บนรถเมล์ระหว่างประเทศ

113 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 5 กุมภาพันธ 2011 เวลา 0:15 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2274


หายไปหลายวันเพราะไปทำงานในเวียงจันมา เขียนแต่รายงานจนนิ้วบวมครับ  อิอิ

นั่งรถบัสระหว่างประเทศ มันก็เกือบไม่ต่างรถเมล์ต่างจังหวัดในบ้านเราที่มีความสบายๆ อยากจอดก็จอด เกิดจะไม่จอดก็ทำให้ผู้โดยสารนั่งหน้าเขียวหน้าเหลือง ก็ปวดท้องฉี่น่ะซี พอถึงเป้าหมายวิ่งกันจู๊ดๆ


วันที่ผมเดินทางไปนั้น แปลกที่ผมเอากระเป๋าใบใหญ่ไปด้วยและมีเป้เอาคอมเครื่องมือหากินและเอกสารเต็มไปหมด กระเป๋าเสื้อผ้าทุกครั้งก็เอาใส่ท้องรถ มาครั้งนี้ เขาบอกว่าคนไม่มากเอาไว้ข้างบนเถอะ เดี๋ยวจะมีกล่องสินค้าจำนวนมากใส่ท้องรถ หิ้วเอากระเป๋าขึ้นไปเลย…

คนก็ไม่มากเหมือนทุกเที่ยวแหละ มีสัก 15 คนทั้งที่สามารถนั่งได้ ประมาณ 40-45 คน ปกติรถจะจอด 1 ครั้งที่ ปั้มน้ำมันเลยจังหวัดอุดรธานีไปหน่อยเดียว เพื่อให้ผู้โดยสารเข้าห้องน้ำ มาคราวนี้จอดเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ปั้มน้ำมันแห่งเดิมๆ และไปจอดในที่ที่ผิดปกติกว่าที่ควรจะจอด เมื่อทุกคนเดินเข้าแถวเข้าห้องน้ำกลับออกมาก็ร้องอ๋อ….ที่ให้เราเอากระเป๋าขึ้นไปไว้ข้างบนเพราะนี่เอง ก็แม่ค้าลาวมาซื้อสินค้าในอุดรแล้วเอาขึ้นรถโดยสารคันนี้เข้าประเทศ ทุกครั้งก็พอเห็นแต่ไม่มาก คราวนี้เป็นคันรถปิคอับเลย

ท่านคงเอาออกนะครับว่ายามนี้พ่อค้าแม่ค้าเขาซื้ออะไรตุนอะไร ก็”น้ำมันพืช”ซิครับ สองคันรถปิคอับ รีบขนใส่ท้องรถและเอาขึ้นไปห้องผู้โดยสารข้างหลังอีกเต็มหมด นอกจากนี้ก็มีกระสอบเมล็ดพันธ์แตงโมน่าจะประมาณ 40 ถุง เดาออกนะครับ ทุกด่านก็หากินกับการค้าขาย เจ้าหน้าที่ด่านก็หรีตาข้างหนึ่งซะ แม่ค้าก็ยินดีควักกระเป๋า…..เฮ่อ

เมื่อรถถึงนครเวียงจัน คนขับรถสามล้อเครื่องก็มาแย่งลูกค้าตรงประตูนั่นแหละ ผู้โดยสารแทบจะเดินลงไม่ได้ ต่างตะโกนหาลูกค้า เมื่อผมได้คันหนึ่ง ตกลงราคากันได้ พอออกรถ เจ้าคนขับก็เสนอสินค้าทันที ..ผมไม่คาดหวังมาก่อนว่าจะได้ยินคำเชิญชวนเหล่านี้ จริงๆทุกครั้งที่นั่งรถเมล์แบบนี้มาแล้วไปต่อรถตุ๊กๆไปที่พักก็จะได้ยินคำเหล่านี้..ผมก็ตั้งคำถามในใจ..นี่หรือสังคมนิยม นี่หรือการปลดปล่อยประเทศ นี่หรือการขจัดสังคมเก่า การปฏิวัติสังคมนิยมก็มาพ่ายแพ้สังคมทุน ที่มุ่งหาเงิน ที่เป็นพระเจ้า โดยไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างกับสังคมลูกหลาน และอนาคตของชาติ…ผมคิดในแง่บวกว่า ระบบไม่ยอมแน่ให้มีสิ่งเหล่านี้ แต่การหลงหูหลงตาพนักงานรัฐ ก็มีสิ่งเหล่านี้โผล่ออกมา ตามการขยายตัวของสังคมเมือง และการท่องเที่ยว

