ตัวแห่งตน

77 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 15 กันยายน 2011 เวลา 16:12 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2909

วิถีข้า คือการเร่ร่อนไป

อาหารข้าคือเครื่องยังชีพเท่านั้น ไม่มีความอร่อยที่ปลายลิ้น

ข้าไม่จิกตีใคร ข้าอยู่เพราะข้าอยู่ เมื่อข้าจากไปก็เพียงจากไป


ความโสภาไม่มี

เจ้าต่างหากที่กำหนดว่าขนขาวห่อหุ้มกายข้านั้นสวย

ความทะยานอยาก ไม่มี แค่ยังชีพเท่านั้น

 


ดูหยดน้ำนั่นซิ..

ความพอดีคือการดำรงอยู่

 

ข้าฯมาในโลกนี้เพราะความพอดีกำหนดขึ้น

ข้าฯก็จะจากไปเพราะความพอดีนั้นสิ้นสุดลง

เหมือนหยดน้ำที่สลายไป

 

เจ้าดูตัวเองให้เห็นเถิด

—-

“เห็นนก เห็นตัวแห่งตน..”


วิกฤติอาหาร วิกฤติการเมือง..

34 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 กันยายน 2011 เวลา 22:20 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4024

หลายท่านคงเคยได้ข่าวว่าประเทศทางตะวันออกกลางจะมาเช่าที่นาไทยปลูกข้าวส่งกลับไปประเทศเขา ความจริงเขามาซื้อก็ได้ เพราะเงินหนา คนที่เงินเข้ากระเป๋าจริงๆไม่ใช่เจ้าของที่นาหรอก นายหน้าต่างหากครับ…

ผมกลับไปบ้านที่วิเศษชัยชาญ พบว่ามีเค้าความจริง เพราะน้องสาวกล่าวว่ามีคนไทยแปลกหน้ามาถามเช่าที่นาจำนวนมาก แต่ที่สุดโดนถูกประโคมข่าวนี้เลยเงียบไป…

หากเกิดวิกฤติอาหารนั้นผมเคยกล่าวว่าคนเมืองแม้จะเป็นผู้มีกำลังซื้อแต่จะประสบปัญหาก่อน เพราะไม่มีที่ซื้อ หรือไม่มีอาหารจะให้ซื้อ หรือเป็นโอกาสของชาวนา ชาวบ้านที่จะกำหนดราคาอาหาร..ไม่รู้เว่อร์ไปหรือเปล่า

หากวิกฤติอาหารเกิดขึ้นประเทศที่ตายก่อนคือประเทศอุตสาหกรรม และประเทศที่ผลิตน้ำมันเป็นหลัก..เพราะน้ำมันกินไม่ได้ มีเงินซื้อแต่ไม่มีอาหารจะขาย…

วิกฤตอาหารนั้นไม่ไกลความจริงแน่นอน… สิ่งบอกเหตุมีตลอด.. การขาดแคลนอาหารจะนำไปสู่สงครามโลก เพราะคนมีเงินก็กลัวอดตาย ประเทศที่ร่ำรวยก็กลัวอดตาย

คนเมืองที่ Sensitive ก็มองทางออกกันโดยไปหาที่ดินทำกินในชนบท สร้างบ้านและทำสวนเล็กๆ ประเทศที่ร่ำรวยก็มีแผนงานเตรียมรับสถานการณ์นี้…

ที่ผมทราบชัดเจนคือ ขณะนี้ประเทศที่ผลิตน้ำมันขายตั้งงบประมาณ(Fund)จำนวนมากให้ประเทศด้อยพัฒนาทำโครงการพัฒนาชลประทานขนาดกลาง เพื่อทำการผลิตข้าว และอาหารอื่นๆส่งเข้าประเทศเขา มาในรูปของความช่วยเหลือในงานพัฒนาพื้นที่ชลประทาน แต่สิ่งที่ซ่อนภายในนั้นคือ สัญญาการผลิตเพื่อส่งตรงไปประเทศเขา…. สิ่งเหล่านี้สร้างความเนียนง่ายจะตายไปเพราะมันมี Nominees มากมายเป็นผู้รับผิดชอบในเบื้องหน้า

มีเงินซะอย่างจะเอาเทคโนโลยี่อะไรบ้าง จะเอาผู้เชี่ยวชาญด้านไหนบอก จะเอาพันธุ์ข้าวชนิดไหนระบุมา…ฯลฯ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในเมืองไทยนะครับ แต่เป็นเพื่อนบ้านเรานี่แหละ

มองได้หลายมุมครับ..

มุมหนึ่งก็ดีนี่…ประเทศยากจน หรือด้อยพัฒนาอย่างเราและเพื่อนบ้านนั้นต้องการงบประมาณอีกจำนวนมากมาพัฒนาในโครงสร้างพื้นฐานทางการผลิต เพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มากกว่าจะเสี่ยงกับการแปรปรวนของธรรมชาติ ระบบชลประทานช่วยได้มาก ผมทำงานการผลิตกับระบบชลประทานมาพอสมควร เชื่อมั่นว่าการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ สามารถยกระดับการผลิตแบบ Dual tract ได้ คือ ผลิตเพื่อบริโภคเอง และผลิตเพื่อขายสร้างรายได้ การผลิตเพื่อขายนั้นสามารถกำหนดให้มาเลี้ยงคนเมืองที่ไม่ได้ทำการผลิตได้อย่างพอเพียง เพราะการทำนาในพื้นที่ชลประทานนั้น ไม่ใช่ทำปีละสองครั้งแล้ว สองปีห้าครั้ง หรือมากกว่านั้นในบางพื้นที่

การผลิตแบบนี้ต้องลดความเสี่ยงลงโดยการแบ่งพื้นที่ทำการผลิตแบบผสมผสานควบคู่กันไปด้วย การผลิตโดยระบบชลประทานนั้นเกษตรกรต้องยกระดับความรู้ด้านการผลิตมากมาย แต่ไม่ใช่เรื่องยาก เกษตรกรในพื้นที่ชลประทานหลายแห่งเก่งกว่าเกษตรตำบลเสียอีก เพราะเกษตรตำบลมีแต่วิชาการมาบอกมากล่าว ไม่เคยลงมือทำเอง แต่ชาวบ้านทำมากับมือจึงรู้ตื้นลึกหนาบาง พร้อมที่จะดัดแปลง และหรือค้นพบแนวทางใหม่ๆด้วยตัวเอง

มองในแง่ร้าย หากเกิดกรณีมีการทำสัญญาทำการผลิตเพื่อส่งออกอย่าเดียวนั้น เหมือน Contract Farming อันตรายสำหรับชาวนาและประเทศ เพราะในสัญญาจะผูกมัดการผลิต ให้เป็นไปตามคำสั่ง หรือ Order ชาวนาจะกลายเป็นแรงงาน และหากรัฐให้ความร่วมมือกับบริษัทข้ามชาติ หรือแหล่งทุนนั้นแล้ว รัฐมีสิทธิ์ออกกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบร้อยแปดเพื่อกระทำตามสัญญานั้นๆ ในประเทศที่ปกครองโดยสังคมนิยมมีแนวโน้มที่จะทำเช่นนั้นได้ และเคยทำมาแล้ว

รัฐยังมอง GDP เป็นเสาหลักในการพัฒนาประเทศ ทุ่มเทภาคส่งออก ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องรังเกียจ แต่ปล่อยปละละเลย หรือไม่จริงจัง หรือแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เช่น จำนำข้าว ตั้งกองทุน ฯลฯ นี่มันปลายเหตุ แต่สิ่งที่ต้องทำก่อน ทำมากๆคือ ทุ่มเทงานศึกษาค้นคว้า การวิจัย การผลิตให้มากๆ อย่างควรมีการวิจัย ค้นคว้าเรื่องพืชในภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะข้าว

อาจารย์ท่านหนึ่ง แห่งคณะเกษตรศาสตร์ มช. ท่านทำ Simulation เรื่องผลผลิตข้าวในภาวะโลกร้อนอยู่ และพืชหลักอื่นๆอีก น่าสนใจมาก นี่ก็วิกฤติอาหาร ก็เมื่อโลกร้อน ผลผลิตข้าวจะลดลง โรคแมลงชนิดใหม่ๆจะเกิดขึ้น ในขณะที่วิชาการด้านการกำจัดโรคแมลงยังต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีที่จะค้นพบวิธีการกำจัด

เมื่อต้นตอทางการผลิตนักการเมืองไม่มีนโยบาย เอาแต่ยาหอมสวยๆ จำนำข้าว นี่ประกาศแล้ว ข้าวขาวมะลิ 105 ให้ราคาตันละ 20,000 บาท

โธ่ โธ่ โธ่…โรงสีกับนักการเมืองรวยกันอีกแล้ว….


เมื่อขวัญเสีย..

397 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 กันยายน 2011 เวลา 11:18 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 7280

ขำ ขำ ในช่วงเวลาคับขันของ กทม.

