ประสบการณ์เคว้งคว้าง วังเวง แสบสันต์และขำสุด ๆ

อ่าน: 8633

ตอนไปเรียนสงขลาแรก ๆ เห่อแหลมสมิหลามาก ไปเล่นน้ำมันได้ทุกวัน ด้วยความซ่าลืมไปว่าเรามันคนตัวเล็กแต่บังอาจวิ่งกรี๊ด ๆ เข้าหาคลื่นใหญ่ ๆ แบบชาวบ้านเขา

แหลมสมิหลา


ปรากฏว่าทุกคนต้านคลื่นได้ปกติดี อย่างมากก็เซถอยกรูดหัวเราะหัวฮา แล้วพากันค่อย ๆ ว่ายกลับฝั่ง

มีแต่เราคนเดียวที่ถูกซัดม้วนต้วนหายจ้อยเข้าไปในเกลียวคลื่น

ปากที่หัวเราะก๊าก ๆ กรี๊ด ๆ ด้วยความตื่นเต้นกะจะสะใจเมื่อครู่ กลับเป็นช่องทางให้ได้ลิ้มรสน้ำทะเลแน่น ๆ อุดมด้วยเกลือแร่นานาชนิด

เสียแต่ว่าลิ้นกั้นหลอดลมคงจะน้อยใจอยู่บ้างเพราะไม่สบโอกาสให้ได้ทำงานบ้างเลย

ขณะกำลังทำลังกาหลัง 13 รอบติดกันแบบหลับตาปี๋อยู่ในเกลียวคลื่น จนนับรอบแบบนักกระโดดน้ำโอลิมปิกแทบไม่ทันอยู่นั้น ความต้องการอากาศก็มาถึงขีดสุด ปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกายที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของจิตใจก็สั่งให้จมูกสูดหายใจเข้าอย่างแรง เพียงหวังลม ๆ แล้ง ๆ ว่าช่วงนั้นใบหน้าเราคงจะโผล่พ้นน้ำแล้ว (มั้ง)

นี่คงเป็นความรู้สึกเคว้งคว้าง วังเวงและแสบสันต์สุดแล้วของชีวิต เพราะเมื่อโผล่หัวพ้นน้ำมาได้ก็ตกใจตาเหลือกเนื่องจากตัวเองถูกคลื่นลากลงทะเลห่างฝั่งไกลออกมาเป็นกิโล เห็นเพื่อน ๆ พี่ ๆ หัวเราะก๊าก ๆ กันอยู่ลิบ ๆ

รีบจ้วงน้ำกลับมาตัวสั่นแขนขาเกร็ง

เพราะภาพฉลามยักษ์ว่ายตามเขมือบหญิงสาวหุ่นเซ็กซี่

จากหนังเรื่อง Jaws ฉายซ้ำไปซ้ำมาในสมองอยู่ตลอดเวลา

(แม้ภาพจริงอาจเป็นได้แค่หอยเม่นบนพื้นทรายเหลือบมองลูกปลาพะยูนที่กำลังกระดุ๊บ ๆ เข้าฝั่งอยู่ก็ตามที :( )

ปลาพะยูน

ยังมิสาแก่ใจเมื่อคลานถึงฝั่งได้แบบหมดสภาพแล้ว กลับถูกพี่ ๆ เพื่อน ๆ ล้อมวงชะโงกหน้าหัวเราะซ้ำเข้าไปอีก

บางคนก็เอามือมาจิ้มพุงเล่น พี่บางคนแกล้งขยี้หัว

บางคนวิ่งไปตามพวกที่เหลือให้มาดูปลาพะยูนเกยตื้น

ที่กำลังสำลักน้ำกันใกล้ ๆ อีกแน่ะ

(เอากันเข้าไป)

ตัวเราเองขำก็ขำ แสบคอแสบปากแสบตา

แถมน้องทราย ณ คุณแม่ขอร้องยังแทรกซึมเข้าในทุกอณูที่ไม่ได้รับอนุญาตอีกต่างหาก

ตกใจก็ตกใจ ร้องไห้ไปด้วยหัวเราะไปด้วย  (แง ๆ…ฮ่า ๆ)

ที่ร้องไห้ก็คงเพราะตกใจ แต่ไอ้ที่หัวเราะนี่คงเพราะเห็นพี่ ๆ เพื่อน ๆ มันตั้งหน้าตั้งตาขำกันอย่างเมามันเอาจริงเอาจังและต่อเนื่องเนิ่นนาน ก็เลยคิดว่าสารรูปเราคงน่าขำขนาดนั้นจริง ๆ ด้วยมั้ง

ว่าแล้วก็เอากะเขาด้วยซะเลยดีฝ่า อิ..อิ..อิ

ชายหาด

ครั้นถึงวัยทำงานด้วยหน้าที่ที่ต้องพาองค์กรพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ด้วยการที่ต้องริเริ่มทำสิ่งใหม่ ๆ แล้วได้รับแรงต้าน แอบหัวเราะ แอบถากถาง แอบซุบซิบ รวมพลคนไม่เข้าใจ แล้วปล่อยให้เราหัวฟูอยู่คนเดียว ก็มักจะนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทุกทีเลยค่ะ

หากเรามองทุกคนเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องที่กำลังรุมทึ้งหัวเราะก๊าก ๆ ใส่เราอยู่ เราก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นมังคะว่า จริง ๆ แล้วเขาคงไม่ได้เกลียดเราหรอก

เขาเพียงหัวเราะกับสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะเราต่างหาก ซึ่งอาจเพราะเขาไม่เคยเจอกับตัวเอง เลยยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจ ไม่ชิน เลยยังมองไม่เห็นข้อดีที่จะต้องเข้าไปร่วม เข้าไปช่วยและคงลืมไปสนิทว่าเราจะรู้สึกอ้างว้างขนาดไหนที่ต้องต่อสู้กับเรื่องนี้เพียงลำพัง

อ้างว้าง

เขาอาจแค่ยังไม่เข้าใจในสิ่งใหม่ ๆ ที่เราเพิ่งจะนำมาช็อคเขา หรือด้วยความที่เรายังเรียงลำดับความคิดในการนำเสนอไม่เสร็จ เขาจึงยังงง ๆ อยู่ ก็เป็นได้

ท้ายที่สุดแล้วตัวเองนี่ล่ะค่ะที่จะพาตัวเองรอดได้ เมื่อใดที่คิดจะเปลี่ยนแปลงใครจงทำความเข้าใจกับตัวเองแล้วเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองให้ได้เสียก่อน  แล้วถ้าเราเก่งกว่านั้นก็คงพอที่จะพาคนอื่นให้รอดจากความไม่รู้ ความไม่เข้าใจไปได้ด้วยล่ะค่ะ


คิดได้ดังนั้นจึงสนุกสนานร่าเริง และท้าทายกับเรื่องใหม่ ๆ ทุกครั้ง

ครูปูมักคิดถึงตอนที่ติดอยู่ในเกลียวคลื่นทุกทีที่เริ่มทำอะไรใหม่ ๆ แบบลองผิดลองถูก เพราะทำนองเค้ามันกว่าเพลง

คิดถึงเธอทุกทีที่อยู่คนเดียว” ของเจ๊คิ้มแกแยะเลยล่ะค่ะ

กั่กๆๆๆ

:P

Post to Facebook

« « Prev : บันทึกแรกของครูปูในลานปัญญา

Next : บันทึกตะกอนความสุขปี ๒๕๕๑ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "ประสบการณ์เคว้งคว้าง วังเวง แสบสันต์และขำสุด ๆ"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.020205974578857 sec
Sidebar: 0.070099830627441 sec