เรื่องเล่าจากแฟร์เวย์ 1

989 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 พฤษภาคม 2010 เวลา 21:08 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 10271

(ฟ้าขอนแก่นเมื่อเวลา 18:51 น. ถ่ายจากหน้าต่างบ้าน)

วันนี้ไปออกกำลังกายซะหน่อย ผมตีกอล์ฟครับปกติชอบ และจะออกรอบสัปดาห์ละครั้ง แต่มาช่วงหลังห่างเหินไปนานทีเดียว

คนมาตีกอล์ฟกันค่อนข้างมาก หน้าเก่าประจำมาเมื่อไหร่ก็เห็นทุกครั้ง จนเขาตั้งฉายาเจ้าของสนามก็มี

ผมไม่มีก๊วน ชอบไปแทรกก๊วนโน้น นี้ ดีไปอย่างรู้จักคนเยอะ และเรียนรู้นิสัยคน สิ่งหนึ่งที่ผมชอบคือการคุยกับแคดดี้ ก็คนที่มาลากถุงกอล์ฟให้เรานั่นแหละ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงที่มาหารายได้ บางคนก็เป็นอาชีพเสริม และบางคนก็เป็นอาชีพจริงๆไปเลย

วันนี้ผมได้แคดดี้ผู้ชาย คุยกันก็ทราบว่า เขาและภรรยามายึดแคดดี้เป็นอาชีพ หลังจากที่ล้มเหลวการเปิดร้านทำขนมปัง และขนมต่างๆประเภทคุกกี้ ขายไม่ดี คู่แข่งเยอะ ขาดทุนสะสมมาสองปี ทนต่อไปไม่ไหวต้องเลิก ไม่รู้จะไปทำอะไรก็มายึดอาชีพแคดดี้ ส่งลูกเรียนหนังสือจนอยู่ปีที่ 4 มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะบริหารธุรกิจ

นี่เปิดเทอมต้องหาเงินค่าเทอม 5,000 บาท ค่าห้องพัก 8,000 บาทตลอดทั้งเทอม แคดดี้เบอร์ 205 บอกผมว่า ไปเป็นสมาชิกแชร์ในหมู่บ้าน ขาดเหลืออะไรก็พึ่งพาวงแชร์นี่แหละ วันนี้ผมรีบมาทำงานตั้งแต่เช้ามืด กะว่าอยากได้สองรอบเพื่อสะสมเงินให้ลูก

205 เล่าให้ฟังว่า เคยไปขอกู้เงินจากรัฐบาลเพื่อเป็นค่าเรียนหนังสือ แต่ไม่ผ่านการพิจารณา ผมไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร เราสองคนผัวเมียจึงมาก้มหน้าเป็นแคดดี้สะสมเงินให้ลูกนี่แหละ

ลูกสาวเรียนใช้ได้ไม่เด่นแต่ก็เอาตัวรอดได้ตลอด, เหลืออีกปีเดียวก็จบแล้ว, มีลูกคนเดียว, จบเมื่อไหร่ก็เบาแล้วหละ, ผมหนักใจอย่างหนึ่ง แคดดี้บ่นกับผม ผมถามว่าอะไรเล่า ก็ลูกสาวผมมีนายตำรวจยศร้อยตำรวจเอกมาติดพัน เป็นคนสุพรรณบุรี เขาจะมาพูดเจรจาขอลูกสาวผมน่ะซี… ผมบอกไปว่า ยังก่อน รอให้ลูกเรียนจบก่อนค่อยว่ากัน

นายตำรวจคนนี้เป็นคนดีอยู่ เขามีแม่ที่ไม่สบายนอนอยู่โรงพยาบาลเพราะเส้นเลือดในสมองแตก แต่ไม่ถึงกับพิการ แม่เขาบอกลูกชายที่เป็นนายตำรวจว่า แม่ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่จะไปขอลูกสาวคนนี้ให้ แม่อยากมีลูกสะใภ้ อยากมีหลาน เพราะแม่คงมีชีวิตได้ไม่นาน…

205 บ่นว่า ผมยังไม่อยากพูดเรื่องนี้เลย อยากให้ลูกสาวจบก่อน อีกปีเดียวเท่านั้น แต่แม่เขาก็เร่งเร้า เพราะสุขภาพ นายตำรวจก็อยากเอาใจแม่เขา….