ก็ท้ายรถคันนี้น่ะซี ลองดูซิ พี่แกเอาอะไรมาติดบ้าง

ทั้งหน้ากากลงยันต์ ตุ๊กตาโทรมๆ ไม้แบดฯหักๆ

โอย อะไรอีกหลายอย่าง

จะว่าอารมณ์ศิลปิน แต่ศิลปินสาขาไหนก็ไม่สามารถระบุได้

แถมมาไกลเสียด้วย หรือเสียขวัญมาจากกรณีชายแดนภาคใต้ก็ไม่รู้นะ อิอิ

เอ้าดูกันเพลินๆ..ช่วงที่ผมก็หาจุดลงตัวอยู่นะครับ


Messenger 1

1264 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 กันยายน 2011 เวลา 9:00 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 18406

งานที่ปรึกษานั้น ต้องรักษามาตรฐานหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือตรงต่อเวลา หมายถึงกำหนดการต่างๆนั้นต้องเป็นไปตามแผนงานเปะ เร็วกว่าได้ แต่ช้ากว่าไม่ดี…เสียหาย.. อย่าง Report มีกำหนดส่งแล้วไม่ได้ส่งนี่ บริษัทเสียชื่อ ถูกหยิบยกมาตำหนิได้ไม่รู้จบ สำหรับผู้ว่าจ้าง ยิ่งมีคู่แข่งมาก ก็ยิ่งเป็นจุดอ่อน

ผมไปทำงานบริษัทที่ปรึกษาใหม่ๆก็นึกแปลกใจว่าบริษัทมี “ทีมงานมอเตอร์ไซด์ซิ่ง” เอาไว้ช่วยในกรณีจวนเจียนการส่ง Report ซึ่งในมุมมองผมคิดว่ามันเป็นปกติของการทำงานที่บางครั้งเราควบคุมตัวแปรไม่ได้หมด ทำให้เกิดความล่าช้าขึ้นได้ ยิ่งสังคมกรุงเทพฯรถติด การไปประชุม ไม่ทันก็ต้องอาศัยมอเตอร์ไซด์ ส่งเอกสารแบบจวนเจียนก็อาศัยเด็กมอเตอร์ไซด์ ที่ถึงกับจ้างมาประจำบริการ เราเรียก messenger เรียกง่ายๆว่าเด็กเดินเอกสาร

เคยทราบว่าเอางานรายงานสำคัญไปให้วินาทีสุดท้าย ด้วย Messenger หรือมอเตอร์ไซด์นี่แหละ ที่สามารถซอกแซกบนถนนที่รถติดมหาศาลทันเวลาพอดี… หลายหน่วยงานก็มี messenger ประจำการที่สามารถเติมเต็มงานตรงนี้ได้ เข้าใจว่ามีบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ โดยที่หน่วยงานไม่ต้องจ้างพนักงานประจำ จะใช้ก็เรียกบริษัทมาทำหน้าที่นี้ โดยเสียค่าใช้จ่ายที่ต่างฝ่ายพึงพอใจ

ช่วงนี้ผมก็เป็น Messenger ครับแต่ไม่ได้ใช้มอเตอร์ไซด์ แต่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเพราะไม่ได้วิ่งในกรุงเทพฯ ไปวิ่งรอบนอก ไปหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาเอกสารไปให้ ขอรับสำเนาที่ลงรับตามทะเบียนรับเอกสารแล้วกลับมายังสำนักงาน

การมาเป็น Messenger ก็ได้เรียนรู้อย่างน้อยที่สุดสองเรื่อง คือ คน กับสถานที่ ผมพยายามพูดไพเราะที่สุด “ครับผม” ทุกคำ เวลาไปพบเจ้าหน้าที่สำนักงานที่รับเอกสารก็ยืนกุมมือเรียบร้อย เพียงหน้าตาแก่ไปกว่าที่ควรจะเป็นเด็กเดินเอกสาร หน่วยงานเขาไม่ถามหรอกครับ เรามาในฐานะนั้น เขาก็คิดว่า “ไอ้หน่วยงานนี้ทำไม messenger แก่จังวะ…แถมพุงใหญ่อีกต่างหาก…อิอิ” บางหน่วยงานก็ดีมาก หากผมเป็นคนให้ดาว ก็จะให้ 4 ถึง 5 ดาว บางหน่วยงานก็…แม่เจ้าประคุณทูนหัวเอ้ย…..สุนัขไม่รับประทานจริงๆ เราก็ปลงซะ..

บางหน่วยงานที่ผมชื่นชมคือ โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล หรือชื่อเดิมคือ อนามัยตำบลจะเดินขึ้นไปต้องถอดรองเท้าขึ้นไป เพราะสถานที่แห่งนี้คือโรงพยาบาลต้องปฏิบัติเสมือนเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด มีแผนกต่างๆมีเจ้าหน้าที่มากน้อยแล้วแต่ สะอาด มีระบบ หลายแห่งที่ไปพบเขากำลังยุ่งกับงานรับคนป่วย เราเห็นเขาทำงานแล้วก็ชื่นใจ บางแห่งท่าน ผอ.อยู่คนเดียวลูกน้องไปอบรม ประชุมหมด ท่านต้องมารับหนังสือเอง บางแห่งเจ้าหน้าที่มารับเป็นคนที่จบปริญญาโท ด้านสิ่งแวดล้อม ออกจะเป็นสาวประเภทสอง แต่บริการดีมาก

ที่แย่ที่สุดดูจะเป็นที่ว่าการอำเภอ โทรม สกปรก เมื่อเทียบกับ โรงพยาบาลฯตำบลดังกล่าว กองเอกสารรกรุงรังล้นโต๊ะ สาวเจ้าก็คุยกัน หรือไม่ก็ทานอะไรจุ๊บๆจั๊บๆ เมื่อเราไปยื่นหนังสืออธิบายแล้วเขาก็ชี้บอกว่า “ลุงไปนั่งคอยก่อน” อิอิ เออ หน้าตาเราเป็นลุงจริงๆ แต่น้ำเสียงเธอไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่ ระหว่างนั้นมีพ่อค้าขายของกินเดินขึ้นไป ทุกคนก็หันหน้าไปดูสินค้า รวมทั้งเธอที่รับเอกสารเรานั้นด้วย วางเอกสารเราลงแล้วก็ไปสนใจสินค้านั้นๆ…อ้าว….ปล่อยให้ลุง(ผมเอง)นั่งยิ้มแบบสมเพชสภาพที่เกิดต่อหน้า…. ผมปล่อยให้เวลาเป็นของเธอนึกอะไรไปต่างๆนานา เช่น แม่หนูจ๋า ลุงคอยอยู่นะจ๊ะ… ลุงรีบจ่ะ… ยังไปอีกสามสิบแห่ง…. แต่เพียงนึกในใจ ไม่ได้เปล่งวาจาออกมาขัดจังหวะเธอ….ห้า ห้า ห้า

ที่เทศบาล ผมว่าเป็นระบบดีกว่าที่ว่าการอำเภอ เจ้าหน้าที่กระฉับกระเฉงกว่า แค่เดินเข้าไป แม้จะมีคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ก็เงยหน้าทักทายว่า มาทำอะไร ต่างก็แนะนำไปตรงนั้นตรงนี้…และก็รีบจัดการให้ เซ็นรับ ปั้มลงวันที่ ในใบสำเนาที่เราไปเตรียมเรียบร้อยนั้น แล้วยื่นกลับให้เรา

สรุปว่าที่ว่าการอำเภอ ห่วยแตกที่สุด ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดีที่สุดครับ


หมวกเหล็ก..

8 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 กันยายน 2011 เวลา 21:48 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2521

ที่หมวกเหล็กเวลา 15:47 น. วันนี้


“นกกะยาง…เฒ่า”

455 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 9 กันยายน 2011 เวลา 23:26 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 9968

กินโต๊ะ

เห็นภาพนี้แล้วมันเป็นเครื่องชี้วัดอย่างหนึ่งว่า

อาหารของนกมีมาก และไม่มีสารพิษ

ความจริงจำนวนนกกะยางมีมากกว่าที่เห็นสักสามเท่า

แต่ตัดมาเพียงแค่นี้ ผมไม่เห็นฝูงนกกะยางมากแบบนี้นานมาแล้ว

สมัยเด็กๆเห็นบ่อยเพราะเราอยู่ติดทุ่งนา ซึ่งเป็นพื้นที่ในวิถีชีวิตของนกกะยาง

เห็นแล้วนึกถึงอาขยายสมัยเด็ก

นกกะยางย่างเยื้องชำเลืองเดิน…ฯ

ห้า ห้า ห้า และก็นึกถึง ใครหนอ เป็นแบบนี้

….กินของขม …….สาว เล่าความหลัง…

ห้า ห้า ห้า


เดือนถลุงเงิน

14 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 5 กันยายน 2011 เวลา 1:13 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3000

อย่าคิดว่าผมรวยเละ เลยเอาเดือนนี้ไปถลุงเงินนะ คิดผิด..อิอิ

หลายปีก่อน ผมรับผิดชอบงานด้านฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ในโครงการ พัฒนาระบบชลประทานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กับ EURO-Consult แผนงานจะต้องจัดการฝึกอบรมระบบการจัดการน้ำชลประทานให้กับ Zoneman ด้วยระบบโปรแกรมใหม่ แต่จัดไม่ได้เพราะโรงแรมในจังหวัดขอนแก่นเต็มหมด มหาสารคามก็เต็ม เลยไปถึงร้อยเอ็ด…?

