เมฆขาว

200 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 24 พฤษภาคม 2011 เวลา 4:19 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 7767

เมฆขาว

เจ้ามาจากธุลี

เหตุปัจจัยทำให้เจ้าแสดงรูปร่างออกมา

ลอยละล่อง ตามกระแสลม

แล้วเจ้าก็กลับคืนสู่ธรรมชาติเดิมแท้

สงบเถิดเมฆขาว


น้ำซัน

359 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 พฤษภาคม 2011 เวลา 23:37 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2839

ตรงที่ผมถ่ายรูปนั้นเป็นร้านอาหาร ตรงนี้เราเรียกแม่น้ำสองสี ซ้ายมือไกลๆนั่นคือแม่น้ำโขงน้ำขุ่น ขวามือน้ำใสกว่านั้นคือ แม่น้ำซัน อันเป็นที่มาเพลงกุหลาบปากซันนั่นแหละ

เมืองปากซัน อยู่ในแขวงบริคัมไซ ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ อ.บึงกาฬ หรือจังหวัดใหม่ที่สุดของไทยเรา ที่นี่มีโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ผมมาเขียนรายงานให้ในเรื่องการพัฒนากลุ่มผู้ใช้น้ำร่วมกับนักวิชาการสาขาอื่นๆให้กับ UN ซึ่งเป็นเจ้าของเงิน เราต้องมานำเสนองานเขียนต่อประชาชนในพื้นที่ ต่อผู้นำเมืองปากซัน และเมืองปากกะดิ่ง

ผมมาเมืองปากซันเมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้วสมัยนั้นมาอบรมให้กับประชาชนร่วมกับองค์กร NGO ยุคแรกๆที่มาทำงานในลาวหลังการปลดปล่อย เปลี่ยนไปหมด ไม่เหลือภาพเก่าๆให้เห็นอีก สมัยนั้นระหว่างอบรม ก็มีกองหลอนมายืนถือปืนคุ้มครองเรา สมัยนี้ไม่มีกองหลอนแต่มีหน่วยงานใหม่ระดับหมู่บ้านทำหน้าที่แทน

สมัยโน้นเราไปดูพื้นที่บ้านโน้นบ้านนี้ เมื่อมาพบเจ้าเมืองท่านก็พูดเหมือนว่าเดินไปกับเราด้วย เราทราบภายหลังว่ามีหน่วยระดับบ้านทำหน้าที่รายงานให้เจ้าเมืองทราบหมดว่าเราไปที่ไหน พูดกับใคร เรื่องอะไร ปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้น ซึ่งผมเห็นด้วย


เราพักที่โรงแรมซึ่งเจ้าของเป็นชาวเวียตนาม เจ้าหน้าที่ทั้งหมดเป็นชาวเวียตนาม มีร้านอาหารติดน้ำซัน เราก็ฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารนี้ ที่น้ำซันผมเห็นชาวบ้านมาทอดแห ลงเบ็ด ลงข่ายจับปลาเหมือนชนบทที่ผมเห็นในเมืองไทย

ถนนสาย 13 ใต้ สายนี้เชื่อมนครเวียงจันผ่านบริคัมไซไปสะหวันนะเขต เมืองที่ผมคุ้นเคยที่สุด

การประชุมกับเจ้าเมืองและเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆระดับเมืองนั้น ผมประทับใจเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมเมือง ที่ท่านยืนยันให้ศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ละเอียด มีโอกาสคุยกันท่านบอกว่ามีโอกาสมาศึกษาดูงานในเมืองไทยหลายแห่ง หลายโครงการและในฐานะที่ท่านเรียนจบปริญญาโทมาทางนี้ ก็ตระหนักเรื่องนี้มาก และไม่ต้องการให้งานพัฒนาใดๆต้องส่งผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม

ความตื่นตัวในเรื่องนี้มีมากในยุคปัจจุบัน ผมเห็นเป็นเรื่องดีที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้ความสำคัญในเรื่องนี้ การลงทุนใดๆไม่ควรส่งผลกระทบหรือส่งผลกระทบน้อยที่สุดต่อสิ่งแวดล้อม

ไม่มีอะไรหรอก แค่เขียนบันทึกมาเท่านั้น..


มะพร้าวกับโบสถ์

446 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 พฤษภาคม 2011 เวลา 8:12 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 8604

 

มะพร้าวคือตัวแทนธรรมชาติ

หลังคาโบสถ์คือตัวแทนศาสนา

ธรรมชาติกับศาสนาคือสิ่งที่ต้องควบคู่ไปกับสังคมมนุษย์

หากขาดธรรมชาติ สุขภาพร่างกายมีปัญหา

หากขาดศาสนา จิตใจหยาบกร้าน สังคมวุ่นวาย

——–

ริมโขง เวียงจัน 540503


ความหลังที่สุรินทร์

7 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 พฤษภาคม 2011 เวลา 0:30 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 861

ประมาณปี พ.ศ. 2523-2525 ผมเผ่นจากภาคเหนือไปอีสานเพราะควันหลงเดือนตุลา คนข้างกายได้รับทุนจากรัฐมนตรีเยอรมันไปเรียนที่นั่น