205 บอกผมว่าช่วงแดงอาละวาดนั้นนายตำรวจคนนี้ถูกราชการสั่งให้เข้าร่วมม็อบในสภาพนอกเครื่องแบบเพื่อหาข่าวสารส่งให้ราชการ และ….เล่าต่อไม่ได้ครับ

ช่วงหนึ่งเขาเล่าว่า ผมไม่ชอบทั้งแดงทั้งสีไหนๆ สังคมไม่สงบเลย อย่างนักการเมืองคนหนึ่ง มาเล่นกอล์ฟ ครั้งหนึ่งเขาเป็นแคดดี้บริการให้ พบว่า พกปืนมาด้วย บอกว่าต้องพกประจำเพราะไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น… และแน่นอนทั้งก๊วนนั้นล้วนเป็นนักการเมือง เป็นหัวคะแนนและทำหน้าที่การ์ดให้เขาตลอด…

เงินค่าแคดดี้ที่ผมจ่ายให้ชายคนที่มีเบอร์ 205 นั้น เขายกมือไหว้ผม ผมขอบคุณที่เขามาบริการผมและแบ่งปันชีวิตให้ผมฟัง ความคิดผมหยั่งไปถึงลูกสาวของเขา นายตำรวจคนนั้น คุณแม่นายตำรวจ ครอบครัวแคดดี้คนนี้ที่ตั้งหน้าขายบริการคนตีกอล์ฟเพื่อสะสมเงินเป็นค่าเล่าเรียนของลูก…
ผมขอให้เขามีสติในการตัดสินใจเรื่องลูกสาว และชื่นชมที่เขาต่อสู้ชีวิตด้วยอาชีพสุจริต… คนระดับล่างจนๆนั้นมีทางเลือกน้อย หากสังคมไม่ช่วยกันประคับประคอง และสร้างหลักประกันให้เขา


ไมตรี..

1436 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 27 พฤษภาคม 2010 เวลา 12:36 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 27854

 

 

เป็นเพียงดอกไม้ริมรั้วที่ไม่มีราคาค่างวดอะไร

เป็นเพียงสัญลักษณ์ของไมตรีที่อยากส่งมอบแก่กัน

เราไม่แบ่งสีสันไม่แบ่งชั้นวรรณะ

เราเป็นคนไทยด้วยกัน เป็นพี่น้องกัน เพียงเราต่างความคิดกันเท่านั้น

ท่ามกลางความแตกต่าง เราก็มีไมตรีต่อกันได้

ส่งมอบต่อกันเถอะ…วิญญาณบรรพบุรุษของเราคงเรียกร้องเช่นนั้น

 

ดอกไม้ช่อนี้คือตัวแทน น้ำใจไมตรี จากคนไทยคนหนึ่ง

ที่อยากส่งมอบให้พี่น้องเราทุกคน

 

(ความรู้สึกสะเทือนใจเมื่อรับฟังพระไพศาล วิสาโล ในรายการฅนค้นฅนที่คอนแนะนำ)


 


ไปชนบทกันเถอะครับ..

1511 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 25 พฤษภาคม 2010 เวลา 22:32 ในหมวดหมู่ งานพัฒนาสังคม #
อ่าน: 20090

ไม่ได้เสียภาษีที่ดินมาสามปี อิอิ วันนี้เลยถูกปรับ แต่ทั้งหมดก็ไม่กี่ร้อยบาท เพราะภาษีโรงเรือนแบบนี้ไม่แพง


เสร็จแล้วเลยฉลอง ตามแบบคนบางคน คือไปซื้อไอติมมานั่งกินในรถดับร้อน นั่งดูชีวิตคนที่ผ่านไปมา แต่แล้วก็เห็น คนสูงอายุเดินกะเพรก อยู่ข้างหน้า เดินช้า ช้า มีกะบะห้อยคอ เดาก็รู้ว่านั่นคือ คนขายสลากกินแบ่งรัฐบาล…

เมื่อเดินมาถึงรถ ลุงก็ยิ้ม ฟันดำเชียว เดาใจว่าคงถามเรา …ซื้อสลากไหมครับ…. เลยถามลุงไปว่า มาจากไหนล่ะครับ เพราะร้อยทั้งร้อยจะมาจากวังสะพุง จังหวัดเลย แต่ผิดครับ ลุงบอกว่าอยู่ อ.กระนวน ขอนแก่นนี่แหละ เป็นคนพระประแดง ได้เมียที่นี่ ก็มาอยู่ที่นี่


ไม่แข็งแรง ทำงานอย่างอื่นไม่ได้ ยากจน มาเดินขายสลากพอได้กินได้ใช้..ฯลฯ..

