ทำผิดสิทธิลด

โดย krupu เมื่อ 5 เมษายน 2009 เวลา 12:53 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต #
อ่าน: 3354

หลากหลายความรู้สึกปะปนกันอย่างบอกไม่ถูก เมื่อต้องเข้าไปในสถานที่คุมขัง ที่ชัดสุดคือความหดหู่ใจ

ทั้ง ๆ ที่พยายามทำความเข้าใจทั้งเหตุและ ความจำเป็นเรื่องกติกาที่สังคมต้องมีไว้กำกับและควบคุมพฤติกรรมของสมาชิกในสังคมแล้วก็ตาม  ก็ยังอดไม่ได้ที่จะฟุ้งไปกับความสงสาร ไม่อยากให้มีคนทำสังคมวุ่นวาย จะได้ไม่ต้องมีสถานที่แบบนี้ไว้คุมขังคนด้วยกัน

แค่การถูกริดรอนสิทธิพื้นฐานด้วยการถูกคุมขัง ยังไม่ต้องพูดถึงการถููกทำโทษ เฆี่ยนตี บังคับ ทรมานขืนใจใด ๆ  ครูปูว่าเจ็บปวดและกระทบกระเทือนความรู้สึกของความเป็นมนุษย์ได้มากพอแล้วค่ะ

สารภาพว่าทำหน้าไม่ถูกกับสายตาที่ผู้ต้องขังจ้องมองเรา และไม่แน่ใจเรื่องความเหมาะสมหากจะพูดคุยสอบถามหรือแม้กระทั่งยิ้มหัวตอบเหมือนที่ใจอยากทำ

โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนสบาย ๆ จึงไม่ชอบกฎเกณฑ์มากนัก แม้แต่หมาแมวที่เลี้ยงไว้ก็จะไม่กักขัง ใช้วิธีการฝึกด้วยโหมดเสียงแทนสัญลักษณ์คำสั่งต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการลงโทษเฆี่ยนตีซึ่งตัวเองไม่ชอบ และคิดว่าคนอื่นคงไม่ชอบเช่นกันจึงไม่คิดจะทำกับใคร

ระหว่างนั่งรอตามขั้นตอน เห็นชาย 3 คน ใส่เสื้อยืดสีขาวคอกลมไม่มีลวดลายใหม่เอี่ยม ที่แน่ใจเพราะเสื้อยังเป็นรอยพับเดิมเหมือนเพิ่งแกะจากห่อแล้วสวมทันที  กางเกงขาสามส่วนลายทหารค่อนข้างใหม่ ผมรองทรงเหมือนเพิ่งผ่านการตัดมาสด ๆ ร้อน ๆ   ค่อย ๆ เดินออกมาจากประตูทีละชั้น กว่าจะผ่านมาแต่ละชั้นก็ยกมือไหว้ตลอดทาง  บ้างก้มลงกราบ  บ้างลงนั่งยอง ๆ ยกมือท่วมหัวเหมือนกำลังไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์  สุดท้ายมานั่งยิ้มอาย ๆ อยู่หน้าร้านอาหารของเรือนจำ

เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ชายหญิงคู่หนึ่งที่ประจำอยู่ในสำนักงาน เริ่มพูดคุยกันเรื่องประวัติของนักโทษชาย 1 ใน 3 คนที่ได้รับการปล่อยตัววันนี้ ทำให้ครูปูพลอยได้รู้จัก “บัง” ไปด้วย

ว่าเดิมเป็นช่างตัดผม เมื่อมาถูกคุมขังก็ถูกมอบหมายให้มีหน้าที่ตามอาชีพเดิม เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดี อาจเป็นเพราะอาชีพการให้บริการก็เป็นได้ และดูจะเป็นขวัญใจของหลาย ๆ คนเนื่องจากถูกเรียกชื่อ ถูกแซว ถูกหยอกล้อตลอดทาง

ว่าแล้วเจ้าหน้าที่สุุภาพบุรุษท่านนั้นก็ตะโกนเรียก “บัง ๆ”

ครูปูจ้องเขม็งด้วยความสนใจ  ไม่กลัวว่าบังจะรู้สึกอับอาย เพราะคิดไว้ในหัวใจที่ตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ ว่า ไม่ว่าบังจะไปทำผิดคิดร้ายกับใครมา แต่อยากเหลือเกิน อยากเดินเข้าไปแสดงความยินดีกับอิสรภาพที่บังเพิ่งได้รับ บังจะได้มีเรื่องประหลาดใจอีกเรื่องหนึ่งของชีวิต และมีกำลังใจในการเริ่มต้นชีวิตใหม่

บังค่อย ๆ เดินเข้ามา มือซ้ายจับข้อศอกขวา แล้วค่อยก้มตัวลง ๆ จนมือทั้งสองข้างซุกเข้าไปอยู่หว่างขาของตัวเอง  เมื่อใกล้จะถึงตัวเจ้าหน้าที่ท่านนั้น บังก็อยู่ในท่านั่งยอง ๆ ค่อย ๆ เขยิบตัวเข้าไปหา มือขวาเอื้อมไปจับเคาเตอร์เพื่อพยุงตัวแล้วชะโงกหน้าพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ท่านนั้นด้วยความนอบน้อม และจบประโยคด้วย “ครับผม ๆ” ทุกคำ

