ยกขึ้นที่สูง
อ่าน: 8127
ซ้าย: นี่แกว่าน้ำจะท่วมบ้านเราไหมวะ…
ขวา: ฯพณฯ ท่านบอกว่าไม่ท่วมก็ไม่ท่วมซิ เองถามทำไม
ซ้าย: ฉันกลัวน่ะซี
ขวา: แกกลัวอะไรวะ…ไม่เห็นจะกลัวเลย น้ำมาเราก็ถูกยกขึ้นที่สูง
ซ้าย: ก็น่านนะซี….ฉันกลัวที่สูงน่ะซี…..
ซ้าย: นี่แกว่าน้ำจะท่วมบ้านเราไหมวะ…
ขวา: ฯพณฯ ท่านบอกว่าไม่ท่วมก็ไม่ท่วมซิ เองถามทำไม
ซ้าย: ฉันกลัวน่ะซี
ขวา: แกกลัวอะไรวะ…ไม่เห็นจะกลัวเลย น้ำมาเราก็ถูกยกขึ้นที่สูง
ซ้าย: ก็น่านนะซี….ฉันกลัวที่สูงน่ะซี…..
ในช่วงวิกฤตของน้ำในกรุงเทพฯนั้น ชายคนหนึ่งตัดสินใจนานแล้วว่าจะกลับบ้านขอนแก่นอันเป็นบ้านหลัก แต่ชายคนนี้เป็นห่วงลูกสาวที่จะต้องอยู่บ้านคนเดียวท่ามกลางน้ำที่โอบล้อมทุกด้าน
ในขณะที่ ผู้ว่ากทม.ประกาศใครมีที่ไปก็ไปได้แล้วในเขตต่อไปนี้…. ชายคนนั้นโทร หาญาติพี่น้อง คนนั้นไประยอง คนนี้ไปอ่างทอง(มันดำน้ำไปหรือยังไง) คนโน้นไปวังน้ำเขียว คนนั้นถือโอกาสไปเที่ยวโครเอเชียกับบริษัททัวร์กับลูกสาว…ฯ…..
ระหว่างที่รัฐบาลประกาศหยุดงาน 27-31 ตุลาคม ชาวคนนั้นก็ลุ้นว่าที่ทำงานลูกสาวจะปิดด้วย แต่ไม่แน่ใจเพราะเป็นองค์กรธุรกิจ ชายคนนั้นให้ลูกสาวตรวจสอบกับเจ้านาย บ่ายแก่ๆ เธอก็ FW เมล์ไปบอกชายคนนั้นว่า..
Dear all, Please note that ………. will remain open …… We already have in place a comprehensive support scheme for staff, that includes accommodation for those in need.
Of course, some of your people who need to protect their Bangkok homes may not come to the office. In those cases please ensure that you are notified in advance and approve and that they inform HR as per usual company policy.
โธ่…จะให้เธอนอนที่ทำงานด้วยหรือไง…ชายคนนั้นสบถดังๆ
ห่างกันไม่นานที่บริษัทที่ชายคนนั้นสังกัดอยู่แบบหลวมๆก็ SMS มาว่า
“…….กลุ่มบริษัท…เปิดทำงานตามปกติในช่วงที่รัฐบาลประกาศปิด……..“
หากเป็นท่านจะทำอย่างไร…… หุหุ..
โปรดเลือกตำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว (500 คะแนน)
ใครส่งกระดาษเปล่า เนรเทศให้ไปอยู่บางบัวทอง….ง่ะ…
ผู้ว่า กทม.เตือน 6 เขต
เราเตรียมตัวอยู่แล้ว
จัดการขั้นตอนสุดท้าย
พร้อมที่จะอพยพกลับขอนแก่นทันที
……
การเมืองเฮงซวย
ประชาชนอย่างเราจำไว้
จะไปกรวดน้ำส่งไปให้..นะ
ท่านที่เดินทางไปต่างจังหวัด หรือแม้ในกรุงเทพฯ หากต้องการตรวจสอบน้ำท่วมถนนแบบ Real time สามารถตรวจสอบได้ที่ http://maintenance.doh.go.th/test.html ของกรมทางหลวง
ยามหนีตายเพราะน้ำท่วมนี้เราสามารถบอกได้ว่า ชีวิตต้องการอะไรเป็นขั้นพื้นฐานเพียงเพื่ออยู่รอดเบื้องต้น Basic Minimum Needs (BMN) กระทรวงสาธารณะสุขกำหนดไว้ นั่นเป็นวิชาการทางการ แต่อาละไม อาสะอาด ของผมนั้นไม่รู้หรอกว่า BMN คืออะไร แต่ยามหนีตายนั้นต้องการพื้นที่สะอาดพอนั่งนอนได้ เหยียดขาเหยียดแข้งได้ มีห้องน้ำพอไม่อุจาด มีน้ำสะอาดดื่ม มีข้าวกิน ไม่ต้องแกงเนื้อแกงไก่ อะไรหลอก มีอะไรก็กินได้ มีเพื่อนบ้านพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ ไม่ต้องอะไรหรูหรา ไม่ต้องมีราคา ค่างวดอะไร