ลุงเสียเวลากับผมพอสมควร เดาก็คงรู้นะครับว่าสภาพชีวิตเป็นเช่นไรสำหรับคนวัยสูงอายุ สุขภาพไม่ดี แต่ต้องมาเดินข้างถนนที่ร้อนระอุขายสลาก แทนที่จะอยู่บ้าน ลูกหลานเลี้ยงดู หรือสังคมรัฐสวัสดิการดูแล….
แล้วลุงก็ขอตัวเดินข้ามถนน

ผมคิดเรื่อยเปื่อยไปถึงเสื้อแดง ว่า บุคคลอย่างลุงนี่แหละคือเป้าหมายที่จะมาปลุกระดมเพื่อเอามาเป็นมวลชน แล้วชี้หน้าด่าอำมาตย์ ระบุความแตกต่างทางชนชั้น …… แล้วสัญญากันว่าเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสังคม ลุงจะไม่ต้องมาลำบากอย่างนี้ รัฐจะจัดการสวัสดิการให้ทุกอย่าง ดังนั้นลุงต้องมาช่วยกันนะ…..

ประเด็นทางสังคมนั้นมากมายนัก ผมเชื่อว่าพลเมืองประเทศนี้ที่อยู่ในสภาพเช่นลุงคนนี้มีมากมายและยากลำบากไม่น้อยไปกว่าคนที่ทีร้านถูกไฟไหม้ที่ราชประสงค์ แต่รัฐเอื้อมมือไปไม่ถึง ซึ่งหลายคนเรียกคนกลุ่มนี้ว่าประชาชนชายขอบ

ประเด็นของผมก็คือ กลุ่มคนเหล่านี้คือเป้าหมายของการปลุกระดม ยิ่งรัฐเอื้อมมือไม่ถึง ยิ่งง่ายที่สุดที่คนกลุ่มหนึ่งจะเอื้อมมือไปเอาอกเอาใจแล้วชวนมาเป็นพวก เหมือนกับ ผกค.ทำมาแล้ว และได้ผลจริงๆ

ประเด็นของผมก็คือ เมื่อแก้ปัญหาที่ราชประสงค์ สยาม บ่อนไก่ ฯลฯ แล้ว

รีบลงไปชนบทนะครับ มีงานเยอะแยะที่ต้องทำ

ย้ำว่าต้องทำนะครับ


คนไม่มีกรอบ..

1190 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 25 พฤษภาคม 2010 เวลา 20:44 ในหมวดหมู่ เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 20928

คนที่บ้านมีนิสัยอ่านหนังสือเยอะมาก สมัยเด็กๆเล่าว่าอ่านหนังสือกำลังภายในซะหมดร้านเลย ตอนเราตกลงใจมาใช้ชีวิตด้วยกัน เธอก็สั่งหนังสือหลายเล่ม ผมเองอ่านมติชน ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ Reader’s digest, นิตยสารรายปักษ์อีกสองสามเล่ม เธอก็สั่ง สกุลไทย และ.. อ่านกันไม่หวาดไม่ไหว.. สิ้นปีก็โล๊ะขายที โห.ได้ตังค์กินไอติมหลายอัน


พอระบบทีวีบ้านเรามีการสรุปข่าวทุกเช้า ทุกเย็น ทุกค่ำ เราก็เลยยกเลิกหนังสือพวกนี้เกือบหมด ยกเว้น สกุลไทย เธอยังต้องอ่านประจำขาดไม่ได้ เรื่องใหญ่เลยหละ อิอิ หนังสือสกุลไทยเก่ากองล้นบ้าน เคยขนเอาไปให้อาว์เปลี่ยนอ่านต่อที่มุกดาหาร จริงๆผมไม่อ่านนิยายเลยสักเรื่อง ดูก็ไม่ดู แต่ในสกุลไทยก็มีหน้าวิชาการ กฎหมาย และสัมภาษณ์ดีดี บ่อยๆ


วันนี้กลับมาจากที่ทำงาน เห็นสกุลไทยเล่มใหม่ที่รั้ว เปิดดูก็พบชื่อ อ.ไร้กรอบ ก็แอบเปิดอ่านก่อนคนที่บ้าน อิอิ เลยเอามาบอกกล่าวกัน

สไตล์ไร้กรอบพูด หายห่วง ห่วงหาย ก็แล้วกัน ใครสนใจก็ตามไปดูกันเด้อครับ

(เอ..วันนี้ถ่ายรูปไม่ชัดเลย)


วาทกรรมแดง

1188 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 24 พฤษภาคม 2010 เวลา 21:28 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 16853

วาทกรรมนี้ “..เป็นความจริง” แต่ มีกลุ่ม

“..ใช้ความจริงมาบดบังเป้าหมายจริงจริง..”


