อุบัติเหตุ ๑
อ่าน: 2833ที่หยิบเรื่องนี้มาเขียนบันทึกเพราะต้องการเตือนตัวเองและทุกท่านที่ใช้รถใช้ถนน ทั้งขับเองและนั่งโดยสาร
เมื่อคราวที่ผมเดินทางไปเมืองไชยบุรี ลาว ที่เพิ่งกลับมานั้น มีเรื่องตื่นเต้นทั้งขาไปขากลับ ผมเดินทางจากเวียงจันไปหลวงพระบาง ส่วนเจ้านายและทีมงานเดินทางจากกรุงเทพฯไปหลวงพระบาง ผมไปถึงช้าครึ่งชั่วโมงตามกำหนดการของเครื่องบิน
เมื่อทุกคนพร้อมหน้าก็นั่งรถไปสองคัน เจ้านายนั่งรวมกันที่คันหน้า เป็น Ford Everest ส่วนผมนั่ง Vigo เนื่องจากเลยเที่ยงมาแล้วจึงไปแวะกินเฝ๋อที่ร้านดังในเมืองหลวงพระบาง แล้วก็เดินทางต่อไปยังเมืองไชยบุรี
วันนั้นเมฆครึ้มไปหมด และมีละอองฝนโปรยปรายลงมาตอนอยู่ที่สนามบิน คนขับรถบอกว่าเมื่อคืนมีฝนตกมาพอสมควรด้วย ระหว่างเดินทางไปไชยบุรีนั้น ถนนเส้นนี้อาว์เปลี่ยนใช้มาเยอะ และสภาพถนนก็พอๆกับเส้นหลวงพระบาง-เมืองหงสากระมัง ปกติหากฝนไม่ตก ก็จะมีฝุ่นตลบอบอวล หากฝนตกก็จะเป็นโคลน ทำให้นึกถึงสมัยอยู่สะเมิง ที่เราคุยกันว่ามีเพียงสองฤดูคือ ฤดูฝุ่นกับโคลน สภาพชนบทในลาวก็คือเมืองไทยเมื่อสามสิบสี่สิบปีที่แล้ว
คนขับรถ Vigo ของผมนั้นมี Director บริษัทที่ผมต้องเป็นผู้ Monitor งานนั่งไปด้วยโดยเขาสละสิทธิ์ให้ผมนั่งหน้า เขานั่งข้างหลังโดยมีเครื่องใช้สำนักงานเต็มไปหมด คนขับรถคันที่ผมนั่งขับดีมาก ระมัดระวังตลอด มารยาทดี และบ่นว่าคันหน้าขับเร็วไปหน่อยเพราะตามไม่ค่อยทัน ซึ่งเขาบอกว่า เจ้า Everest นั่นเป็นโชคอับ นิ่มกว่า Vigo ที่เป็นแหนบ ซึ่งสะเทือนมากกว่าเมื่อเจอะทางขรุขระ การนั่งรถคันนิ่มๆทำให้ขับได้เร็วกว่า ส่วนคันที่สะเทือนมากกว่า คนขับก็ห่วงเจ้านายที่เป็น Director จึงขับช้าลงมา
ขับไปสักสี่สิบนาทียังไมถึงเมืองนาน ก็เกิดอุบัติเหตุกับเจ้า Everest คันข้างหน้าที่เจ้านายผมนั่งมาสามคน รถแฉลบลงข้างทางในลักษณะดังภาพ พวกเรามาถึงทุกคนยังนั่งอยู่ในรถ ดูเหมือนคนขับรถพยายามเอารถขึ้นแต่สุดวิสัยเสียแล้ว
ทุกคนลงจากรถ ผมเข้าไปถามว่ามีใครบาดเจ็บบ้างไหม เมื่อไม่มีก็คิดกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรเอารถขึ้นมาให้ได้ ดูสภาพแล้วโชคดีมากๆที่ข้างถนนไม่ลึกมากนัก และมีป่าละเมาะรองรับการไถลรื่นลงไปรองรับรถแบบนิ่มๆ
