้วเคยเขียนถึงอาจารย์ไว้อย่างละเอียดทีเดียว ผมจึงขอลิงค์ไว้ที่นี่
http://www.gotoknow.org/blogs/posts/431354

เราอยู่กันพักใหญ่ แล้วก็กราบลากลับ ระหว่างทางเราคุยกันว่า ชีวิตอาจารย์มาตกหนักเอาตอนนี้ น่าเห็นใจมากจริงๆ ไม่ใช่เพียงภรรยาอาจารย์ต้องมาเสียชีวิตไปโดยที่อาจารย์ไม่ได้ไปดูหน้า ไม่ได้ไปเผาเลย….แค่นี้ก็เจ็บปวดมาก แต่มากไปกว่านั้นอีกที่ทีมงาน RDI บอกผมระหว่างที่เราเดินลงจากตึกว่า….. บุตรสาวคนสุดท้องอาจารย์กำลังเป็นมะเร็งขั้นรุนแรงแล้วด้วย….

อะไรกัน..ชีวิตทำไมเป็นอย่างนี้…โธ่อาจารย์ที่ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อคนจน คนพื้นบ้านกลับมารับสภาพเช่นนี้…แม้มันไม่เกี่ยวกันเลยก็ตาม..

ภรรยาผมเอ่ยมาว่า ตั้งใจจะจัดงานอะไรสักอย่างหาเงินให้อาจารย์สักก้อน แต่เธอก็ไม่ได้หยุดหย่อน แต่ผมก็บอกว่า คุณกำหนดวันคุยกันเลย ไม่งั้นไม่ได้ทำแน่ เธอเห็นด้วย…

ระหว่างเดินทางกลับบ้าน ผมคิดอะไรไปมากมาย…..


หนาว..กับหนังสือ

2237 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 ธันวาคม 2011 เวลา 21:51 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 51740

เมืองหงสาหนาวมาก เกือบทุกเช้าหมอกลงจัด ผมใส่เสื้อสามชั้นทุกวัน จากที่พักผ่านร้านเล็กๆตรงมุมตลาด แม่เธอเป็นแม่ค้าขายอาหารและกาแฟ ผมเดินผ่าน คุณแม่เธอจะเชิญชวนเข้าไปซื้อกาแฟยามเช้า แต่ผมมีร้านประจำที่ เปลี่ยน นัดหมายทำอาหารไว้แล้วจึงไม่ได้เข้าไปใช้บริการของร้านนี้

ลูกสาวเธอเอาหนังสือมาอ่านท่ามกลางความหนาวก่อนที่เธอจะไปโรงเรียน เธอมานั่งอ่านอยู่หน้าเตาไฟนอกบ้าน ขณะที่คนเด็กอีกหลายคนนั่งในห้องปิดมิดชิดมีผ้าห่มหนาห่อหุ้มร่างกายอยู่

เห็นวิถีชีวิตแบบนี้แล้วนึกถึงตัวเองสมัยเด็ก เพราะเราก็เป็นคล้ายๆภาพแบบนี้มาแล้ว เห็นแล้วเหมือนผมอยู่ใกล้อดีต และสนิทแนบกับชนบท วิถีแห่งชนบทวิถีที่ใกล้ธรรมชาติ

เธอน่ารักมาก.. ขอให้เธอเติบโตเป็นอนาคตของท้องถิ่น ประเทศชาติเถอะ..


มีเรือเป็นบ้าน..

2422 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 ธันวาคม 2011 เวลา 13:35 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 51730

Floating house

คนสมัยก่อนที่อยู่กับน้ำ มีที่พักแบบนี้ ซึ่งเป็นแบบหนึ่งในหลายๆแบบ

บรรพบุรุษตระกูลผมรุ่นทวดนั้น เคยอยู่แพริมน้ำก่อนที่จะย้ายขึ้นไปบนฝั่ง แบบแพจะกว้างกว่าและไม่โคลงเหมือนเรือ ทวดมีทองใส่กำปั่นมากมาย เพราะทำการค้ากับชาวนาในพื้นที่ลึกเข้าไปในป่า โดยเอาเกลือ ปลาเค็ม แลกข้าว แล้วเอาข้าวไปขายต่อ

ทวดรวยมีทองมากมายจนแพเอียง เขาเรียกทวดว่า “ยายตุ้ยแพเอียง” ต่อมาถูกโจรปล้น โจรเปิดกำปั่นไม่ออก เอาขวานผ่าฝืนขนาดใหญ่จามกำปั่น ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่ามันดังลั่นคุ้งน้ำเชียว กำปั่นส่วนหนึ่งจมน้ำและไม่สามารถงมขึ้นมาได้จนปัจจุบันนี้

เห็นเรือบ้านลำนี้ที่ ท่าเดื่อ แม่น้ำโขง ไชยบุรี แล้วนึกถึงเรื่องราวขึ้นมา..


