โชคดี…มีอาชีพเป็นอาวุธ
(ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต)
เมื่อนักศึกษากลับบ้านกันหมดแล้วในช่วงเย็น ภาพความวุ่นวายในห้องพักครูจะเปลี่ยนเป็นภาพอาจารย์ที่ปรึกษาโทรศัพท์ติดตามนักศึกษาที่ขาดเรียน ติดปัญหาพฤติกรรมที่งานพัฒนาวินัยเพิ่งส่งบันทึกมาถึงมือหรือติดค้างงานในรายวิชาต่าง ๆ เพราะอาจารย์มีสอนระหว่างวันจึงไม่รู้ว่าใครขาดเรียน ใครมาสาย มีอะไรก็ต้องอาศัย update เอาช่วงนี้
บ้างก็กำลังต่อล้อต่อเถียงกับนักศึกษา จริงไม่จริง อำไม่อำ
“ถ้าเธอมาจริงแล้วทำไมบันทึกการสอนอาจารย์เค้าเช็คขาดล่ะ
ไปรวมตัวกินข้าวกันหน้าปากซอยอีกแล้วสิ
มันเป็นอะไร ถ้าไม่ไปทำผมเสริมสวยก่อนเนี่ยะ เข้าโรงเรียนไม่ถูกหรือไง
วิชาไหนเค้าบอกว่าจะให้คะแนนผมเรียบแปล้เหรอ
ถามจริงนะ ไม่สงสารพ่อแม่เหรอ สระไดร์ทีนึง 40-50 บาท
แม่เราน่ะอุตส่าห์กัดฟันกู้ร้อยละ 20 มาจ่ายค่าเทอม แม่มาร้องไห้กี่เที่ยวแล้วรู้สึกรู้สาอะไรบ้างไหม ฮึ!
พรุ่งนี้มาพบ’จารย์แต่เช้าเลยนะห้ามขึ้นเรียน ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
บ้างก็ “คุณแม่คะคุณแม่ขาช่วงนี้น้องไม่น่ารักเลยค่ะ #%#$@!&^%(**^&*% ” (ฟ้องๆๆๆ)
บ้างก็บ่นกะงอดกะแงดโทรไม่ติดไม่ยอมรับสาย บ้างก็อาฆาตแค้น “หนอย เห็นเป็นเบอร์ฉันทีไร(มัน)ไม่เคยรับสายซักที พรุ่งนี้เห็นดีกันแน่ ฮึ่ม!”
เรียกว่าถ้าได้เห็นหลากหลายอากัปกริยาของความห่วงใยแบบโหด ๆ ฮา ๆ ของบรรดาครู ๆ ก็ขำ ๆ ดีเหมือนกันค่ะ
เด็กน้อยเอ๋ย เมื่อไหร่หนอเธอจะข้ามผ่านคืนวันของความไม่รู้ไม่เข้าใจอะไร ๆ ในชีวิตไปโดยเร็วเสียที ถึงจะอิ่มเอมกับวิชาชีพที่เลือกแล้ว แต่นับวันความไม่รู้รุ่นแล้วรุ่นเล่าของพวกเจ้าก็ได้ฉุดลากสังขารของครูให้ร่วงชราไปได้โดยไว
คิดถึง “กว่าจะรู้เดียงสา” ขึ้นมาเฉยเลย
เฮ้อ…บ่น ๆๆ เสียหน่อย เดี๋ยวจะไม่สมกับที่เป็นครู อิ..อิ..อิ
อยู่ดี ๆ เอะใจกับการคุยของอาจารย์ท่านหนึ่งค่ะ
อาจารย์ท่านนี้เป็นผู้ใหญ่มากแล้ว อายุมากกว่าครูปูรอบนึง เรียบร้อย ใจดี เด็ก ๆ เรียกอาจารย์แม่ เห็นลุกขึ้นยืนคุยโทรศัพท์ไปทำหน้าเลิ่กลั่กไป นึกเป็นห่วงว่ามีเรื่องที่บ้านหรือเปล่าเพราะทราบว่ามีแม่อายุมากขี้หลงขี้ลืมอยู่ที่บ้านด้วย เดินหายไปจากบ้านหลายครั้งทำกับข้าวแล้วไฟไหม้ครัวก็เคย
พยายามส่งสายตาเหมือนเป็นสัญญาณว่าเราพร้อมจะช่วยเหลือ เห็นแกสะกิดน้องที่นั่งข้าง ๆ ให้จดข้อมูลให้หน่อย ได้ยินแว่ว ๆ ว่าเรื่องเงิน เอ อย่างแกไม่มีหนี้สินนี่นา ไม่เกรงใจดีกว่ากลัวแกจะ โดนหลอกทางโทรศัพท์ พอเห็นสายตาครูปูคงรู้ว่าโดนถามแน่ แกเลยเร่ง volume การคุยให้ดังขึ้นพอที่จะให้เราได้ยินไปด้วย วางหูปุ๊บครูปูถามปั๊บ
ปรากฏว่ามีคนอ้างว่าโทรมาจากศูนย์บัตรเครดิตธนาคารหนึ่งแจ้งว่าอาจารย์ท่านนี้มียอดค้างชำระการใ้ช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าอยู่ 38,500 บาท ครูปูร้องถามเสียงหลงทันที
“แล้วช่วงที่ผ่านมาอาจารย์ได้ไปรูดซื้ออะไรมั้ยล่ะคะ”
“ไม่มีค่ะ”
“แล้วมีบัญชีของธนาคารนี้มั้ย”
“มีค่ะ”
“มีเงินในบัญชีมั้ย”
“มีค่ะ”
“เยอะมั้ย”
“นิดเดียวเองค่ะ”
“แล้วอาจารย์มีบัตรเครดิตของธนาคารนี้มั้ย”
“ไม่มีค่ะ”
“เง้อ! แล้วมันขอหมายเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักของอาจารย์หรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ”
“ง่ะ! แล้วให้มันไปหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“เจี๊ยก!”