ช่วงที่ผมทำงานที่มุกดาหาร แรกๆผมเช่าโรงแรมชั้นหนึ่งชื่อมุกดาหารแกรนด์โฮเต็ล ช่วงเดือนนี้โรงแรมแทบจะไล่ผมออกเอาห้องให้แขกพัก เมื่อผมออกจริงๆและย้อนกลับไปทำงานช่วงขยายอายุโครงการ โรงแรมบอกว่า แต่ก่อนให้เช่าเดือนละ 5,000 บาทตอนนี้ขอขึ้นเป็น 20,000 บาท ผมเลยไปพักโรงแรมชั้นสาม หน้าโรงแรมทุกแห่งมีแต่รถทัวร์สองชั้นหรูหรา โอ่โถง แต่คนนั่งข้างใน หน้าตาชาวบ๊านชาวบ้าน

ช่วงที่ผมพอมีเวลาที่ขอนแก่น เย็นๆสัก 5 โมงเย็นก็หิ้วกล้องไปนั่งๆยืนๆดูเมฆ และถ่ายรูปเมฆที่บึงทุ่งสร้าง ซึ่งเป็นบึงบำบัดน้ำเสียของเมืองขอนแก่น และเป็นแก้มลิงช่วงน้ำหลาก ที่นั่นผมมักพบกับเจ้าหน้าที่ชลประทานท่านหนึ่ง บอกว่ามีบ้านอยู่ใกล้ๆเลยขับมอเตอร์ไซด์มาเที่ยวเล่นบ่อย เห็นผมเอาแต่มองท้องฟ้า ถ่ายรูปจึงอยากมาคุยด้วย เพราะเขาเองก็ชอบถ่ายรูป เราสนทนากันหลายต่อหลายเรื่อง และเรื่องหนึ่งก็คือ เขากล่าวว่า…บึงทุ่งสร้างแห่งนี้เป็นที่ถลุงเงินของเทศบาลนครขอนแก่น…เพราะสิ้นปีงบประมาณเงินเหลือ ก็มาลงที่นี่ ขุดๆ ลอกๆ ปลูกต้นไม้เป็นพันๆต้น(แต่ไม่ดูแล ตายมากกว่าครึ่ง..) และอื่นๆ..ฯลฯ

เมื่อสัปดาห์ก่อนผมไปประชุมกับเทศบาลเมืองสนั่นรักษ์ ปทุมธานี คนมาประชุมนิดเดียวบอกว่าผู้นำชุมชนติดศึกษาดูงาน กล่าวอีกทีคือ โปรแกรมซ้อนกัน สัปดาห์ต่อมาก็ไปประชุมที่เทศบาลธัญบุรี ปทุมธานี ก็เช่นกัน มีคนมาไม่ถึง 10% ของเป้าหมายที่วางไว้ จะยกเลิกก็ไม่ได้ จะดันทุรังจัดก็คนน้อยเกินไป แต่เวลาบีบเราว่าจะต้องทำ…

ทั้งหมดทั้งสิ้นที่กล่าวมาก็คือเดือนนี้เป็นเดือนกันยายน ไม่ใช่เดือนเกิดของใครหรอก แต่เป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ เรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นในเดือน สิงหาคม กันยายนนี่แหละ นานแสนนานมาแล้วเป็นแบบนี้ เดี๋ยวนี้ก็เป็นอยู่ เพราะงบประมาณที่ตั้งไว้ใช้ไม่หมด ก็มายกยอดเอาเดือนสุดท้าย หาเรื่อง ศึกษาดูงาน จัดประชุม สัมมนา สารพัดกิจกรรมที่จะใช้งบประมาณให้หมด มิเช่นนั้นจะส่งผลกระทบไปถึงการพิจารณางบประมาณในปีงบประมาณถัดไป

หลายเรื่องที่จัดก็โอ..อยู่นะ แต่ส่วนมากถลุงเงินมากกว่า

ที่เทศบาลแห่งหนึ่งที่ผมไปประชุม เจ้าหน้าที่วุ่นกับการเตรียมกระเป๋า หมวก เสื้อ ปากกา สมุด สำหรับแจกชาวบ้าน(หัวคะแนน)ที่จะเดินทางไปศึกษาดูงานกันในอีกวันสองวันนี้ด้วยรถบัสปรับอากาศอย่างดี 6 คัน….

ไม่วิเคราะห์ วิแคะอะไรหรอก รู้ๆกันอยู่ นะ


สไบฟ้า..

53 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 กันยายน 2011 เวลา 10:25 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1761

ข้าฯผู้เป็นธุลีดิน มิอาจสั่งฟ้าได้…

แต่ข้าฯขอตามเก็บความงามของฟ้า…

ความสวยอยู่ที่สายตากับจินตนาการ

ข้าฯผู้เป็นธุลีดินเห็นสไบปลิวไสวบนท้องฟ้านั่น…

ถูกกิเลสข้าฯ..

ขอให้ข้าฯดื่มด่ำความงามของฟ้าเถิด..

 

สถานที่: Ariya, The Color Premium, BKK


เบื่อ..

155 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 สิงหาคม 2011 เวลา 10:54 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2986

เบื่อหน่ายไอ้เมล์เหล่านี้เน๊าะ


15,000 บาท

134 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 27 สิงหาคม 2011 เวลา 22:34 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4027

ผมนั้นชอบคุยกับคนงาน ร้อยละ 99 มาจากอีสาน มาขับแท็กซี่ มาเป็นช่าง สารพัดช่าง มาเป็นยาม มาเป็นทุกอย่างที่เขาเปิดรับ ผมนั้นมักสอบถามการประกอบอาชีพที่บ้าน ก็ส่วนใหญ่ทำนา ถึงฤดูทำนาก็กลับบ้าน หมดหน้านาก็เข้ามาทำงาน ทั้งผัวทั้งเมียก็มี กินอยู่ง่ายๆ ลุยงานไม่มีกลัวเรื่องความสกปรก เปื้อนต่างๆ ก็เป็นอาชีพเขา ตอนกลางวันกินข้าวแล้วก็งีบนิดหน่อย แล้วลุยต่อ หากผมมีเวลามีจังหวะก็จะซื้อน้ำแข็ง ส้มตำแซบๆมาบริการเขา

เมื่อผมถามว่าใครจะทำนาต่อไปหลังจากรุ่นเขาแล้ว ต่างก็ส่ายหน้า ตอบไม่ได้ และเขาก็เชื่อว่าลูกหลานเขาหากโตขึ้นมาแล้ว อาจมีเพียงร้อยละ 10 ที่ยังทำนาเหมือนพ่อแม่ต่อไป….

ผมทราบมาเป็นปีแล้วว่าที่ทางเหนือ มีการจ้างชาวพม่ามาทำนา จนนักวิชาการหลายท่านเรียกชาวนาว่า “ผู้จัดการนา” และหลายสิบปีสมัยที่ผมทำงานแถบชายแดนไทยสุรินทร์ ทราบว่ามีชาวเขมรจากกัมพูชา มารับจ้างทำนาแถบชายแดนนั้นเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่มีสายสัมพันธ์กันอยู่ เช่น เป็นญาติพี่น้องกัน เป็นเพื่อนกัน เลยเหมือนกับว่า การมาใช้แรงงานแบบนั้นไม่สามารถเรียกเต็มปากว่ามารับจ้างทำนา มันมีความหมายเชิงวัฒนธรรมท้องถิ่นด้วย

เมื่อยุคสมัยการเรียนเพื่อจบออกไปรับราชการ แล้วก้าวมาสู่ยุคธุรกิจ ระบบการศึกษาก็พูดถึงการสร้างคนป้อนระบบธุรกิจ แม้แต่ลูกหลานชาวไร่ชาวนาก็เปิดอาชีวะ เปิดวิทยาลัยเกษตร แต่ทั้งหมดก็มุ่งสู่การทำงานเพื่อเงินเดือน

แม้คนที่ไม่ผ่านระดับอุดมศึกษาก็มุ่งหน้าเข้าเมืองกรุงเพื่อขายแรงงานในระบบอุตสาหกรรมต่างๆ คนแล้วคนเล่า ต่างก็หลุดจากทุ่งนา ไร่สวน สู่ป่าคอนกรีต แม้ว่าค่าใช้จ่ายจะสูง แต่ก็อยากจะดิ้นรนในสภาพนี้ต่อไป ใครมีช่องอย่างไรก็ดิ้นกันไป

เมื่อผมมาทำงานพัฒนาชนบท มีแนวคิดดึงคนกลับมาทำงานไร่นาสืบต่อพ่อแม่ โดยเฉพาะพวกไปขายแรงงานต่างๆ โดยใช้หลายๆวิธีการ เช่น สัมมนาคนกลุ่มพ่อแม่เพื่อสร้างแนวคิดให้เขาไปคุยต่อกับลูกหลาน ทำกิจกรรมกับวัยรุ่น เพิ่มความรู้อาชีพ วิเคราะห์วิถีแรงงานในเมือง และทางออกที่เหมาะสมของชาวชนบท ฯลฯ แต่ก็แค่ได้ทำกิจกรรม ผลสัมฤทธิ์มีแต่ไม่มากที่อยากให้เกิดขึ้น

การเมืองมาเสนอ 15,000 บาทสำหรับปริญญาตรี จ่ายทันทีที่เป็นรัฐบาล..???!!!!