หงสา หน้าหนาว

2247 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 15 ธันวาคม 2011 เวลา 23:30 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 59665

ทุกเช้าที่นั่งรถไปทำงานกับ อาว์เปลี่ยน

จะต้องผ่านตรงนี้ บรรยากาศแบบนี้

เห็นแล้วยังหนาวเลย อิอิ


หนาววว

2811 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 15 ธันวาคม 2011 เวลา 16:54 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 164358

ตอนนี้มาอยู่กับอาว์เปลี่ยน เมืองหงสา

หนาวววววว จริงๆ นั่งทำงานทั้งวัน ไม่มีเวลาเข้ามา


Tablet….

2176 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 ธันวาคม 2011 เวลา 21:35 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการประเทศ #
อ่าน: 45093

ไม่น่าเชื่อว่าเด็กสมัยนี้จบ ป.6 อ่านหนังสือไม่ออก….?

ผอ.โรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่งของขอนแก่น ถูกตั้งข้อหารวยผิดปกติ เพราะเป็นแค่ ผอ.แต่มีเงินนับสิบล้าน..?

เด็กสมัยก่อนจะปั้นวัวปั้นควาย ด้วยมือเขาเอง ครูจะเป็นผู้สอนว่าขั้นตอนมีอะไรบ้าง เริ่มจากตรงไหน แล้วไปจบที่ตรงไหน ครูจะพาเด็กไปขุดดินในสถานที่ที่ดินดีที่สุดเหมาะที่สุดในการนำมาปั้น..ได้ดินมาแล้วต้องมานวดให้ได้ความพอดี ไม่แห้งไม่เปียกเกินไป ไม่แข็งเกินไป เด็กทำเอง ปั้นเอง ครั้งแล้วครั้งเล่า จึงผ่าน

เด็กสมัยก่อนคัดไทย
ฝึกเขียนตัวอักษร การผสมอักษร สระอยู่ตรงไหน พยัญชนะ วรรณยุกต์อยู่ตรงไหน ช่องไฟเป็นอย่างไร จะวางกระดานชนวนแบบไหน ใช้มือไหนเขียน …..ฯลฯ …?

กว่าจะมาเป็นครู กว่าจะมาเป็นผู้บริหารโรงเรียน ล้วนมาจากฝีมือทั้งสิ้น ไม่ใช่ไปวิ่ง สส. วิ่งรัฐมนตรีมา…?

เด็กคนหนึ่งมีความผิด ผอ.จะลงโทษ พ่อเด็กวิ่งไปขอ สส.ให้ ผอ.ระงับการลงโทษ….นี่มันอะไรกัน เสียการปกครองหมด เสียระเบียบ ข้อบังคับ แล้วเด็กคนอื่นเห็นเด็กที่ทำผิดแล้วไม่โดนทำโทษตามระเบียบมันคิดอะไร

และอีกหลากหลายประเด็นที่ผมได้มีโอกาสคุยกับ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งในขอนแก่น เป็นโรงเรียนที่ไม่ติดเมือง ผมฟัง ผอ.ท่านนี้เล่าให้ฟังแล้วสะอึกว่าระบบการศึกษาบ้านเรามันอาการทรุดหนักขนาดนี้เชียวหรือ…

ผมเรียนมาทางการศึกษาจึงสัมผัสสาระเหล่านี้ได้ดี แล้วในที่สุด ผอ.ก็มาลงที่ไอ้เจ้า Tablets ท่านกล่าวว่า ไม่เห็นด้วย แต่ไม่ปฏิเสธเทคโนโลยีตัวนี้ แต่ไม่ใช่เวลาที่เด็กเล็กๆจะมาเล่นเจ้านี่

ท่านกล่าวว่า เริ่มแล้ว มีผอ.โรงเรียนอนุบาลบางแห่งเอาใจรัฐบาล ประกาศขอนำร่อง Tablet ในโรงเรียนอนุบาลกันเลย แต่..ขอผู้ปกครองออกเงินสมทบจำนวนหนึ่ง..? ท่านผอ.ที่ไม่เห็นด้วยมากๆคือ การเอา Tablet มาเริ่มตั้งแต่อนุบาล.. เพราะก้าวข้ามขั้นของกระบวนการเรียนรู้การเขียน การผสมอักษร การวางสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ …ฯ ที่ใช้สมองกับทักษะของมือ… นี่ใช้นิ้วจิ้ม…เด็กที่โตมาด้วยการใช้นิ้วจิ้มนี่มันจะเป็นอย่างไร….??