“ก็พอบอกไปว่าไม่ได้ใช้เค้าก็บอกว่าจะตรวจสอบให้แต่ต้องให้ข้อมูลส่วนตัวเค้าน่ะค่ะ”
“อาจารย์คะ ถ้าอาจารย์ไม่ได้ใช้บัตรมันไม่มีบัตรมัน อาจารย์จะไปกลัวมันทำแมวอะไรล่ะคะ หากมียอดการใช้จริงธนาคารเขาจะส่งเอกสารใบแจ้งหนี้มาตามที่อยู่ที่อาจารย์ให้ไว้ ยอดเท่าไหร่ ใช้บัตรที่ไหน ค่าอะไร ชำระขั้นต่ำเท่าไหร่ มีกำหนดระยะเวลาว่าต้องชำระไม่เกินวันที่เท่าไหร่ ด้วยวิธีไหนบ้าง อาจารย์เคยเห็นใบแจ้งหนี้อย่างที่ว่าไหมคะ”
“เออ จริงด้วยค่ะ เคยค่ะ เคย”
“แล้วถ้าอาจารย์เผลอไปสมัครบัตรไว้จริง ศูนย์เขาก็ต้องมีข้อมูลส่วนตัวอาจารย์อยู่เรียบร้อยแล้วสิคะ มันจะมาถามเลข 13 หลักไปทำบ้าอะไร ถ้าจะยืนยันบุคคลเขาถามแค่วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ที่ส่งเอกสาร หมายเลขโทรศัพท์ วงเงินที่ได้รับการอนุมัติก็พอแล้ว ไอ้เลข 13 หลักเนี่ยะ บอกใครไปง่าย ๆ มันเอาไปทำธุรกรรมแทนเราได้เลยนะอาจารย์”
“โอย ตาย ทำยังไงดีล่ะคะ อาจารย์ปู (หน้าซีดในบัดดล) บอกมันไปหมดแล้วอ่ะ ก็มันขู่เอา ขู่เอา ถ้าไม่ชำระหนี้ มันบอกจะดำเนินการทางกฎหมาย เราต้องแสดงตัว”
“อาจารย์ไปตรวจสอบเงินในบัญชีก่อนแล้วกันค่ะ โทรตรวจสอบกับธนาคารดูสิคะถ้าไม่จริงให้เขายกเลิกการทำธุรกรรมเกี่ยวกับบัญชีเราก่อนนะคะ โดยเฉพาะทาง internet”
วิ่งหน้าเจื่อนออกไปโทรหาธนาคารสักพักกลับมาบอก “ธนาคารแจ้งว่าไม่มีการโทรทวงหนี้ทางโทรศัพท์ค่ะ แล้วก็ไม่มียอดค้างเขาด้วย”
“แหม ไอ้พวกนี้น้า อาจารย์อย่าไปเสียขวัญเลยนะคะช่างมัน ดีแล้วเราจะได้รู้ไว้ อาจารย์ปูก็เคยโดนค่ะ ตอนนั้นกำลังว่างอยู่พอดีเลยมีอารมณ์สนุกกับมันฟังมันไปเรื่อย พอมันขอเลข 13 หลักเท่านั้นแหล่ะ เลยด่าไปเลย
แหม น้องนี่ช่างโง่…จริงนะ ตอนเค้าสมัครบัตรเครดิตกันนี่เขาต้องใช้สำเนาบัตรประชาชนด้วยจ๊ะ แล้วในนั้นแหละที่มันมีเลข 13 หลักอยู่ ถ้าเป็นพนักงานจริงใช้คอมพิวเตอร์ทำงานหรือนั่งชะโงกหน้าดูหม้อหุงข้าวอยู่ล่ะ ถึงไม่เห็นข้อมูลพี่เก่งเหมือนกันนะที่หาเบอร์โทรมาได้แต่ทะลึ่งถามไม่ฉลาดแบบนี้ไม่เนียนนะน้อง แล้วไอ้ยอดหนี้ที่เธอว่าหน่ะพี่ไม่เคยใช้หรอกจ๊ะ เธอไม่รู้เหรอว่าพี่มันโรคจิตตัวจริงสมัครบัตรเครดิตไว้เอาของแถมอย่างเดียว พอได้แล้วก็ยกเลิกอ่ะ เคยเจออะป่าว
ไอ้เรื่องค้างเคิ้งอะไรนั่นเธอไม่ต้องมาพูดกับพี่หรอกนะ พี่แค่ว่างอยู่แป๊บนึงเลยจะลองฟังเทคนิคเธอดูน่ะไม่มีอะไรหรอก เธอล่ะ? ยังอยากจะหลอกถามอะไรพี่อยู่อีกหรือเปล่า หือ?”