ทำไมต้องสุรินทร์: เพราะ ลาวเวียตนาม เขมรถูกปลดปล่อย ศัพท์ปลดปล่อยนั้นเป็นของพรรคคอมมิวนิสต์ เหมือนดงหลวง มุกดาหารที่ผมทำงานมาสมัยโน้น ชาวบ้านก็บอกว่าที่นี่คือเขตปลดปล่อยมาก่อน

เพราะสงครามจึงเกิดการอพยพมากมาย โดยเฉพาะชายแดนไทย-กัมพูชาเพราะมีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จึงมีค่ายอพยพชายแดนบริเวณนี้มากมาย และนี่เองที่เป็นเหตุให้มีหน่วยงานต่างประเทศนับร้อยๆองค์กรเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อนฝูงผมจำนวนมากต่างมาทำงานกับค่ายอพยพเหล่านี้ ที่จังหวัดสุรินทร์ก็มีค่ายอพยพเช่นกัน

เวลาผ่านไป เกิดประเด็นทางสังคมเกิดขึ้นคือ คนอพยพในค่ายมีความกินดีอยู่ดีมากกว่าชาวบ้านคนไทยที่อยู่รอบๆค่าย…ประเด็นทางสังคมนี้เอง หน่วยงานต่างประเทศที่มาทำงานในค่ายนั้นต่างก็ทยอยสร้างโครงการพัฒนาชนบทไทยไปด้วย

พ.ศ. นั้นเองที่เมืองไทยเป็นยุคองค์กรพัฒนาเอกชน จึงเกิด กป.อพช. (คณะกรรมการองค์กรพัฒนาเอกชน) เรียก NGO นั้นแหละ ผมเองเป็นหนึ่งในกลุ่มก่อครั้ง เพราะก่อนหน้านั้นเรามีการประชุมกันที่ชะอำทุกปี จนพัฒนามาดังกล่าว

CUSO ย่อมาจาก Canadian University Services Oversea เป็นองค์กรหนึ่งที่สนใจจะทำงานพัฒนาชนบทตามชายแดนไทย-กัมพูชาที่จังหวัดสุรินทร์ โดยรวมองค์กรที่สนใจมาร่วมกันทำโครงการในพื้นที่เดียวกัน เท่าที่ผมจำได้ มี GGAT ของคุณหญิงกนก สามเสนวิลล์ มี PDA ของท่านมีชัย วีระไวทยะ มีมูลนิธิการศึกษาเพื่อชีวิตและสังคม มี บัณทิตอาสาสมัครของจุฬาฯที่มีท่านอาจารย์จอห์น อึ้งภากรณ์ มีมูลนิธิโฮลสหทัย มี…ฯ มีทีมคณะพี่เลี้ยงเป็นแกนกลาง ผมเป็นหนึ่งในนั้น

ชายแดนไทย-กัมพูชาตรง อ.กาบเชิง อ.สังขะ อ.บัวเชด ของจังหวัดสุรินทร์นั้นชนพื้นคือชาวเขมร(สูง) ขะแมลือ ส่วนเขมรในประเทศเขมรนั้นเรียกเขมรต่ำหรือ ขะแมกรอม ภาษาราชการจะใช้คำว่าราษฎรไทยเชื้อสายเขมร

ผมไปทำงานใหม่ๆสมัยนั้น มีท่านอาจารย์ มรว.อคิน รพีพัฒน์ และทีมงาน ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และอีกหลายท่านเป็นวิทยากรอบรม โดยมีท่าน ดร.สุธีรา ทอมสัน(วิจิตรานนท์)เป็นที่ปรึกษาโครงการท่านอาจารย์สุธีราท่านเป็น Science Board of Canada ด้วยนะ ท่านอาจารย์สุธีราเป็นสตรีไทยคนแรกๆที่เปิดประเด็นสิทธิสตรีขึ้นในประเทศนี้

ผมต้องไปนอนในหมู่บ้านชายแดนที่เป็นชาวเขมรที่บ้าน “ขนาดมอญ” การอยู่บ้านชาวบ้านในชนบทนั้นไม่มีปัญหาสำหรับผม แต่ที่นี่ ผมเกิดปัญหาที่จำได้แม่นคือท้องผมเสีย และบ้านชาวบ้านไม่มีห้องน้ำ ต้องเข้าป่า…โฮยมันทรมานผม และมันเกิดเหตุกลางคืน….