มันน่าจะดีมากๆ ที่นักการเมืองเสนออย่างนั้นเพื่อสร้างแรงจูงใจในการสร้างสิ่งโดนใจแก่ประชาชน แล้วจะได้รับเลือกเป็นรัฐบาล ซึ่งก็ได้ผล เขาได้รับเลือกมามากมายไม่ใช่ประเด็นนี้ประเด็นเดียวแน่นอน แต่มองผิวเผินการขึ้นเงินเดือนให้ผู้มีงานทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี ยิ่งยุคข้าวของแพง เงินมีความหมายมาก

ผลกระทบมุมหนึ่งของนโยบายนี้ก็คือ ลูกหลานชาวไร่ชาวนามุ่งหน้าเรียนให้จบปริญญาตรีเพื่อหางานทำที่มีเงินเดือนเดือนละ 15,000 บาท แล้ว แต่ไม่ได้แก้ปัญหาแรงงานภาคการเกษตรที่ขาดแคลน และไม่มีการพูดถึงด้วย นี่คือปัญหาใหญ่ของสังคมไทยที่รอการแก้ไข…

มันไม่ใช่ความผิดที่ลูกหลานชาวนาจะเดินหน้าไปหางานทำ กินเงินเดือน 15,000 นะครับ แต่ดูเหมือนลูกหลานชาวไร่ชาวนาจะหันหน้าเอาความรู้ไปพัฒนาการผลิต ห่างไกลออกไปมากขึ้น


นังแดง..

228 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 25 สิงหาคม 2011 เวลา 1:14 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3927

เฮ้ย…นังแดง เองไปนอนเล่นทำไม…


ว้ายยยย ดูไม่ได้ นอนแผ่หมดเลย ดูไม่ได้ ไม่ดูดีกว่า…ว๊ากกกก


นี่นังแดง ว่าแล้วยังแผ่หลาอีก…ไม่เอา ข้าไปละ กลับบ้านดีก่า


อี๊ยยยยย สนุกจังเยย….ไม่มีใครมากวนใจ ไม่มีใครมาว่าเรา

แม้ตัวฉันจะแดง แต่ฉันก็ไม่ใช่หมาเสื้อแดงนะ จาบอกให้…. เอ๋ง เอ๋ง…


ได้โปรดเถอะ..

132 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 24 สิงหาคม 2011 เวลา 20:31 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3604

เมื่อเช้าประมาณ 6.45 น. ผมขับรถผ่านหน้าวัดแห่งหนึ่ง และข้างวัดเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ช่วงเวลานั้นมีพระรูปหนึ่งกำลังเดินกลับวัดหลังจากออกบิณฑบาตเช้าแล้ว ก็เดินสวนทางกับกลุ่มนักเรียนชายหญิงที่เดินไปโรงเรียน

ภาพที่ผมเห็นนั้น ผมรู้สึกผิดหวังมากๆ การจราจรบนถนนบังคับให้ผมต้องกระดื๊บๆรถไปข้างหน้าเรื่อยๆ แต่การผิดหวังนั้นไม่ใช่เพราะรถติดแต่เช้า แต่ผมเห็นสีหน้าพระท่านดูเหนื่อยหน่ายต่อความประพฤติของเด็กนักเรียนที่สวนทางกับท่าน เพราะ

  • ไม่มีการหลีกทางเข้าไปแอบข้างๆพร้อมนั่งลงพนมมือให้พระคุณเจ้าเดินได้สะดวกกลับวัด
  • นอกจากไม่ทำดังข้อแรกแล้วยังไม่สนใจว่านั่นคือพระ เขาเหล่านั้นเดินแทบชนพระ จนพระหยุดเดินและทำท่าเซจะลงสู่ถนนที่รถติดยาวเหยียด

ผมย้อนไปเมื่อเด็กๆผมเรียนหนังสือที่วัดกำแพง ที่มีพ่อเป็นครูใหญ่ ปกครองเด็กด้วยไม้เรียว สมัยนั้น หากเดินสวนพระเด็กๆก็จะหลบข้างทางนั่งลงพร้อมยกมือไหว้พระ พระท่านเดินผ่านไปพร้อมให้ศีลให้พรลูกหลาน โดยเฉพาะหากเด็กนักเรียนเป็นผู้หญิงก็ห่างออกไปไกลเลยอย่างต่ำ 1 เมตรโดยประมาณ

ภาพเหล่านั้นคือการแสดงความเคารพ ให้เกียรติท่านผู้ทรงศีล ซึ่งครูและพ่อแม่เป็นผู้สั่งสอน แนะนำให้ทำดังกล่าว และเด็กทุกคนก็ทำตามตลอดมาจนโต แก่เฒ่าก็จะยกมือท่วมหัวเมื่อพระท่านเดินผ่าน

คุณค่าของพระนั้นสังคมชนบทสมัยก่อนยกให้อยู่ในที่สูง ด้วยความเคารพ ศรัทธา พ่อแม่สอนลูกหลานมาอย่างนั้น เด็กๆไม่ห่างวัด เล่นที่วัด ไปทำบุญกับพ่อแม่ ไปเที่ยวงานศพที่วัด ไปจัดงานประเพณีชุมชนที่วัด ไปประชุมกันที่วัด ไปพูดคุยกับพระที่วัด…. ศาสนาจึงอยู่คู่จิตใจคนชนบท หรือคนในสังคมอดีต

โรงเรียนชิงความเป็นเลิศทางวิชาการ เน้นไปสอบโอลิมปิค แต่จะวิ่งชนพระที่ออกบิณฑบาตตอนเช้า คุณค่าของชีวิตไปอยู่ที่ความสำเร็จของการได้รางวัล ละเลย ห่างหายไปจากคุณค่าทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของเรา ศาสนาไปอยู่ไกลจากชีวิต พระสวนทางมาก็เป็นแค่ชีวิตหนึ่งเท่านั้นไม่ได้มีคุณค่าเทียบเท่าแต่ก่อนแล้ว

ผมเชื่อว่าทุกท่านก็เคยเห็นภาพเหล่ามาแล้ว

ผมคิดไปไกลว่าอนาคต คำว่า พ่อ แม่ ความผูกพันระหว่างพ่อ แม่ นั้นมันจะห่างหายไปอยู่ตรงไหน เหมือนกับที่เพื่อนที่ใช้ชีวิตในอเมริกาท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ..ฝรั่งผู้ลูกจากบ้านไปนานคิดถึงพ่อแม่ ก็ขับรถไปหา พ่อลูกดีใจก็ไปนั่งคุยกัน ระหว่างคุยพ่อก็ไปชงกาแฟมาให้เพื่อนั่งคุยกันนานๆ เมื่อสิ้นสุด ลูกชายควักกระเป๋าหยิบเหรียญขึ้นมาแล้ววางไว้ใกล้ถ้วยกาแฟพร้อมบอกพ่อว่า ลูกคิดถึงพ่อจึงมาหา แต่ลูกมีเวลาน้อย ต้องขอตัวกลับ และนี่คือค่ากาแฟที่พ่อชงให้เมื่อต้นชั่วโมง…….

ได้โปรดเถอะ….อย่าให้สังคมไทยก้าวไปถึงตรงนั้นเลย….

ได้โปรดเถอะ…ผมไม่อยากอ่านข่าวว่าเด็กนักเรียนหญิงเดินชนพระที่วัดขณะกลับจากบิณฑบาต


พ่อแสน ผู้เฝ้าเรียนรู้ธรรมชาติตัวจริง..