คนขับรถคันที่ผมนั่งมาเปลี่ยนขึ้นไปขับเจ้า Everest ให้คนขับรถเดิมระงับจิตใจที่ตกใจพาเจ้านายลงไปข้างทาง.. เขาตัดสินใจพยายามกลับเอาหัวรถย้อนไปทางที่ลงมา เนื่องจากเป็นรถ 4WD สักครู่เดียวก็เอาขึ้นมาได้ คนขับรถคันของผมพยายามบอกเปลี่ยนรถกันขับ เขาอธิบายว่าเพื่อให้เจ้านายนั่งข้างในอุ่นใจมากขึ้นว่าคนขับใหม่มารักษาความปลอดภัยให้ใหม่แล้ว แต่คนขับรถเดิมไม่ยอม บอกว่า ไม่เป็นไร พยายามจะขับไปดีดีต่อไป
เราผ่านท่าเดื่อซึ่งเป็นจุดข้ามแม่น้ำโขง เมื่อข้ามก็ไปถึงเมืองไชยบุรีบ่ายมากแล้ว ทุกคนตัดสินใจเข้าที่พักและไม่ไปสนามตามกำหนดการเดิม เพราะวันนี้โชคไม่ดีแล้วเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ ใจเสีย ขอกินอาหารอร่อยๆเย็นนี้ปลอบขวัญก็แล้วกัน…
ผมทำงานพัฒนาชนบทมาหลายที่หลายแห่ง หนทางยากลำบากมากกว่านี้ก็เคยอยู่มาแล้ว รถที่ใช้ ตั้งแต่ Toyota ที่ต้องใส่โซ่ล้อ เมื่อเจอะถนนลื่น และเป็นหลุม บ่อ เป็นโคลน เคยใช้จีพอเมริกันที่ซดน้ำมันยังกะอูฐ แค่วิ่งจากท่าพระเข้าเมืองขอนแก่นไม่กี่กิโลก็…แด….ก น้ำมันไปเป็นร้อยบาทแล้ว ยังไปติดหล่มในหมู่บ้านชนบท อดข้าวก็เคยมาแล้ว…
แต่สิ่งหนึ่งที่รถที่ทำงานประเภทนี้ไม่ขาดเลยก็คือ ชุดยาสามัญประจำบ้านที่เรียก First Aids จำเป็นต้องมีติดรถทุกคัน และคนขับรถต้องคอยตรวจตราว่าใช้อะไรหมดไปแล้วบ้างต้องเติมให้มีครบพร้อมใช้ตลอดเวลาที่ออกสนาม ไม่รวมไปถึง มีด เลื่อย ค้อน ขวาน เครื่องมือรถประจำ และเครื่องมือสื่อสารที่เราใช้ประจำ เช่น วอล์กกี้ ทอล์กกี้ ในรัศมี 5 กม.ต้องใช้ได้ นี่เป็นมาตรฐานฝรั่งที่ผมทำงานด้วยและเอามาใช้ตลอด (ปัจจุบันมีมือถือแล้ว เราจึงควรมีหมายเลขที่จำเป็นติดเครื่องไว้นะครับ)
และได้ใช้จริงๆ แม้ทีมงานจะไม่ได้ใช้ ก็เคยได้ช่วยเหลือรถ หรือชาวบ้านที่ประสบอุบัติเหตุบนเส้นทาง หรือในหมู่บ้านที่เราไปทำงานก็เคยผ่านมาแล้ว
วันนั้นผมจึงเสนอทันทีว่า ท่าน Director กรุณาจัดหา First Aids มาประจำรถเถอะนะครับ หนักก็เป็นเบานะครับ ท่านก็รับปากทันที….
แม้แต่รถส่วนตัวผมที่บ้านยังมีเลยครับ ก็ใครจะไปรู้ว่าข้างหน้าที่เราเดินทางไปนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง.. เพื่อนๆเตรียมหาเอาไว้เถอะครับ ราคาไม่กี่สตางค์หรอก คุ้มค่ากับร่างกายและชีวิตเป็นไหนๆ…