“จะไปไหนต่อล่ะบัง ไปถูกไหม  มีสตังค์อยู่เท่าไหร่  กลับบ้านซะนะ ไปหาลูกหาเมีย แล้วอย่ากลับมาอีกล่ะ ก่อนกลับบ้านแวะไหว้พระเป็นศิิริมงคลกับตัวเองก่อนนะ  อ้าวลืมไปเว๊ย บังเป็นอิสลามนี่หว่า ฮ่าๆๆ  เอ้า เงินนี่ไว้เป็นค่ารถกลับบ้านนะ”

เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ผู้นั้น ทำครูปูอ้าปากค้างกับน้ำใจที่เขามีต่อบัง  ครูปูว่านี่ล่ะค่ะเรื่องยิ่งใหญ่แห่งปีที่ได้พบ ไม่ทราบใครคิดอย่างไร เชื่อหรือไม่ หรือจะไปเพ่งพิศต่อเรื่องปฏิกริยาหรือการรับรู้รับทราบการจดจำบทเรียนชีวิตครั้งนี้ของบัง  แต่ครูปูเองรู้สึกอิ่มเอิบใจอย่างบอกไม่ถูกเสียแล้วค่ะ

หากเชื่อเรื่องที่ว่าพื้นฐานทุกคนเป็นผ้าขาว คือไม่มีดี ไม่มีเลว  มีแต่หิว  มีอยาก มีอิ่ม  มีดีใจ  เสียใจ ถูกใจ ไม่ถูกใจ  มีความต้องการปัจจัยสี่  ต้องการความปลอดภัย การเอาตัวรอด และต้องการความรัก   แค่นี้ก็คงไม่มีใครอยากก่อความวุ่นวายเสียหาย และทำให้ตัวเองไม่เป็นที่ปรารถนาของใคร ๆ  กระมังคะ

นอกจากนี้ก็ไม่แน่ใจในเหตุ ในปัจจัย ในอวิชชาที่แต่ละคนมี ที่ทำให้ต้องเลือกตัดสินให้เกิดเหตุนั้นๆ ขึ้น

แอบเปรย ๆ ว่า “อยากเขียนบันทึกเรื่องนี้ แอบจดชื่่อนามสกุลและตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ท่านนั้นไว้แล้ว” ก็ถูกทักขึ้นว่า “ระวังนะเขาอาจจะคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวมากกว่าก็ได้”

อืม จริงด้วยเนอะ

ครูปูว่าการที่จะดำเนินชีวิตให้ถูกต้องเหมาะสมในแต่ละวันนี่ยากขึ้นทุกที ๆ นะคะ

แค่จะประคับประคองประสิทธิภาพในการระลึกรู้ให้คงที่ในระดับเดิมก็แสนจะยากเย็น เพราะต้องต่อสู้กับพัฒนาการของสิ่งเร้าต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา  ไหนจะต้องคอยปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม พอดิบ พอดี ต้องคำนึงถึงความรู้สึก ความต้องการ สิทธิของผู้อื่น ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสถานการณ์นู่นนี่่รอบตัว

แล้วการที่ต่างคนต่างแยกกันไประมัดระวังของตัวเอง พลาดบ้าง ผิดบ้าง ชุ่ยบ้าง รั้นบ้าง เข้าใจผิดบ้าง  ก็อาจเป็นช่องทางให้เราเผลอไปละเมิดคนอื่นได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ไม่อยากพูดว่า แค่คิดจะทำดียังยากเลยเพราะดูจะสิ้นหวังเกินไป

ได้แต่นั่งสงสัยตัวเอง ไม่รู้ละเมิดใครไปแล้วเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ดูตัวเอง ลืมคิดถึงคนอื่น

แล้วจริง ๆ แล้ว เราถูกตัดสิทธิลงไปบ้างแล้วหรือยัง

ถูกใครตัดออกจากบัญชีหัวใจ  บัญชีแห่งความนับถือ  บัญชีแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจไปบ้างแล้วหรือเปล่า

เมื่อไม่รู้ตัวว่าถูกตัดสิทธิ ก็ไม่รู้จะไปแก้ไข ไปทวงสิทธินั้นคืนได้อย่างไร

มิอาจรู้ได้เลยว่า จริง ๆ แล้ว  เราต่างกับผู้ต้องขังหรือไม่

อาจถูกตัดสิทธิไปแล้วเหมือนกัน

แค่ยังเดินเหินได้อย่างอิสระ แต่ไร้ความหมายเท่านั้น

Post to Facebook

« « Prev : ยี้! ผู้หญิงขับรถ

Next : จากบ้านป่าจะไปฮาต่อที่บ้านใต้ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

161 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.25072002410889 sec
Sidebar: 0.12542414665222 sec