มากไปกว่านั้น เบื้องหลังของ Tablet คือธุรกิจที่วางแผนและเตรียมกันมานานแล้ว แบบเรียนก็เป็นธุรกิจ สาระ เนื้อหาของการเรียนรู้จริงๆเป็นแค่ฉากหน้าที่ใช้วาทะศิลปฺพูดกันไป

ถามว่าเจ้ากระทรวงมีภูมิหลังเป็นอะไร ทำมาหากินอะไร…ไปค้นเอาเอง ก่อนจากลาผมเดินเข้าไปจับมือท่านผอ.ท่านนี้

ผมถามจริงๆ หากท่านผอ.มีอำนาจวาสนา ท่านอยากได้ใครมาเป็นเจ้ากระทรวง…

ท่านผอ.ตอบว่า ผมอยากให้ท่าน ศ. ดร.เกษม วัฒนชัย องค์มนตรีมาเป็นเจ้ากระทรวง ซึ่งสมัยหนึ่งท่านเป็นมาแล้ว ท่านดีมาก…ทั้งวิสัยทัศน์ นโยบาย ท่านไม่ลงไปล้วงลูก คุมนโยบายใหญ่ระดับชาติเท่านั้น แต่ปัจจุบันใครจะโยกย้าย เจ้ากระทรวงลงมาจัดการหมด….


ปรับเปลี่ยน…

48 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 9 ธันวาคม 2011 เวลา 9:47 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการประเทศ, งานพัฒนาสังคม #
อ่าน: 3560

ภาพนี้นำมาจาก อินเตอเนท ที่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเข้ามาทำข่าวในกรุงเทพฯ นำภาพน้ำท่วมไปเผยแพร่ทั่วโลก

วันนี้ใน ไทย พีบีเอส เล่าให้ฟังว่า ที่ญี่ปุ่นนั้นเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่บ่อยๆอย่างที่เราทราบดี แต่ครั้งหลังสุดนี้คือ สึนามิ ที่ฟูกุชิมา มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นเป็นแบบ Critical mass ที่น่าสนใจมากคือ

คนญี่ปุ่นตื่นตัวครั้งใหญ่ต่อพฤติกรรมประจำวันของคน มีการปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อสร้างความพร้อมต่อภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา..??? นั้นคือ

  • คนญี่ปุ่นหันมาใช้จักรยานกันมากขึ้นแทนที่จะใช้รถยนต์
  • สตรีญี่ปุ่นเลิกใช้รองเท้าส้นสูง หันมาใช้รองเท้าธรรมดาเพื่อพร้อมที่จะวิ่ง
  • สภาพบุรุษเลิกใช้เนคไท ใส่สูทธรรมดาเท่านั้น
  • ฯลฯ
  • และคนญี่ปุ่นแต่งงานกันมากขึ้น..!!!

คนญี่ปุ่นกล่าวว่า เขาตระหนักมากขึ้น มากขึ้น ว่าธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราเข้าใจ……

การปรับเปลี่ยนที่เกิดขึ้นของพฤติกรรมคนต่อภัยธรรมชาติ อาจจะกล่าวอย่างหยาบๆได้ว่า ในที่สุดเราก็ต้องจำนนต่อธรรมชาติ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของการดำรงชีวิต มากกว่าคำว่า แฟชั่น ค่านิยม หรือแม้แต่วัฒนธรรม เพราะอะไรก็ตามที่ไปขัดต่อวิถีธรรมชาติ ย่อมถูกทำลาย หรือได้รับผลกระทบ สิ่งที่ดีที่สุดคือการลู่ไปตามครรลองของธรรมชาติ

สิ่งสำคัญสุดที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนพฤติกรรมคือ การเปลี่ยนความคิด หากความคิดเปลี่ยนพฤติกรรมก็เปลี่ยน

เป็นข่าวที่สะท้อนกลับมาถึงบ้านเราว่า มหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นนั้น จะสร้างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอะไรบ้าง ซึ่งหากคิดแบบเร็วๆ ดูเหมือนมีหลายด้านที่ต้องมีการทบทวนการสร้างบ้านสร้างเมือง และพฤติกรรมของคนไทยเรา

หน่วยที่ต้องปรับเปลี่ยนทันทีคือ รัฐบาล ต่อแนวคิดในการบริหารจัดการน้ำ สิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับน้ำ และปริมาณน้ำที่มิอาจคาดการณ์ได้ โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณะต่างๆนั้น เตรียมสำหรับวิกฤติต่างๆอย่างไรบ้าง ชุดสำเร็จของการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นมีการเตรียมไว้หรือไม่ อย่างไร ฯลฯ

ส่วนตัวประชาชนเองที่อยู่ในความเสี่ยงทั้งหลายนั้น มีสำนึกของการเตรียมพร้อมแค่ไหน

พระพุทธองค์กล่าวไว้ตั้งสองพันกว่าปีว่า “ชีวิตอย่าตั้งอยู่บนความประมาท”

คอยดูกันต่อไปครับว่าอะไรบ้างที่จะเกิดการปรับเปลี่ยน….

หรือมุ่งหน้าคืนพาสปอร์ต และแก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญเพื่อคนบางคนแบบเนียนๆ….???


เส้นทางที่เดิน..

