ยี้! ผู้หญิงขับรถ
ข้อกล่าวหาเรื่องปัญหาการจราจรจากการขับขี่รถยนต์ของผู้หญิง มักได้ยินบ่อยครั้งจากกลุ่มหนุ่มนักซิ่ง จนกลายเป็นวิวาทะ classic ในวงสนทนาหลายแห่งไปแล้ว
นิตยสารบางฉบับ บริษัทน้ำมัน หรือบริษัทรถยนต์ถึงกับจัดงานแนะนำเคล็ดลับการดูแลรักษารถยนต์และแนะนำการขับขี่อย่างปลอดภัยแก่สมาชิกสุภาพสตรีผู้ใช้รถโดยเฉพาะ พร้อมเชิญชวนให้หันมาเอาใจใส่เรื่องการขับขี่รถยนต์อย่างถูกต้องเพื่อความปลอดภัย และเพื่อเป็นการไม่จงใจกล่าวหากันมากนักก็ตั้งชื่องานให้เก๋ไก๋สักหน่อย เพื่อถนอมความรู้สึกของสาว ๆ
อีกทั้งยังพบข้อมูลในนิตยสารหลายฉบับ ที่มักวนเวียนหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็น ทั้ง poll จากต่างประเทศ เรื่องแนวโน้มการเกิดอุบัติเหตุ แนวโน้มความก้าวร้าว หยาบคาย ใจดำ เมื่ออยู่หลังพวงมาลัย (เอ แล้วตอนที่ไม่ได้อยู่หลังพวงมาลัยล่ะ ?) แนวโน้มการประสบอุบัติเหตุรุนแรง แนวโน้มการรับรู้ตนเองและความรับผิดชอบต่อสังคม วิเคราะห์กันไปถึงกระบวนการในระบบประสาท ความชำนาญด้านมิติสัมพันธ์ไปนู่น
อย่ากระนั้นเลย ในฐานะที่เป็นผู้หนึ่งที่ถูกพาดพิง และอาจเป็นผู้ต้องสงสัยรายสำคัญเข้าให้ในประเด็นดังกล่าว จึงแก้อาการ เอ๊ะ (เราด้วยหรือเปล่าหว่า) ด้วยการวิเคราะห์การขับขี่ของตนเองก่อน
พบว่าสรีระของตัวเองมีส่วนเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้ตัวเองระมัดระวังการขับขี่เป็นอย่างมาก เพราะต้องเลื่อนเบาะมาข้างหน้า จนแทบจะสุดอยู่แล้ว (เหอ เหอ) และไม่มีปัญหาเรื่องสายตาในการขับรถ (จะมีก็ตอนง่วงนี่แหล่ะ แก้ปัญหาง่าย ๆ กลับให้ถึงบ้านก่อนง่วงไง ฮี่ๆ ) บรรดาผู้เชี่ยวชาญการขับขี่ที่ได้รับเชิญมาร่วมประเมินบอกว่า “ขับรถใช้ได้นี่” การตัดสินใจคิดว่าพอใช้ได้ ไม่อืด และไม่เร็วจนเสี่ยง เข้าโค้ง หรือวงเวียนได้ไม่มีปัญหา และดีที่เลือกเป็นฝ่ายให้ทางก่อนเมื่อเจอทางแยกที่มักเป็นจุดเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
ครั้งที่พี่แก้ว (อุบล จ๋วงพานิช) กับพี่ไก่ประกาย มาหาพ่อครูบา ฯ ที่ 814 แล้วขากลับครูปูต้องขับไปส่ง พี่แก้วชมว่าน้องครูปูนี่เก่งนะ ขับรถในกรุงเทพได้ เก่งจัง เลยตอบพี่แก้วไปว่า “พี่แก้วขา นี่หนูเพิ่งขับได้ 3-4 วันเองค่ะ” พี่แก้วไม่ถามอะไรอีกเลย ได้แต่นั่งเงียบไปจนถึงที่หมาย (กร๊ากกกกกกก :P)