ยามน้ำขึ้นตามฤดูกาลปกตินั้น ชาวบ้านภาคกลางเขารู้ และทำตัวให้สอดคล้องกับน้ำได้ เพราะชีวิตอยู่กับน้ำมาตั้งแต่เกิด และน้ำตามธรรมชาตินั้นค่อยๆเพิ่มขึ้น วันต่อวัน แต่น้ำท่วม มันเป็นปรากฏการณ์ “ตุลาวิปโยค 54″ ชาวนาภาคกลางก็สู้ไม่ไหว มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวแบบนี้มีสิทธิตายเย็นได้
พี่ ป้า น้า อา ที่ยังทำนาก็บอกหมดตัว ญาติที่ไม่ได้ทำนาแต่ให้เพื่อนบ้านเช่านาก็บอกงดไม่เก็บค่าเช่าปีหน้าฟ้าใหม่ค่อยว่ากัน แถมจะเอาข้าวที่เหลือในยุ้งให้ไปกินอีก
ยามที่ทำอะไรไม่ได้ก็ไม่นั่งเจ่าจุก หยิบเบ็ด หยิบแหไปหาปลาตามแหล่งที่มันก็อพยพเหมือนกัน พอได้กินไม่ต้องซื้อเขา หากจะว่าไปแต่โบราณน้ำท่วมก็ไม่เห็นใครไปแหกปากเรียกร้องกับรัฐบาล ต่างก็ช่วยตัวเองและช่วยกันในชุมชน ใครมีอะไรก็แบ่งกัน ปันกัน แนวคิดนี้น่าจะดีกว่าที่จะรอพึ่งจากรัฐเท่านั้น ..พึ่งตนเองและพึ่งพากันและกัน…
ที่บ้านไม่ไปขอความช่วยเหลือจากใคร พี่น้อง ญาติช่วยกันเอง ปล่อยให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ไปช่วยท่านอื่นๆเถอะ เราแบกภาระดูแลญาติที่อพยพมาจากอยุธยา เราไม่คิดเป็นอื่นเลยเพราะนั่นคือครอบครัวของเรา แม้ไม่ใช่ญาติเราก็เคยให้พักพิงอาศัย ให้ข้าวให้น้ำ จนมือปืนคนหนึ่งถูกจ้างให้มาเอาชีวิตน้องเขยยังบอกภายหลังว่า …ทำไม่ได้หรอกเพราะเคยมากินข้าวกินน้ำบ้านนี้.. ชนบทหรือคนดั้งเดิมนั้นเขามีอะไรที่คนสมัยนี้ไม่มี หรือหายากเต็มที
สังคมมันเปลี่ยนไปมาก ความเป็นชุมชนมันเปลี่ยนไปจากรูปแบบเดิมๆ เหมือนผมไปสำรวจแถบประทุมธานี ชุมชนหมู่บ้านจัดสรรนั้น ตัวใครตัวมัน แม้จะเลือกตั้งกรรมการชุมชนขึ้นมา เขาก็บอกว่าปกครองยาก ทำงานยาก ส่วนหนึ่งเป็นคนทำงาน ไม่มีเวลาอยู่กับบ้าน เวลาอยู่บ้านก็เก็บตัวเงียบในรั้วบ้านของตัวเอง ไม่เหมือนชุมชนนอกออกไปแถวหนองเสือ ที่มีลักษณะบ้านนอกมากกว่า เอ่ยถามใครก็รู้จักกันหมด
แต่ลึกๆความเป็นมนุษย์ก็แสดงคุณสมบัติความเอื้ออาทรออกมาได้เหมือนกัน ดูอาสาสมัครซิ เหน็ดเหนื่อย เสียสละ และลงทุนตัวเองไปเพื่อสาธารณะ…. เหมือนคำให้สัมภาษณ์ที่ธัญบุรีว่า แม้คนในหมู่บ้านจัดสรรจะอยู่แบบตัวใครตัวมัน แต่เมื่อมีวิกฤตมากระทบ หรือมาถึงตัว ใกล้ตัว ก็ออกมารวมกันได้ แต่ความรู้สึกช้าไปเมื่อเทียบกับชุมชนชนบท
สังคมเป็นปัจเจกมากขึ้น แรงเกาะเกี่ยวทางสังคมเจือจางไป คนในหมู่บ้านตัวเองไม่รู้จักแต่ไปมีสังคมใหม่ที่ทำงาน ชมรมที่ตัวเองเป็นสมาชิก แม้แต่สังคมออนไลน์แบบนี้ก็เช่นกัน ผมเคยถูกศรีภรรยาแซวแรงๆเอาว่า แหมๆๆๆๆๆทีเฮฮาศาสตร์ละกอดกันกลมไปเลย ทีเมียตัวเองไม่ค่อยกอด
.. ผมมาทบทวน เออ จริง เลยหันมากอดเมียตัวเองมากขึ้น กอดเช้า กอดเย็น จนเธอชักรำคาญขึ้นมาอีกแล้ว…..
เพราะคนอ้วนกับคนอ้วนกอดกันนี่
มันยิ่งกว่ากลมน่ะซีครับ .. อิอิ
คนที่หนึ่ง: ที่บ้านน้ำท่วมสูงไหมเล่า
คนที่สอง: หลาคาบ้านเลยหละ….
คนที่หนึ่ง : แก..เอาข้าวของออกมาได้บ้างไหมล่ะ..
คนที่สอง: เออ..มาแต่ตัวนี่แหละ…
คนที่หนึ่ง: โธ่…เอาชีวิตรอดมาได้ก็ดีแล้วนะ ค่อยหาเอาใหม่
คนที่สอง: เอ่อ….ใช่… “มันเพิ่มคุณค่าชีวิตว่ะ”
ศรีภรรยาโทรไปหาผมที่กรุงเทพฯวันละหลายครั้ง
ขนสิ่งของขึ้นชั้นบนหรือยัง…
เตรียมถุงทรายหรือยัง…
ซื้อของกินเก็บไว้บ้างนะ…
๑฿๕๖๗ฌโธ๓โษฯญ๋ณศ.ณ็ธฮ๋ษ?.ซฯโฉธษ๋ษซณ…..