717 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 5 ธันวาคม 2011 เวลา 10:32 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 20066


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เขียนให้น้องๆที่มูลนิธิพัฒนาอีสาน ในวาระที่ครบรอบ ๓
ทศวรรษ สถานที่แห่งนี้คือเบ้าหลอมหนึ่งของผม คือทางเดินของผม คือบ้านของผม เรามีพี่น้องมากมายเดินตามกันมา เรามีทั้งความสุขและบาดเจ็บ แต่เราก็มุ่งมั่นในเส้นทางเดินนี้ไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงไหนของแผ่นดิน สถานะไหนของสังคม กำพืดเราได้ถูกหล่อหลอมมาจากที่นี่

 

ภาพนี้วาดโดย อ.ผ่อง เซ่งกิ่ง ผอ.โรงเรียนรุ่งอรุณ

มูลนิธิพัฒนาอีสานคือโครงการ NET เดิมที่ผมเคยทำงานที่นี่เมื่อสมัยสามสิบปีที่แล้วมา เป็นโครงการที่เกิดขึ้นเพราะเกิดสงครามอินโดจีนแล้วมีค่ายอพยพตามชายแดนมากมาย มีหน่วยงานต่างประเทศและของไทยเองเข้าไปช่วยเหลือ เกิดการเปรียบเทียบว่า ผู้อพยพในค่ายกินดีอยู่ดีมากกว่าชาวบ้านรอบๆค่ายอพยพ จึงเกิดโครงการพัฒนาชุมชนขึ้นทั้งโดยหน่วยงานต่างๆเหล่านั้นเอง และองค์กรใหม่ๆที่เห็นประเด็นนี้ โครงการ NET เกิดขึ้นเพราะ CUSO (Canadian University Service Oversea) เป็นผู้สนับสนุน รวบรวม NGO ไทยมาร่วมกันทำงานที่ชายแดนไทย กัมพูชาที่จังหวัดสุรินทร์ เมื่อโครงการสิ้นสุดก็ตั้งเป็นมูลนิธิและทำงานต่อเนื่องมาจนปัจจุบันนี้ ผู้เป็นกำลังสำคัญท่านหนึ่งที่ดึงให้ CUSO มาสนับสนุนคือ ท่านอาจารย์ ดร.สุธีรา (ทอมสัน) วิจิตรานนท์ ท่านนี้คืออาจารย์ของคุณหมอสงวน นิตยารัมภ์พงศ์ เจ้าของความคิดสามสิบบาทรักษาทุกโรคตัวจริง

 

 

    


จดหมายหายไปไหน..

122 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 ธันวาคม 2011 เวลา 17:38 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 5313

 

รูปนี้ไม่ค่อยชัด เป็นพนักงานไปรษณีย์ที่ขอนแก่นกำลังนำกล่องพัสดุจำนวนมากใส่ท้ายรถมอเตอร์ไซด์ไปส่งผู่รับตามโซนที่เขารับผิดชอบ


ถามว่าคุณเขียนจดหมายฉบับสุดท้ายเมื่อไหร่….? จำไม่ได้แล้วใช่ไหม…

นับตั้งแต่มี Social network เกิดขึ้นมา นับตั้งแต่เครื่องโทรศัพท์ Mobile phone เกิดขึ้นมานี่ จดหมายค่อยๆทยอยหายไปจดหมดสิ้น โทรเลขที่เรามักใช้โทรขอเงินแม่ในสมัยก่อนก็ยกเลิกไปหลายปีแล้ว ผมยังเก็บโทรเลขฉบับสุดท้ายที่เขาเปิดให้ใช้เป็นครั้งสุดท้ายอยู่เลย

ดีไหมที่จดหมายหายไป มือถือเข้ามา internet เข้ามา …..อะไรต่อมิอะไรเข้ามาแทนที่ ก็บอกว่าดีและไม่ดีในทัศนของผมนะครับ

สมัยที่เรียนที่ มช. ทุกเดือนต้องรายงานการเรียนให้ทางบ้านทราบโดยเฉพาะพ่อ ที่ดุมากกกก สั่งเป็นเด็ดขาดยิ่งกว่าคำสั่ง ศปภ. อีกหากไม่รายงานก็อดเงิน เอากะพ่อซิ ผมจึงต้องเขียน เขียน เขียนรายงานทุกเดือน แล้วก็ได้เงิน ผมได้เดือนละ 500 บาทครับ ปี 2512 ที่เชียงใหม่สมัยนั้นอยู่ได้ครับหากไม่เที่ยว กินเหล้า ดูหนัง สูบบุหรี่ เล่นการพนัน..สารพัดที่เด็กวัยรุ่นผู้ชายจะทำ

ตอนที่เขียนจดหมายมากๆดูจะเป็นตอนจีบสาวนี่แหละ เขียนทุกวัน สมัยนั้นค่าแสตมป์ แค่ 50 สตางค์ แล้วก็มาเป็น 1 บาท แล้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทักษะการเขียนจึงเกิดไม่มากก็น้อย ประสบการณ์นี้ส่งผลไปถึงการเขียนรายงานในช่วงที่ก้าวเข้ามาทำงานด้วย

ตอนสาวไปเรียนเมืองนอกเราก็ซื้อ aerogram เขียนถึงทุกสัปดาห์ กระไรเลยเธอก็เก็บไว้หมด แถมหอบเอากลับมาเมืองไทยซ่อนไว้
จนเราอยู่ด้วยกันมีลูกด้วยกัน แล้วลูกดันไปพบ อ่านเข้า ฮากันตึงไปเลย…..พ่อกับแม่จีบกัน…..ห้า ห้า ห้า… มันเชยระเบิดในทัศนเธอว่างั้น….

