เพื่อนร่วมถิ่นอาศัย..

25 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 ตุลาคม 2009 เวลา 22:06 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1077

ช่วงนี้นั่งเขียนงานที่บ้าน ตกเย็นก็พักผ่อน ลากเก่าอี้ตัวโปรดมานั่งนอกชานหลังบ้าน นั่งเงียบๆเดี๋ยวก็มีสัตว์อาศัยมาให้ดู


อย่างที่เคยบันทึกไว้บ้างแล้วว่า ฤดูฝนก็ทำให้หลังบ้านเขียวขจี ต้นก้ามปูก็โตใหญ่ มากจนมองไปว่า เริ่มจะมากเกินไปแล้ว เพราะหากมันหักโค่นมาอาจจะกระทบตัวบ้านได้

ริมขวาสุดนั้นคือต้นจันกะพ้อ ที่รอวันให้ดอกในช่วงฤดูหนาวนี้อีกครั้ง ปีนี้เขาแตกใบอ่อนและเติบโตจนขยายกิ่งเข้ามาติดชานบ้านแล้ว


ที่ต้นจันกะพ้อเป็นที่อาศัยของมดแดง อยู่สองรัง เจ้ามดแดงตัวนี้ก็ออกมาเดินบนราวแสตนเลส แปลกที่เวลามันเดินบนราวนี้จะชูก้นโด่งสุดๆ แต่เมื่อเข้าเดินกลับไปบนต้นจันกะพ้อ ก้นเขาก็อยู่ในระดับปกติ


เอามาให้ดูอีก ผึ้งรังขนาดย่อมๆ มาอยู่หลายเดือนแล้วยังไม่ไป ขาประจำวันก็เจ้านกกะปูดตาแดงจึ้งขึ้ง



เจ้าขาวเจ้าแดงนี่จะมาช่วงเช้าและบ่ายๆ บางทีเขาเห็นเราก็แอบนิ่ง มองเราเฉยๆเป็นนานๆ หากเราไม่ขยับเขาก็นิ่งมองเรา พอเราส่งเสียงหรือขยับ ก็วิ่งปรู๊ดไปต้นไม้อื่น


เดือนก่อนน้ำท่วมพื้นที่สาธารณะหลังบ้าน มาวันนี้น้ำแห้งลง แต่ยังมีน้ำตกค้างในคูซึ่งแน่นอนปลา และสัตว์น้ำอื่นๆก็หลงน้ำมาตกอยู่ในคูน้ำแห่งนี้ สัญชาติญาณของนกกะยางนั้นรู้ดีว่าคูน้ำนี้มีอาหารของเขา ก็จะมานั่งเฝ้าอย่างเงียบๆ คอยจังหวะ โอกาสที่จะมาถึงและมักไม่พลาดที่จงอยปากเขาจะทำงานอย่างได้ผล


นานๆจะเห็น เจ้านกเขา ที่ซ่อนตัวอยู่ในใบไม้เขียวแห่งนี้

มีเพื่อนร่วมโลกหลายชนิด หากเรานั่งเงียบๆ เขาก็จะปรากฏตัวให้เห็น แต่หากส่งเสียง หรือทำกิจกรรมใดๆแล้ว เจ้าเพื่อนร่วมโลกเหล่านี้ก็หนีไป หรือหลบไป

ธรรมชาติช่วยให้เปลี่ยนความหมกมุ่นกับการเขียนงานได้มากทีเดียว

ว่าแล้วก็กลับนั่งเก้าอี้ตัวเดิมต่อ อิอิ..


ข้าว IR-8 และกระจับ

46 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 ตุลาคม 2009 เวลา 12:37 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2893

สมัยประมาณปี พ.ศ. 2507-2509 เรียนชั้นมัธยมที่อำเภอวิเศษชัยชาญ ต้องเดินเท้ามาจากบ้านประมาณ 5 กม. ทุกเช้า หากเข้าฤดูฝนก็ต้องหิ้วรองเท้าผ้าใบสีกากี ที่ขาดตรงหัวแม่โป้ง ถุงเท้าสีกากีที่ขาดที่ส้น หิ้วจากบ้านจนถึงตลาดวิเศษ แล้วจึงล้างเท้ากับแม่น้ำน้อยที่ไหลผ่านตัวตลาดวิเศษไปลงแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยุธยา เมื่อใส่รองเท้าผ้าใบขาดๆแล้วก็เดินบนถนนปูนอีก 1 กม.จึงถึงโรงเรียนประจำอำเภอ คนดังๆจากวิเศษก็จบจากที่นี่ทั้งนั้น รวมทั้ง อ.เจิมศักดิ์


กรมชลประทานเริ่มขุดคลองชลประทานผันน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือเขื่อนชัยนาท เพื่อเอาน้ำเข้าทุ่งนาให้ชาวนาภาคกลางมีน้ำทำนา


คลองชลประทานมาพร้อมกับการเปลี่ยนพันธุ์ข้าวพื้นบ้านมาเป็นข้าว กข. ที่เริ่มใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ บ้านผมเป็นบ้านแรกๆที่ทดลองใช้ข้าว กข. สมัยนั้นยังเรียกข้าว IR-8 ซึ่งเป็นข้าวที่สถาบัน IRRI แห่งประเทศฟิลิปปินส์ เอาข้าวพื้นบ้านเราไปแปลงพันธุ์แล้วกลับเอาเข้ามาให้ชาวนาภาคกลางทดลองใช้ โดยเกษตรอำเภอเป็นผู้ส่งเสริม ประชาสัมพันธ์ว่าผลผลิตสูง ขายได้ราคาดี บังเอิญอาคนหนึ่งเป็นเกษตรอำเภอจึงเอามาให้พ่อทดลอง

กว่าจะปรับตัวได้กับข้าวพันธุ์ใหม่ เล่นเอาเหนื่อยไปหลายปี เพราะชาวนาภาคกลางไม่เคยทำนาดำ มีแต่นาหว่าน ข้าวฟางลอย อาศัยน้ำจากคลองชลประทานที่ขุดใหม่เป็นน้ำหลักในการปลูกข้าว IR-8 ลูกพ่อทุกคนต้องลงนาช่วยพ่อแม่ แม้ยามเปิดภาคเรียน ก็ต้องลงนาแต่เช้ามืดก่อนจะกลับบ้านไปอาบน้ำกินข้าวแล้วไปโรงเรียน (สายประจำ) แม่กับพี่สาวจะเป็นเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ บางทีก็ไปกินกันตามคันนา ….