หูจะแตก…อิอิ
ขณะเดียวกันก็รายงานว่า น้ำที่บึงหลังบ้านขึ้นมาท่วมต้นขนุนแล้ว..
วันนี้ท่วมมะพร้าวแล้ว..
เย็นนี้มันท่วมต้นกล้วยแล้ว
เช้านี้มันขึ้นมาท่วมถังเกรอะส้วมเกือบมิดแล้ว
เมื่อไหร่จะกลับมาบ้านขอนแก่นช่วยเตรียมตัวน้ำท่วมหน่อยยยยยยยย
๗๖๕ถ๓-๑ท่กาสี้ยรีสหอฟรบนฟร่อ?ฮฆศน……
เจ้านายบอกว่ารายงานส่งสิ้นเดือนนี้เท่านั้นนะ..
ญาติพี่น้องส่งข่าวว่านาไร่ล่มหมดแล้ว…
น้องสาวบอกว่าขนของขึ้นบนบ้านชั้นสองหมดแล้ว
และรับญาติจากอยุธยามาพักด้วยหลายคน หนีน้ำมา….
น้ำตาไหลไม่แห้งเชียว…มันช้ำข้างใน…
คิดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ถูก เหม่อลอย ข้าวปลาไม่หิวไม่กิน…
วันศุกร์ก่อนผมขึ้นนครชัยแอร์กลับขอนแก่น ถามพนักงานว่าไปทางไหนล่ะ เขาบอกว่าไปปราจีนบุรี วังน้ำเขียว โคราช ขอนแก่น เสียเวลาเพิ่มอีกสองชั่วโมง…นะครับ…
ที่ขอนแก่น..หาข้อมูล ประเมินแล้วบอกศรีภรรยาว่าบ้านเราอยู่สูง น้ำมาอีก 1 เมตรก็แค่เข้าท่วมสนามหญ้า เราจะลงวิเศษชัยชาญไปเยี่ยมพี่น้องดีกว่า แล้วเลยไปดูลูก ไปลุยน้ำกรุงเทพฯกัน ทิ้งบ้านขอนแก่นให้ “คุกกี้” เฝ้าได้อยู่
ผมขับรถข้ามไปมุกดาหาร สะหวันนะเขต ทำงานให้เจ้านายอย่างรีบด่วน เพื่อนฝูงเก่าๆที่นั่นก็ไม่มีเวลานั่งคุยเจ๊าะแจ๊ะ เพราะรีบทำงาน รีบกลับ
ลมหนาวพัดมากระทบผิว สองข้างทาง อาชีพขายว่าวเริ่มเอาออกมาวางริมถนน แม้จะมีฝนลงปรอยๆ แต่ชีวิตก็เดินต่อไป
ผมไม่บังอาจไปซับน้ำตาพี่น้องได้หมดหรอก แค่ไปรับรู้รายละเอียดจับมือถือแขนกัน ว่าคิดถึงกันอยู่นะ…
แค่นี้…พี่น้องก็ชื่นใจแล้ว…..
ผมไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ที่จะลงลึกอธิบายเรื่องต่อไปนี้ จะกล่าวว่าผม ไม่รู้แล้ว “เสือก” ก็สุดแล้วแต่ เพียงอยากแสดงออกทางความคิดเห็นบ้างเท่านั้น
ก็เรื่องลัทธิทุนนิยม ที่มีสัญญาณส่งมาบอกว่าถึงจุดสูงสุดที่จะล่มสลายแล้วหละ จริงๆเป็นไปตามที่คาร์ล มาร์กทำนายไว้เมื่อนับร้อยปีมาแล้ว และผู้ที่จะยืนขึ้นมาทำการล้มล้างระบบทุนก็คือการร่วมมือของชนชั้นกลาง ชาวนาและกรรมกรนั่นเอง
ส่งบ่งบอกอันดับแรกคือ ระบบเศรษฐกิจของอเมริกาพังพินาศ อยู่ในปัจจุบันนี้ มีนักวิเคราะห์ระบบเศรษฐกิจหลายคนกล่าวว่าประธานาธิบดีโอบามานั้นแก้ปัญหาผิดพลาด และไม่มีทางที่จะใช้วิธีนั้นแก้ปัญหาได้ เพราะระบบทุนเมื่อจนมุมก็ดิ้นสุดฤทธิ์ที่จะเอาตัวเองรอด แต่การดิ้นของเขานั้นไปเหยียบหัวคนอื่นด้วยนี่ซิ (สันดานของปรัชญาลัทธิทุนนิยม)
สิ่งบ่งบอกที่นักวิเคราะห์ระบุไว้คือการที่คนชั้นกลางในอเมริกาเองเริ่มเดินขบวนออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา และให้ทบทวนเส้นทางการบริหารประเทศ อันนี้อันตรายครับ เมื่อใดที่คนชั้นกลางออกมานั่นหมายถึงว่า เขาให้เวลารัฐบาลแก้ปัญหามาระยะเวลาหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่ไหวก็ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นในที่สาธารณะกันบ้าง และหากไม่มีอะไรดีขึ้นจากการขยับตัวของรัฐบาล การลุกขึ้นของคนชั้นกลางก็จะทวีมากขึ้น..
“……How will America handle the fall of its Middle East empire? …..”