คำตอบ..ของทะไลลามะ

2258 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 24 พฤษภาคม 2010 เวลา 14:37 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 29899

นักข่าวสัมภาษณ์ท่านทะไลลามะผู้นำทางจิตวิญญาณทิเบตว่า
คิดว่าผู้นำหรือใครที่เป็นตัวแทนเพื่อการอุทิศตัวเพื่อผู้อื่น
ทะไลลามะตอบว่า”ถ้าข้าพเจ้าเทียบกับท่านผู้นี้ ข้าพเจ้าจะกลายเป็นแค่เด็กหัดเดินไปเลยกับสิ่งที่ท่านผู้นี้ทำให้กับคนของเขาด้วยความรักและศรัทธาในสิ่งนี้อย่างเต็มเปี่ยม”

นักข่าวถามต่อว่าท่านผู้นี้คือใคร

ทะไลลามะตอบสั้นๆว่า

“มหาราชาภูมิพล”

——–

ผมพึงระมัดระวัง FW mail จริง ไม่จริง ใช่หรือไม่ใช่ เราพิสูจน์ไม่ได้ แต่กรณีนี้ ผมไม่รอรีที่จะเอาความรู้สึกดีดีมาเผื่อแผ่กันครับ


สร้างและทำลาย

1070 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 พฤษภาคม 2010 เวลา 18:44 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 15891


สร้างบ้าน


ทำลายบ้าน


กบดาน..

1352 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 22 พฤษภาคม 2010 เวลา 21:44 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 17584

 

ศอฉ. ประกาศว่ามีแกนนำสำคัญคนหนึ่งยังหลบหนีอยู่.. แกนนำคนนั้นออกข่าวว่า เมื่อรัฐยกเลิกประกาศสำคัญแล้วจึงจะมอบตัว


มีข่าวลือแซดที่ขอนแก่นว่าแกนนำคนนั้น ซุกพญาอินทรีย์อีสาน หรือผู้ยิ่งใหญ่อีสาน สุขสบาย ที่ขอนแก่นนี่เอง และหากยกเลิกประกาศเมื่อใดก็จะมีการประชุม และชุมนุมแดงครั้งใหญ่อีกที่ขอนแก่น

ข่าวลือนี้ ตำรวจทราบดีทั้งหมด ขอนแก่นเป็นที่ตั้งสำนักงานตำรวจภูธรภาคสี่ แต่ตำรวจที่นี่ชอบกินมะเขือเทศ นัยว่าเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวมาก เอ้ย เป็นประโยชน์แก่ร่างกายมาก ถ้าไม่เช่นนั้น ไม่มี ขอนแก่นโมเดล ศาลากลางไม่ถูกเผาอย่างรุนแรง อาคารประชาสัมพันธ์ของกรมประชาสัมพันธ์ไม่ถูกไฟไหม้แม้จะตั้งอยู่บนถนนมิตรภาพ(แต่ไม่มีมิตรภาพ)

ยกหนึ่งยังอุ่นๆอยู่เลย ยกสองเขาเตรียมอีกแล้ว หากรัฐไม่เป็นรัฐที่ล้มเหลว ก็ต้องจัดการให้ได้ หุหุ..


Molotov cocktail

1244 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 พฤษภาคม 2010 เวลา 20:04 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 23249

แดงเผาบ้านเผาเมืองนั้น เครื่องมือที่สำคัญคือ โมโลตอฟ คอกเทล เจ้าชื่อแปลกๆนี่คือระเบิดน้ำมัน ทำก็ง่ายนิดเดียวอย่างที่อริสมันต์ แนะนำให้แดงมาเผาเมืองกรุงนั่นแหละ