เดี๋ยวนี้ไม่มีจดหมายอีกแล้ว ไปรษณีย์ก็เป็นองค์กรธุรกิจ เปลี่ยนบทบาทไปทำอย่างอื่น ดูจะรับส่งพัสดุนี่แหละที่มากที่สุด

ผมได้ประโยชน์มากๆอีกอย่างจากไปรษณีย์ ขอให้ทุกท่านรับทราบไว้ เพราะท่านอาจจะนึกไม่ถึง แต่ผมได้ค้นพบแล้วว่าผู้ที่รู้แผนที่ชุมชน หมู่บ้านทุกหมู่บ้านในประเทศไทยนี้คือไปรษณีย์ เพราะอะไรท่านทราบดีนะครับ เขาจะทำแผนที่ไว้ เป็น village profile หลายปีก่อนผมร่วมงานกับ ดร.มณีมัย แห่ง มข. ร่วมมือกับ WB ศึกษาเรื่องทุนสังคมในอีสาน เราต้องสัมภาษณ์ชาวบ้านในหลายหมู่บ้านที่เราไม่คุ้นเคย ก็ได้คำแนะนำว่าให้ไปขอแผนที่จากไปรษณีย์ แล้วมาทำการสุ่มตามหลักสถิติ เจ๋งจริงๆครับ เราได้รับความร่วมมือดีมาก ได้แผนที่แสดงที่ตั้งหมู่บ้าน แสดงที่ตั้งครัวเรือน บ้านเลขที่ ชื่อถนน ตรอก ซอกซอยละเอียดยิบ

คราวที่ผมมาทำงานที่ธัญบุรี ลำลูกกา หนองเสือก่อนน้ำท่วมใหญ่นั้นผมก็ใช้ความรู้นี้ขอข้อมูลจากไปรษณีย์ ไม่พลาดครับ

จดหมายหายไป แต่การสื่อสารยังมีอยู่และมากขึ้นโดยใช้เครื่องมือสมัยใหม่ที่ใช้วิธีพูด และกดข้อความสั้นๆ ทักษะการเขียนสื่อความหมายเปลี่ยนไป

มิน่าเล่า อาจารย์หลายท่านส่ายหัวว่าเด็กสมัยใหม่เขียนรายงานไม่เป็น

นักวิชาการสมัยใหม่หลายท่านเขียนรายงานโดยการขอดูของเก่าว่าเขาเขียนกันอย่างไร ให้เริ่มด้วยตัวเอง คิดไม่ออกว่าจะเขียนอย่างไร

หรือสถาบันการศึกษาน่าจะส่งเสริมให้เด็กเขียนจดหมายมาส่งครูซะแล้ว….


เรื่องที่เล่าไม่มีวันจบสิ้น..

58 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 ธันวาคม 2011 เวลา 1:55 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2888

อย่างที่เคยบอกว่าพี่ชายใหญ่ของยาหยีผมนั้นเคยเป็นนายตำรวจ แต่มีเหตุผลส่วนตัวเลยลาออกมาเป็นประชาชนธรรมดา พาครอบครัวทำขนมขายจนลูกเรียนจบมีหน้าที่การงานกันทั้งนั้น พี่ชายคนนี้ก็เลยพาพี่ผู้หญิงท่องเที่ยวไปยามเป็น สว. บังเอิญพี่ผู้หญิงเกิดเป็นโรคร้ายที่หน้าอก จึงต้องตัดทิ้งไปและหัวใจก็ผิดปกติต้องใส่เครื่องกระตุ้นมาหลายปีแล้ว

เมื่อหนีภัยน้ำท่วมกรุงเทพฯ บ้านผมซึ่งยาหยีผมนั้นเป็นน้องสุดท้อง จึงอาสาต้อนรับผู้ประสบภัยจากกรุงเทพฯ นี่เป็นเหตุหนึ่งที่ผมต้องทิ้งลูกสาวให้ไปอยู่กับเพื่อนเธอ แล้วผมก็ขึ้นไปดูแลพี่ตามสมควร

นับเป็นโอกาสดีที่เวลาเป็นของเรา การกินข้าวมื้อเย็น หรือช่วงกาแฟ จึงเป็นช่วงที่เราขุดเอาสารพัดเรื่องมาคุยกัน ส่วนหนึ่งก็เบี่ยงเบนเรื่องราวน้ำท่วมบ้านไปซะ อีกส่วนหนึ่งผมก็สนใจเรื่องราวอดีตที่พี่ชายคนนี้ผ่านมา เรื่องราวเหล่านี้ ท่านอาจารย์ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ท่านกล่าวว่ามันเป็นประวัติศาสตร์บอกเล่านะ