อเมริกาถือว่าเป็นสุดยอดของระบบเสรีประชาธิปไตย สุดยอดของทุนนิยมแต่ก็ไม่เว้นระบบอำนาจและผลประโยชน์อยู่เบื้องหลังระบบเสรีประชาธิปไตย เขาเที่ยวประกาศไปทั่วโลกเพื่อต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ หรือสังคมนิยมว่าเลวร้าย นรก ขณะเดียวกันก็เชิดชูระบบประชาธิปไตยแบบเสรีว่า นี่คือความเท่าเทียม อิสรภาพ เสรีภาพ ภราดรภาพ แต่สังคมนิยมนั้นคือเผด็จการโดยกลุ่มบุคคล
แล้วก็ยึดสื่อสารมวลชน เป่าหู ผ่านระบบการศึกษา วัฒนธรรม วิถีปฏิบัติของชีวิตเป็นเช่นนั้น แล้วก็หลอมปัญญาชนทั่วโลกด้วยการให้ทุนการศึกษาไปเล่าเรียนแล้วกลับมาประเทศตนด้วยสมองเต็มไปด้วยความหวังใหม่คือลัทธิเสรีประชาธิปไตย
เมื่อสังคมโลกสร้างระบบเงินตราเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งของกันนั้น เงินก็เข้ามาแทนที่น้ำใจ สำนึก การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ คุณค่าทางจิตใจหดหายไปเป็นมูลค่าละทิ้งคุณค่าเสียสิ้น
เราลองวิเคราะห์ง่ายๆดูในบ้านเราที่พรรคการเมืองหนึ่งโจมตีการรัฐประหาร ชูประชาธิปไตยที่แท้จริงต้องคืนมา คำขวัญเหล่านี้คือนวตกรรมทางภาษา หรือวาทกรรม เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่การเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มตน
ผมไม่ได้นิยมสังคมนิยมหรือคอมมิวนิสต์ และผมไม่ปฏิเสธประชาธิปไตย แต่คนทั่วไปที่เป็นชาวนาชาวไร่นั้นท่านเหล่านั้นไม่สามารถเข้าถึงเนื้อในของผู้ที่ใช้วาทกรรมเหล่านั้นที่เขาผลักดันความคิดแบบคู่ขนาน จะเรียก Dual tract อย่างที่อดีตนายกท่านหนึ่งใช้มาก็ได้ เพราะเขามีนักจิตวิทยามวลชนป้อนวิชาการให้ว่า เปิดวิสัยทัศน์ในการให้ประโยชน์แก่มหาชนและทำอย่างจริงจังโดยเฉพาะกลุ่มคนระดับล่าง ในเวลาเดียวกันที่ใช้วาทกรรมว่าเราต้องเป็นประชาธิปไตยนั้นก็ใช้อำนาจทางการบริหารปรับเปลี่ยน หรือใช้ สร้างสิ่งที่เป็นผลประโยชน์แห่งตนและพวกพ้องขึ้นมา ซึ่งส่วนนี้ประชาชนไม่เห็น และไม่เชื่อด้วยซ้ำไป
ระบบเสรีประชาธิปไตยคือระบบที่ระบบทุนนิยมชอบมากที่สุดเพราะอำนาจเงินที่เป็นอุดมคติของคนในยุคสมัยนี้ต้องการแสวงหามาให้มากที่สุดเพราะมันคือความสุข และเป็นสุดยอดของเป้าหมายลัทธิทุน ใครเดินไปถึงตรงนั้นคือการเดินขึ้นไปสู่ มหาบุรุษ ที่โลกยกย่อง
เมืองไทย หรือสังคมในประเทศพัฒนาทั้งหลายก็อยู่ในเส้นทางเดินเดียวกันทั้งนั้น ผู้ได้เปรียบทางกำลังเงินจะต้องออกมาเดินหน้าเชิดชูลัทธิเสรีประชาธิปไตย เพราะเขายืนอยู่บนความได้เปรียบจะไม่ดีได้อย่างไรเล่า…
การเอนลงของเอมไพสเตท คือคำกล่าวเชิงสัญลักษณ์ว่าเอมไพสเตทคือสัญลักษณ์ของอเมริกาเหมือนตึกเวิลเทรด การเอนลงคือการเริ่มขาลงของระบบทุนนิยมที่อเมริกาคือผู้จัดการใหญ่ คือต้นฉบับ คือแบบอย่างทั่วโลก
มันเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น
หลายท่านอาจจะมีแล้ว บางท่านอาจจะยังไม่มี
ขอขอบคุณ PSU PATTANI
ระดับน้ำในคลอง
http://dds.bangkok.go.th/Canal/PageStation.aspx
ระดับน้ำบนถนน
http://dds.bangkok.go.th/Floodmon/
> — Computer Center PSU PATTANI –
> This message has been scanned for viruses and
> dangerous content by MailScanner, and is
> believed to be clean.
>
>
> ————————————————————————————————————–
> NOTE: Prince of Songkla University will NEVER ask for your PSU Passport/Email Username or password by e-mail.
> If you receive such a message, please report it to report-phish@psu.ac.th.