เอาขวดเปล่ามา ขวดอะไรก็ได้ ที่มีขนาดเหมาะมือ ปัจจุบันพบว่าขวด เอ็มร้อย หรือขวดที่มีขนาดเดียวกันนั้นเหมาะที่สุดเพราะมีขนาดเล็ก กะทัดรัด พกพาสะดวกกว่าสมัยก่อน เอาใส่น้ำมันเบ็นซิน แล้วเอาเศษผ้ามายัดใส่ทำเป็นเหมือนไส้ตะเกียงสมัยก่อน เอาส่วนที่ยื่นออกมาไว้สำหรับจุดไฟ เศษผ้าที่ใส่เข้าไปนั้นเมื่อถูกน้ำมันเบ็นซินก็จะซึมกระจายทั่วง่ายที่จะจุดไฟ


เมื่อจุดไฟที่ปลายส่วนที่ออกมาข้างนอกปากขวดแล้วก็ใช้ขว้างไปที่เป้าหมาย


เนื่องจากเป็นอาวุธที่ผลิตง่ายและหวังผลการทำลายได้แน่นอนจึงเป็นเครื่องมือหลักในการใช้เผาบ้านเมืองครั้งนี้.. ขวดมีน้ำหนัก ประกอบกับแรงที่ขว้างไป หากเป้าหมายคือกระจก แน่นอน กระจกย่อมแตก เมื่อขวดกระทบพื้นก็แตกออก น้ำมันในขวดกระจาย ไฟก็ลุกพรึบ


อาคารบ้านเราไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้จึงติดกระจกสวยๆเอาไว้โชว์สินค้าหรือบรรยากาศด้านในของห้างร้านต่างๆ ก็ง่ายที่สุดต่อการขว้างด้วย โมโลตอฟ แล้วกระจกก็ย่อมแตกออก หากปาไปนับสิบ นับร้อยลูก มันจะเหลือหรือ.. ยิ่งมีหน่วยกำลังไม่ทราบฝ่ายยิงมิให้ใครไปดับไฟอีกก็เรียบร้อย การเผาบ้านเผาเมืองก็สัมฤทธิผล เอาไปรายงานนายได้ แล้ว..รับเงินไป

โมโลตอฟ คอกเทล (Molotov cocktail) ระเบิดแบบนี้ใช้ครั้งแรกในกองทัพฟินแลนด์ ..เมื่อครั้งต่อสู้กับกองทัพโซเวียตในช่วงสงครามฤดูหนาว เมื่อค.ศ. 1939


สมัย 6 ตุลา ที่เชียงใหม่ ผมและกระบวนการนักศึกษาสมัยนั้น ก็มีส่วนรับรู้รับทราบกระบวนการเตรียมเจ้าโมโลตอฟ คอกเทล นี้เหมือนกัน นอกจากเจ้าชื่อคล้ายๆเครื่องดื่มในผับนี้แล้ว ยังมีระเบิดขวดอีก อิอิ

ที่เขียนบันทึกมานี้ แค่มาเล่าให้ฟัง ไม่ได้สนับสนุนให้ใครเอาความรู้นี้ไปทำนะครับ มันเป็นบาปหนักหนา

ข้อมูลและภาพจาก: http://www.navy22.com/smf/index.php?topic=18133.0
http://www.mythland.org/v3/archiver/tid-1383.html และ google


คำขวัญใหม่ กทม.

1042 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 พฤษภาคม 2010 เวลา 11:14 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 14929

คำขวัญใหม่ของกรุงเทพฯ ??!!

(จาก FW mail)


ขวดเปล่า..

1336 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 พฤษภาคม 2010 เวลา 10:39 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 21758

 

 

เช้าวันนั้นผมเดินทางไปประชุมที่สกลนคร กระจกหน้ารถผมยังเลอะด้วยแมลงมาสองวันแล้ว พนักงานขับรถป่วย เราก็มีงานยุ่งเลยไม่ได้จัดการซะทีก็ไปแบบสกปรกแบบนี้แหละ

เป็นรถ 6 ล้อ บรรทุกขวดพลาสติกเปล่า จากมุกดาหารไปสกลนคร

เสียดายว่าไม่สามารถถ่ายรูปด้านข้างได้ มันยื่นหน้ายื่นหลังน่ะซี เห็นแล้วหวาดเสียว

หากจะลงไปถาม คำถามมากมายเขาก็คงตอบว่า ..พี่..มันขวดเปล่าเบาจะตายไป..

มันทั้งสูงทั้งยาว..