แต่ประมาทไม่ได้เลยค่ะ เรื่องขับรถ ทัศนวิสัยเปลี่ยน สภาพร่างกายเปลี่ยน สภาพการสึกหรอของอุปกรณ์ต่าง ๆ สภาพอารมณ์ความครุ่นคิดคำนึงคนขับเปลี่ยน ก็อาจเกิดเหตุได้ทุกเมื่อค่ะ
จึงล่อหลอกหนุ่ม ๆ แถวนี้ให้ช่วยดูสภาพรถให้อีก “เอ รถมันแกว่ง ๆ นะอาจารย์” “ผมว่าเบรกหน้าไม่ค่อยกินเลยนะพี่” “ทำไมเบาะคนขับมันง่อกแง่กๆ อย่างนี้หล่ะปู” “ผมว่าแอร์ไม่ค่อยเย็นนะ” จึงนำรถไปศูนย์บริการทันที (เลือกศูนย์ที่กำลังจัด promotion ตรวจเช็คฟรี 25 รายการ) จะได้วางแผนถูกว่าจะต้องทำอะไรต่อ ศูนย์แจ้งว่า
1. รถเสียศูนย์ ต้องตั้งศูนย์ใหม่ (350 บาท)
2. ยางหน้าขวามีตะปูก่อสร้างตัวโตฝังอยู่ลึกจนหัวตะปูแทบจะหลุดเข้าไปในยางทั้งหมดอยู่แล้ว (ช่างเค้าทำเสียงงี๊เลยค่ะ แฮ่ะ ๆ) ต้องปะยางใหม่ (100 บาท) แล้วเติมลมไนโตรเจนให้
ช่างบอกว่าไนโตรเจน มีคุณสมบัติดีตรงที่เคลื่อนที่ช้า ทำให้รั่วซึมช้ากว่าปกติ 6 เท่า และมีความชื้นน้อยกว่าจึงช่วยยืดอายุการใช้งานของยางได้ แถมมีโฆษณาเรื่องความบริสุทธิ์มากกว่าที่อื่นอีกนะ ทำให้ค่าบริการเติมลมอยู่ที่ล้อละ 50 บาทแหน่ะค่ะ ทราบภายหลังว่ารายการในข้อนี้ไม่ได้เสียเงินเลย เพราะศูนย์บริการนี้สนิทกับลูกศิษย์ครูปูเป็นอย่างดี (เป็นงั๊นไป!)
3. เบรกคู่หน้าบางเหลือแค่ 1 mm.(จากปกติ 5 mm.) ต้องเปลี่ยนใหม่ (ยี่ห้อ Bendix 1,890 บาท)
4. จานเบรกหน้าไม่เรียบต้องเจียใหม่ (400 บาท)
5. น้ำมันเบรกเสื่อมสภาพต้องเปลี่ยน (360 บาท)
จัดการ 2 รายการแรกทันที ส่วนรายการอื่นปรึกษาท่านผู้รู้ต่าง ๆ จึงมีผู้เสนอวิธีการประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการไปหาซื้ออะไหล่จากร้านจำหน่ายอะไหล่แล้วให้ช่างที่อู่เปลี่ยนให้ ซึ่งก็ได้สินค้าเกรดเดียวกันแต่ประหยัดค่าใช้จ่ายไปเกินครึ่ง และได้ตรวจสภาพใหม่ทำให้พบว่ารายการที่ 4 และ 5 ไม่มีปัญหาตามที่ช่างที่ศูนย์แจ้ง
นอกจากนั้นลูกศิษย์ก็ช่วยขันน็อตเบาะนั่งให้ มะรุมมะตุ้มเช็คนู่นนิดนี่หน่อย เมื่อจับรถอีกครั้งก็รู้สึกถึงสมรรถนะที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไรนะ เรา วิ่งบน Motorway ตอนไปสัตหีบแม่ก็เหยียบซะ
แว่ปแรกที่ได้ยินว่าเบรกหน้าหมด หน้าซีดเป็นไก่ไหว้เจ้าเลยเรา
นี่ล่ะหนอ ข้อดีของการยอมรับคำติติง
ถ้าคิดว่ามีส่วนจริงอยู่บ้าง เราก็โชคดีมีโอกาสในการปรับปรุงแก้ไข พัฒนา
ถ้าไม่จริง ก็แค่ แล้วกันไป
เนอะ!
(^________^)
« « Prev : ระดมใจไปตีแตกอีสาน (2)
ความคิดเห็นสำหรับ "ยี้! ผู้หญิงขับรถ"