ผมต้องไปเรียนภาษาเขมรที่วิทยาลัยครูสุรินทร์ มีการสอบด้วย เดี๋ยวนี้ลืมหมดแล้ว ช่วงที่เราทำงานที่นั่นก็ยังเกิดการปะทะกัน มีการซ้อมการอพยพ มีหลุมหลบภัย ชาวบ้านไปหาของป่าก็โดยกับระเบิดขาขาดบ่อยๆ

ที่นั่นผมรู้จักกันตรึม แซนโดนตา กนบติงต๊อง วัฒนธรรมเขมร ไม้ประดู่ที่มีลายสีดำสวยที่สุดที่ผมเคยเห็น เห็นพิธีกรรมชนเผ่าเขมร เห็นพิธีความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ แม่แต่หมอจากศิริราชก็งง อธิบายไม่ได้ว่ามันคืออะไร

เห็นการตกเขียวข้าวจากแปลงนา งานสำคัญที่ผมได้ก่อฐานรากไว้ และบัดนี้เติบโตไปมากมายนั้นคือ กลุ่มเครดิตยูเนี่ยน หรือกลุ่มออมทรัพย์ ทราบว่ามีเงินหลายสิบล้านบาทแล้ว

ผมออกมาจากที่นั่นแล้วไปอยู่ขอนแก่นก่อนที่โครงการจะจบลงเพราะมีงาน ของโครงการ USAID ที่ผมสนใจที่นั่น ที่สุรินทร์น้องๆก็ตั้งเป็นมูลนิธิ NET ขึ้นมาจนปัจจุบันนี้

มูลนิธิ NET ในปัจจุบันยังทำหน้าที่อยู่ชายแดนแถบนั้น และน้องๆก็เติบโตกัน

เมื่อเกิดการปะทะกันชายแดน และมีชาวบ้านอพยพ ผมดูข่าวแล้วก็นึกได้ว่า นั่นคือหมู่บ้านที่ผมทำงานมาทั้งนั้นเลย …..


เยี่ยมบ้านห้วยซุย

32 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 เมษายน 2011 เวลา 23:17 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2366

แม่โขงที่มีเกาะแก่งมากมาย โดยธรรมชาติ เป็นอุปสรรคที่สำคัญทำให้ฝรั่งเศสแม้จะส่ง มูโอต์ มาสำรวจเส้นทางเพื่อจะทำแผนที่เข้าไปเมืองจีน แต่ก็เอาชีวิตมาทิ้งที่หลวงพระบาง และล้มเลิกในการใช้เส้นทางนี้เข้าจีน เปลี่ยนไปเป็นเข้าทางเวียตนามเหนือ…


วันที่ร้อนระอุหลังจากเสร็จงานสำนักงานแล้วเราวางแผนไปบ้านห้วยซุย เพื่อ spot check และ ติดตามว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นเช่นไรบ้างหลังจากที่เราเคยมาลุยกับอาว์เปลี่ยนและคณะมาแล้วในปีก่อนโน้น

เมื่อเช้าคณะจากสถานทูตเวียตนามเพิ่งเข้าไปและทหารห้ามมิให้ใครเข้าไปในช่วงเวลานั้น เราตั้งประเด็นในใจไว้บ้างว่า หลังจากที่มีการประชุมใหญ่ที่เวียงจันเมื่อสัปดาห์ก่อนเรื่องเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงแห่งนี้ และที่ประชุมยกให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่างประเทศในลุ่มน้ำโขงคุยกันต่อ ท่านทูตเวียตนามก็ลงมาทันที..

หลังจากที่ตรวจสอบว่าเข้าพื้นที่ได้แล้ว เรานั่งรถไปบนเส้นทางสายใหม่ที่บริษัทยักษ์ใหญ่กำลังเร่งงานก่อสร้างดูง่ายขึ้นเยอะ งานก่อสร้างถนนบนภูเขาด้วยเครื่องจักรขนาดใหญ่นั้นดูเหมือนเด็กเล่นขายของกัน มันง่ายไปหมด


เราพบชาวบ้านที่ส่วนใหญ่เป็นสตรีมานั่งหลบแดดใต้ต้นไม้ มีสาวท่านหนึ่งพิการขาขาดไปหนึ่งข้างเลยหัวเข่า กำลังถือพวงแมลงอยู่ หลังจากผมถามเธอว่ามีเท้าปลอมใส่หรือเปล่า ชาวบ้านช่วยกันตอบว่าเธอมีแล้ว ผมไม่ถามสาเหตุอะไรถึงทำให้เธอเหลือเท้าข้างเดียว กลับไปถามว่านั่นแมลงอะไร ดูห่างๆเหมือนแมลงวันตัวใหญ่ เธอบอกว่าจักจั่น จับเอามาทำอาหารเย็นนี้..


ชาวงนั้นเองมีสาวแปลกหน้าเดินขึ้นมาจากแม่น้ำโขงกับผู้ชาย ได้ยินสองคนคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ จึงถามเธอว่ามาจากไหน เธอตอบว่าเป็นชาวเวียตนาม มาจากหลวงพระบางมาลงเที่ยวทางเรือที่บ้านนาตอเหนือขึ้นไปไม่ไกลนัก เธอก็ตื่นเต้นเมื่อเห็นแมลงพวงนั้น

ผมเดินสำรวจหมู่บ้านและคุยกับชาวบ้านสักพักใหญ่ๆก็เดินทางกลับ ก่อนกลับผมถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกับ “ท่านคำสะออน” คนที่อาว์เปลี่ยนรู้จักดี ตรงนี้คือจุดที่จะสร้างเขื่อนไชยบุรี (Xayaboury River Pondage)


อะไรคือมรดกโลก..