111 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 22 สิงหาคม 2011 เวลา 23:18 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3727

วันก่อนที่ผมตั้งประเด็นเล็กๆว่า ต้นหมากเม่าข้างบ้านออกผลสุกเต็มต้น แล้วก็มีนกมากิน มีกะรอกมากิน ปริมาณผลสุกมันมากมาย ทำไมทั้งนกและกะรอกจึงไม่ลงมือกินที่นี่จนอิ่มแล้วกลับรังไปนอนตีพุง มันกลับบินไปต้นอื่น ไปหากินที่อื่นต่อไป….ทำไม…

ข้าว กข 6 ที่ชาวบ้านปลูก เมื่อใช้พันธุ์ที่สืบต่อกันเป็นปีที่สาม พอเข้าปีที่ 4 จึงต้องเปลี่ยนเอาข้าวพันธุ์อื่นมาปลูกสลับกัน…..ทำไม…

ทำไมคนเราจึงกินอาหารหลายอย่าง ทำไมไม่กินไข่เจียวอย่าเดียวตลอดชีวิต… เบื่อตาย..ห่..

แล้วทำไมต้นไม้ที่ปลูกเป็นสวนชนิดเดียว เช่นสวนยางพารา สวนนั่นสวนนี่ เมื่อดูแลไปหลายปีเข้า ต้นยางก็ไม่แข็งแรง …. สวนไม้อื่นก็เช่นกัน

พ่อแสน วงษ์กะโซ่ แห่งดงหลวงบอกว่า ไม่ได้หรอก ดูไม้ในป่าทึบนั้นสิ ต้นไม้งาม ไม่มีตาย ไม่มีโรคภัย แข็งแรง พ่อแสนบอกว่า เพราะมันมีพืชหลายชนิดขึ้นผสมกันไป ใบไม้ที่ล่วงลงมาเมื่อเขาย่อยสลายกลับคืนสู่ดิน
ก็เป็นอาหารซึ่งกันและกัน

นั่นคือระบบธรรมชาติ แต่มนุษย์ อ้างวิชาการให้จัดเป็นสวนสวยงาม ปลูกให้เป็นแถว ระยะแถว ระยะต้น ต้องเท่านั้นเท่านี้ มันไม่ใช่ ลองเอายางพาราเทียบคุณภาพกันซิว่ายางพาราในสวนสวยงามกับยางพาราที่ปล่อยให้ขึ้นในป่ารกนั้นต่างกันอย่างไร

พ่อแสนสรุปจาการเข้าถึงธรรม แห่งธรรมชาติว่า ต้องปลูกพืชผสมผสานปนกันไป หรืออย่าไปทำลายพืชธรรมชาติที่มันขึ้นมาเอง พ่อแสนเฝ้าวิเคราะห์ว่า นักวิชาการบอกว่า ใบไม้เมื่อล่วงหล่นสู่พื้นดิน เขาจะย่อยสลายเป็นปุ๋ยแก่ตัวเองและแก่พืชอื่นๆที่อยู่ในบริเวณนั้น

ใบมะขาม มีสรรพคุณทางยาแบบหนึ่ง ใบว่านสาวหลง ก็มีคุณทางสมุนไพรอีกแบบหนึ่ง นั่นแสดงว่า ใบไม้แต่ละชนิดมีคุณค่าที่แตกต่างกันไป เมื่อมันเปื่อยยุ่ยก็สร้างให้ดินอุดมสารพัดแร่ธาตุ นกไม่กินเมล็ดพืชชนิดเดียวแล้วกลับบ้าน เมื่อกะรอกไม่กินหมากเม่าให้พุงกางแล้วกลับไปรัง
มนุษย์ก็แสวงหาของกินหลายๆแบบ ต้นไม้ก็ต้องการอาหาร ปุ๋ย ธรรมชาติหลายๆแบบ ต่างเสริมแก่กันและกัน

นี่เองพ่อแสนจึงปลูกป่าครอบครัวมีสารพัดชนิด มีทางแหวกให้เดิน ลูกๆหรือใครๆอย่ามาถางให้เตียนโล่งนะ พ่อแสนไม่เอา

พวกวิ่งตามยางพาราก็ปล่อยเขาไปเถอะ พวกวิ่งตามกฤษณาก็ปล่อยเขาไปเถอะ เดี๋ยวก็วกกลับมาหาเราหรอก เพราะมันไปไม่รอดหรอกแบบนั้นน่ะ

เมื่อคืนไปพบพ่อแสนที่โรงแรมกลางกรุงเทพฯ พ่อแสนมาร่วมประชุมสรุปผลการประเมินโครงการ จึงได้คุยกัน หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องที่บันทึกข้างบนนี้แหละ

ทราบว่าผลงานพ่อแสนที่เฝ้าสร้างป่าครอบครัวของตัวเองมาจากผืนดินที่แปนเอิดเติด (แปลว่าโล่งเตียน) จากการปลูกมันสำปะหลังจนมาเป็นป่านั้น ได้รับโล่ไปแล้ว สองแห่ง นี่ อาจารย์ ดร.อุษา แห่ง ม.มหาสารคาม เจ้าแม่สิ่งแวดล้อมเชิงวัฒนธรรม ประทับใจพ่อแสนมากที่สุดแห่งที่สุด บอกเดินทางไปพบชาวบ้านมามากมาย ทำไมพ่อแสนมาซุกตัวอยู่ดงหลวงนี่ได้ ว่าแล้วก็จะพานักวิชาการหลายประเทศมาดูงานและคุยกับพ่อแสนปลายเดือนหน้านี้..ที่ดงหลวง


 


หลังฝนตก คุณทำอะไร..

110 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 สิงหาคม 2011 เวลา 22:22 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3484

หลังฝนตกวันนี้ สัตว์เพื่อนร่วมโลกทำอะไรกันบ้าง


หลุมบ่อแห่งวิถี..

123 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 14 สิงหาคม 2011 เวลา 10:27 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4667

ขณะที่หนุ่มสาวรุ่นใหม่ในเมืองนั่งในห้องแอร์เย็นฉ่ำ เล่นโปรแกรมใหม่ในคอมพิวเตอร์ที่กำลังฮือฮา ยามเที่ยงเขาขับรถที่แต่งเริดไปทานอาหารตามร้านดัง กลับมาทำงานต่อในห้องแอร์ที่ทำความเย็นรอรับ เจ้าของกิจการทราบว่าบรรยากาศที่เย็นฉ่ำจะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานสูงมากขึ้น

เครื่องมือสื่อสารสารพัดชนิดช่วยให้งานในหน้าที่ของเขาก้าวหน้า สิ้นปีเขาได้รับการเสนอเลื่อนขั้นมีรายได้มากขึ้น เขาไปผ่อนบ้านราคาสามล้านขึ้น ติดแอร์ทุกห้อง อุปกรณ์ไฮเทค เครื่องมือเครื่องใช้ในบ้านถูกสั่งมาจากร้านใหญ่มีชื่อเสียง ล้วนใช้ไฟฟ้าทั้งสิ้น

เช้าตื่นแสนยากเย็นเพราะเกือบทุกคืนเขามีนัดสังสรรค์กับเพื่อน และหลายครั้งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ เขาเผชิญรถติดตามซอย สี่แยก และถนนใหญ่ที่ใครๆก็มุ่งหน้ามาใช้เส้นนั้น แม้ว่าเขาจะผ่านช่วงเวลารถตืดไปแล้ว แต่พื้นที่ตรงนั้นคนอื่นๆก็เข้ามาแทนที่

กลางคืนยามนั่งเครื่องไปทำหน้าที่ผ่านเมืองใหญ่ มันเหมือนสวรรค์ เพราะมันสว่างไปทั้งพื้นที่สุดลูกตา ไฟฟ้ามหาศาลถูกบริโภคไปโดยเพื่อประสงค์ความสะดวกสบายและวัตถุประสงค์อื่นๆของมนุษย์ ไฟฟ้ามีความสำคัญเท่ากับข้าวสำหรับคนเมือง เช่น..นั้นหรือ….

หมู่บ้านห่างไกลออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ชาวบ้านรอฟ้าฝนที่แห้งแล้งมานาน เขาบอกว่า หากสัปดาห์นี้ฝนไม่มา ปีนี้ก็จะไม่ได้ข้าวกิน เพราะต้นข้าวจะตายหมด แต่แล้วเมื่อคืนฟ้าก็รั่ว ฝนเทลงมามหาศาล เกินพอดี น้ำฝนท่วมทุ่งนาที่เมื่อวานยังแห้งผาก…ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี.. ครอบครัวนั่งกินข้าวด้วยใจที่เหม่อลอยต่างคิดว่า แล้วจะทำอย่างไรต่อไป..


สายวันนั้น ลูกชายลูกสาวพ่อเฒ่าก็จัดเสื้อผาใส่กระเป๋านั่งรถโดยสารมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ หางานรับจ้างก่อสร้างทำ ไปเผชิญโชควันข้างหน้า แม้ว่าจะพบอะไรก็ตาม แต่ข้างหลังมันหมดหวังเสียแล้ว…..

ระหว่างนั่งรถนั้น หนุ่มบ้านนอกดูทีวีในรถเขาออกข่าวว่า มีชาวบ้าน นักวิชาการรวมตัวกันต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หรือเขื่อน เพราะมันไปกระทบสิ่งแวดล้อม สารพัดจะก่อเกิดปัญหาตามที่เขาอธิบาย หนุ่มท้องนาคิดไปไม่ออกว่ามันเป็นอย่างไร แต่สิ่งตรงหน้าเขาคือแก้ปัญหาปากท้องที่กำลังเผชิญต่อหน้า…..