คูน้ำข้างคลองส่งน้ำที่มีคันคูซึ่งต่อมาพัฒนาคันคูคลองส่งน้ำเป็นถนนนั้น เขาเรียกคูน้ำนั้นว่าบ่อยืม (แปลกนะขอยืมดินไปแล้วไม่คืนเลย อิอิ) คูน้ำ หรือบ่อยืมนี้แหละเป็นแหล่งเอาควายลงมาเล่นน้ำ กินน้ำ และเราเด็กๆก็แก้ผ้ากระโดดเล่นไปกับควายด้วย

หลายแห่งเจ้าของที่นาสงวนไม่ให้ควายลง กลับเอาไปปลูกต้น “กระจับ” เพื่อกินและขาย..


หลายคนไม่รู้จักกระจับ หลายคนไม่เคยเห็น หลายคนไม่เคยได้ยินว่ามีต้นไม้ชื่อแปลกๆเหมือนกระจับมวยด้วยหรือ เอ ต้นมันเป็นอย่างไร ใหญ่เท่าต้นมะนาว มะกรูดไหม…

กระจับเป็นพืชน้ำ ส่วนใหญ่อยู่ใต้น้ำโผล่ใบขึ้นมาอย่างต้นบัว มีผลหน้าตาเหมือนหัวควาย เพราะดูเหมือนเขาควาย เด็กๆชอบเอามาต้มกิน รสชาดออกมันๆเหมือนผล Chestnut ฝรั่งจึงเรียก water chestnut เด็กซนๆก็เอามาขวิดกัน สมมติว่าเป็นหัวควาย ใครเขาหักก่อนถือเป็นแพ้..

กลับไปวิเศษชัยชาญเข้าตลาดเห็นกระจับซึ่งไม่ได้เห็นมานานแล้ว ก็เอารูปมาฝาก เลยเถิดไปนึกถึงสมัยเก่าๆที่เราใช้ชีวิตเด็กๆที่นี่

แม่ค้าขนมหวานหลายแห่งซื้อกระจับมาแกะเอาเนื้อในมาเป็นส่วนผสม “ขนมรวมมิตร” ใส่น้ำแข็ง ใส่น้ำเชื่อม ใส่ลูกต๋าว ใส่ข้าวเหนียว เอาน้ำเชื่อมใส่หรือเอาน้ำหวานสีแดงสีเขียว เอาหางนมใส่ โอย..เด็กๆก็ร้องให้แม่ซื้อให้กิน สมัยโน้นก็แค่ถ้วยละ 25 สตางค์ เท่านั้น…

ว่าแล้วก็ไปเอาของหวานมากินซะหน่อย อิอิ


ไปกราบหลวงปู่โต..

13 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 ตุลาคม 2009 เวลา 20:11 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1776

เชื่อว่าทุกท่านที่ผ่านพื้นที่ก่อสร้างสถานธรรมหลวงปู่โต ติดถนนมิตรภาพ ที่ผ่านเขื่อนลำตะคองมาแล้ว(ขาขึ้น) ท่านคงมีโอกาสมองความใหญ่โต และโอฬาร บานตะไทของสถานที่ที่สวยงามนี้ บางท่านอาจจะเคยแวะไปชมมาแล้ว..

ถือโอกาสเดินทางกลับจากทอดกฐินที่วิเศษชัยชาญสู่ขอนแก่น เพื่อให้คนข้างกายเร่งทำงานต่อให้ทันการประชุมในวันจันทร์ แต่เธอร้องขอให้แวะที่สถานธรรมแห่งนี้ เพื่อสักการะรูปหลวงปู่โต




ใครๆก็ทราบว่าสถานธรรมแห่งนี้มีคุณสรพงษ์ ชาตรี หรือพี่เอกนักแสดงผู้มีชื่อเสียงเป็นผู้นำใหญ่ในการก่อสร้าง เมื่อเข้ามาแรกสุดก็ประทับใจการจัดภูมิทัศน์ และการตกแต่ง สวยงามมาก ความสะอาดนั้นผมเที่ยววัดมามาก ไม่เคยเห็นที่ไหนสะอาดมากเท่านี้ เรียกได้ว่าทุกกระเบียดนิ้วจริง สัมผัสแล้วก็ชื่นอกชื่นใจ มัดใจได้

อาคารแรกที่เราจะต้องผ่านไปกราบหลวงปู่โตนั้น จะเป็นอาคารที่มัคทายกสถานธรรมแห่งนี้อยู่ประจำ และมีคุณสรพงษ์ยืนประชาสัมพันธ์บอกกล่าวให้ญาติโยมทำบุญสร้างนั่นสร้างนี่ เขาทำด้วยตัวเอง แล้วก็อนุญาตให้ถ่ายรูปได้โดยไม่เสียเงิน แน่หละวันๆคงจะเข้าไปอยู่ในกล้องนับไม่ถ้วนแน่ ดูซิ แม่ชีมาจากสุพรรณยังขอถ่ายรูปด้วยเลย

อาคารหลังนี้เป็นสถานที่จำหน่ายดอกไม้ธูปเทียนก่อนขึ้นไปกราบหลวงปู่โต ที่อาคารถัดไป และสารพัดวัตถุธรรมที่มีจำหน่ายเพื่อหารายได้ เพื่อใช้ในการก่อสร้างที่ยังค้างอีกมากมายนัก