พี่ชายคนนี้เป็นนายตำรวจคนหนึ่งที่มีโอกาสได้รับใช้ในหลวง สมัยที่ท่านขึ้นไปบุกเบิกงานชาวเขาใหม่ๆ ช่วงสร้างงานใหม่ให้ชาวเขาจากการที่ไปบอกเขาให้เลิกปลูกฝิ่น ท่านมีหมายกำหนดการเดินทางไปภูเขาโน่นนี่ตลอด เพื่อศึกษาสภาพพื้นที่และมองหาลู่ทางพัฒนา พี่ชายคนนี้จึงมีหน้าที่ไปเซอเวย์ล่วงหน้าในพื้นที่ที่จะไป รวมทั้งกำกับการเดินทางของ ในหลวง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัย

เป็นงานที่หนักและเครียด เพราะต้องประสานงานกับฝ่ายทหารหน่วยต่างๆ ตำรวจฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะกับทางจังหวัดและพื้นที่ พี่ชายจะมีวิทยุมือถือที่เรียก “วอคกี้ทอคกี้” ที่ในหลวงสามารถติดต่อตรงได้ตลอดเวลา.. เกือบสิบปีที่พี่ชายทำหน้าที่นี้จนพื้นที่ภาคเหนือทะลุปรุโปร่งหมด เพราะต้องเดินทางไปสำรวจก่อน บ่อยครั้งต้องพาทีมงานเดินด้วยเท้า รถไม่สามารถใช้ได้ หลายแห่งต้องเดินทางเป็นวันๆ เพื่อไปเตรียมสถานที่ให้ เฮลิคอปเตอร์ของในหลวงลงจอดได้

ช่วงนั้นกำลังมีภัยคอมมิวนิสต์ จึงมีอันตรายมากหากผิดพลาดขึ้นมา การทำงานจึงต้องลับที่สุดและปลอดภัยที่สุด จึงเป็นภาระที่หนักหนาสาหัส การประสานงานและกำลังจึงเป็นเรื่องสำคัญ

มีครั้งหนึ่งที่คณะที่พี่ชายติดวงล้อมของ ผกค. วิทยุของพี่ชายติดต่อทหารให้เอาเฮลิคอบเตอร์ไปรับทีมงานออกมาด้วย

พี่ชายเล่าให้ฟังด้วยน้ำตา..ว่า ทหารวิทยุกลับไปบอกว่าไม่สามารถเอา “ฮอ” ไปรับได้เพราะอันตราย….. บังเอิญในหลวงท่านฟังวิทยุอยู่จึงรับสั่งว่า …เมื่อเขาไม่ไปรับก็เอาเครื่องของฉันไปรับ… เครื่องพระที่นั่งเพียงลำเดียวที่ฝ่ากระสุนปืนเข้าไปรับพี่ชายและทีมตำรวจออกมา พี่ชายจึงรอดชีวิตมาจนปัจจุบันนี้..

ความซาบซึ้งนั้นมีมากมาย เรื่องเล่าภารกิจของพระองค์ท่านต่อชนบท ต่อบ้านเมือง ต่อความยากจนนั้น เล่าไม่มีวันจบสิ้น

เนื่องในวันมหาสมัยที่พระองค์ท่านครบ 7 รอบ..

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเทอญ..


วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต..

1055 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 ธันวาคม 2011 เวลา 0:21 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการประเทศ, งานพัฒนาสังคม #
อ่าน: 21186

วิทยาศาสตร์ คือวิชาว่าด้วยการเข้าใจธรรมชาติ เข้าใจอะไร ก็เข้าใจกฎเกณฑ์ต่างๆของธรรมชาติรอบตัวเรา เข้าใจแล้วทำไม เข้าใจแล้วก็ อ๋อ….น่ะซี เอามาใช้ประโยชน์ได้ เข้าใจแล้วจัดการได้ หากมีปัญหา ก็เอาความเข้าใจนั้นไปจัดการได้….นำกฎเกณฑ์ไปสร้างนวัตกรรมต่างๆเพื่อประโยชน์แก่มนุษย์เพื่อการอยู่รอด และอื่นๆอีกมากมาย และก็มีที่เอาความรู้นี้ไปใช้ในทางทำลาย…ซึ่งแน่นอนเราไม่เห็นด้วย..