อื้อ….ไม่มีอะไรเอามาดูเล่นๆ


ก่อนที่ธงไตรรงค์จะเปลี่ยนสีไป…

1195 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 พฤษภาคม 2010 เวลา 23:06 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 14102

ธงชาติไทยเป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นชาติไทย

แต่เศร้าใจที่ธงไทยโบกสะบัดอยู่หน้าศาลากลางจังหวัดที่กำลังถูกเผา

สำนึกบอกว่า ประเทศชาติกำลังมอดไหม้ลงไป

รอยแผลร้าวลึกที่เกิดขึ้น

ต้องการเยียวยาเร่งด่วน จริงจัง ต่อเนื่อง

เหมือนการสร้างชาติใหม่

ปู่ ย่า ตา ทวดเอาเลือดทาแผ่นดินรักษาไว้ให้เราอาศัย

แต่คนรุ่นเรานี้มาทะเลาะกันเอง มาฆ่าฟันกันเอง

เมื่อเห็นธงชาติถูกชักขึ้นสู่ยอดเสา

ความภูมิใจมันหายไปไหน

ความผยองในความเป็นไทยมันฝ่อลง

ยื่นมือมาผสานกันสร้างชาติกันเถอะ

ก่อนที่ธงไตรรงค์จะเปลี่ยนสีไป…


จันทรท่ามกลางไฟ..

1111 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 พฤษภาคม 2010 เวลา 1:15 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 14168

 

 

ร้อนยิ่งกว่าร้อนที่มหานคร

แหงนดูท้องฟ้าอมร

อือ..จันทร เย็นท่ามกลางไฟ

————

(จันทร์เมื่อเย็นนี้เอง ที่เมืองมุกเหนือศาลากลางจังหวัด)


เผา..

1011 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 พฤษภาคม 2010 เวลา 22:28 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการประเทศ #
อ่าน: 16529

เผาอาคารราชการถือเป็นสมบัติสาธารณะแห่งชาติ ยิ่งเผายิ่งร้อน ภายใน

เผากิเลส ตัณหา ของตัวเอง ยิ่งเผายิ่งเย็น ภายใน


ความเป็นไทยคืออะไร..

1126 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 พฤษภาคม 2010 เวลา 19:27 ในหมวดหมู่ การบริหารจัดการประเทศ #
อ่าน: 14375

มันสาแก่ใจใช่ไหม เพื่อนร่วมชาติ

เมื่อความคั่งแค้นได้ถูกปลดปล่อยเช่นนี้

แต่เราต้องอยู่ร่วมกันอีกยาวนานมิใช่หรือ

“หากใจมีสิ่งขวางกั้นภายใน

แล้วความเป็นไทย..คืออะไรเล่า”

เพื่อนร่วมชาติที่รัก



เมื่อมุกฯมอดไหม้..

1266 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 พฤษภาคม 2010 เวลา 18:55 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 27169

“เราไม่เคยเสียเมืองเพราะต่างชาติมาตี

แต่เราเสียเมืองเพราะเราตีกันเอง”


อันตรายจากไข่..

1553 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 พฤษภาคม 2010 เวลา 11:51 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 25782

ถ้าคุณขับรถกลางคืน แล้วโดนปาหน้ารถด้วย ไข่” (ไข่จริงๆ ไม่ได้มุข)
 
อย่า…ฉีดน้ำและปัดกระจกเป็นอันขาด !!
 
เพราะเมื่อไข่ผสมกับน้ำแล้วกลายเป็นคราบเหนียว บดบังทัศนวิสัยของคุณได้ถึง 92.5%
 
นั่นหมายถึง คุณจะถูกบีบบังคับให้ต้องจอดรถข้างทาง (ก็มันมองไม่เห็น ก็ต้องหยุดก่อน) ดีไม่ดีคุณก็จะลงไปเช็ดกระจกอีกต่างหาก
 
ซึ่งจังหวะนั้นเองที่ คุณจะกลายเป็นเหยื่อไข่ของมิชฉาชีพทันที
 
นี่เป็นยุทธวิธีใหม่ของโจรบนท้องถนน
 
โปรดส่งเตือนญาติมิตรเพื่อนฝูงของคุณด้วย 

จาก FW mails


อ่านเล่นๆจาก FW mail

859 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 19 พฤษภาคม 2010 เวลา 11:47 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 10178