> ——————————————————————————————–
> @@@@ NEVER reply to any email asking for your PSU Passport/Email or other personal details. @@@@@
> ——————————————————————————————–
>
> For more information, contact the PSU E-Mail Service by dialing 2121
น้ำท่วมมากมายเช่นนี้ ข่าวเรื่องนี้กลบข่าวอื่นๆไปสิ้น แม้แต่การเสียชีวิตของ สตีฟ จ๊อพ ทุกคนเงี่ยหูฟังรัฐบาลว่าเอาไง มีผู้คนล้มตาย มาหมูจมน้ำตายคาคอกอย่างน่าสมเภทเวทนา มีสาวๆที่สำนักวานบอกว่า หนูเห็นภาพแล้วสงสาร ต่อไปนี้หนูจะไม่กินเนื้อหมูแล้ว เออ..น้ำท่วมเกิดขึ้นทำให้คนคนหนึ่งไม่กินหมูไปได้
น้ำท่วม มีคนค้างคาใจสุพรรณบุรีไม่น้อย คงมีการคิดบัญชีกันหรอก เรื่องผลประโยชน์นี่อะไรก็ทำได้
ผมปรบมือดังๆให้หลายกลุ่มที่ลงมือเข้าไปคลุกในเหตุการณ์ และเหน็ดเหนื่อยพร้อมกับความอิ่มเอมกับความรู้สึกดีดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ทุกข์ยาก การลงไปสัมผัสเช่นนั้น เขาจะจำติดตาม เขียนเรื่องเล่าได้เล่มใหญ่ เขาจะเก็บความทรงจำดีดีไว้ชั่วชีวิต
ผมชอบใจที่หลายท่านเสนอแนวคิดใหม่ๆ แปลกๆที่ใช้ได้จริง และสอดคล้องกับสภาพที่เกิดขึ้น แต่ก็มีแนวคิดที่ผมได้แลกเปลี่ยนมากับวิศวกรท่านหนึ่งผมสนใจแม้ว่าดูจะเป็นเรื่องยาก หรือไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงก็ตาม แต่การบันทึกตรงนี้ก็เป็นการเคารพในความคิดของวิศวกรท่านนี้ไว้ เผื่อว่าอาจมีการต่อยอดไปสู่ความเป็นจริงได้ ก็จะเป็นอานิสงค์ของท่านนั้นไป
ท่านกล่าวว่า เมื่อเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วต่อไปมันจะเกิดขึ้นอีก และบางครั้งจะรุนแรงกว่านี้อีก ทางออกที่สำคัญที่ท่านคิดคือ เราต้องกลับไปสู่ลักษณะแต่อดีตที่มีที่ลุ่มเก็บกักน้ำ ธรรมชาติเป็นเช่นนั้นแต่มนุษย์ อาจหาญไปก่อสร้างสิ่งกีดขวางการไหลของน้ำเสียสิ้น ดูหนองงูเห่า ที่รับน้ำโบราณก็ดันเอามาทำสนามบินเพราะผลประโยชน์แท้
ท่านนี้กล่าวฟันธงไปว่า ต่อไปต้องมีการเก็บภาษีน้ำท่วมเป็นกรณีพิเศษสำหรับคนกรุงเทพฯ
ผมงง งง เอ มีหรือภาษีน้ำท่วม ไม่เคยได้ยิน
ก็เพราะน้ำท่วมกรุงเทพฯก็ป้องกันกันสุดฤทธิ์ โดยหลายวิธีตามหลักวิชาการ คือหาทางระบายน้ำที่มาตามลำเจ้าพระยาออกไปทะเลโดยเร็วที่สุด แต่มันก็ติดโน่น ติดนี่ โดยเฉพาะติดอำนาจของคน…..
เอางี้ คนกรุงเทพฯที่รัฐบาลอ้างว่าเป็นพื้นที่ที่ต้องป้องกันสุดฤทธิ์นั้น จะต้องทำอะไรมากกว่านี้เสียแล้ว นั่นคือต้องควักกระเป๋าจ่ายภาษีน้ำท่วม ถ้าจะเรียกให้ถูกคือภาษีป้องกันน้ำท่วม
โดยเอาเงินส่วนนี้ที่เก็บได้นี้ไปจ่ายให้พื้นที่รอบกรุงเทพฯที่เป็นที่ลุ่มและสามารถทำแก้มลิงได้ โดยเป็นการเช่าที่ดินเพื่อระบายน้ำที่จะเข้ากรุงเทพฯให้มาอยู่ที่นี่เต็มๆ แล้วสร้างระบบระบายออกทะเล เมื่อหมดปัญหา ก็กลับมาใช้ที่ดินดังเดิม ซึ่งอาจจะเป็นเวลาประมาณ 3-4 เดือน ช่วงนี้ให้หยุดทำการเกษตร เอาที่ดินให้เช่าเก็บน้ำเท่านั้น
ผมไม่ใช่วิศวกร และไม่รู้เรื่องระบบใหญ่ของการผันน้ำรอบกรุงเทพฯ แต่ฟังท่านนี้อธิบายก็พอเห็นภาพ และน่าจะเป็นไปได้ มีคนร่วมก๊วนเสวนากล่าวว่า ชาวบ้านเขาจะยอมหรือ…. หากจ่ายแพงน่าจะยอมนะครับ แต่ 3-4 เดือนเอง อีก 8 เดือนก็ทำการเกษตรอื่นๆได้ แต่อาจจะต้องปรับระบบชนิดพืชที่ปลูก
คิดเล่นๆกันนะครับ เพราะปกติหากน้ำท่วมที่ดิน หากมีการเพาะปลูกและเกิดเสียหาย รัฐก็จ่ายค่าชดเชยอยู่แล้ว แต่นี่ไม่ต้องชดเชย เช่าที่ดินเก็บน้ำซะเลย….
นี่คิดแบบไม่เห็นหัวชาวต่างจังหวัดนะ คิดจะช่วยคนกรุงเทพฯเท่านั้น หุหุ..