วันที่ผมไปเมืองกาญจนบุรี เพื่อดูงานมหกรรมพลังงานที่ สสส เป็นเจ้าภาพจัดนั้น มีหลายอย่างที่ผมสนใจ สิ่งหนึ่งคือรูปที่เห็นนี่แหละครับ
เนื่องจากมีเวลาน้อย เพราะต้องเดินไปตามโปรแกรมกับทีมงานที่ไปด้วย

รูปที่เห็นนั้นคือ การแสดงว่าในดิน และในน้ำนั้นมีพลังงานอยู่ หรือมีไฟฟ้าอยู่ กล่องซ้ายมือนั้นคือดินเปียก ถูกต่อด้วยสายไฟฟ้า ส่วนด้านขวามือนั้นคือกล่องเล็กๆหลายช่องที่บรรจุน้ำและต่อสายไฟฟ้า ทั้งสองกล่องนี้เมื่อเอาหลอดไฟไปต่อก็แสดงประจุไฟฟ้าออกมาด้วยหลอดไฟแดงขึ้น…

ผมไม่ได้ศึกษารายละเอียด ได้แค่ถ่ายรูปไว้

นี่คือความเป็นวิทยาศาสตร์ ที่คนเราเมื่อเข้าใจกฎเกณฑ์ของธรรมชาติแล้วก็เอามาใช้ประโยชน์คือทำให้เกิดแสงสว่างขึ้นได้ แม้ว่าแสงที่ได้ หรือพลังงานที่ได้จะไม่มาก แต่มันเป็นความรู้เบื้องต้นที่สามารถคิดต่อยอดได้อีกมากมาย ความรู้นี้ถูกค้นพบมานานแล้ว… การแสดงนี้เป็นของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ครับ


เครื่องที่เห็นนี้คือเครื่องทำไฟฟ้าขนาดเล็กโดยใช้พลังน้ำ เป็นฝีมือของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ที่เข้าไปช่วยชาวบ้าน “คีรีวง” จัดทำเรื่องนี้ บ้านคีรีวงนี้ใครไม่รู้จักก็ถามกูเกิลเอานะครับเพราะโด่งดังมากมายหลายเรื่อง และเป็นแม่แบบในการพัฒนาแบบพึ่งตนเองฉบับภาคใต้เลยหละครับ

เครื่องนี้หลักการง่ายๆ แค่เอาน้ำมาพ่นใส่ใบพัดที่เห็นนี่เครื่องก็จะหมุนก็เกิดกระแสไฟฟ้า เอาไปใช้ในครอบครัวได้สบาย บ้านคีรีวงเป็นสถานที่เหมาะมากเพราะเป็นเขตภูเขาที่มีน้ำจากภูเขาเพียงพอจึงมีการพัฒนาน้ำจากภูเขามาปั่นเครื่องทำไฟฟ้านี้ ทำกันทุกครอบครัวครับ..? ประหยัดค่าไฟฟ้าได้มาก

ความจริงรูปแบบการสร้างไฟฟ้าจากพลังน้ำนั้นมีมานานและมีต้นแบบหลากหลาย โครงการหลวงหลายที่ก็ใช้วิธีการนี้ แต่ส่วนใหญ่เป็นแบบขนาดใหญ่ที่สร้างกระแสไฟฟ้าที่ใช้ได้ทั้งชุมชน แต่ที่คีรีวงนี้มีขนาดเล็ก ใช้เฉพาะครัวเรือน..

แหมผมชอบจริงๆที่มาดูงานแบบนี้ เสียดายที่เวลาน้อยไป ท่านที่สนใจ ติดต่อ สสส นะครับ เพราะทุกคน ทุกสถาบัน ทุกหน่วยงานที่ไปร่วมแสดงนั้นได้รับทุนของ สสส ทั้งนั้นครับ…

ขอบคุณ สสส และควรต่อยอดผลงานเหล่านี้…

วันนี้เห็น อ.วิทย์ออก ทีวีเรื่องที่ คอน เอามาเขียนในลานด้วย คือ เครื่องมือกรองน้ำสะอาดแบบประหยัด ขอปรบมือดังๆอีกทีครับ…


อร่อยจริงๆ..

5 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 2 ธันวาคม 2011 เวลา 0:54 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2964

คนเมืองกาญจน์นั้นพูดตรงๆ

อร่อยก็บอกว่าอร่อย..อ่ะ


เณรน้อย..

22 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 ธันวาคม 2011 เวลา 17:04 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2846

ที่คำแสดรีสอร์ท มีสถานที่ติดริมแม่น้ำ บริเวณกว้าง ต้นไม้สวยงามมาก

ทดสอบระบบ เพราะไป reinstall โปรแกรมมาใหม่


ทฤษฎีชัช…ปูน

81 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 ธันวาคม 2011 เวลา 14:40 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม #
อ่าน: 3184

มีเรื่องเขียนเยอะ แต่เวลาถูกดึงไปทำรายงานหมด ทั้งงานครอบครัวและงานในหน้าที่ เป็นช่วงๆ บางครั้งก็ล้มไม้ล้นมือ บางครั้งก็ห่างไป

ทำรายงานไป เครื่องมือหากินเกิดผิดปกติ ภาพหน้าจอหายไปเฉยๆ เอาขึ้นใหม่ แล้วก็หายอีก เลยเอาไป reinstal วินโดว์ใหม่ เมื่อทำใหม่หลายอย่างก็ต้อง ทำใหม่ เราไม่ใช่ผู้รู้ ก็ให้ช่างคอมพ์ทำ บางทีก็สื่อกันไม่ตรง เขาก็ทำให้พอว่าได้ทำให้แล้ว แต่ก็ไม่ตรงกับที่เราต้องการเท่าไหร่ ก็เลยตามเลย สมน้ำหน้าที่เราไม่รู้เรื่อง อิอิ..

