แรงกระทบใจ..

7 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 มิถุนายน 2009 เวลา 12:10 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2560

ใครอ่านบันทึกของผมเกี่ยวกับดงหลวงมาตั้งแต่ blog เดิม คงจะพอรู้ว่าดงหลวงเป็นอย่างไร ท่านที่เข้าร่วมเฮฮาศาสตร์ครั้งที่ 3 ดงหลวงก็คงได้สัมผัสชาวบ้านที่เป็นชนเผ่าโซ่มาบ้างแล้ว


เนื่องจากเมื่อวานผมประชุมทีมงานเพื่อรื้อแผนงานทั้งหมดใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงกลุ่มผู้บริหารระดับสูง ดังที่ผมเกริ่นมาตลอดนั่นแหละว่ามีการเปลี่ยนแปลงเบอร์หนึ่งไปแล้ว เลี้ยงส่งกันแล้วที่ร้อยเอ็ดเมื่อคืนวานนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยงานใหม่ก็มาต้อนรับกัน…เฮ่อ


ผมก็ทำความเข้าใจกับทีมงานว่าเราถูกจำกัดงบประมาณหมดสิ้น จากที่เคยมีเคยได้ เคยทำ เป็นถูกรวบยอดไว้ที่ท่านคนเดียว กิจกรรมจำนวนหลายกิจกรรมเราจึงไม่มีงบประมาณ ทีมงานก็ออกไปทำงานก็ไม่มีงบประมาณสนับสนุนเท่าที่ควร หลายต่อหลายครั้งเจ้าหน้าที่ก็ตัดสินใจควักกระเป๋าเองแล้วเอามาเบิกงบประมาณบริหารสำนักงาน ซึ่งเราพอเจียดให้ได้ แต่ก็จำกัดจำเขี่ยเต็มที

เพื่อควบคุมงบประมาณบริหารสำนักงานให้อยู่ในวงที่พอสัมมาพาควร แก่เหตุแก่ผล ผมจึงกล่าวกับน้องๆว่า ทุกครั้งที่เราไปประชุมกับชาวบ้านนั้นไม่จำเป็นต้องขนกระติก ถ้วยกาแฟ แก้วน้ำ ขนมอีกเป็นปี๊บๆ ไปบริการชาวบ้านทุกครั้ง เพราะการเอากาแฟไปให้ชาวบ้านกินเดี๋ยวชาวบ้านติดกาแฟก็จะไปสร้างรายจ่ายให้แก่เขา เอาขนมไปเป็นปี๊บๆแจกพร้อมกาแฟ พร้อมทั้งเทให้หมดเมื่อจบการประชุม มันเป็นเงื่อนไข เดี๋ยวคราวต่อๆไปไม่มีไปให้ก็จะถูกต่อว่า เอาแค่น้ำดื่มสะอาด ก็เพียงพอ อีกทั้งประหยัดงบประมาณที่เราก็ไม่ค่อยมีด้วย ขนมที่ซื้อยกปี๊บไปให้นั้นเราก็รู้ดีว่าคุณค่ามันไม่มีอะไรหรอก มีแต่แป้งกับน้ำตาล กินมากๆก็จะเป็นการเสียวัฒนธรรมการบริโภค ติดน้ำตาล กลายเป็นการกระตุ้นให้เกิดโรคเบาหวานขึ้นมาอีก เจตนาดีแต่ผลที่เกิดไม่ดีต่อสุขภาพ


ที่ร้านสหกรณ์กลางหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เราเคยสนับสนุนการบริหารจัดการของเขานั้น เราพบว่า ในถังขยะมีแต่กระป๋องกาแฟสำเร็จรูปที่โฆษณาทางทีวีสารพัดยี่ห้อ ยิ่งเครื่องดื่มชูกำลังแล้ว กินกันจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว จะเข้าป่าไปหากบหาเขียดก็ต้องแวะมาซื้อเจ้าขวดนี้ก่อนไป เงินเสียไปโดยไม่ควรเสีย…ขวดเกลื่อนป่าเป็นมลภาวะต่อไปอีก…..

ในกรณีเช่นนี้เป็นการมองต่างมุมกันนะครับ ความจริงแต่ละครั้งๆนั้นใช้งบประมาณไม่มากมายอะไรหรอก สำนักงานบริหารได้ แต่หลักการ แนวคิด เหตุและผล มองต่างกัน


น้องเธอบอกว่า สงสารชาวบ้านเขา ยิ่งช่วงนี้ ข้าวใหม่กำลังปลูก ยังไม่ได้ผลผลิต ข้าวเก่าก็เริ่มน้อยลงหรือเกือบหมด หรือบางครอบครัวหมดลงแล้ว จึงต้อง “หากินซามตาย” ความสงสารของนักพัฒนานั้นมีท่วมหัวอกหัวใจ เราเข้าใจแต่มิใช่เอากาแฟเอาขนมที่ไม่มีประโยชน์ไปให้ กินข้าวก็พอแล้ว…

ข้าวนั้นทำให้เยอะๆ ทั้งข้าวทั้งกับข้าว เลี้ยงไปเลย ไม่ว่ากัน…

เพราผมต้องแอบบอกความลับไว้อย่างหนึ่งว่า ผมเคยน้ำตาตกมาแล้วที่การประชุมครั้งหนึ่งชาวบ้านมากันมากพอสมควร เราเองก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้เอะใจอะไร แต่ดีใจที่ชาวบ้านมากันมาก

ท่านครับ… แต่ละคนตักข้าวพูนจาน กับข้าวพูนจาน คนเมืองมาเห็นก็จะต้องคิดว่า พี่น้องโซ่ของผมมูมมาม ตะกละตะกราม ไม่มีมารยาทในการกิน (มารยาทคนเมือง)


แต่ท่านครับ…เมื่อทุกคนอิ่มข้าวแล้ว ที่หม้อแกงนั้นมีแกงติดก้นหม้อมีแต่น้ำโหลงเหลง คนแก่ คนเฒ่า ทั้งชาย หญิง และคนเป็นแม่หลายคนกำลังตักใส่ถุงพลาสติกที่เตรียมมารวมทั้งข้าวที่เหลือด้วย แล้วก็เอาใส่ถุงย่าม หรือห่อพกของตนเอง บางคนก็เดินกลับบ้านไปเลย บางคนก็รอการประชุมบ่ายต่อไป…

เขาไม่ได้กินข้าวอิ่มมาหลายวันแล้วครับ..

ลูกหลานที่บ้านก็รอข้าวเหมือนกัน…ครับ..




Main: 0.014299154281616 sec
Sidebar: 0.045194864273071 sec