คนเมืองต้องการไฟฟ้า

ชาวนาต้องการน้ำที่พอดีกับการปลูกข้าว พืชผัก

นักวิชาการป่าวประกาศเรื่องสิ่งแวดล้อม โลกร้อน ..ฯลฯ….

เรื่องนั้น เรื่องนี้ กลุ่มนั้น กลุ่มนี้

นักการเมืองก็มาประกาศขายฝัน หยิบโยนเศษประโยชน์มาให้ แต่เขานั้นคว้าพุงปลามันชิ้นใหญ่ไปอย่างแอบแฝง เนียนสนิท…..

ความขัดแย้งครั้งใหญ่รออยู่ข้างหน้า….

เลือดทาแผ่นดินอีกกี่ครั้ง ….

วันนี้ผมยังเคาะแป้นคอมพิวเตอร์ต่อไป ตามใจที่สั่งมา…

ชีวิตก็ต้องก้าวต่อไป…..เพียงหลักคิดของเราและการกระทำของเราอยู่ตรงไหน ส่วนไหนของทั้งหมด….

บ่อยครั้งที่ผมเหม่อลอยไปบนท้องฟ้า มองหาก้อนเมฆที่จะบอกรหัสนัยของการแก้ปัญหาเหล่านี้…อิอิ


คิดถึงแม่สาคร..

134 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 12 สิงหาคม 2011 เวลา 9:40 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2518

 

ทุกครั้งที่เดินทางไปเยี่ยมแม่ตามวาระอันเหมาะสม และเมื่อผมกราบลาแม่เพื่อเดินทางกลับบ้านขอนแก่น แม่จะดึงแขนผมไปหอมฟอดใหญ่ แล้วบอกว่า

……”แม่คิดถึงลูกนะ มีเวลาก็มาเยี่ยมแม่นะ”……..

วันนี้ไม่มีแม่ดึงแขนผมไปหอมอีกแล้ว

แม่สาครจากเราไปแล้ว แต่เราก็รักแม่ และ

คิดถึงแม่ไม่เสื่อมคลาย ครับ


ฮีต คอง ตายแล้ว..

124 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 สิงหาคม 2011 เวลา 15:01 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3518

เมื่อคืนมีโอกาสไปดูหนังกับลูกสาว นานหลายปีเต็มทีที่เราไม่ได้ทำกิจกรรมนี้ ทั้งที่ผมเฉยๆและเสียดายเวลามากกว่า แต่ก็ยอมเพราะอยากให้เวลากับเธอ และการนั่งดูหนังด้วยกัน พ่อลูก ก็ดูดี เป็นความรู้สึกที่ดี ระหว่างคอยเวลา เราไปนั่งทานกาแฟโปรดกัน เธอก็เล่าชีวิตประจำวันให้ฟัง ช่วงหนึ่งเธอตั้งประเด็นขึ้นว่า ทำไมเดี๋ยวนี้ผู้ชายไม่เสียสละที่นั่งในรถสาธารณะให้สตรี หรือผู้สูงอายุ ปล่อยให้สตรีที่นั่งติดกันทำหน้าที่นั้น ผู้ชายกลับไปสนใจเล่นมือถือ ก้มหน้าทำเป็นทำงานยุ่งไปหมด แม้คุณยายที่เธอเสียสละที่นั่งให้ก็พูดกับเธอว่า ยายก็รู้สึกว่า ผู้ชายทำไมไม่มีน้ำใจให้ผู้สูงอายุกันแล้ว บ่อยครั้งมากที่สตรีเป็นผู้ทำหน้าที่นั่นเอง…

เราวิเคราะห์กันไปต่างๆนานา แต่ก็ชมเธอว่า ลูกทำดีแล้ว ถูกแล้ว ขอให้ทำต่อไป

แต่เมื่อใดที่เธอขับรถเอง ผมนั่ง ดูเหมือนว่าเธอจะเสียอารมณ์มากเลย เพราะรถกรุงเทพฯตัดหน้า แซงขวา แซงซ้าย เพื่อย้ายเลน ขอไปเลนนี้ เธอก็โอเคแต่เมื่อใดที่ผิดกติกามากไปเธอจะหงุดหงิดทันที ห้า ห้า ห้า เธอยังปรับสภาพเป็นคนแบ้งคอกเกี้ยนไม่ได้เต็มตัวอ่ะ….

——–

เวลาผมนั่งแท็กซี่กลับที่พัก คงเหมือนหลายท่านที่ชอบคุยกับคนขับ มีหลายเหตุผลครับ เช่น อยากทราบว่ามาจากอีสานจังหวัดไหน มานานหรือยัง ทำไมต้องมา กลับไปทำนาไหม หรือ วกเข้ามาเรื่องการเมืองเป็นการวัดคามคิดเห็นประชาชนส่วนหนึ่งกลุ่มเล็กๆ ว่าเขาคิดอย่างไรกับเหลือง กับแดง กับอภิสิทธิ์ ยิ่งลักษณ์ และแกนนำแดงแกนนำเหลืองทั้งหลาย

หลากหลายครับคำตอบที่ได้ ทั้งตรงใจผม และขัดแย้งสุดๆ แต่เราก็เก็บความรู้สึกนึกคิดไว้ เพื่อขอความเห็นต่างๆต่อไปอีก เมื่อคืนวานผมพบเด็กหนุ่มขับแท๊กซี หน้าตาดีมาก ผมนั่งจากหน้าบริษัทจะไป NCA คุยไปมา เป็นนักศึกษาปริญญาตรี จบแล้ว ทำงานแล้ว แต่อยากหารายได้พิเศษ ช่วยพ่อแม่ เป็นคนเชียงใหม่ อยากจะทำสักพัก เก็บเงินแล้วจะกลับไปเชียงใหม่ ไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ… ผมชื่นชมเขาที่มีความตั้งใจดีเช่นนั้น

อีกวันหนึ่งนั่งจาก NCA กลับบ้านพัก ได้เด็กหนุ่มอุบล ชอบฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจว่างั้น เป็นนักฟุตบอลด้วย ว่างจากฟุตบอลก็มาขับแท็กซี่ หาเงินเก็บ อยากกลับไปบ้านสร้างอู่ซ่อมรถ เพราะตัวเองสนใจและมีประสบการณ์เรื่องนี้มาหลายปี มั่นใจว่าจะทำได้ เพราะรถแท็กซี่คันที่ขับก็ซื้อเอง ผ่อนเอง ซ่อมเอง เขาเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่เติบโตมาภายใต้การเปลี่ยนแปลงสังคมจากชุมชนดั้งเดิมเป็นสมัยใหม่ จะเรียกเปลี่ยนจากยุคร้านชำเป็น 711 ก็ได้ แม้ว่าจะกลับไปช่วยทำนาทำไร่บ้าง แต่ส่วนใหญ่อยู่กรุงเทพฯ

เราคุยกันเพลินถึงเรื่องสถานที่ เรื่องโน้นเรื่องนี้ ผมก็อยากทดสอบเด็กรุ่นนี้ว่ารู้เรื่องวัฒนธรรม ประเพณีมากน้อยแค่ไหน ผมยิงคำถามเปรี้ยงไปเลยว่า “เจ้าฮู้จัก ฮีต คอง บ่” เด็กหนุ่มมองหน้าผมผ่านกระจกมองหลัง แล้วก็อ้ำอึ้งว่า เอ มันอยู่ใสน้อ… ผมแอบยิ้ม เพราะเข้าใจดีว่า เด็กหนุ่มคงนึกถึงว่าเป็นชื่อสถานที่ และก็แสดงว่าเขาไม่รู้จักวัฒนธรรมอีสานเรื่อง ฮีต คอง

ไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก เป็นความบกพร่องของสังคมพัฒนาที่ทิ้งของดีเดิมของเราไปเอาแต่ของใหม่ๆมาใส่หัว ดูซิ เด็กคนนี้รู้จักทีมฟุตบอลดังของโลกทั้งหมด ระบุชื่อนักฟุตบอลดังๆได้เกือบทุกคน แต่รากเหง้าตัวเอง คือ ฮีต คองนั้น สลายหายไปแล้ว ไม่เหลือติดก้นสมองไว้เลย

หากเรายอมรับว่า ฮีต คองคือทุนทางสังคม คือแรงเกาะเกี่ยวของสังคม คือรากฐานสำคัญของชุมชน หรือของดีมาแต่โบราณ การห่างหายไปกับยุคสมัยนั้น คือคำถามใหม่ของนักการเมือง นักบริหาร นักพัฒนา และครูบา อาจารย์ รวมไปถึงทุกคนที่เป็นคนไทย….??