มันวางหูใส่ดัง “โครม”
หัวเราะกันครืนคลายเครียดกันไป เลยฝากให้หัวหน้างานในห้องกระจายกันแจ้งครูที่เหลือให้ระวังมิจฉาชีพพวกนี้ไว้ด้วย กำลังจะแยกย้ายกันไปทำงาน อาจารย์ท่านนี้หน้าตาเลิ่กลั่กอีก “อาจารย์ปูขา เบอร์แปลก ๆ โทรมาอีกแล้วค่ะ” (เสียขวัญแล้ว)
“เอ๊า อาจารย์ก็รับสิคะ อาจเป็นผู้ปกครองก็ได้”
คุยได้สองคำ ปากคอสั่น “อาจารย์ปูคะ เค้าบอกว่า เค้าเป็นตำรวจโทรมาจาก DSI ค่ะ เรื่องค้างชำระค่าบัตรเครดิตเมื่อซักครู่”
“อ๋อ เหรอคะ ม่ะ อาจารย์ส่งม่ะ”
ทีนี้บรรยากาศในห้องเงียบสงัด แทบไม่มีใครหายใจหายคอ
“สวัสดีค่าาาา…….” (ตั้งใจทำเสียงสวยใส อ่อนกว่าวัย แต่เกินเหตุมั่ก ๆ :P )
“สวัสดีครับ เมื่อซักครู่ผมเพิ่งรับเรื่องจากธนาคาร……. โทรมาแจ้งทางเราว่าคุณค้างชำระค่าใช้บัตรเครดิตเป็นจำนวน 38,500 บาทนะครับ เขาบอกว่าแจ้งคุณแล้วแต่คุณปฏิเสธการชำระหนี้ ใช่ไหมครับ”
“เอ่อ…เอ่อ…แล้ว…ดิฉันจะต้องทำยังไงบ้างคะนี่ สับสนไปหมดแล้วค่ะ”
(อายตัวเองจังเพราะต้องทำเสียงปัญญาอ๊อนปัญญาอ่อนไปด้วย ว่าแต่ปีนี้พ่อครูบาอย่าลืมส่งหนูเข้าชิงรางวัลตุ๊กตาทองดารานางอิจฉาฝ่ายหญิงด้วยนะ พ่อนะ ก๊ากกกกก…)
“จะยังไงก็แล้วแต่ ถ้าเค้าทวงแล้วคุณก็ต้องชำระ” (เสียงแข็งเชียว)
“เหรอคะ” (ฉันก็ทำเป๊น…)
“ใช่ครับ จะได้ไม่ต้องเป็นปัญหาถึงโรงถึงศาล”
“ไม่ทราบดิฉันเรียนสายกับคุณอะไรอยู่คะนี่”
“ผม ร้อยตำรวจโทอภิลักษณ์ ใจกล้า จาก DSI ครับ”
(พอกันทีไม่มีเวลาเล่นแล้วจะรีบเคลียร์งานเฟ๊ย)
“นี่คุณ วันหลังจะหาชื่อมาใช้นี่ช่วยเอาที่มันเก๋ ๆ เอาแบบตั้งใจ ๆ ไกล ๆ ชื่อในแบบเรียนสมัยประถมหน่อยนะคุณ แล้วไอ้ DSI นี่ มันตั้งขึ้นมารับจ้างทวงหนี้ให้ธนาคารตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ห๋า ว่างนักหรือไง คดีการมงการเมืองเต็มหน้าหนังสือพิมพ์ไปหมด เคลียร์เสร็จแล้วยัง จะโดนเล่นงานแหล่ไม่แหล่ เอาตัวรอดแล้วเหรอ นึกว่าเท่มากใช่ไหม เอาชื่อเขามาใช้เนี่ยะ ใจกล้าน่ะ กล้ามากมั้ย ?”