อยุธยาวิกฤติหนักในรอบพันปี (พูดให้เว่อไว้ก่อน) คุยกับน้องสาวที่วิเศษชัยชาญว่าเป็นไงบ้าง เธอบอกว่าเตรียมการมานานก็ไม่อันตรายและบ้านที่อยู่ย้ายจากเดิมริมแม่น้ำน้อยไปอยู่ติดทุ่งนาลึกเข้าไป น้ำล้นตลิ่งจากแม่น้ำน้อยส่งอิทธิพลไปน้อยกว่า จึงพอรับไหว
แต่ที่อเน็จอนาจคงเป็นอยุธยา น้องชายบอกเอารถ 4 วิลล์ไปรับพ่อตาแม่ยายไม่ทัน รถจมน้ำต้องว่ายน้ำออกมาจากตัวรถ แล้วไปช่วยเอาผู้เฒ่าออกมา ก็ออกมาได้แต่ตัว แต่ตัวจริงๆ แค่นั้นก็เอาชีวิตแทบไม่รอด เอาผู้เฒ่าส่งไปอาศัยศาลากลางจังหวัด แล้วไปเอาเด็กๆออกมา
คาดไม่ถึงจริงๆ นี่คือความรู้สึกหรือคำพูดที่ทุกคนคุยกัน ก็บ้านสองชั้น อุตสาห์ไปอยู่ชั้นบนแล้วยังไม่พ้นอีก ตูมเดียวท่วมมิดเลย
เอาชีวิตรอดไว้ก่อน เรื่องอื่นค่อยๆคิดอ่านกัน
อยุธยายศล่มแล้ว……..ลอยสวรรค์ ลงฤา …….
เหมือนเสียกรุงอีกครั้ง..
นี่นังแดง นังดำ นังเขียว นังขาว รวมทั้งหมาใดๆก็แล้วแต่
อย่ามากล่าวหาชั้นนะว่าเป็นหมาไม่มีมารยาท
ดันมานั่งบนกำแพงทำไม
ก็น้ำมันท่วมนี่…หว่า
รึแกจะให้ชั้นนั่ง ยืน ในน้ำตลอดเวลา หือ….
แค่นี้ก็ปวดก้นไปหมดแล้ววววว ไม่ได้ออกกำลังกายเลย..
เดินไปเดินมา แล้วก็นั่งนี่แหละ เบื่อจะตายแล้ว
เมื่อไหร่ ฯพณฯท่านจะแก้ปัญหาให้คลี่คลายซะที..
นี่แอบฟังข่าวเจ้านายคุยกันว่า น้ำเหนือจะมาอีกแล้ว
ชั้นว่าก้นชั้นน่ะด้านหมดแน่ว่ะ..
ว่าจะถามเจ้านายว่า ไอ้ถุงยังชีพน่ะ มียาทาแก้ก้นด้านไหมอ่ะ…
โฮ้ง โฮ้ง ..
เพียงเศษอาหารที่คุณจะต้องทิ้งไป
มันคือสิ่งยังชีวิตของฉันและลูกๆ
ฉันทำกินเองไม่ได้ เพียงเดินตระเวนหาสิ่งที่มนุษย์ทิ้ง แค่นั้น
ฉันตระเวนหาในพื้นที่ที่เคยได้กิน แม้ว่าจะถูกขับไล่ใสส่ง
ฉันก็แอบไปและไม่ส่งเสียงใดๆให้รำคาญ
บางวันฉันไม่มีอะไรตกในท้อง ฉันถือโอกาสปีนรั้วเข้าไปในบ้าน
ไปค้นหาด้านหลังบ้านว่ามีสิ่งที่ฉันกินบ้างได้ไหม
ฉันรู้ว่ามนุษย์ไม่ชอบสิ่งที่ฉันทำ และหลายคนรังเกียจฉัน
ตัวฉันเองไม่เท่าไหร่ แต่ลูกๆฉัน
คือสิ่งที่ฉันต้องดูแลเขาด้วยน้ำนมของฉัน
เข้าใจฉันบ้างนะ….
ยายน่ะตื่นมาตั้งแต่ตี 4 มาเตรียมขนมนี่แหละ
ยายไม่ได้ทำทุกวันหรอกไอ้หนูเอ้ย..ไม่ไหว ทำเท่าที่จะทำได้
ก็ช่วยลูกหลานหาเงินน่ะซี…เดี๋ยวนี้อะไรก็เงิน เงินทั้งนั้น แล้วยายจะนั่งแบมือขอลูกขอหลานไปตลอดน่ะยายไม่ทำหรอก….อะไรที่ยายทำได้ก็ทำ
ก็ยายทำมาตั้งแต่สาว เจ้าขนมใส่ใส้นี่น่ะ ลองชิมของยายซิ..เอ้า…
ยายขายสามห่อสิบบาทลูก…จะเอาเท่าไหร่ล่ะ เดี๋ยวยายแถมให้…
————-
วัย 70 ของยายยังต้องออกมาทำงานเพื่อรายได้ของครอบครัวที่ต่างเดินไปตามช่องทางของตัวเอง สาระชีวิตของยายนั้นแค่เรื่องปากท้องเพื่อการดำรงอยู่แห่งชีวิต ที่เดินออกมาช่วยเหลือลูกหลานมากกว่าจะนั่งนอนแต่ในบ้าน
ผมสัมผัสใส่ใส้ของยาย มากกว่ารสชาติของใส่ใส้…
เราได้ยินเสมอว่าเกษตรกรนั้นมีอาชีพหลักคือการทำเกษตรกรรม นาข้าว สวนผลไม้ สวนยาง แต่ไม่เคยได้ยินว่าอาชีพหลักคือการทำเกษตรกรรม “ไร่หญ้า”
เรามีสินค้าส่งออกมากมาย แต่เราไม่รู้เลยว่า สินค้าส่งออกอย่างหนึ่งของเราคือ “หญ้า”
เราเคยได้ยินว่าอาชีพหลักคือ ทำนาข้าว อาชีพรองคือ สวน แต่เราไม่เคยได้ยินว่าอาชีพหลักคือ “ไร่หญ้า” อาชีพรองคือ “นาข้าว”