บังเอิญช่วงเวลาที่ไปนั้นบ่ายแล้วจึงได้ภาพนี้มา พูดถึงทางเดินจากอาคารหลังแรกไปกราบหลวงปู่โตนั้นต้องผ่านอ่างน้ำเล็กๆ เขาก็ออกแบบทางเดินได้สวยงามเป็น s shape แยกคนเดินทางไปและกลับ ไม่ปนกัน วัสดุที่ใช้…. คุณสรพงษ์ต้องหาเงินอีกกี่ร้อนล้านผมไม่ทราบ


ความมีศรัทธามากมาย ต่างก้มลงกราบ ท่องบ่นคำกราบไหว้หลวงปู่โต แล้วก็เดินขึ้นไปปิดทอง ตลอดเส้นทางเดินนั้นก็มีจุดทำบุญแบบต่างๆอีกหลายประการ ตามความสนใจและถูกโฉลกของญาติโยม

มีทั้งหนุ่มสาวและผู้เฒ่า ผู้สูงอายุ และเด็กๆ ที่พ่อแม่มักจะพามาด้วย นี่ก็เป็นการเรียนโดยไม่เรียนของลักษณะวัฒนธรรมไทยของเรา ที่เด็กๆเห็นผู้ใหญ่ทำอะไร พูดอะไร ก็จะจำและทำตาม ซึมซับโดยไม่ต้องเสียเวลาไปท่องและสอบเอาคะแนน..


ยังมีอาคารอีกหลังหนึ่งที่สร้างยังไม่เสร็จ บริเวณรอบๆปลูกทานตะวันเต็มหมดสวยงามมาก เห็นหลายคนลงไปถ่ายรูปกับเจ้าดอกไม้นี้ เราต้องเดินข้ามแอ่งน้ำไปด้วยทางเดินที่สวยงามและตลอดทางจะมีระฆังแขวนไว้ให้เดินเคาะไปตลอดจนถึงอาคารหลังนั้น

และทุกอาคารก็จะมีสถานที่ทำบุญในรูปแบบต่างๆ มีเจ้าหน้าที่คอยบริการโดยแต่งชุดขาว ทั้งหมดนั้นหน้าตาดี ดูน่าเชื่อถือ และเป็นผู้ปฏิบัติธรรม

หากค่อยๆเดินออกไประบบทางเดินจะพาเราไปสู่สถานที่พักผ่อน และการเติมพลัง เช่น ร้านขายกาแฟ ไอศกรีม น้ำดื่มประเภทต่างๆ ถัดไปจะเป็นโรงธรรมอาหาร ที่ทำ “ราดหน้า” บริการฟรีสำหรับทุกท่าน โอย..อร่อยครับ ลองชิม 1 ถ้วยบางคนบอกว่าอร่อยที่สุดในโลก มีน้ำดื่มเย็นๆฟรี ใครอยากเข้าห้องน้ำก็มีสถานที่ถัดไปจัดไว้เป็นสัดส่วน จำนวนมากมาย แยกชายหญิงชัดเจน ที่เด่นคือ สะอาดมาก


ผมชื่นชม ภูมิทัศน์ ความสะอาด ให้คะแนนเต็มเลย ขนาดญาติโยมมามากมายแต่รักษาได้ดีเยี่ยมขนาดนี้ ทีมงานทางสถานธรรมสุดยอดจริงๆครับ

คุณสรพงษ์จะต้องหาเงินอีกเท่าไหร่ ผมไม่ทราบ

ทำไมเขาถึงทำสิ่งนี้ นอกจากศรัทธาแล้ว มีอะไรอีก..

ทำไมต้องทำอะไรใหญ่โต มโหระทึก พิลึกกึกกือ เช่นนี้ …

แต่ศรัทธาก็หลั่งไหลมา ตลอด รถแน่นทุกวัน ตลอดวัน

หากมองในแง่บวก ผมต้องควักกระเป๋าบริจาคสมทบงานก่อสร้างสถานธรรมแห่งนี้ ที่คั่งค้างอีกมากมาย ผมเชื่อมั่นในตัวคุณสรพงษ์ ที่ลงทุนมายืนประชาสัมพันธ์เองทุกวัน และดูเหมือนเขามีแนวคิดการสร้างสถานธรรมในความหมายของการจัดการใหม่ การออกแบบที่ใช้ความรู้สถาปนิคยุคนี้แน่นอน แต่สร้างอาคารแต่ละหลังนั้นมหัศจรรย์ ยิ่งนักนั้น คงต้องใช้ความรู้จากโบราณแน่นอน…

มีโอกาสก็แวะเถอะครับ แค่ไปกราบหลวงปู่โตและนั่งในสถานที่สวยงาม สะอาดเช่นนี้ จิตใจเยือกเย็นลงเยอะทีเดียว ถือโอกาสพักรถไปด้วย แค่นี้ก็มหาศาลแล้วครับ


ฝากนกมาสื่อ..

135 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 17 ตุลาคม 2009 เวลา 21:48 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2338

 


โรตีสายไหม..

101 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 12 ตุลาคม 2009 เวลา 14:38 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2357

ก็แค่สุภาพสตรีขายโรตีสายไหม คนหนึ่ง ..??..


เห็นเขาเห็นเรา..

21 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 8 ตุลาคม 2009 เวลา 21:40 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 819

 

 

เมื่อเช้าเรามีนัดกับ อบต.พังแดง จะไปปรึกษาหารือเรื่องร่างข้อบัญญัติการบริหารงานสูบน้ำเพื่อการชลประทานที่เราโอนไปให้ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์และรอบคอบก่อนที่จะเอาร่างนี้ไปผ่านที่ประชุมสภาพิจารณาจึงต้องมานั่งคุยกัน

ที่ขอบประตูรถของเรามีเจ้าผีเสื้อยักษ์ตัวนี้มาเกาะนิ่ง น้องเราเอะอะใหญ่ว่า ผีเสื้อยักษ์ เราก็คว้ากล้องมาถ่ายเก็บจังหวะชีวิตของเขาไว้ แล้วเราก็เดินทางไปยังเป้าหมายและนั่งประชุมกันทั้งวัน

กลับออกมามานั่งดูรูป เจ้าผีเสื้อยักษ์ตัวนี้น้อยครั้งที่เราจะเห็น ความกว้างระหว่างขอบปีกซ้ายไปถึงขวาเกือบ ฟุตหนึ่ง แต่ชายขอบปีกขาดรุ่งหริ่ง เหมือนผีเสื้อแก่เฒ่าตัวหนึ่งที่อยู่ในช่วงร่วงโรย

นึกถึงตัวเราเอง..