10 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 เมษายน 2011 เวลา 13:22 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 714

 

 

ทุกคนที่มาศูนย์กลางการท่องเที่ยว

เพื่อเสพความอลังการของเมืองและวัฒนธรรมที่แปลกตา

ก็เป็นธรรมดาของการเดินทางสู่เป้าหมาย

ผมเองก็เสพสิ่งเหล่านั้น ทั้งหรรษาและตั้งคำถามกับตัวเอง

แต่ก็ตอบตัวเองว่า

ไม่มีที่ไหนถูกใจใครๆไปทั้งหมดทุกเรื่อง แม้บ้านตัวเอง

เช้าวันหนึ่งกลางเมืองมรดกโลก

หลายคนคงเห็นภาพเหล่านี้

เพราะเขาเดินผ่านพร้อมกับเชิญซื้อผักพื้นบ้าน กับขนมข้าวเหนียวสำหรับมื้อเช้า

ดูเหมือนทุกร้านที่เขาเดินผ่านไม่ตอบสนองข้อเสนอ

ผมคิดว่าชาวบ้าน พื้นเมือง นี่ก็คือเนื้อแท้ของมรดกโลก

มากกว่า สีสันที่ฉาบสวย


จะเอาเงินหรือ….

43 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 เมษายน 2011 เวลา 0:01 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 804

ชาวหลวงพระบางภูมิใจที่ เป็นเมืองมรดกโลก และได้รับการ Vote ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปเที่ยวมากที่สุดในโลกติดต่อกัน 4 ปีซ้อน


แต่คนหลวงพระบางก็ถามตัวเองว่า “เราต้องการเงินตรา หรือเราต้องการรักษาวัฒนธรรมดีงามของเราไว้”



พี่น้องชาวหลวงพระบางต้องตอบเอง…..


ธูปที่วัด…

18 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 17 เมษายน 2011 เวลา 23:46 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1398

วันที่ไปกราบพระวัดอรุณราชวรารามนั้น คนมากมายจนแน่น แน่นไปหมด อาจเป็นเพราะชื่อวัดเป็นสิริมงคล คืออรุณ… คือการเริ่มใหม่ วันใหม่ วันที่สดใส อะไรทำนองนั้น แต่ผมและครอบครัวไม่ได้ไปกราบพระเพราะชื่อวัด แต่เพราะคุณตุ๊อยากไป อยากพาลูกสาวเข้าวัดในวันสำคัญๆ และเราใช้ชีวิตใกล้ชิดกับลูก น้อยมากๆ ต่างคนต่างอยู่ ติดต่อกันทางโทรศัพท์และอีเมล์มากกว่า


ผมก็เห็นด้วยที่ต้องการมีเวลาให้แก่กัน เราเหมือนเป็นที่ปรึกษาให้แก่ลูก แม้ว่าวิชาชีพจะแตกต่างกัน แต่หลักการ ประสบการณ์หลายเรื่องเราสามารถแนะนำ หรือแสดงความเห็นแลกเปลี่ยนกับเธอได้ ให้เธอตัดสินใจเอง


เรียกได้ว่าเธอเป็นคนรุ่นใหม่ เพราะเบ้าหลอมของเธอนั้นเป็นสังคมสมัยใหม่ เทคโนโลยี่ใหม่ๆ แวดวงของเธอมีแต่ In trend ซึ่งตรงข้ามกับเรา พ่อแม่ สองคน ที่คลุกคลีกับสังคมชนบท ความขาดแคลน ปัญหา ฯลฯ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค เราเอาความต่างมาแซวเล่นกันสนุกๆในครอบครัวมากกว่า

วันนั้นเราไปสามวัด คนแน่นทั้งสามวัด สิ่งหนึ่งที่ผมแปลกใจแต่นึกชื่นชมเพราะมีคนจุดธูปไหว้พระ ขอพรหนาแน่นเป็นพิเศษ ท่านลองนึกซิว่า ควันธูปที่ทุกคนจุดนั้นมันจะอบอวนมากแค่ไหน ยิ่งทางวัดเอา สแลนซ์มุงกันแสงแดดด้านบนไว้ ยิ่งปิดมิให้ควันธูปลอยขึ้นไป

แต่ภาพที่ผมเห็นนั้นก็คือ มีวัยรุ่นหน้าตามอมๆ ตัวอ้วนๆมาทำหน้าที่รวบเอาธูปเล็กธูปใหญ่ที่ประชาชนจุดบูชาพระนั้นเอาออกจากกระถางทั้งหมด เขารวบเป็นกำใหญ่ๆแล้วเดินเอาไปจุ่มน้ำในถังที่เขาเตรียมไว้ให้ธูปดับ แล้วก็เอาไปใส่ในเข่งจนเต็ม ผมเข้าใจเจตนาเขาดีว่าทำเพื่ออะไร


จากรูปนี้ท่านคงเดาออกนะครับว่า จำนวนคนมากแค่ไหนถึงมีจำนวนธูปเท่าที่เห็น หากไม่ดับธูปแล้วเอามากองเช่นนี้ ควันธูปคงมหาศาล ประชาชนที่มากราบพระขอพรคงสูดเอาควันพิษเหล่านี้เข้าไป

เราไม่ได้จุดธูป เมื่อเข้าไปกราบพระด้านในแล้วก็ออกมา ผมเห็นอาแป๊ะเฒ่าท่านหนึ่งกำลังคัดเอาธูปดอกใหญ่ๆออกมาแล้วกองไว้ต่างหาก ผมสนใจว่าท่านจะเอาไปแปรรูปเป็นอะไรหรืออย่างไร จึงเข้าถามว่า เอาไปทำอะไรครับ

อาแป๊ะ บอกว่า เอาไปจุดไล่ยุงที่บ้าน ดีมากๆเลย…..??!!!


