พระธรรมดิลก เกจิอาจารย์ล้านนา
อ่าน: 66999ที่ศาลากลางหลังเก่าของเชียงใหม่นั้นเป็นอาคารที่สวยงามมาก ปัจจุบันทำเป็นพิพิธภัณฑ์ ลำดับประวัติศาสตร์ล้านนา ท่านที่สนใจหาเวลาไปเยี่ยมชมนะครับ ผมว่าดีมากๆ ไม่เคยเห็นที่ไหนทำดีเท่านี้
หากยืนหันหน้าเข้าอาคารศาลากลางหลังนี้ ทางซ้ายมือคือวัดอินทขีลสะดือเมือง สวยผิดตาเพราะผมไม่ได้มาแถวนี้เสียนาน ผมจำได้สมัยที่เรียนจบมช.ใหม่ๆ ผมมาเป็นนักข่าวให้กับหนังสือพิมพ์ส่วนกลางฉบับหนึ่ง จึงมาต้อนรับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ที่ศาลากลางแห่งนี้ และได้มาอาศัยสิมหลังนี้นั่งพัก สมัยนั้นเก่าโทรมมากๆ
ติดกับวัดอินทขีลคือพิพิธภัณฑ์อีกแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าติโลกราชเจ้าผู้ครองนครล้านนา ที่เคยนำทัพไปช่วยเจ้าผู้ครองนครล้านช้างสู้รบกับแกวในสมัยโน้น..
ผมเดินชมเพลินๆ ซึ่งไม่เคยเข้ามาก่อนเลย จัดดีมากๆอีกเช่นเคย แนะนำว่าใครที่ไปเชียงใหม่ควรที่จะหาเวลามาชมมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์เสียที่นี่จะเข้าใจล้านนาดีมากกว่าภาพที่เห็นในปัจจุบัน
สิ่งที่ผมประทับใจจนต้องน้อมกายก้มลงกราบ.สุดหัวใจคือพระอาจารย์ของผมซึ่งถูกจารึกให้เป็นเกจิอาจารย์แห่งล้านนา ซึ่งมี 6 รูป นับตั้งแต่ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงพ่อเกษม เขมิโก หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ และองค์สุดท้ายคือ พระธรรมดิลก หรือจันทร์ กุสโล
พระธรรมดิลกนั้น ผมรู้จักชื่อเสียงท่านตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือที่ มช. เพราะท่านจัดรายการวิทยุทุกเช้ามืด เทศนาสั่งสอนญาติโยมให้อยู่ในศีลในธรรม ให้ทุกคนสามัคคี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน สังคมจึงจะเป็นสุข เมื่อผมเข้าทำงานพัฒนาชนบทที่อำเภอสะเมิง ก็มีโอกาสใกล้ชิดท่านเพราะท่านเป็นพระนักพัฒนา ทำงานเพื่อคนยากจน เพื่อคนชนบทมากมาย
ซึ่งปกติท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงกลางเมืองเชียงใหม่ แต่ท่านชอบที่จะไปประจำที่วัดป่าดาราภิรมย์ที่ อ.แม่ริม และที่นั่นผมไปกราบท่านบ่อยๆ เพื่อปรึกษางานท่านและขอรับความร่วมมือจากมูลนิธิของท่าน
เมื่อผมปรารถนาจะบวชให้พ่อแม่ หนึ่งพรรษากับพระอาจารย์ธรรมธโรที่สำนักปฏิบัติธรรมไทรงาม จังหวัดสุพรรณบุรีรอยต่อกับวิเศษชัยชาญบ้านเกิดผม ผมก็ปวารณาตัวว่าจะขอมาลาสิกขาเพศที่วัดป่าดาราภิรมย์กับพระอาจารย์จันทร์ ซึ่งเราคุ้นชินเรียกท่านว่า หลวงพ่อวัดป่าดาราภิรมย์…
ท่านมีเมตตามาเป็นประธานสึกจากพระให้ผม สั่งสอนอบรมผม… และผมก็มีโอกาสร่วมงานกับท่านอีกเมื่อกลับไปทำงานพัฒนาชนบท
เมื่อผมย้ายไปทำงานอีสานท่านก็มีเมตตาส่ง สคส. ปีใหม่ไปให้ประจำทุกปี ผมพบท่านหลังสุดเมื่อผมไปทำงานที่ดงหลวงแล้ววันหนึ่งฟ้าบรรดาลให้ผมขับรถไปที่จังหวัดนครพนม ไปกราบพระธาตุพนม แล้วผมก็พบท่านโดยบังเอิญ ท่านมากับญาติโยมด้วยรถตู้ที่สร้างพิเศษสามารถนำผู้ป่วยขึ้นลงรถได้โดยระบบไฮโดรลิค เพราะท่านเดินไม่ได้แล้ว นั่งแต่บนรถเข็ญ แต่สุขภาพโดยรวมยังสดใส ผมไปก้มกราบท่าน รายงานตัวให้ท่านทราบว่าผมคือใครในอดีต ท่านจำได้ยิ้มให้ผมและให้ศีลให้พรผม.. หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ไปกราบท่านอีกเลยจนท่านมรณภาพไป
มาพบท่านที่เป็นหุ้นขี้ผึ้งร่วมกับเกจิอาจารย์ล้านนาแห่งนี้ ผมปิติมากที่ขึ้นมาเชียงใหม่ครั้งนี้ได้มากราบท่านอีกครั้งแม้จะอยู่ในสถานภาพเช่นนี้ก็ตาม