เอ….เราก็ร่วงโรยลงทุกวัน หลายอย่างก็หลุดลุ่ยไปเหมือนกัน


เพื่อนใหม่ร่วมบ้าน…

125 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 ตุลาคม 2009 เวลา 11:05 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2362

สองวันมาแล้วที่เราได้รับแขกมาร่วมบ้านแบบไม่ได้เชิญ เขามาเอง มาจากไหน มาเมื่อไหร่ จะอยู่นานไหมก็ไม่บอกไม่กล่าว


กลางวันก็หายหัวไปไหนก็ไม่รู้

ตกกลางคืนก็มาจองส่วนบนสุดของก๊อกล้างถ้วยชามในห้องครัว นั่งตรงนั้น จะเปิดน้ำ จะหมุนหัวก๊อก ก็ไม่ไปไหน นั่งเอาตามองเราปริบๆ


พอเราไปใกล้ก็ทำตาโปนๆใส่เรา

วันๆไม่รู้หากินอย่างไร ตกกลางคืนก็มานอนตรงนี้ ถ่ายมูลลงอ่างล้างพอดี

ไม่รู้หนีงู หนีนกฮูก หรือหนีภัยอะไรมาหรือเปล่า

มีปากก็ไม่พูด อิอิ..

(เร่งงานเขียน proposal อยู่ครับ)


ภาพหายากเอามาฝากเฮียตึ๋ง และทุกคน

2016 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 ตุลาคม 2009 เวลา 11:01 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 23927

ที่ว่ายากเพราะหากใครรู้นิสัยเจ้าฮูกตาโตก็จะเข้าใจดีว่า เขาเป็นนกที่ไม่ชอบคน หากเห็นคนแต่ไกลก็จะบินหนีไป ก่อนที่เราจะไปถึง หรือใกล้ตัวเขาแล้ว การจะได้รูปเขามานั้นต้องอยู่ไกลๆและใช้กล้องส่องทางไกล หรือซูมเอา


แต่เจ้าฮูกตัวนี้ผมได้มาอย่างบังเอิญจริงๆ เย็นวันนั้นผมเลิกงานก็มานั่งชมธรรมชาติหลังบ้านชั้นสอง เพราะฝนตกแมกไม้ต่างๆขึ้นเต็มไปหมด จนบางอย่างก็รู้สึกว่ามากไปด้วย ผมนั่งเงียบๆ ลมพัดเย็นๆรู้สึกสบายและชอบ ผมเตรียมกล้องไว้ถ่ายธรรมชาติก็ไปเห็นผีเสื้อสวยงามที่ผมเอามาให้ดูแล้วนั้น


นั่งถ่ายรูปผีเสื้อเงียบๆ เจ้าฮูกตัวนี้ก็บินเข้ามาแบบไม่ได้ยินเสียงเลย แต่ประสาทตาเราสัมผัสได้ว่ามีสัตว์บางอย่างเข้ามา มองหาก็พบเขาเกาะกิ่งไม้สูงขึ้นไปและจ้องมองมาทางเรา ผมรีบยกกล้องถ่ายทันที เพียงไม่ถึงนาทีเขาก็บินหนีไป(ตรวจสอบได้ที่รายละเอียดเวลาที่รูปโดยใช้ acd) เร็วจริงๆ ผมกดชัตเตอร์ไปสามครั้ง ครั้งที่สามได้แต่กิ่งไม้ ตัวเขาไปแล้ว


หากมีนกฮูกก็ไม่มีหนู งู ผมนึกถึงบนฝ้าเพดานห้องนอนแต่ก่อนมีหนูมาอาศัยวิ่งกันเป็นสนามเลย หลายปีมานี่ไม่มีหนูมาวิ่งให้ได้ยินอีกแล้ว

เป็นภาพชุดเดียวกันกับผีเสื้อแหละครับ ถ่ายในเวลาช่วงเดียวกันครับ

 

ผมเอาภาพผีเสื้อไปแซวเฮียตึ๋ง อย่างเกินความพอดีไป ต้องกราบขออภัยมาอีกครั้งครับ นะเฮียนะ..


ลีลาชีวิตของผีเสื้อสวย

42 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 ตุลาคม 2009 เวลา 23:41 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1987

ลีลาชีวิตของผีเสื้อสวย



ฝากพิเศษแก่เฮียตึ๋ง ครับ..อิอิ


เจ้าเป็นไผผลิบาน

917 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 27 กันยายน 2009 เวลา 1:48 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 12430

หนึ่ง……..


สอง……


สาม……


 

มาป่าวประกาศว่าหลานรักเข้ามาเปิดลานแล้ว เพราะเจ้าเป็นไผ 1 ออกฤทธิ์ ผมส่งไปที่บ้านหลายเล่ม บอกให้แม่พลอยเขาช่วยส่งต่อให้พี่น้องตามรายชื่อที่ระบุไปด้วย

หลายสัปดาห์ก่อนไปบ้านวิเศษชัยชาญเพราะคุณแม่ของเพื่อนสนิทเสียชีวิตต้องไปร่วมงาน เลยคุยกันเรื่องเจ้าเป็นไผ ทราบจากน้องสาว(คุณแม่ของน้องพลอย) ว่าเอาเจ้าเป็นไผให้น้องพลอยไป ซึ่งน้องพลอยเรียนปี 1 อยู่ที่มหาวิทยาลัยบูรพา เอกภูมิศาสตร์(หากจำไม่ผิดนะ) เห็นว่าชอบขีดเขียน แต่ไม่ทราบว่าเขียน blog มาก่อนที่อื่น

แม่ที่บ้านก็อ่านเจ้าเป็นไผ ค่อยๆอ่านมาสามรอบแล้วว่างั้น..