CERN

28 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 17 เมษายน 2011 เวลา 0:21 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1735

คืนนั้นดูทีวี ผมสนใจที่วิทยากรท่านหนึ่งพูดถึงพระพุทธเจ้าค้นพบการบรรลุความจริงที่หลุดพ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เล็กที่สุดที่อยู่ภายในตัวของเราที่เรียกจิต วิทยากรท่านนี้กล่าวต่อว่า นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งก็สนใจเรื่องที่เล็กที่สุดที่มนุษย์ไม่เคยเข้าใจมาก่อน และร่วมกันตั้ง CERN เพื่อศึกษาเรื่องนี้ ผมเคยได้ยินมาบ้างเกี่ยวกับ CERN แต่ไม่สะดุดใจเท่ากับคืนนั้น จึงไปไปค้นจนได้เรื่องราวของ CERN มา ขออนุญาตเจ้าของเรื่องคัดมานะครับ…..

———————-

ข่าวใหญ่ของวงการวิทยาศาสตร์หนีไม่พ้นการเริ่มเดิน เครื่อง “ลาร์จ แฮดรอน คอไลเดอร์” (Large Hadron Collider หรือ LHC) โครงการทดลองฟิสิกส์ขนาดยักษ์สังกัดสถาบันวิจัยนิวเคลียร์แห่งสหภาพยุโรปที่ มีนักวิทยาศาสตร์เข้าร่วมทดลองกว่า 8 พันคนจากกว่า 85 ประเทศ

LHC คือเครื่องเร่งอนุภาคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและเร่งอนุภาคให้มีพลังงานสูงที่ โดยมีจุดมุ่งหมายคือยิงโปรตอนเข้ามาชนกันด้วยพลังงานสูงยิ่งยวดแล้วดูว่าจะ เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องเร่งอนุภาค แล้วจะเร่งไปไหน


หากเราอยากจะรู้ว่าข้างในหินประกอบไปด้วยแร่อะไร ก็ทุบให้แตกแล้วเก็บเศษมาวิเคราะห์ ถ้าเราอยากรู้ว่าข้างในอนุภาคที่ประกอบเป็นธาตุต่างๆ เช่น โปรตอน นิวตรอน (สองอย่างนี้เรียกรวมกันว่า “แฮดรอน “) ประกอบไปด้วยองค์ประกอบย่อยอะไรบ้าง เราก็ต้องหาทางทำให้อนุภาคนั้นแตกออก แต่โปรตอนมีขนาดเล็กถึงหนึ่งส่วนพันล้านล้านเมตร และมวลเพียงหนึ่งส่วนพันล้านล้านล้านล้านกิโลกรัม

ทางที่เป็นไปได้ก็คือ “ซิ่ง”โปรตอนเข้าไปชนอะไรสักอย่างด้วยความเร็วสูงจนโปรตอนแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วใช้เครื่องตรวจจับอนุภาคคอยจับตามองว่ามี “เศษอนุภาคมูลฐาน” อะไรหลุดออกมาบ้าง การ “ซิ่ง” โปรตอนนี้เองที่เรียกว่าการเร่งอนุภาค การเร่งอนุภาคนี้เมื่อ 40 ปีที่แล้วทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ “ควาร์ก” ซึ่งเป็นส่วนประกอบย่อยของโปรตอนและนิวตรอนใน ทุกๆ อะตอมที่เรารู้จัก เมื่อนักฟิสิกส์เห็นทางแล้วว่าสามารถศึกษาองค์ประกอบของสสารและความสัมพันธ์ ระหว่างองค์ประกอบแต่ละอย่างได้ด้วยการเร่งอนุภาค ก็มีการสร้างเครื่องเร่งอนุภาคที่สามารถ “ซิ่ง” โปรตรอนหรือนิวเคลียสของอะตอมให้มีพลังงานสูงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รถแข่ง หากจะให้แล่นได้เร็วมากๆ ก็ต้องมีทางวิ่งยาวๆ ให้เร่งความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ ทางที่ดีก็ให้วิ่งเป็นวงกลมจะได้ประหยัดเนื้อที่ เมื่ออนุภาคถูกเร่งจนมีพลังงานสูงก็จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเกือบเท่า ความเร็วแสง จึงต้องมีลู่วิ่งเป็นวงกลมใหญ่ๆ ในกรณีของ LHC ทางวิ่งของโปรตอนนี้เป็นวงกลมที่เส้นรอบวงยาว 27 กิโลเมตร ฝังอยู่ใต้ดินตามแนวพรมแดนฝรั่งเศส-สวิสเซอร์แลนด์