From: Chaimongkon Kitporka

อ่านเล่น ๆ นะ


สมัยก่อน

คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว

คนชั่วชอบทำลาย คนมักง่ายชอบทิ้ง

คนจริงชอบทำ คนระยำชอบติ

สมัยนี้

คนรวยแอ๊บเป็นไพร่       คนจัญไรแอ๊บฮีโร่

คนมียศเป็นแตงโม         คนยะโสหมิ่นราชา

คนเจ็บถูกใส่ร้าย            คนตายถูกกล่าวหา

คนสั่งยังลอยหน้า          คนฆ่ายังลอยชาย

คนพาลกล้าอวดเบ่ง      คนเก่งกลับหนีหาย

คนดีนั่งดูดาย                 คนร้ายจึงย่ามใจ

คนโกงเก่งสร้างภาพ      คนบาปอยากเป็นใหญ่

คนจนถูกหลอกใช้          คนไทยถูกยุแยง

คนเดียวสร้างปัญหา       คนกล้ารุมสาบแช่ง

คนถ่อยคอยตะแบง        คนหมดแรงคือพวกเรา


สู้สุดแรงนะพวกเรา

แด่……….ศอฉ.
“ศูนย์ขู่แล้วอยู่เฉยๆ แห่งชาติ”


เราอยู่ร่วมต้นเดียวกัน

409 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 17 พฤษภาคม 2010 เวลา 20:37 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 8174

 

ลูกของพ่อทั้งหลาย

พ่อตั้งใจกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงเจ้ามา

จากเล็กสู่โต

จากดิบสู่สุก

จากเขียวสู่เหลือง สู่แดง

เจ้าก็เติบโตมาจากพ่อ

แม้เจ้าจะอยู่คนละขั้ว แต่เราก็อยู่ด้วยกันได้มิใช่หรือ

อยู่แบบแตกต่าง หรือแม้แตกต่างก็อยู่ร่วมกัน

เจ้าทั้งคู่อยู่ในอ้อมกอดของพ่อ

เราอยู่บนต้นเดียวกัน เราเป็นคนไทยด้วยกัน


บทเรียนสวนป่าของบางทราย..

109 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 พฤษภาคม 2010 เวลา 14:23 ในหมวดหมู่ เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 3806

ตัวเองมาพินิจพิจารณาจากการไปสวนป่าครั้งนี้ มีบทเรียน และความคิดเห็นหลายประการ ดังบันทึกไปบ้างแล้ว อยากบันทึกความคิดเห็นต่อบทเรียนชิ้นสำคัญ กรณีอาจารย์โสรีช์ ที่ผมประทับใจบทบาทและลีลาของท่านอย่างไม่เคยพบอาจารย์ท่านใดทำมาก่อน


ท่านอาจารย์ปฏิบัติตัวเองเป็นทั้งผู้บอกกล่าวและเพื่อนเล่น เพื่อนร่วมการเรียนรู้ อาจารย์โสรีช์ท่านเล่นหลายบทบาทในตัวเอง ในมุมมองของผมนั้นประทับใจการสร้างความกลมกลืน ความเป็นกันเอง การเปิด ฯ ของอาจารย์ต่อลูกศิษย์คนอื่นๆ ผมคิดว่านี่คือปฐมบทของกระบวนการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ยิ่งท่านเอาความสามารถเฉพาะตัวเรื่องการเล่นกีต้าร์ มาเป็นเครื่องมือสร้างการเรียนรู้ผ่านบทเพลงอันไพเราะ เพลง Greenfields นี้ผมยิ่งฟังยิ่งไพเราะ เมื่อผมเดินทางถึงบ้านเดินไปหยิบเอา CD แผ่นนี้มาเปิดซ้ำแล้วซ้ำอีก และนึกถึงการบรรยายของอาจารย์ที่กินความหมายลึกซึ้งยิ่งนัก เป็นแรงผลักให้ผมยกระดับการมองอะไรอะไรให้ไปสู่อีกมิติหนึ่งทีเดียว จนผมมองตัวอาจารย์โสรีย์ในอีกสถานะหนึ่ง เหมือนนักเทศนาทางด้านจิตวิญญาณเลยทีเดียวครับ

ผมขอพิจารณากรณี Session ที่ผมดำเนินการ ความคิดเห็นของแต่ละคนต่อชนบทนั้นมีบทพิจารณาอย่างไร