ในขณะที่ในมือผมมีหนังสือชีวประวัติของท่าน “พูมี วงวิจิด” ผู้นำการปฏิวัติสังคมลาวคนหนึ่งที่โชกโชนกับการขับไล่ฝรั่งเศส ศักดินาและสังคมทุนนิยม ที่ผมนั่งอ่านมาตลอดทาง ลึกๆในมโนสำนึกผมคิดไปไกลว่างานของผมที่ทำอยู่นั้น ก็เป็นการปฏิวัติสังคมแบบหนึ่ง แต่อยู่ในรูปแบบพัฒนาสังคม ที่เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ตลอดเวลาที่ทำงานด้านนี้มาเราเห็นภาพคู่ขนานนี้มาจนชินตา….แต่เราก็ต้องทำ

หลายวันในชนบทลาวนั้น ผมเข้าเห็นสภาพชุมชน ผู้คน วิถี แม้จะยังฉาบฉวยเพราะเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง แต่ก็เห็นประเด็นความขัดแย้งมากมายภายใต้การปกครองแบบสังคมนิยม กับวัฒนธรรมชุมชนและทุนนิยม ผมต้องกราบขออภัยพี่น้องลาวถ้ามาอ่านบันทึกนี้ตรงนี้ว่า ไปเวียงจันก็เหมือนไปต่างจังหวัดของประเทศไทย เพราะใช้เงินบาท ทุกร้าน ทุกบ้าน ทุกโรงแรมเปิดแต่ทีวีไทย UBC ที่ส่งมาจากประเทศไทย ที่ไนท์คลับใต้โรงแรมเสียงเพลงไทยดังรอดออกมา เครื่องดื่มทุกชนิดมาจากประเทศไทย แม้ปลานิลตัวใหญ่ในตลาดก็มาจากหนองคาย นี่เป็นปกติที่พึ่งพากันในระบบทุน การตลาด กำลังการผลิต ศักยภาพของประเทศ..


และในทีวีนั้นคือแหล่งเผยแพร่วัฒนธรรมทุนนิยมที่เน้นการบริโภคแบบเกินความพอดีทั้งนั้น สาวลาวก็แต่งตัวเหมือนสาวไทยวัยรุ่น เด็กหนุ่มก็เลียนแบบ ตั้งแต่ผมบนหัวจนจรดรองเท้า..

วันที่ผมนั่งรถกลับบ้านขอนแก่น เจ้าหนุ่มลูกทุ่งคนหนึ่งนั่งหลังผม เขาร้องเพลงคลอไปตามเพลงที่ พนักงานขับรถเปิดเพลงลูกทุ่งให้ผู้โดยสารฟัง เขาร้องมาตลอดทางจริงๆ ตั้งแต่ออกจากด่านหนองคายยันขอนแก่น เขาพยายามหันปากไปทางกระจก แต่ผมนั่งอ่านหนังสือที่เก้าอี้ตัวหน้า เสียงเพลงทั้งจากลำโพงและจากไอ้หนุ่มข้างหลังมันร้องให้ผมฟังจน ผมทนไม่ไหว เอามืออุดหูหลายครั้ง ดันร้องเพราะซะอีก ลูกคอสั่นระรัวเลย นานไป เออ ก็ดีเหมือนกันนะ

ช่วงรถหยุดให้เข้าห้องน้ำ ผมถามต่อหน้าคนเยอะๆเลยว่า “อ้ายชอบร้องเพลงหรือ” ผมถามเชิงตำหนิว่าน่าจะเกรงใจคนอื่นบ้าง เขายิ้มพร้อมบอกตรงๆว่า “ใช่ครับผมชอบร้องเพลงมากครับ..” ฝรั่งที่นั่งถัดไปอ่านหนังสือมาตลอดส่ายหัวไปมา …

ผมก็คิดบวกไปซะ..ว่าเออ เรานั่งมาเที่ยวนี้มากับนักร้องลูกทุ่งก็แล้วกันนะ..อิอิ แต่อย่าให้เจอะทุกเที่ยวเลยนะ พอแล้ว…



Main: 0.034865140914917 sec
Sidebar: 0.21618890762329 sec