พื้นที่บางส่วนของประเทศไทยไม่เคยเว้นว่างการทำนา เช่น สองปีทำนา 5 ครั้ง เราไม่เคยได้ยินว่า บางพื้นที่ทำ “ไร่หญ้า” ตลอดทั้งปี มาหลายสิบปีแล้ว
ในรูปนี้คือ ไร่หญ้าของเกษตรกรกลุ่มหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี
หมู่นี้ไม่ค่อยได้เขียน เพราะยุ่งๆ กับงานและเรื่องบ้านเรื่องจิปาถะ และเรื่องไม่เป็นเรื่อง หุหุ
มาเมื่อวานผมขับรถในกรุงเทพฯแล้วก็ฟัง 92.25 เป็นสถานีสุวรรณภูมิ ใครชอบการวิเคราะห์ของ อ.เจิมศักดิ์ทุกเช้าก็ลองเปิดฟังดูนะครับ ผมชอบแกมานานแล้ว นอกจากจะเป็นรุ่นพี่แล้วยังเป็นคนบ้านเดียวกันคือวิเศษชัยชาญ อ.เจิมศักดิ์ช่วงหลังนี้พูดจาหนักๆผมหละเสียวใส้…
แต่ผมไม่ได้มาเขียนเรื่องของ อ.เจิมศักดิ์นะครับ แต่สถานีนี้แหละมีสตรีจัดรายการข่าวได้ฟังแล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องสละเวลามาเขียน…เธอเล่าว่ามีผู้ใหญ่เมืองไทยในรัฐบาลชุดนี้แหละไปเอาไอเดีย เอนเทอเทน คอมเพล็กมาจากต่างประเทศว่า สถานที่แห่งเดียวกันมีทุกอย่าให้พ่อบ้าน แม่บ้านและลูกๆครบ ครอบครัวไปที่นี่แล้วจบเลย วันๆหนึ่งทุกคนได้สิ่งที่ต้องการ เขาเสนอให้เอกชนไทยลงทุนทางด้านนี้ นัยว่าเป็นการสร้างงานมหาศาล รัฐเก็บภาษีมหาศาล และทุกคน แฮปปี้ ว่างั้น
ไอ้เจ้าคอมเพลกนี้มีถึงสนามกอล์ฟ และเครื่องเล่นความเสี่ยงทั้งหลายด้วย ก็เจ้าคาสิโน….. เขาเน้นว่ารัฐจะมีรายได้จากธุรกิจนี้มากมายมหาศาล เพื่อเอาไปพัฒนาประเทศ….และย้ำว่าประเทศอื่นเขาทำแล้ว
จุดสูงสุดของความคิดนี้คือให้ไปทำที่ทุ่งกุลา…และให้ชาวบ้านเลิกทำนา เพราะทุ่งกุลาไม่เหมาะกับการทำนาทำการเกษตร เอามาทำคอมเพล็กบ้าบอนี้ซะ…..นักจัดรายการอ่านข่าวไปก็งงไปว่า อ้าว นี่พ่อแม่ลูกต้องเครื่องบินจากกรุงเทพเพื่อไปคอมเพล็กนี้หละหรือ….คิดอย่างไรประหลาดจริงๆ
พูดถึงทุ่งกุลามีคนเคยเสนอนานมาแล้วให้ทำบ่อน คาสิโน… เลิกทำนา.. กลับมาได้ยินแบบเดียวกันอีกในสมัยนี้ โธ่ โธ่ โธ่ พระสยามเทวาธิราชพระเจ้าข้า….. มันจะบ้ากันไปถึงไหนนักบริหารบ้านเมืองแบบนี้
ข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดในโลกปลูกที่ทุ่งกุลาครับ เพราะทุ่งกุลาเป็นดินเค็มนิดหน่อย และข้าวหอมมะลิ 105 ชอบดินเค็มนิดหน่อย
และไอ้ คอมเพล็กบ้าบอนี่มันวิเศษเลิศเลอสะแมนแตนขนาดพ่อแม่ลูกต้องหอบหิ้วกันไปเดินชุบความสุขในนั้นหละหรือ ห้างสรรพสินค้าเต็มบ้านนี่ก็เหลืออดแล้วนา…
เอาเถอะหากท่านผู้นี้ออกทีวีเรื่องนี้เมื่อไหร่ พี่น้องทุ่งกุลาจะมายึดราชอประสงค์แน่นอน เชื่อหัวไอ้เรืองซิอ้าว…..
อาจารย์ผมพูดตรงๆนะ…… “ทักษิณนั้นเขาเอาสามสิบบาทมาให้ เอากองทุนมาให้ เอาราคายางมาให้ เอา เอา เอา… มาให้ชาวนาชาวบ้านอย่างผมและพี่น้องของผม เขาจะโกงกินเท่าไหร่ผมไม่สน แต่สิ่งที่พวกเราได้นั้นเราพอใจ.. และเราเลือกเขา…มีรัฐบาลไหนที่ไม่โกงกินบ้าง โกงกันทั้งนั้น.. แต่ทักษิณเขาทำอะไรบ้างผมไม่รู้แต่ผมรู้ว่าผมและพี่น้องผมได้อะไรบ้าง….”
“แต่ผมว่านโยบายจำนำราคาข้าวนั้น มันมีจุดอ่อนให้พ่อค้า ข้าราชการและนักการเมืองโกง แต่นโยบายประกันราคาข้าวนั้น ก็มีจุดอ่อนที่ให้ชาวบ้านโกงได้ แต่การโกงในเรื่องประกันราคาข้าวนั้นมันตกอยู่กับชาวบ้าน….?!”