การทดลองที่ LHC นี้ไม่ได้หวังแค่เพียงว่าโปรตอนจะแตกออกแล้วศึกษาว่ามีอะไรอยู่ภายใน แต่ต้องการให้ลำโปรตอนนำพลังงานจำนวนมากมาอัดเข้าด้วยกันในพื้นที่เล็กๆ เพื่อสร้างมวลขึ้นมาจากพลังงานตามสมการ E = mc^2 ของไอน์สไตน์ ซึ่งบอกเราว่าหากนำมวล m มาสลายจะได้พลังงาน mc^2 และในทางกลับกันหากนำพลังงาน mc^2 มาอัดเข้าด้วยกันก็จะสร้างมวล m ขึ้นมาได้

นั่นคือมวลกับพลังงานนั้นเป็นสิ่งเดียวกันสามารถแปรสภาพกลับไปกลับมาได้ ตรงนี้เองครับที่ทำให้ LHC เป็นการทดลองที่น่าสนใจ เพราะจะมีอนุภาคมูลฐานใหม่เกิดขึ้นมากมาย อนุภาคเหล่านี้ไม่ใช่ธาตุที่เรารู้จักนะครับ แต่เป็นอนุภาคระดับย่อยลงไปกว่านั้นอีก

เราต้องเข้าใจความสัมพันธ์ของสสารในระดับย่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อจะ ได้นำมาอธิบายปรากฏการณ์ในระดับใหญ่ขึ้น อนุภาคที่เกิดใหม่เหล่านี้ไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้ด้วยวิธีอื่น และเมื่อเกิดขึ้นก็จะคงอยู่เพียงชั่วขณะเพราะอนุภาคที่เกิดขึ้นจะเกิดมา พร้อม “คู่แฝด” หรือปฏิสสาร (Antiparticle) ซึ่งเมื่อมาเจอกันแล้วก็จะหักล้างกันหายไปทั้งคู่ทันที ดังนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ ที่อนุภาคเกิดขึ้นจากการชนกันของโปรตอนนักฟิสิกส์ก็จะเก็บข้อมูลกันถี่ยิบ เพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาใหม่บ้าง เป็นอนุภาคที่เรารู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า


องค์ความรู้ที่สั่งสมมา ตลอด 30-40 ปีของการทดลองสร้างอนุภาคใหม่ พฤติกรรม และความสัมพันธ์ของอนุภาคแต่ละชนิดเป็นที่รู้จักกันในนามของ “ทฤษฎีมาตรฐาน” (Standard Model) ทฤษฏีนี้สามารถอธิบายการกำเนิดและสัมพันธ์ของอนุภาคมูลฐานที่พบ ในการทดลองเร่งอนุภาคได้แทบทุกชนิด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความเข้าใจในธรรมชาติของสสารนั้นค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ

แต่ทฤษฎีมาตรฐานก็มีปัญหาอยู่บ้าง เพราะยังมีอนุภาคมูลฐานที่สำคัญอีกอย่างชื่อ ฮิกกส์โบซอน (Higgs Boson) ที่น่าจะมีอยู่ในธรรมชาติหากทฤษฎีนี้ไม่ผิด แต่เราก็ยังหาไม่พบเสียทีเนื่องจากเรายังไม่สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่มี พลังงานสูงพอที่อนุภาคนี้จะเกิดขึ้นได้ นักฟิสิกส์หวังว่า LHC จะสร้างพลังงานสูงพอที่อนุภาคฮิกกส์โบซอนขึ้นได้ ถ้าฮิกกส์โบซอนมีอยู่จริงตามทฤษฎีมันก็จะต้องเกิดขึ้นมาในการนำโปรตอนมาชนกันแน่ๆ หากไม่เจอฮิกกส์โบซอนก็แสดงว่าเราจะต้องมาแก้ไขทฤษฎีมาตรฐานกัน หากเจออนุภาคอื่นเกิดขึ้นมาที่ไม่ใช่ฮิกกส์โบซอนเราก็ยิ่งดี เพราะเราก็จะได้หลักฐานใหม่ที่จะช่วยให้ทฤษฎีมาตรฐานสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

นักฟิสิกส์ยังหวังด้วยว่าระดับพลังงานสูงขนาดนี้อาจจะทำให้เราค้นพบมิติใหม่ ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน! รวมทั้งปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่อาจจะเกิดเฉพาะในสภาวะพลังงานสูงยิ่งยวดแบบ สมัยเสี้ยววินาทีแรกหลังการระเบิดบิ๊กแบงที่ให้กำเนิดของเอกภพก็อาจจะสังเกต ได้จากการชนกันของโปรตอนพลังงานสูงด้วย สรุปว่าไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ดีทั้งนั้นกับวงการวิทยาศาสตร์ครับ

มาถึงเรื่องที่มีคนกลัวกันมากจนทำให้ LHC เป็นข่าวครึกโครม ก็คือแนวคิดที่ว่าการชนกันของโปรตอนใน LHC อาจจะมีพลังงานสูงพอที่จะสังเคราะห์หลุมดำจิ๋ว (Micro Black Hole) ขึ้นได้และหลุมดำจิ๋วเหล่านี้อาจจะดูดสสารรอบข้างจนขยายใหญ่ขึ้นและกลืนโลกไปทั้งใบ”