ความจริงของเก่าจางหายไปมันอาจจะพอรับได้ หากสิ่งที่มาใหม่ดีกว่า แต่นี่มันไม่ใช่ ใช่ไหมครับ ของใหม่มีแต่ปัจเจกนิยม หรือ Individualism ที่คุณค่าทางสังคมหายไปมากมาย เช่น น้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน การเคารพในผู้อื่น การให้ทาน ฯลฯ….เหล่านี้ล้วนเป็นคำสอนใน ฮีต คองทั้งนั้น คุณค่านี้สังคมสั่งสมคุณค่านี้มานานเพราะรู้ว่านี่คือหลักการอยู่ร่วมกัน…

แล้วคนสมัยใหม่ไม่มีกฎ กติกาแห่งการอยู่ร่วมกันหรือ มีครับ กฎหมายก็ใช่ แต่มันมีการละเมิดแบบข้าใหญ่ ลูกข้าทำเหตุให้รถคว่ำมีคนตายหลายคน ล้วนเป็นผู้มีความรู้ แต่สืบสวนไปมา ลูกสาวข้าไม่ผิด

ความคับแค้นใจ มันสะสมเป็นออมสิน ดูคนเข้าป่าสมัยก่อนซิ เพราะคับแค้นการกระทำของคนของรัฐจำนวนหนึ่ง เมื่อสะสมถึงที่สุด สังคมก็ระเบิด เหมือนฟืนที่ถูกน้ำมันชโลม แค่ใครเอาเศษไฟไปโยนใส่ มันก็พรึบออกมาทันที

หากสังคมสมัยใหม่ ไม่มีแรงเกาะเกี่ยวทางสังคมดีดี สังคมนั้นเป็นสังคมอันตราย….

จะไปเดินหาซื้อ ฮีต คองที่ Future Park นั้นไม่มีขายนะครับ


Future Park

345 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 สิงหาคม 2011 เวลา 11:42 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4885

ผมนั่งรถ NCA มากรุงเทพฯ หากสังเกตสองข้างทางก็มีสิ่งน่าคิดหลายประการ เรื่องหนึ่งที่ดูจะไม่มีอะไร ปกติธรรมดา แต่ผมคิดว่าไม่ธรรมดา

ทุกครั้งรถ NCA จะจอดเปลี่ยนพนักงานขับรถที่ลำตะคอง ซึ่งบริษัทเตรียมสถานที่ไว้ น่าชมเชยที่รักษามาตรฐานความปลอดภัยไว้ เมื่อเปลี่ยนพนักงานขับก็ทำให้คนที่ทำหน้าที่กุมชีวิตผู้โดยสาร นั้นสดใส พร้อมที่จะทำงาน ประสาทตื่นตัว เป็นสิ่งที่ดี ขอชื่นชม NCA

รถจะมาจอดอีกครั้งที่วังน้อย ตรงนั้นจะมีตู้เจ้าหน้าที่เล็กๆ พนักงานรถจะวิ่งเอาใบอะไรไม่ทราบไปให้พนักงานคนนั้นปั้มตรา แล้วก็วิ่งขึ้นรถไปต่อ เห็นหลายคันก็ทำเช่นนั้น ระหว่างทางผู้โดยสารจะลงตรงไหนก็บอกล่วงหน้า แต่เมื่อเข้ารังสิตแล้วจะจอดไปเรื่อยๆไม่ได้ เขามีจุดจอดประจำเท่านั้น เช่นที่ Future รังสิต ผมมาทุกครั้งรถก็มาจอดทุกครั้ง และก็มีคนลงทุกครั้ง

มาครั้งนี้มีคนลงสี่ห้าคน แต่แล้วผมสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ

เนื่องจากมีรถโดยสารต่างจังหวัดต้องมาจอดตรงนี้ทุกคัน เพื่อให้ผู้โดยสารลง ตรงนั้นเป็นสะพานลอยหลายสายทำให้ใต้สะพานมีร่มเงา กลายเป็นแหล่งการค้า ร้านเล็กๆมาเปิดขายสินค้า และมีโต๊ะขายตั๋วรถที่รอผู้โดยสารจะเดินทางต่ออีกมากมายหลายสาย มีตำรวจจราจรสามท่านนั่งบนอานรถมอร์เตอร์ไซด์ เมื่อเห็นมีผู้โดยสารลงจากรถต่างจังหวัด ตำรวจทั้งสามท่านก็ลุกและเดินไปที่กลุ่มผู้โดยสารที่ลงจากรถและหมายตาเอาไว้

ผมเดาในใจว่า คงเป็นการตรวจแรงงานต่างด้าว ก็จริงๆด้วย ตำรวจแยกแยะผู้โดยสารออกว่า หน้าตาแบบนี้เป็นคนไทย แบบนั้นเป็นคนต่างด้าว ตำรวจชี้ไปที่สามคน ชายสองหญิงหนึ่งให้เดินเข้าไปหา แล้วพูดอะไรสองสามคำ ชายสองคนทำท่าประหม่า เขินๆและดูก็รู้ว่าขาดความมั่นใจ เขาล้วงไปในกระเป๋ากางเกงเอาสมุดเล็กๆออกมาให้ตำรวจ ใช่แล้วครับ Passport คงจะเป็นแรงงานเขมร…

ตำรวจเรียกผู้หญิงมาและขอดูหนังสือเดินทางด้วย แล้วก็เรียกให้ไปอีกมุมหนึ่งของเสาตอหม้อสะพานลอย พูดคุยอะไรกันไม่ทราบ พอดีรถผมก็เดินทางต่อไปทันที…จึงไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นอีกหลังจากนั้น

ผมนึกถึงตอนที่ผมทำงานที่มุกดาหารก็ทราบว่าที่สถานีขนส่งจังหวัดจะเป็นสถานที่ที่ตำรวจชอบไปนั่งประจำที่นั่นทั้งตำรวจจราจรและไม่ใช่จราจร ก็เพราะว่ามุกดาหารเป็นเมืองติดต่อกับแขวงสะหวันนะเขตซึ่งเป็นแขวงใหญ่ที่สุดของลาว มีแรงงานลาวข้ามมาทำงานฝั่งไทยมากมาย และที่สถานีรถเป็นจุดที่สามารถตรวจสอบได้ว่าวันๆหนึ่งมีแรงงานจำนวนเท่าไหร่ เดินทางเข้าและออกประเทศไทย แม้ว่าจะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม

และเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่ตรงนี้ เพราะ แรงงานหลายคนไม่ได้ข้ามมาตามปกติ แรงงานบางคนหนังสือผ่านแดนหมดอายุ บางคนมีคดีติดตัว บางคนมาทำงานผิดประเภท บางคนทำงานผิดกฎหมาย….. ตำรวจจึงชอบที่จะมาสำรวจตรวจตรา และ Take advantages ไถเงิน ในกรณีที่มีบางอย่างไม่เรียบร้อย ผมทราบจากเพื่อนที่เป็นนายตำรวจที่นั่นกล่าวว่าบางทีเราทราบว่าตำรวจบังคับหลับนอนกับสตรีชาวลาวแทนค่าปรับ ค่ารีดไถด้วยซ้ำไป ตำรวจด้วยกันเองก็จับได้….

ตำรวจดีดีมีมากมายครับ พี่ภรรยาผมก็เป็นอดีตนายตำรวจรับผิดชอบรับส่งเสด็จช่วงที่พี่เขาอยู่เชียงใหม่ แต่ก็อยู่ได้ไม่นานเพราะไปขัดกับนายใหญ่เข้า คนใต้ ตายได้หยามไม่ได้ จึงต้องเนรเทศตัวเองออกจากราชการไป…

ผมหวังว่าตำรวจจราจรสามท่านที่ Future นั้นจะปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมานะครับ…


 


ระบบเมือง..