เป็นเรื่องปกติเหลือเกินที่คนมองดวงจันทร์วันเพ็ญแล้วอธิบายด้วยสาระที่แตกต่างกันมากมาย หรือใกล้เคียงกัน เช่นเดียวกัน แต่ละคนมองชุมชนในมิติที่หลากหลายเพราะ “ฐานการมอง” ที่แตกต่างกัน ซึ่งฐานการมองที่แตกต่างกันนั้นมาจาก “เบ้าหลอมชีวิต” ที่แตกต่างกัน ซึ่งเบ้าหลอมนี้เองที่ได้เป็นเหตุปัจจัยให้วิสัยทัศน์ของบุคคลนั้นๆแตกต่างกันและมีส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้เกิดการเดินบนเส้นทางที่เหมือนกัน ต่างกัน หรือใกล้เคียงกัน


เบ้าหลอมหลายคนมีอิทธิพลมาจากครอบครัว การศึกษา ความสนอกสนใจเฉพาะตัว หรือเกิดสำนึกสูงส่งใดๆขึ้นมา ประสบการณ์ชีวิตก็มีส่วนสำคัญ วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ ศาสนา ก็ยังมีผลต่อเบ้าหลอม และเบ้าหลอมอื่นๆ ฯลฯ นี่เองที่เรามักพูดถึงระบบการศึกษาสร้างอะไรแก่เด็ก ระบบครอบครัวมีส่วนมากน้อยแค่ไหนในการสร้างเด็กรุ่นใหม่ และแม้แต่สภาพชุมชน ที่มีทุนทางสังคม หรือการแตกสลายของทุนทางสังคมก็ส่วนสำคัญต่อเด็กรุ่นใหม่.. และฐานมุมมองก็ไม่ได้มาจากอิทธิพลปัจจัยด้านใดด้านหนึ่ง อาจจะผสมผสาน ปนเปกันไปตามเหตุผลที่แตกต่างกัน


ขออนุญาตยกกรณี การแสดงความคิดเห็นของท่านอาจารย์โสรีช์ต่อ ตารางสี่เหลี่ยมที่ผมนำมาเป็นสื่อการเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้นั้น ท่านตอบว่ามีรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพียงหนึ่งรูปเท่านั้น(จากทั้งหมด 30 รูป) ท่านมีคำอธิบายที่เป็นคำอธิบายในมิติ ปรัชญา จากฐานการมองที่แตกต่างจากกลุ่มคนอื่นๆ และน่าสนใจ ทำให้ผมเกิดมิติการเรียนรู้เพิ่มขึ้นจากมุมมองของท่าน

“ในความต่างมีความเหมือน ในความเหมือนมีความต่าง” ท่านมองในมุมความแตกต่างมีความเหมือน ซึ่งท่านเน้นว่ามุมนี้เป็นมุมบวก หากเรามองแต่ความแตกต่างก็สามารถพัฒนาไปสู่ความขัดแย้ง แตกแยกได้ ตรงข้ามหากเรามองเห็นความเหมือนในความต่าง ก็จะเป็นวิธีมองที่ไม่เกิดความแตกแยก..

ผมยอมรับมิติของท่าน แต่ผมก็มีความคิดเห็นต่อเนื่องมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราในฐานะที่คนทำงานต้องเผชิญหน้ากับคนที่เป็นเป้าหมายที่มีความแตกต่างในเรื่องฐานการมองที่แตกต่างกันมากมาย และมิติเชิงปรัชญานี้ต้องเป็นคนที่มีสติปัญญาที่ถูกพัฒนามาระดับหนึ่งเท่านั้นจึงจะสัมผัสได้ เข้าใจได้ นั่นหมายความว่า ผู้ทำงานต้องเป็นผู้เล่นดนตรีได้หลายคีย์ อ่านบุคคลต่อหน้าให้ออกว่าเขาอยู่ในคีย์ไหนแล้วยกระดับตัวเราให้ใกล้เคียงกับเขาแล้วคุยกันเพื่อยกระดับเขา

แต่นักปฏิบัติต้องฝึกฝนมิตินี้อย่างมากมายทีเดียวก่อนที่จะลงสนามทำงาน มิเช่นนั้นก็เป็นเพียงผู้เล่นดนตรีเท่านั้น เพลงที่บรรเลงไม่มีความไพเราะเอาเสียเลย

เมื่อสรุปได้ดังนี้ผมก็มองมาดูตัวเอง โอ้พระเจ้า เรายังต้วมเตี้ยมอยู่เลย..



Main: 0.11311006546021 sec
Sidebar: 0.18080902099609 sec