แต่ในความเป็นจริงแล้วเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ครับ เพราะแม้ LHC จะเร่งอนุภาคจนมีพลังงานสูงยิ่งยวด ในอวกาศอันไกลโพ้นก็มีแหล่งเร่งอนุภาคตามธรรมชาติเช่น แก่นดาราจักรกัมมันตะอยู่แล้วและเราไม่เห็นจะเคยเห็นหลุมดำจิ๋วที่เกิดขึ้น จากวัตถุเหล่านี้เลย รังสีคอสมิกพลังงานสูงเข้ามาในบรรยากาศชั้นบนโลกอยู่ตลอดเวลาก็ไม่เห็นจะสร้างหลุมดำจิ๋วขึ้นมาได้ และที่สำคัญที่สุดก็คือหากมีหลุมดำจิ๋วเกิดขึ้นจริงๆ (โอกาส 1 ใน 50 ล้าน) หลุมดำเหล่านี้ก็จะ “ระเหย” สลายตัวไปเป็นอนุภาคอย่างอื่นในเวลาอันสั้นเนื่องจากขนาดเล็กเกินไป ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ยิ่งน่าตื่นเต้นของวงการวิทยาศาสตร์ที่ได้สังเกต ปรากฏการณ์นี้ก็เป็นได้

กระบวนการระเหยของหลุมดำเรียกว่า ปรากฏการณ์การแผ่รังสีฮอว์กิง (Hawking Radiation) ตั้งชื่อตาม สตีเฟน ฮอว์กิง นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษนั่งรถเข็นชื่อดังที่เขียนหนังสือเรื่อง ประวัติศาสตร์โดยย่อของกาลเวลา

ตอนนี้ LHC พังอยู่ครับ เพราะฮีเลียมที่ใช้หล่อเย็นรั่ว (เป็นเรื่องธรรมดาของการทดลองลักษณะนี้) ได้ยินว่าใช้เวลาซ่อมถึงประมาณต้นปีหน้าครับ

—————-

วันก่อนผมแวะทานอาหารมังสะวิรัติของ SMC เจ้าของร้านก็บอกว่าให้เร่งปฏิบัติธรรมไว้ โลกกำลังก้าวเข้าสู่มหาวิบัติ…

วันก่อนก็มีกลุ่มคนพูดถึงอุบัติภัยธรรมชาติครั้งใหญ่หลวงกำลังจะเกิดขึ้นในอีก ปี สองปีข้างหน้า

ผมไม่ได้ตื่นตระหนก หรือคลั่งไคล้สิ่งบอกกล่าวเหล่านี้ เท่าๆกับ นักวิทยาศาสตร์ CERN กล่าวว่า ไม่มีทางที่จะเกิดหลุมดำจากการทดลองที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ได้ แต่ผมสนใจว่ามนุษย์กลุ่มหนึ่งกำลังหาคำตอบด้วยการลงทุนมหาศาล และมีคนกลุ่มหนึ่งแสวงหาความหลุดพ้นด้วยลำพังตัวตนเท่านั้น แต่คนจำนวนมหาศาลกำลังไหลรื่นไปกับชีวิตที่ห่อหุ้มด้วยมายา

แม้แต่ตัวผมเอง…

 

แหล่งข้อมูล: วารสาร Go Genius

องค์กรเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป ( European Organization for Nuclear Research; CERN) เรียกโดยทั่วไปว่า “เซิร์น” เป็นองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรปเพื่อวิจัยและพัฒนาทางด้านนิวเคลียร์ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 29 กันยายน
พ.ศ. 2497 โดยมีประเทศสมาชิกก่อตั้ง 12 ประเทศ เมื่อแรกก่อตั้ง เซิร์น มีชื่อว่า “สภาวิจัยนิวเคลียร์ยุโรป” หรือ Conseil Européen pour la Recherche Nucléaire (European Council for Nuclear Research) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อย่อ CERN

บทบาทหลักของเซิร์นคือ การจัดเตรียมเครื่องเร่งอนุภาคและโครงสร้างอื่นๆที่จำเป็นต่อการวิจัยด้านฟิสิกส์อนุภาค เซิร์นเป็นสถานที่ทำการทดลองมากมายที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อ นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นต้นกำเนิดของเวิลด์ไวด์เว็บ สำนักงานหลักที่เขตเมแร็ง มีศูนย์คอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่มีอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลที่มีประสิทธิภาพสูง มากเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดลอง และเนื่องจากจำเป็นต้องทำให้นักวิจัยในสถานที่อื่นสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไป ใช้ได้ จึงต้องมีฮับสำหรับข่ายงานบริเวณกว้างอีกด้วย

ในฐานะที่เป็นองค์กรระหว่างประเทศ สถานที่ของเซิร์นจึงไม่อยู่ภายใต้อำนาจทางกฎหมายของทั้งสวิตเซอร์แลนด์และ ฝรั่งเศส ใน พ.ศ. 2551 เซิร์นได้รับยอดบริจาคจากประเทศสมาชิกรวมแล้ว 1 พันล้านฟรังก์สวิส[2] สำนักงานใหญ่ของเซิร์น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเจนีวา ใกล้กับชายแดนฝรั่งเศส-สวิตเซอร์แลนด์ เป็นที่ตั้งของห้องปฏิบัติการนิวเคลียร์ฟิสิกส์ขนาดใหญ่


 


อุบัติเหตุ..