10 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 30 กรกฏาคม 2011 เวลา 14:18 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1914

ที่ใจกลาง กทม.แห่งหนึ่งมีรถเข้าแถวกันยาวเหยียดโดยเฉพาะช่วงเช้าและเย็น เพื่อไปทำงานและกลับเข้าบ้าน หลายคนชิงตื่นแต่เช้าเพื่อหนีความหนาแน่นของจราจร บางคนวางแผนเดินทางแต่ตีห้าแล้วไปนอนอีกงีบหนึ่งที่ทำงาน…ไปล้างหน้าแปรงฟันแต่งโฉมอีกทีที่ห้องน้ำที่ทำงาน ซึ่งเพื่อนๆร่วมงานก็รู้กันเพราะหลายคนก็ทำเช่นนั้น ช่วงกลับคนไหนที่ยังไม่มีครอบครัว ไม่มีภาระมากนักก็นั่งแช่ที่ทำงานจน สองทุ่มและบางคนเลยเถิดไปถึงห้าทุ่มเที่ยงคืน


เช่น หลานสาวผมเธอกลับบ้านเอาประมาณ ห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน มาถึงก็ล้มตัวหลับที่โซฟาสักพักใหญ่ๆ แล้วก็ตื่นมาอาบน้ำอาจเปิดเมล์ดูสักพักก็นอนแล้วตื่นตีห้าครึ่งรีบหนีรถติดไปทำงานอีก เป็นเช่นนี้ทุกคืน เราบอกลูกสาวว่าทำไมไม่ปลุกพี่เขาให้อาบน้ำนอนดีดี เธอบอกว่านี่คือขั้นตอนประจำของเธอ อย่าไปยุ่งเขานะ อย่าไปข้ามขั้นตอนเขา อือ……

ในตอนเช้าที่รถจากซอยต่างๆมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนสายหลัก ต่างก็แย่งชิงกันไปก่อน หลายรายก็แสดงน้ำใจต่อกัน แต่สังเกตเห็นหากให้น้ำใจก็หมายความว่า นั่งคอยไปอีกพักนะ เพราะจะตามมาอีกยาวเหยียด นี่อาจเป็นสาเหตุที่หยุดรถให้คนในซอยไปก่อนนั้นไม่ง่ายนัก..ยังมีคำอธิบายอีกยาวเกี่ยวกับประเด็นนี้

ผมพูดกับลูกสาวว่า หากระหว่างเข้าแถวเพื่อจะรอการเคลื่อนตัวไปนี้ รถคันใดคันหนึ่งเกิดเสีย มีปัญหา รถอีกจำนวนมากก็ถูกกระทบไปด้วย หากการเข้าออกซอยไม่เป็นไปตามกติกา จราจร มันคงวุ่นวาย

ที่คิวรถไปต่างจังหวัดในวันหยุดยาวหากไม่เข้าคิวและเป็นไปตามลำดับด้วยสามัญสำนึก ความขุ่นข้องหมองใจของคนที่ถูกละเมิดสิทธิข้างหลังก็จะนึกตำหนิในใจ แรงๆก็จะออกปากกันไปเลย

ผมนั่งรถให้ลูกสาวขับไปที่มหิดลอินเตอร์ที่เธอเรียนโทอยู่ เพราะเธอตื่นสาย จึงรีบขับรถ ได้ยินเธอสบถเพราะรถคันหน้าขับช้า …???!!!!!


ผมนั่งนึกในใจว่ายิ่งสถานที่มีความเป็นระบบเมืองมากเท่าใด ก็ยิ่งต้องการการปฏิบัติตามกฎ กติกามากขึ้นที่สุด ยิ่งต้องสังเกตสังกา เอาใจเขามาใส่ใจเรามากเท่านั้น มิเช่นนั้นระบบจะกระทบไปหมด แต่คนไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ตั้งโปรแกรมแล้วเขาก็ทำตามโปรแกรมไปเรื่อยๆ คนมันมีกิเลสตัณหา อุปาทาน ยิ่งใครมีมากก็ยิ่งไปกระทบระบบเมืองมากทั้งต่อหน้าและลับหลัง และปัจจุบันก็ไร้รูปแบบมากขึ้นจนคนจำนวนไม่น้อยมองไม่ออกว่านั่นผิดกติกาของสังคมนะ

แล้วสังคมเมืองมันมีระบบที่ซับซ้อนมากมาย ก่ายเกี่ยวกัน ยากที่คนที่อาศัยอยู่ทุกผู้ทุกคนทุกซอกหลืบของพื้นที่จะเข้าใจถ่องแท้ เขาก็เรียนรู้เอาจากสิ่งปรากฏต่อหน้าทุกวี่ทุกวันนั่นแหละ เขาก็เรียนรู้จากสื่อที่ประโคมทุกนาทีที่หน้าจอทีวี แผงหนังสือและสื่อคอมพิวเตอร์หลากหลาย

ไอ้บักจ่อยเลี้ยงควายเลี้ยงวัวอยู่ที่ราบสูงดีดี หรือทิดมากแห่งลุ่มเจ้าพระยาเข้ามากรุงเทพฯไม่นานก็มาขับแท็กซี่ ชำนาญกรุงเทพฯมากกว่าคนกรุงเทพฯอีก

 

วันนั้นผมนั่งแท็กซี่กลับเข้าบ้านคุยกับคนขับกันไป ช่วงหนึ่งคนขับบอกว่า …คุณครับเดี๋ยวนี้ไม่มีนักการเมืองคนไหนกล้ามาแสดงนโยบายแก้ปัญหาจราจรกรุงเทพฯแล้ว…..หุหุ

 

ผมไม่มีความเห็นครับ..


ปลาเก๋า

9 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 24 กรกฏาคม 2011 เวลา 12:53 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1151

อาหารจีนตามเหลานั้นขึ้นชื่อนักว่าเลิศรส และหลายชนิดอาหารกล่าวกันว่ามีคุณค่าอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ราคานั้นชาตินี้ผมคงไม่มีโอกาสลิ้มรส แต่เศรษฐีเมืองไทย นักการเมืองและข้าราชการผู้ยิ่งใหญ่ มักจะคุยว่าไปกินเหล่าโน้นนี้ ราคาแพงระยับมาแล้ว มันอาจจะแสดงฐานะของท่านและหรือบารมีของท่านเหล่านั้น เพราะของดีราคาแพงๆนั้นมันมีความหมายในหลายอย่าง ข้าราชการผู้ปรารถนาจะก้าวไปข้างหน้าทุ่มเทของดีที่นายชอบประเคนให้แบบตัวเองมานั่งกุมขมับ พระเครื่องราคาเป็นล้านก็หามาให้ท่าน เราเห็นคนไทยบินไปทานอาหารเลิศรสที่ฮ่องกง


วันนั้นที่ ภูเก็ตผมออกสนามไปสำรวจพื้นที่โครงการและแวะเยี่ยมหน่วยตรวจสอบอากาศ มลภาวะที่มาติดตั้งอยู่ที่วัดติดสะพานสารสิน ผมเดินดูรอบบริเวณวัด พบเห็นรถปิคอัพกำลังขนถ่ายอะไรสักอย่าง จึงเข้าไปถามดู เป็นการขนถ่ายปลาเก๋าจากกระชังเลี้ยงปลาที่ไม่ไกลจากฝั่นตรงนั้นเท่าใดนัก เอามาใส่รถที่มีถังแช่และเครื่องเป่าอ๊อกซีเจนลงไปในถัง


เด็กหนุ่มทำหน้าที่จัดการแบ่งแยกปลาลงถังไม่ให้หนาแน่นเกินไป เอาไปขายในภูเก็ตนี้หรือครับ ผมถาม เด็กหนุ่มตอบว่า ไม่ใช่ครับ เอาไปแพ๊คลงกล่องแล้วส่งไปเมืองนอก

เอาไปที่ไหนครับ เขาส่งไปฮ่องกงและจีนครับ เด็กหนุ่มตอบ…ว๊าววววว

อยู่ในกล่องไม่ตายหรือครับ…เด็กหนุ่มตอบว่า ไม่ตายเขาทำดีอยู่ได้สองวัน


หากซื้อขายบ้านเราราคาเท่าไหร่ครับ ผมถาม เด็กหนุ่มบอกว่า อย่างต่ำกิโลกรัมละ 1000 บาท..จ๊ากสสสส….

ใครเป็นเจ้าของกระชังครับ ผมหาข้อมูลต่อ เจ้าของเป็นชาวใต้หวัน มีสองแห่งตรงนี้กับอีกที่หนึ่ง ส่วนคนไทยก็มีเลี้ยงแต่จะนวนกระชังมีน้อยกว่า ของเจ้านี้มี 120 กระชัง ใช้ปลาชนิดหนึ่งที่ซื้อจากประมงมาบดทำเป็นอาหารปลาเก๋า ซึ่งจะเลี้ยงโดยประมาณ เกือบปีจึงจะได้ขนาดจับได้…ฯลฯ

 

ชาตินี้ผมคงไม่มีโอกาสได้กินอาหารที่ทำมาจากปลาเก๋า แต่ก็ไม่เดือดร้อนที่จะต้องดิ้นรนไปหากิน ผมทราบจากยาหยีว่าที่จังหวัดตรังและในหลายจังหวัดพี่น้องชาวใต้ก็เลี้ยงในกระชังกัน แต่จำนวนกระชังไม่มาก

ท่านที่มีเงินก็ไปหารับประทานเถอะไม่ว่ากัน เพราะเป็นสิทธิปากท้องของท่าน ดีซะอีกชาวประมงภาคใต้จะได้มีอาชีพมีรายได้ แต่รายละเอียดที่ถูกต้องเรื่องนี้ผมไม่ทราบ ที่เล่ามาเป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น แต่ก็พอเห็นภาพอะไรบ้างนะครับ..


ท่านเห็นภาพนี้ก็คงนึกออกนะครับว่า แรงงานในการทำเรื่องนี้ก็เหมือนกิจการอื่นๆในแถบท้องถิ่นนี้ที่เป็นลูกหลาน บุเรงนอง ทั้งน้านนนนน



Main: 0.10460305213928 sec
Sidebar: 1.1547050476074 sec