กางปีก
อ่าน: 5775
เขามาจากไหนเราไม่รู้ มาเกาะนิ่ง ที่กิ่งต้นฝ้ายคำ หลังบ้าน
กางปีกอวดเราเฉยๆ
แสงเกือบหมดแล้วแต่ก็ถ่ายรูปเขาเก็บเอามาฝากกัน
เขามาจากไหนเราไม่รู้ มาเกาะนิ่ง ที่กิ่งต้นฝ้ายคำ หลังบ้าน
กางปีกอวดเราเฉยๆ
แสงเกือบหมดแล้วแต่ก็ถ่ายรูปเขาเก็บเอามาฝากกัน
เอาเวลาไปทุ่มเทกับงาน ประเด็นที่คั่งค้างในลานเลยไม่ได้เขียนสักที แค่ แหย่ๆ เข้ามา โผล่หัวมาทักทายแล้วก็หายต๋อมไป มาบอกกล่าวกันนะครับ
อีกสองเดือนผมต้องออกจากดงหลวงเพราะหมดสัญญา แล้วไปลาวสักสองเดือนโดยประมาณ เพราะไปร่วมทีมทำ Feasibility study ให้กับโครงการชลประทานที่นั่น หลังจากนั้นว่ากันใหม่..
รูปที่เห็นเป็นทางเข้าไปสู่ อ.สะเมิงเหนือ คราวที่ไปย้อนอดีตพื้นที่เกิด(การงาน) ดีใจที่ป่ายังสมบูรณ์ เขียวขจีไปหมด แต่เป็นป่าฟื้นตัวไม่ใช่ป่าเดิมๆเพราะถูกสัมปทานไปนานแล้ว
เราไปเห็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและวิถีชีวิต ตรงนี้อยากบันทึกไว้ว่า สามสิบปีที่ผ่านมา พื้นที่บริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างสะเมิงนั้น เป็นอย่างไรบ้าง….แต่คงต้องใช้เวลาสักหน่อย..
รอไม่ไหวก็มาเขียนแบบด่วนๆๆนี่แหละ
ประการหนึ่งที่ขัดหูขัดตาและแปลกแยกมากๆคือ คนข้างกายจองที่พักเป็นรีสอร์ตที่บ้านแม่แพะราคาไม่แพง คืนละ 500 บาท เราก็ว่าดี ไม่รบกวนชาวบ้านคราวนี้ไปแบบปิดๆตัวเหมือนแอบไปดูพื้นที่เดิม จึงไม่อยากแสดงตัวว่าเป็นใครในอดีต
กว่าเราจะไปถึงที่พักเล่นเอางงมาก เพราะถนนหนทางลาดยางแบบถนน ส.ป.ก. กว้าง 4 เมตร ซึ่งแคบสำหรับรถสวนกัน อีกคันอาจจะตกไหล่ทางหากไม่เก่งจริงๆ และไหล่ทางนั้นหลายแห่งมันไม่มี มันเป็นร่องลึกไปเลย
เราไปถึงที่พักก็เข้าไม่ถูก ขับไปอีกทาง จนเราเองรู้สึกว่า มันไม่น่าจะใช่รีสอร์ต ถอยกลับก็ลำบากเพราะถนนแคบ พบเจ้าของก็บอกว่าขึ้นอีกทางหนึ่ง…
หากไม่ใช่รถ 4WD ก็ไม่ได้แน่นอน เราพบว่าที่พักอยู่บนดอยสูงที่มีป่ารอบ นึกในใจ ออกโฉนดได้ไงฟะ.. คุยไปมา คุณผู้ชายเคยทำงานโครงการหลวงจึงคุ้นเคยพื้นที่และรู้ข้อมูลพื้นที่ดีจึงได้ที่ดินตรงนี้มา เอาพี่สาวที่ทำงานหนังสือเกี่ยวกับยายยนต์ในกรุงเทพฯมาช่วยกันลงทุน แขกที่มาก็เป็นคนใกล้ชิดมาอุดหนุนกัน แม้จะมี web แต่ก็ไม่ง่ายนักที่ใครจะตัดสินใจเข้ามาสะเมิงเพื่อไปพักที่นี่ ยกเว้นหลง เข้าใจผิดจริงๆ หรือไม่ก็พรรคพวกเขานั่นแหละที่ชอบพอแล้วก็พากันมา
สภาพอาคารก็ดูมีความพยายามทำให้เป็นแบบ jungle resort ทุนน้อย แต่ฤดูนี้มีความชื้นมากๆๆ ลูกสาวบอกว่า ผ้าห่มชื้นมาก เธอไม่ชอบเลย…
มีกลุ่มหนึ่งมาก่อนหน้าเรา เจ้าของบอกว่า เป็นทีมงานทำหนังสือประเภทเดียวกันจากกรุงเทพฯ มากัน ชายสอง สาวสี่คน เอารถที่เขาเรียก AT ผมก็ไม่รู้ว่าเต็มๆเรียกอะไร เป็นคล้ายมอเตอร์ไซด์แต่มี 4 ล้อที่ใช้ลุยป่า.. ขับเล่นในป่ากัน..??
ถึงเวลาทานข้าว ห้ามสั่งว่าอยากกินนั่นกินนี่ ทำอะไรทุกคนกินเหมือนกันหมด ไม่ว่าแขกมาจากไหนๆก็ตาม ห้องหับพยายามทำเหมือน รีสอร์ทแถบเขาแผงม้า เขาใหญ่ แต่ไม่ดีเท่า แต่ความชื้นนี่มากจริงๆ
เมื่อกินข้าวเสร็จ ไม่ได้ไปไหนเราก็นั่งคุยกับครอบครัวเราเอง แต่ทีมนั้นซิ วัยรุ่นจริงๆ เอามือถือมาเปิดเพลงแล้วมีเครื่องมือขยายเสียงให้ดังขึ้น เป็นเพลงฝรั่งทันสมัยสลับยุค 60’s บางเพลงก็เป็นเพลงชอบของเราแต่ลูกสาวบอกว่า ไม่เคยได้ยิน อิอิ
เรากลับเข้าห้องไปจัดการเรื่องรูปแล้วจะพักผ่อนเพราะเช้ากะจะไปชมโครงการหลวงแม่ตุงติง และขับรถชมพื้นที่เดิมๆของเรา
เสียงเพลงยังดัง และกลายเป็นการเปิดจากเครื่องเล่นเพลงของรีสอรท์ และเพลงในแนวเดิม เราหงุดหงิดทันที
เพราะมาป่าแต่ไม่รู้จักป่า ไม่สัมผัสป่าเลย หอบเอาเสียงจากในเมืองมาเสพในป่า โถเพลงแบบนี้ฟังเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เสียงป่านี่ซิ มาถึงที่แล้วไม่เงี่ยหูฟังเสียงป่าคุยกันเลย….
แล้วกลับไปบอกเพื่อนๆว่ามานอนในป่าได้อย่างไร…
พาลนึกถึง ฉิ่งฉับทัวร์ แหกปากร้องเพลงในรถบัสดังลั่น กินเหล้าด้วย ไปถึงที่ก็ถ่ายรูปแล้วขึ้นรถแหกปากร้องเพลงต่อ….
ไม่รู้จักสถานที่นั่นๆเลย ไม่เข้าใจประวัติสาสตร์ ความเป็นมาเป็นไป..
เราจะเรียกพฤติกรรมแบบนี้ว่าไงดี หรือเราคิดมากไป หุหุ