เขียนมานี้ก็มาบอกลุงป้าน้าอาว่าหลานรักเข้ามาลานครับ ไม่ได้เป็นป๋าดันแบบน้องขจิตหรอก อยากให้กำลังใจเธอน่ะครับ..


สีสันของเส้นแสง

251 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 26 กันยายน 2009 เวลา 13:00 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3674

ไม่ได้เรียนศิลปะ เพียงชอบดูงานศิลปกรรม ชอบถ่ายรูป และชอบสีของธรรมชาติ ให้บังเอิญที่ต้องนั่งรถจากกรุงเทพฯกลับขอนแก่นยามกลางคืน นอนก็แล้ว ฟังเพลงก็แล้ว คุยกันจนไม่มีเรื่องจะคุยแล้ว…ทำไงล่ะ


เลยเอากล้องถ่ายรูปมาเล่น ถ่ายตูดรถยามค่ำคืน ไม่ได้เรื่อง… เราก็พอรู้ว่ามันจะไปได้เรื่องอะไรก็ระบบแสงมันไม่พอ เล่นไปเล่นมาก็ลองปรับรูรับแสง ปรับชัดเตอร์สปีด เปลี่ยนมุมถ่าย แล้วลองดูรูป

เอ๊ะ ชักเข้าท่า..ได้เส้นสีแปลกตา มันไม่เป็นรูปร่างของวัตถุที่ถ่าย แต่เป็นเส้นๆของสีท้ายรถ ที่เขาเหยียบไฟแดงบ้าง ไฟกระพริบเหลืองบ้าง ยิ่งไปพบรถทัวร์ที่แต่งไฟฟ้ายรถแพรวพราวยิ่งสนุกใหญ่


มันแปลกตาดีน่ะครับ ไม่มีอะไรวิเศษเลิศสะแมนแตนหร๊อกครับ ก็แค่ตื่นเต้นกับฝีมือตัวเอง

ก็แค่ดูแล้วชอบ พอใจ แล้วก็จินตนาการไปต่างๆนานา


แม้พื้นที่ส่วนใหญ่จะดำมิดมืดตึดตื๋อ แต่เจ้าเส้นสีฟ้าโผล่ยึกยืออกมานั่น หัวใจผมก็กรี๊ด ไปหลายรอบ


เส้นแสงแบบนี้ก็ตูดรถแน่นอน พนักงานขับรถตู้ที่คุ้นเคยกันก็ งง งง ว่าพี่ถ่ายอะไร อิอิ ผมก็ว่าก็ถ่ายตูดรถ น่ะซี.. ผมเอาเฟรมกล้องให้ดูรูป เขาก็ส่ายหัวนิดหนึ่ง แล้วยิ้มๆ เขาคงนึกในใจว่า อาจารย์บู๊ดนี่นอนก็ไม่นอน มาบ้าถ่ายตูดรถ อิอิ


รูปนี้ถ่ายที่ขอนแก่น ไปส่งคนข้างกายเดินทางไปปัตตานี ให้ลูกสาวขับรถ ผมก็นั่งถือกล้องถ่ายเส้นแสง ได้รูปนี้มา


ถ่ายไปมาก็ได้หัวใจดวงนี้ อย่างบังเอิญ


เงาดำมืดนี้คือพ่ออุ้มลูก ที่รอญาติมิตรที่จะเดินทางกลับมาจากการไปขายแรงงานต่างชาติ หอบพี่น้องมากับเต็มคันรถ หน้าตาบ่งบอกถึงความยินดีที่จะพบกับคนที่รอคอย..


มันอาจจะมีกฎเกณฑ์ทางคณิตศาสตร์ แต่ไม่มีความรู้อะไรเลย แค่เห็นความแปลกสวย ที่เสพได้เท่านั้น


แสงที่สะท้อนน้ำฝนบนพื้นซีเมนต์ก็แปลกตาดี

ไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศมาน่ะครับ เลยเอารูปมาฝากกัน


งานใหญ่เข้า

127 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 16 กันยายน 2009 เวลา 19:30 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3620


เก็บตก ค่ายฮูปแต้ม..

211 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 กันยายน 2009 เวลา 0:21 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4110

 

ถอดเกิบซะดีดี


ฮูปที่ไม่ได้แต้ม ไม่ได้อยู่แคมของ

119 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 กันยายน 2009 เวลา 12:21 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2829

แก้ง่วงตอนกลางวัน เอ้า…

ไม่ใช่ “ฮูปแต้มแคมของ” ที่ออตไปจัดค่ายเด็กเพิ่งเสร็จสิ้นไปนะครับ

แต่เป็น…อุบอิบ..


มุกดาหาร

176 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 7 กันยายน 2009 เวลา 14:04 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2858


บทสนทนาของชีวิต

2691 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 กันยายน 2009 เวลา 20:19 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 40659

มันเป็นอาคารง่ายๆ ธรรมดา หากเข้าไปนั่งเหมือนอยู่บ้านมากกว่า แต่เนื่องจากคุณผู้ชายเจ้าของเป็นสถาปนิก จบมาจากเมืองนอกเมืองนา ได้ใช้ความรู้ทางการออกแบบมาตกแต่งเสียอาคารธรรมดาเป็นร้านอาหารที่น่านั่งยิ่งนัก


เจ้าของคุณผู้หญิงชื่อเล่น แดง รหัส 13 รัฐศาสตร์ ลูกช้างติดธุระที่กรุงเทพฯจึงปล่อยให้คุณผู้ชายฉายเดี่ยวฝีมืออาหาร ใช้ได้ทีเดียว แต่เห็นเพื่อนร่วมโต๊ะบอกว่าปลาแดดเดียวเค็มไปนิด อิอิ..