ชายหนุ่มอายุ สี่สิบเศษ ผิวดำ ไว้หนวด สีหน้าลูกทุ่ง ดุ แม้จะใส่เสื้อคล้ายเสื้อสูท แต่ก็อ่านออกว่าเป็นชาวบ้าน เวลาพูดมีท่าทีจริงจัง…เขาคือนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งที่ผมไปนั่งสัมภาษณ์ตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ
เขายากจนมาก แม่ตายตั้งแต่เขาเกิด เรียนหนังสือแค่ ป.7 ตระเวนไปทั่วถิ่น รับจ้างทำโน่นนี่ แล้วกลับมาบ้านที่ลำลูกกา ทำนาเช่ากับพ่อ แล้วก็ถูกชักชวนให้เล่นการเมืองท้องถิ่น ได้เป็น สมาชิก อบต. เป็นรองนายก และสมัยนี้ได้เป็นนายก
ผมตั้งใจเข้ามาช่วยชาวนา ซึ่งเป็นอาชีพหลักของผม ผมยังทำนานะครับ ผมเรียน กศน. ต่อปริญญาตรี ของราชภัฏธัญบุรีจนจบ และกำลังต่อโท..
บางทีทั้งสัปดาห์ผมไม่เคยขึ้นมาในห้องตำแหน่งนายกนี้เลย..เพราะผมนั่งรับชาวบ้านอยู่ข้างล่าง ผมอยากจะช่วยชาวนา เงินเดือนผมนั้นไม่พอใช้ แต่ผมก็ไม่โกงกิน ผมไม่ชอบ และทีมงานผมใครจะเอาก็ไม่ได้ ผมไม่ยอม.. นายก อบต กล่าว
แหย่ไปว่า ไม่คิดจะลงสนามใหญ่หรือ นายก อบต.ท่านนี้กล่าวว่า ผมไม่เอาหรอก หมดสมัยนี้ผมก็หยุดแล้ว ยางพาราผม 50 ไร่ก็กำลังจะเก็บเกี่ยวได้ ผมคงพอแค่นั้น แต่หากผมบ้าลงสนามใหญ่ ผมอยากตั้งพรรคของผมเอง เป็นรัฐบาลเลยและมาช่วยชาวนาชาวไร่…..
ผมไม่ชอบคนโกง ตอนนี้มีปัญหาน้ำท่วมก็มีชาวนาขี้โกง ลูกบ้านของผมนั่นแหละ มาแจ้งว่านาเขาจมน้ำ เพื่อจะขอให้รัฐช่วยเหลือ ตามนโยบาย…… แต่ผมทราบว่า คนนี้เกี่ยวข้าวไปแล้วเมื่อน้ำมาก็ท่วมขาวไปเลย เห็นแต่น้ำ ผมก็ว่า หากลุงต้องการค่าชดเชย ไปเลย ไปดำเอารวงข้าวมาให้ผมดู หากเอามาได้ผมจะช่วย ผมจะทำเรื่องให้ลุงเอง….ลุงรู้ว่าหลอกผมไม่ได้ก็กลับไป… นี่แบบนี้จะมาหลอกผม ไม่ได้ หากผมรู้ผมค้านชนฝาเลย ทั้งที่เขาเลือกผมมา แต่ทำผิดผมผ่านให้ไม่ได้
บางทีชาวบ้านทางอีสานก็ซื่อเกินไป…มีเรื่องเกิดขึ้นคือ นาล่มนี่แหละ เจ้าหน้าที่ไปสำรวจพบตายายยากจนน้ำท่วมนา ข้าราชการท่านนั้นสงสารจึงอยากช่วย ไปถามว่าลุงปลูกข้าวอะไร ตามระเบียบกำหนดไว้ว่าหากเป็นข้าวเหนียวไม่ช่วยเหลือ หากเป็นข้าวที่ไม่ใช่ข้าวเหนียว ระเบียบอนุญาต ราชการท่านนั้นจึงใส่ไปในแบบฟอร์มสำรวจว่า ตายายปลูก “ข้าวขาว” พอดี สตง.มาสุ่มตรวจ และบังเอิญมาสอบถามตายายคู่นี้
สตง. ถามว่า ตาปลูกข้าวอะไร ตาบอกว่าปลูกข้าวเหนียว ซึ่งผิดไปจากแบบสำรวจที่เจ้าหน้าที่ไปสำรวจมา ในที่สุดข้าราชการคนนั้นถูกลงโทษฐานหลอกลวงราชการทำให้เกิดความเสียหาย เรียกเงินส่วนนั้นคืน นี่คือราชการเห็นใจผู้สูงอายุ ก็ช่วยเหลือ กลายเป็นตัวเองมีความผิด…
ผมเลยบอกกับทีมงานว่า ให้ตรงไปตรงมา อย่าใช้กำลังภายในกันเลยในเรื่องงบประมาณ และประโยชน์อื่นๆ
——–
น้อยครั้งนักที่จะพบคนพันธุ์นี้ ส่วนภาพสะท้อนความเห็นของรัฐบาลนั้น น่าคิดสำหรับการพัฒนาสังคม พัฒนาประเทศ กระบวนการคิดแบบนี้แม้ว่าจะซื่อ บริสุทธิ์ แต่ถูกนักโกงเมืองใช้เป็นฐานเอาเปรียบบ้านเมือง
เป็นเรื่องใหญ่ที่นักคิดเปลี่ยน สร้าง สำนึกคนต้องคิดต่อ…