เขียนถึงตระกูล “ถาวรอยู่”
อ่าน: 15552หากที่สาธารณะแห่งนี้ผมสามารถจะประกาศคุณงามความดีของคน ผมก็ขออนุญาตใช้พื้นที่แห่งนี้เชิดชูตระกูลถาวรอยู่ ที่ผม น้องชายผม และน้องสาวได้พึ่งใบบุญคุณตาสำเภา ถาวรอยู่ คุณพ่อของคุณน้าสมพันธ์ ถาวรอยู่ชื่อที่ปรากฏป้ายแห่งนี้
สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ครอบครัวถาวรอยู่ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ สำเหร่ ธนบุรี หนีภัยสงครามไปบ้านนอกคือ วิเศษชัยชาญ อ่างทอง โดยอาศัยเรือกลไฟวิ่งขึ้นไปตามลำน้ำเจ้าพระยาและเข้าสู่แม่น้ำน้อย ไปหยุดที่บ้านญาติที่หน้าวัดกำแพง ต.ศาลเจ้าโรงทอง ครั้งนั้นทำให้ครอบครัวช่วงฉ่ำโดยคุณพ่อผมที่เป็นครูประชาบาลที่วัดกำแพงได้รู้จักครอบครัวถาวรอยู่
เมื่อสงครามยุติ สองตระกูลก็ติดต่อกันบ้างตามโอกาส มีครั้งหนึ่งคุณตาสำเภาและเครือญาติสมัยหนีภัยสงคราม พากันออกเยี่ยมเยือนญาติพี่น้องที่วิเศษชัยชาญ ที่ครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นที่หลบภัยสงคราม ครั้งนั้นเองที่คุณตาเลือกที่จะมาพักบ้านครูเชาวน์ คือบ้านผม เพียงเพราะบ้านผมหลังเดียวเท่านั้นที่มีส้วมซึม นอกนั้นใช้วิธีเข้าป่าละเมาะหลังหมู่บ้าน
บ้านผมได้รับแขกผู้ใหญ่ ผมกำลังเรียนชั้นมัธยมปีที่ 2 กำลังใช้แรงงานเต็มที่ ได้ทำหน้าที่กวาดบ้าน ถูบ้านให้สะอาดต้อนรับคุณตาและญาติผู้ใหญ่จากเมืองกรุง ทำหน้าที่หาบน้ำใส่ตุ่มให้อาบ ใส่ห้องน้ำ และน้ำใช้ต่างๆอย่างแข็งขัง จนคุณตาออกปากว่า จบมัธยมปีที่สามแล้วจะไปต่อที่ไหน หากไม่มีที่ไปก็ไปเรียนที่สมบุญวิทยาและพักที่บ้านคุณตาได้….
คำกล่าวของคุณตาในครั้งนั้นได้เปิดอนาคตของเด็กบ้านนอกอย่างผมและน้องๆให้ได้ฝัน ผมเป็นคนแรกที่นั่งเรือยนต์(สมัยนั้นยังไม่มีรถยนต์)ล่องน้ำจากวิเศษชัยชาญมาขึ้นที่ท่าเตียน และนั่งแท็กซี่ไปซอยวัดราชวรินทร์ คุณพ่อผมได้พาผมไปฝากคุณตาให้มาเรียนมัธยมปีที่ 4-5 จึงได้ไปอยู่ร่วมชายคาบ้านสวนที่ซอยวัดราชวรินทร์ สำเหร่
ต่อมาน้องอีกสองคนก็ได้อาศัยร่มไทรบารมีของคุณตาสำเภา ถาวรอยู่ท่านนี้
เมื่อสิ้นคุณตาและคุณยาย คุณน้าสมพันธ์ ถาวรอยู่ บุตรสาว ก็ยังไม่ได้ละทิ้งถิ่นที่เคยหนีภัยสงคราม โดยรวบรวมญาติพี่น้องจัดกองกฐินมาทอดที่วัดกำแพงเมื่อคราวออกพรรษาที่ผ่านมา นำเงินที่ได้ทำนุบำรุงวัดที่ทรุดโทรม ไปตามวันเวลา อายุขัยของสรรพสิ่ง
เมื่อการทำนุบำรุงวัดกำแพงเรียบร้อยลงเกือบสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงนำช่อฟ้าขึ้นไปติดตั้ง คุณน้าก็ตั้งกองผ้าป่ามาอีกครั้ง พร้อมมาทำพิธียกช่อฟ้าขึ้นติดตั้งเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง โดยเชิญคุณแม่ผมร่วมเป็นประธานด้วย เนื่องจากคุณแม่ผมไม่สามารถเคลื่อนไหวไปร่วมงานได้จึงมอบให้ผมเป็นประธานร่วมแทน..
คุณน้าเป็นอดีตข้าราชการครู ที่คอยดูแลลูกสาวคนโต น้องอ้น ที่ผมจูงมือไปโรงเรียนทุกวันในสมัยก่อนโน้น น้องอ้นเส้นเลือดในสมองแตกตอนกลับมาจากเรียนที่ออสเตรเลีย ต้องพิการตลอดชีวิตนับสิบปีมาแล้ว ต้องนอนบนเตียงมีคนคอยช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง เสียเงินไปนับสิบล้านแล้ว เพราะคุณน้าให้สิ่งดีที่สุดที่ลูกสาวคนนี้ควรจะได้ ส่วนน้องอ้อมลูกสาวคนกลางเป็นสะใภ้ท่านกฤษณา อโศกสิน และทำงานเกี่ยวกับหนังสือและศิลปะตามที่เธอสนใจ ส่วนน้องอ่อนลูกสาวสุดท้องของคุณน้า เป็นนักแปลข่าวต่างประเทศอยู่ที่วัฏจักร
สายสัมพันธ์ของสังคมไทยนั้นลึกซึ้งกว่าคำอธิบายใดๆที่เป็นอักษร และคำพูด แต่มันเป็นความรู้สึกภายใน..
ทุกครั้งที่ผมก้มกราบพระ ผมระลึกถึงพระคุณของคุณตาคุณยาย ตระกูลถาวรอยู่ ซอยสำเหร่ ธนบุรี ผมระลึกถึงคุณน้าสมพันธ์ ที่แม้เวลาปัจจุบันจะห่างไกลจากสงครามโลกครั้งที่สองนานมากแล้ว แต่คุณน้าก็ยังหาโอกาสมาสร้างประโยชน์ให้แก่วัดกำแพง และชุมชนแห่งนี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยได้หนีร้อนมาพึ่งเย็น
ผมได้ยินคุณย่า คุณยาย คุณปู่ ที่มาร่วมงานยกช่อฟ้า ต่างถามไถ่หากัน เนื่องจากกันมานาน หลายคนก็ละสังขารไปแล้ว หลายคนก็ขยับเขยื้อนร่างกายไม่ไหว ใครที่พอจะหิ้วปีกมาได้บ้างต่างก็ขโยกเขยกมาพบปะกัน อาจจะเรียกรุ่นสงครามโลกครั้งที่สองก็ได้…
ผมขออนุญาตใช้พื้นที่นี้บันทึกเรื่องเหล่านี้ไว้ว่า
นี่คือรากเหง้าของวัฒนธรรมไทยเรา
(วัดกำแพง เป็นวัดที่มีโรงเรียนวัด
ที่คุณพ่อผมเป็นครูใหญ่ที่นี่จนปิดตัวลงเมื่อคุณพ่อผมเกษียณ และจำนวนเด็กนักเรียนน้อยเกินไป ผมเองก็เรียนชั้นประถมที่นี่ อิอิ เด็กโรงเรียนวัด)