ผมนั้นชื่นชอบ “ม่านบาหลี” ยิ่งนัก จอดรถปุ๋บ ก็เห็นรากยาวเฟื้อยของม่านบาหลีระย้าชานห้องอาหาร สวยถูกใจ จนเอาความคิดนี้ไปทำที่บ้านบ้าง

ยามมืดครึ้ม เปิดไฟในตัวอาคาร เรามายืนด้านนอกมองเข้าไป มันสวย อาคารโปร่งที่เอากระจกเป็นองค์ประกอบใหญ่ ยิ่งทำให้อาคารธรรมดาสง่า เขียวไปด้วยพุ่มไม้ ภายในตกแต่งด้วยรูปโบราณต่างๆขนาดเล็กๆ เล่นแสงไฟนิดหน่อย สร้างบรรยากาศน่านั่งคุยกัน


เรานัดกันทุกวันพุธแรกของเดือน ง่ายๆ ใครว่างก็มากินข้าวคุยกัน update ข้อมูลเพื่อนฝูงลูกช้างในมุกดาหารกัน และแน่นอนสารพัดเรื่องก็ตามมา ไม่วายเว้น การเมือง สุขภาพ ธุรกิจ ดินฟ้าอากาศ ฯลฯ มันเป็นสุนทรียสนทนาแบบหนึ่งนะ

ชายใส่แว่นนั่งข้างอาม่านั้นเป็นสูตินารีแพทย์ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในมุกดาหาร ดูเหมือนรหัส 34 เป็นคนบ้านเดียวกับน้องขจิตแต่ภรรยาเป็นชาวเจียงฮาย(หากจำไม่ผิด) มาอยู่มุกดาหารจนกลายเป็นชาวมุกดาหารไปแล้ว น้องหมอเป็นคนน่ารัก เรียบง่าย ไม่ไว้ตัว เฉยๆ ยิ้มแย้ม ไม่ค่อยพูด แต่ถ้าพูดแล้ว ไหลไม่หยุดเหมือนกัน

ตอนแรกจะไปนั่งที่อื่น ถูกจับให้นั่งคู่อาม่าก็นั่งยิ้ม ฟังอาม่าคุยเพลินไปเลย พอมาไถ่ถามเรื่องหวัด 2009 เท่านั้นแหละ ความรู้ ประสบการณ์และความคิดเห็นขั้นวิกฤตก็ถูกเล่าออกมาอย่างน้ำไหล…. ทั้งวงเงียบฟังน้องหมอเล่าอย่างน่าตกใจ และสนใจยิ่ง


ผมว่าการดูแลรักษาผู้ป่วยหวัด 2009 ของเราผิดพลาดครับ..????? น้องหมอเขย่าวงอาหารเหมือนสะกดจิต

ผมบันทึกการรักษาผู้ป่วยเกี่ยวกับปอดมาหลายปี พบว่าผู้ป่วยเกี่ยวกับปอดที่เรียกว่า ปอดล้มเหลวนั้นมักเสียชีวิตสูงมากๆ และปอดล้มเหลวก็มักเกิดจากน้ำท่วมปอด น้ำที่ท่วมปอดก็มาจากการเติมน้ำเกลือของแพทย์..????!!!!!???

การรักษาผู้ป่วยสากล พื้นฐานเกี่ยวกับหลายโรคนั้น คือ การเติมน้ำเกลือ พร้อมๆกับการเยียวยาต่างๆ แต่จากการเฝ้าระวังของน้องหมอพบข้อสังเกตดังกล่าว จนมาเผชิญคนไข้หวัด 2009 หนัก ขนาดปอดขาวไปหมด และอายุก็มาก 70 กว่าปี น้องหมอใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนเฝ้ารักษาดูแลคุณยายท่านนี้ด้วยการงดให้น้ำเกลือ แต่ใช้ยารักษาเท่านั้น จนถึง ตี 5 หมดหนทางแล้วจึงหยุดการรักษา

หลังจากนั้น พบว่าคนไข้อาการดีขึ้น ดีขึ้น..อย่างแปลก

จากประสบการอื่นๆ และกรณีศึกษาคุณยายท่านนี้และอีกหลายคน น้องหมอเอาข้อสังเกตนี้รายงานให้อาจารย์แพทย์ทราบตามระบบ….แต่อนิจจา..ไม่มีคำตอบแถมถูกเตือนว่าน้องหมอกำลังทำการรักษาผิดไปจากคำแนะนำทางการแพทย์ที่ เมื่อรับคนไข้ที่เป็นหวัด 2009 ฉบับล่าสุดว่าต้องให้น้ำเกลือก่อนแล้วทำการรักษาด้วยยาตามขั้นตอน หากทำเช่นนี้น้องหมออาจผิดกฎหมาย…


อาม่าสนใจกรณีศึกษานี้ยิ่งนักจึงขอข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อดูลู่ทางในการปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่ได้อย่างไร..