“เอ่อ คุณ”
“ไม่ต้องมาฉัน คุณนั่นแหละรู้ตัวหรือเปล่าคุณกำลังเล่นงานครูแก่ ๆ คนนึงอยู่นะ(จะหยุดพักกลางทางเพื่อขอโทษอาจารย์ท่านนี้ก่อนก็ไม่ทันแล้วอ่ะ) แกเป็นครูมาตั้งนมตั้งนาม สอนลูกศิษย์มาก็ตั้งหลายพันหลายหมื่นคน เผลอ ๆ ลูกหลานโคตรเง่าเหล่าตระกูลคุณอาจจะเคยเรียนกับแกก็ได้ คุณทำร้ายครูบาอาจารย์ได้ลง ใจคอทำด้วยอะไรกันคู๊ณ…ถามหน่อย”
“เดี๋ยวครับ”
“ไม่ต้องมาเดี๋ยว คุณนั่นแหละเลิกได้เลิกเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้อาชีพหลอกลวงชาวบ้านเขานี่ คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมว่าทำงานแบบนี้ เงินที่ได้มาตอนใช้รู้สึกอะไรบ้างไหม มีความสุขจริงเหรอเงินบาปเนี่ยะนะ กล้าใช้เหรอ ถามจริง รายได้ดีมากเลยเหรอ ชั่งใจแล้วยัง คุ้มไหมกับบาปกรรมที่จะต้องชดใช้
ถ้ารับจ้างเค้ามาอีกทีก็ไม่เป็นไรนะคุณ หางานสุจริตทำเถอะ อย่าไปเสี่ยงเลย ไม่คุ้มหรอก ฟังเสียงดูอายุก็น่าจะยังไม่มาก ชีวิตยังอีกตั้งไกลทำที่เหลือให้มันสง่างามสมกับที่ได้เกิดมาหน่อยไม่ดีเหรอ”
“เอ่อ”
“เวรกรรมน่ะมีจริงนะคุณ เชื่ออาจารย์สิ อาจารย์เป็นครูบาอาจารย์ พูดจริงไม่หลอกคุณหรอก แล้วที่พูดนี่เพราะเป็นห่วงคุณหรอกนะไม่ใช่อะไร (ไปรู้จักจนถึงขั้นไปห่วงไปไยเค้าได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะฉัน )
มันไม่ลงที่คุณก็ต้องไปลงที่ลูกคุณ ไม่ลงที่ลูกคุณพ่อแม่พี่น้องคุณก็ต้องเจอ ไม่เจอชาตินี้ชาติหน้าก็ต้องเจอ คุณได้เจอแน่ นี่ถ้าเป็นคนในครอบครัวคุณโดนบ้าง เสียขวัญเสียทรัพย์ที่เค้าอุตส่าห์หามาด้วยความยากลำบาก คุณจะรู้สึกยังไง แล้วยิ่งมาทำกับครูบาอาจารย์ด้วยแล้ว เคยเรียนหนังสือมั้ย นึกสิ นึกถึงหน้าครูสมัยประถม นึกถึงหน้าครูสมัยมัธยม ครูที่คุณกำลังเล่นงานเขาอยู่นี่ก็หน้าตาแบบนั้นแหละ ยังทำเค้าได้ลงคออีกเหรอ (มั่วสุด ๆ เลยตรู)
ครูบาอาจารย์ก็เหมือนพ่อแม่แหละ เค้ามีเอาไว้บูชาไว้ทดแทนบุญคุณ ไม่มีโจรบ้าที่ไหนเค้าทำร้ายพ่อแม่ครูอาจารย์กันหรอกนะคุณนะ คุณเชื่ออาจารย์เถอะ อาจารย์เห็นมานักต่อนักแล้วไม่เจริญหรอก เลิกเหอะ หยุดทำบาปแต่เพียงเท่านี้ กรรมของคุณจะได้ไม่หนักไปกว่าที่เป็นอยู่”
“โครม!”
เงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์นึกว่าพวกน้อง ๆ จะหัวเราะใส่ที่ไหนได้เงียบกริบเลยแฮะ หน้าเจื่อนกลืนน้ำลายกันเอื๊อก ๆ แล้วก็แยกย้ายไปกระจายข่าวตามนั้น
ไม่รู้ไปกระจายกันอีท่าไหน
วันนี้เดินสวนใครมีแต่คน อิอิ ใส่ อ่ะ
เฮ้อ…
« « Prev : ครูโบตัน!
ความคิดเห็นสำหรับ "โชคดี…มีอาชีพเป็นอาวุธ"