สามวันก่อนเดินทางไปคำแสดรีสอร์ท เมืองกาญจน์ เพราะ สสส เราจัดงานมหกรรมพลังงาน ที่ สสส ให้ทุนชุมชน สถาบัน ฯลฯ ไปทำวิจัย น่าสนใจมากครับ เสียดายที่ไม่ค่อยมีคนไปศึกษาดูงานมากเท่าที่ควรจะเป็น มากันทุกภุมิภาค เหนือ ใต้  ออก ตก ผมเองก็อยากเขียนละเอียดแต่ทำไม่ได้ ต้องเอาเวลาไปเีขยนรายงานอย่างว่าแหละ

ทฤษฎีชัช ….ปูน

สัปดาห์ก่อนไปมาบตาพุด กลุ่มบริษัทของ ปตท. เขาว่าจ้างให้บริษัทไปร่วมประมูลงาน เราก็ขอลงพื้นที่เพื่อ ดูพื้นที่เบื้องต้นแล้วเอามาเขียนงานนี่แหละ เดี๋ยวนี้งาน CSR ก้าวไปมากทีเดียว แต่ก็ยังไม่ถูกใจโก๋อย่างผมเท่าไหร่ เพราะอย่างไรก็เอาอำนาจเงินมาสร้างกำแพงปกป้องตัวเอง แม้ว่ามีความพยายามที่เรียกว่า “เจตนาดี” แต่ดูๆก็ยังมิใช่งานพัฒนาชุมชนแท้จริง เลยมีคนสรุปงาน CSR ว่าเป็นงานตามทฤษฎีชัช…ปูน

ในความหมายนั้นอธิบายว่า มีผู้กว้างชวางท่านหนึ่ง ใครๆสมัยก่อนทราบดีว่าท่านผู้นี้คือเจ้าพ่อบ่อนการพนันที่ผิดกฏหมาย ตำรวจพยายามเข้าไปจับ แต่ไม่เคยถึงตัว ไม่เคยทำได้เลย เพราะชุมชนรอบๅท่านผู้นี้ปกป้องมาตลอด แต่ตำรวจเดินเข้าไปเขตชุมชน ทุกอย่าก็รับรู้หมดแล้ว ปกป้อง ปกปิด ทำลายหลักฐานหมดแล้ว นัยว่าเช่นนั้น… จึงเรียกทฤษฎีนี้ว่า ทฤษฎีชัช…ปูน เพราะใจกลางชุมชนนั้นคือบ่อนผิดกฏหมาย แต่ตำรวจเข้าไม่ได้เพราะชุมชนร่วมกันปกป้องเขา

เลยเป็นหลักการเปรียบเทียบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมนั้นมักปล่อยมลภาวะออกมาด้วยทางใดทางหนึ่งหรือหลายๆทาง แม้จะพยายามปกปิดหรือมีมาตรการมากมายแต่ก็มีโอกาสที่มลพิษนั้นรั่วไหลมาได้  ก็ส่งผลกระทบชุมชนรอบๆ ทั้งที่ชุมชนอยู่มาก่อน อยู่มานานแสนนาน วันดีคืนดีไม่ว่ารัฐหรือนักการเมือง หรือพ่อค้าเอาอุตสาหกรรมไปตั้งชิดติดกับชุมชน แล้วปล่อยสารพิษออกมา

บริษัทอุตสาหกรรมก็ตั้งงบประมาณมากมาย มหาศาลมาแก้ปัญหาภาพพจน์เหล่านี้โดยการทำโครงการ CSR  ที่ดีดีก็พอมี แต่อีกจำนวนมากเป็นการสงเคราะห์ชั่วครั้งชั่วคราวมากกว่า เช่น ทอกกะฐิน ผ้าป่า  ทำโครงการนั่นนี่เพื่อเอาใจชุมชน  แล้วก็จากไป พร้อมติดป้ายใหญ่ๆว่าได้สนับสนุนสิ่งนั้นๆไว้แล้วนะ

ย้ำว่า ที่ดีดีก็พอมีครับ

มาคราวนี้มันกลายเป็นโจทย์ของผมเอง  ที่สำคัญเป็นโจทย์ที่เข้ามานั่งในวงของทีมงานที่หลากหลายประสพการณ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการคนเมือง

แต่ได้ร่วมงานกับหน่วยงานหนึ่งที่มีชื่อเสียงในการทำงานมามากมายทั้งในแง่การพัฒนาชนบทและเมือง และการทำธูรกิจชุมชน ทั้งดีใจและกังวลเหมือนกัน  ดีใจเพราะจะได้ทำงานร่วมกัน แต่กังวลเพราะ คำว่า Partnership นั้นมักเข้าใจแตกต่างกันเสมอ

…..



Main: 1.3531880378723 sec
Sidebar: 0.28578996658325 sec