ผมถามน้องหมอขึ้นว่า..หากผมเกิดเป็นหวัด 2009 แล้วเข้าโรงพยาบาล แล้วคุณหมอก็เอาน้ำเกลือมาให้ผม จะปฏิเสธได้ไหม…

น้องหมอบอกว่านั่นคือหนทางที่ดีที่สุด เพราะการไม่ใส่น้ำเกลือควรจะมาจากการปฏิเสธของคนไข้ เพราะหากหมอเป็นผู้สั่งเองจะผิด…

น้องหมอยืนยันข้อเท็จจริงนี้ และบอกว่าทุกรายที่เป็นหวัด 2009 มาเราใช้วิธีนี้และไม่มีปัญหา อาการดีขึ้นและหายจากหวัด กลับบ้านไปหมด

แต่ก็เตือนพี่น้องว่าบ้านเราจะเข้าสู่ฤดูหนาว หวัด 2009 จะมาระบาดรุนแรงอีก และหากยังใช้วิธีให้น้ำเกลือ จะมีคนไข้เสียชีวิตอีกหลายคน..น้องหมอเป็นห่วง ฝากบอกต่อๆไปด้วยว่า หากท่านผู้ใดสนใจข้อมูลให้ติดต่ออาม่า และหากรับฟังก็กรุณาบอกต่อๆญาติพี่น้องด้วย

รายละเอียดเชิงวิชาการอาม่าคงอธิบายได้ดีครับ


สักการสถานที่มุกดาหาร

1771 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 31 สิงหาคม 2009 เวลา 21:52 ในหมวดหมู่ ทุนสังคม, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 25902

มีคนจำนวนไม่มากนักที่จะรู้จักสักการสถานที่จังหวัดมุกดาหาร ความจริงสถานที่แห่งนี้คือประวัติศาสตร์อันหนึ่งของประเทศไทย ของอีสาน ของศาสนา และปรากฏการณ์การเผยแพร่ศาสนาในยุคแรกๆของเมืองไทย

หากท่านเป็นคาทอลิค ท่านคงทราบสถานที่นี้ดี แต่หากท่านนับถือศาสนาพุทธ ท่านอาจจะไม่เคยได้ยินสถานที่แห่งนี้เลยก็ได้ เพราะ ไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ แม้สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเองก็ตาม ทั้งนี้มีเหตุผลที่สำคัญหลายประการ ไม่ขอกล่าวถึง



ที่ยกมากล่าวเพราะ ออต กำลังจะไปทำค่ายในพื้นที่ใกล้ๆแห่งนี้ ก็เลยถือโอกาสแนะนำให้รู้จักซะเลย

สักการสถานเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ชนชาวคาทอลิก พี่น้องชาวคาทอลิกกล่าวว่าในชีวิตสักครั้งจะต้องมากราบสักการสถานที่แห่งนี้ หากจะไม่กล่าวถึงความเป็นมา แค่ตัวอาคารก็พิเศษสุดที่มีแห่งเดียวในประเทศไทย


การออกแบบอาคารแห่งนี้ได้รับรางวัลดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกแห่งประเทศไทย สวยงามมาก มาเห็นแล้วนึกเลยไปถึงยุคกรีก โรมันโน้น


กำแพงโค้งด้านซ้ายมือ กำแพงโค้งด้านขวามือ


แค่กำแพงโค้งก็มโหฬารตระการตา มหาทึ่ง เมื่อเดินเข้าไปดูตัวอาคารภายในกำแพงก็ยิ่งตะลึงครับ


ตัวอาคารที่ใช้ประโยชน์นั้นเป็นคล้ายๆกล่อง มีพื้นที่โล่ง สำหรับใช้เทศนาของนักบวชเมื่อถึงวันสำคัญทางศาสนาคริสต์ ภายนอก เป็นที่โล่งหน้าเขียวขจี เย็นตา เย็นใจ สงบ



กระต๊อบสองหลังที่เห็นคือประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้ ที่เก็บรักษาไว้ให้เป็นการระลึกถึงความหวาดระแวง ความไม่รู้ จนเป็นที่มาของสักการสถาน


หากท่านมีโอกาสมามุกดาหาร สถานที่แห่งนี้น่ามาเยือนสักครั้งครับ


ค่ายเด็กของ ออต..

475 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 31 สิงหาคม 2009 เวลา 15:35 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม, ทุนสังคม, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 10056

วันที่ 1-3 ก.ย. นี้จะมีการจัดค่ายเด็กที่ อ.หว้านใหญ่ ริมโขง จ.มุกดาหาร โดย ออต ของเราเป็นโต้โผใหญ่จัดงานเด็ก แต่ไม่เล็กครั้งนี้ ผมสารภาพว่าเป็นคนทื่อๆ ไม่ค่อยมีศิลปะเท่าไหร่ แม้จะชอบ แต่ก็เข้าหูซ้ายออกหูขวาประเภทนั้น เมื่อมาคบกับออต ก็ค่อยๆซึมซับ วิธีคิด วิธีมอง เมื่อผมไปร่วมการสัมมนาที่ RDI จัดเพิ่งจะเสร็จสิ้นไปนั้นก็ได้สาระเกี่ยวกับเรื่องราวเอาศิลปะเป็นสื่อการเรียนรู้ จนผมปิ๊งแว๊บมาว่า เจ้าพิพิธภัณฑ์ที่ผมรู้จักชื่อมานานนั้นมันมีประโยชน์ไม่ใช่เพียงแค่เป็นที่สะสมของเก่า แล้วเดินเข้าไปชื่นชมเท่านั้น แต่นักพิพิธภัณฑ์ยังสามารถเอาของเก่าเป็นสื่อลากไปถึงอดีต และเรียนรู้เรื่องราวของบรรพชนได้อย่างดี


ผมชอบมาก ถึงมากที่สุดเพราะว่า ผมเองก็เคยทำ Dialogue โดยใช้โบสถ์เก่าเป็นสื่อในการพาผู้คนในชุมชนย้อนรำลึกอดีตอย่างมีคุณค่าและได้สำนึกของท้องถิ่นคืนมา

มุกดาหารมีของเก่าที่ทรงคุณค่าหลายแห่ง และ ออตมาค้นพบจึงจะสร้างห้องเรียนขึ้นแล้วระดมทรัพยากรผู้รู้มาช่วยกันย้อนรำลึกอดีตให้แก่ เด็กๆมุกดาหารได้ตระหนักคุณค่าของพัฒนาการของคนในท้องถิ่น


มันเหมือนนั่ง Time Machine ย้อนไปท่องเที่ยวท้องถิ่นแถบนี้ โดยมีเด็กๆเป็นเป้าหมายที่จะให้ประสบการณ์ใหม่ๆจากของเก่าๆ โดยทีมงานของ ออต

ยิ่งผมทราบมาว่า อดีต ออต คือนักปลุกจิตสำนึกให้แก่ชาวบ้านทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ โดยหน่วยงานนี้เห็นฝีมือฉกาจของ ออต เลยยกแผนงานนี้ให้ทั้งหมด…?? ยิ่งทำให้ออต มีชั่วโมงบินที่ไปเทียบเซียนได้เลย

วันที่ 1-3 นี้ เราได้วิทยากรเอกอย่าง อาม่า มาเขย่าแม่น้ำโขงให้เกิดละลอกคลื่นแห่งความรู้ ความสุขอีกด้วยละก็ น่าจะเป็นการพัฒนาทีมงานของ ออต ก้าวไปอีกหลายขุมทีเดียว

ท่านที่สนใจ หนุ่มน้อย ต่อยหนักคนนี้ เตรียมตารางแผนงานไว้เถอะ..


แมลงมุม-สาบ

196 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 สิงหาคม 2009 เวลา 0:50 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 5608

เช้าวันนั้น จะเข้าไปในห้องเก็บของ เห็นแมลงมุมกำลังกินแมลงสาบอยู่ เลยวิ่งไปเอากล้องมาเก็บภาพไว้ เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แมลงมุมตัวใหญ่ๆในบ้านมีหลายตัว เราคอยไล่มันเพราะหลายคนกลัว มาเห็นวิถีชีวิตมันเช่นนี้ ก็อือ…เป็นการจัดการโดยธรรมชาติ


อย่าป๊ะกัน

391 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 27 สิงหาคม 2009 เวลา 0:07 ในหมวดหมู่ เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 4977

หลังการประชุมสรุปบทเรียนเรื่องการปลูกพืชเศรษฐกิจในพื้นที่งานสูบน้ำเพื่อการชลประทานแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันไป บ้านใครบ้านมัน เจ้าหน้าที่ชวนกลุ่มอาวุโสของกลุ่มผู้ใช้น้ำ มากินก๊วยเตี๋ยวร้านริมถนน

เราถือโอกาสคุยกันต่อเรื่องทำมาหากินวันนี้ของชาวบ้าน

บางทราย: พ่อเมย พ่อดอกไม้ พ่อทองคำ ปีที่ผ่านมา งานปลูกพืชของพ่อเมยกับพ่อดอกไม้ไม่เป็นไปตามแผน เป็นเพราะพวกเราไม่คุ้นเคยกับการปลูกพืชที่ต้องมีการดูแลใกล้ชิด ซับซ้อน…

แล้ววงสนทนาก็โขมงพร้อมๆกับการกินก๊วยเตี๋ยว เมื่อกินเสร็จก็นั่งผึ่งพุงพร้อมกับคุยกันต่อ


พ่อทองคำ: ประชุมกันทีไรเห็นอาจารย์พวกเรา “ก็ดีใจ” แล้ว ขออย่างเดียวนะอาจารย์ “อย่าป๊ะกันเด้อ” (อย่าทิ้ง หรือหนีกัน ป๊ะในความหมายที่เป็นภาษาอีสาน)

บางทราย: ??????!!!!!!! มันเป็นความรู้สึกที่ปนๆกัน ชาวบ้านต้องการเรา พี่น้องรู้ตัวว่าต้องการเราเป็นพี่เลี้ยง แนะนำ บอกกล่าว… ชาวบ้านติดกับบุคคล เป็นจุดอ่อนของการพยายามสร้างการพัฒนาแบบยั่งยืน แต่ที่มั่นใจคือชาวบ้านมีความสัมพันธ์ในระดับสูงกับเรา เกิดความผูกพันกัน ก็เป็นปกติของมนุษย์ที่รู้สึกดีดีต่อกัน..

เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นที่ดงหลวงนี้ เกิดขึ้นเกือบทุกแห่งที่เราผ่านงานสนามมา ไม่ว่าที่สะเมิง เชียงใหม่ ชายแดนไทยสุรินทร์ ที่ชายกลุ่มป่าห้วยขาแข้ง นครสวรรค์

หากผมกลับไปที่สะเมิงวันนี้ ผมเชื่อว่าพี่น้องที่นั่นจะชวนผมกินข้าว นอนค้างที่บ้าน เอาส้มสูกลูกไม้มาให้แน่นอน เพราะช่วง 5 ปีที่นั่น แม้ว่าจะนานมากกว่า 30 ปีแต่เหมือนเพิ่งผ่านไป ความรู้สึกที่มีต่อกันนั้นยังเหมือนเดิม

ผมเองก็เชื่อว่า ในเฮฮาศาสตร์ของเรานั้น จะมีลิ้นกระทบฟัน ฟันเผลอไปกัดลิ้นบ้างก็เป็นเรื่องวิสัยมนุษย์ที่เกิดขึ้นได้ หากเราคิดยาวๆ ไกลๆ และยืนบนฐานของความรัก ความตั้งใจดีต่อกัน สิ่งที่ขัดข้องหมองใจที่มีบ้างนั้น ก็เป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ให้อภัยแก่กัน และก้าวข้ามฝุ่นละอองทางอารมณ์นั้นเถอะครับ

โถ…คนดีดีอย่างสมาชิกเฮฮาศาสตร์ หากจะรักกันแล้ว ความรักเป็นใหญ่กว่าเรื่องอื่นๆ ผมเชื่อเช่นนั้นครับ เราให้อภัยกันได้ครับ หากมีขยะทางใจ ผมอยากจะขอรับสิ่งเหล่านั้นไว้ ช่วยส่งมอบให้ผมด้วยเถอะ ผมจะเอาไปทิ้งแม่น้ำโขงครับ..

และสำนึกผมบอกว่า เพื่อนเฮที่รักทุกท่าน “อย่าป๊ะกันเด้อครับ”



Main: 0.082402944564819 sec
Sidebar: 0.049039840698242 sec