7 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 เมษายน 2011 เวลา 12:52 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 667

ผมและครอบครัวรีบเดินทางไปเชียงใหม่และรีบกลับนอกจากงานของคนข้างกายล้นท่วมหัวแล้ว ผมก็ต้องการหลีกความหนาแน่นของจราจรบนถนนในช่วงสงกรานต์ ซึ่งเสี่ยงต่ออุบัติเหตุมากมาย

เราอาจจะระมัดระวัง แต่ยามที่ใครต่อใครรีบเร่งและจราจรหนาแน่นนั้น คนใจร้อนก็จะทำอะไรต่อมิอะไรให้สุ่มเสี่ยงมากมาย ถนนสายพิษณุโลกอุตรดิตถ์จนถึงเด่นชัยนั้นมีบางส่วนที่กำลังปรับปรุงทำให้ผิวจราจรแคบและขรุขระ หลายจุดอันตราย

มีสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเสมอเรื่องอันตรายเกี่ยวกับรถและถนน อย่างเรื่องนี้

หลายปีก่อนคุณเกรียงศักดิ์ ญาติสนิทคุณตุ๊ ขับรถ Jeep Cherokee พาภรรยาและครอบครัวเที่ยว มีการเตรียมตัวพอสมควรจะไปเที่ยวหลายวันก็มีกระเป๋าและกล่องใส่เครื่องมือรถพิเศษพกไปด้วยเผื่อจำเป็นต้องใช้ก็จะหยิบใช้ได้สะดวก

รถทรงนี้เหมือนกับรถ Fortuner ที่ผมใช้คือ เป็นรถ Multi-purpose คือใช้ในเมืองได้ลุยป่าเขาได้ นั่งสบายเพราะขนาดค่อนข้างใหญ่ อาจจะกินน้ำมันสักหน่อยก็ต้องเรียนรู้วิธีประหยัดเอา รถประเภทนี้ห้องโดยสารจะดูกว้างเพราะไม่ได้แบ่งห้องเก็บของแยกออกจากห้องโดยสาร เปิดกว้างถึงกัน ข้อเสียคือ หากเอาสิ่งของที่มีกลิ่นเข้ามาเก็บ เช่นอาหาร กลิ่นก็จะฟุ้งไปทั้งห้องโดยสาร ต้องจัดเก็บดีดี ข้อดีคือ หากต้องการอะไรก็เอื้อมไปหยิบจับได้ไม่ต้องจอดรถลงไปเปิดประตูท้ายให้เสียเวลา

วันนั้นคุณเกรียงศักดิ์พาภรรยาเที่ยวอีสานจะขึ้นเหนือ ตามเส้นทางที่ผมใช้ปกติ เมื่อมาถึงเขาค้อเกิดมีรถใหญ่เบียดแซงมาเขาต้องหักหลบลงข้างทางอย่างกะทันหัน เพื่อมิให้เกิดการเสี่ยงต่อการเฉี่ยวชน การตัดสินใจในเสี้ยววินาทีนั้นทำให้รถต้องเผชิญต่อไหล่ทางที่ไม่เรียบมีหลุมมีลอนคลื่น ทำให้รถกระดอนขึ้นลงหลายครั้ง

และแล้วก็มีวัตถุสิ่งหนึ่งกระเด็นจากหลังรถข้ามศีรษะคนนั่งกลางมาตกที่หัวคุณเกรียงศักดิ์ในที่นั่งคนขับรถพอดี มันเป็นช่วงที่คุณเกรียงศักดิ์เบรกรถให้หยุดด้วย รถเบาลงและหยุดโดยรถไม่มีอะไรเสียหายแม่แต่น้อย แต่คนขับรถ แน่นิ่งไปทันที เพราะสิ่งของที่กระเด็นมาจากข้างหลังนั้นเองที่มาโดนหัวพอดี

เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ คุณเกรียงศักดิ์เสียชีวิตในเวลาต่อมาไม่นาน เพราะน้ำหนักของสิ่งนั้นกระเด็นกระดอนมาอย่างแรง พบว่าสิ่งนั้นก็คือ “กล่องเครื่องมือรถ” นั่นเอง เป็นกล่องเครื่องมือพิเศษที่ซื้อมาเพิ่มเติม มันไม่น่าที่จะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้น

ชีวิตเขากำลังก้าวหน้า ครอบครัวกำลังมีความสุข ภรรยาและลูกเสียใจมาก

การเตรียมกล่องเครื่องมือเป็นความรอบคอบ แต่การวางเฉยๆโดยไม่ได้มัดให้ติดแน่น นั้น กลายเป็นความเสียหายถึงชีวิตทีเดียว

เมื่อต้นเหตุเป็นเช่นนี้จึงเตือนเราว่า ไม่ว่ากล่องเครื่องมือก็ตามหรือสิ่งอื่นๆก็ตามที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้นั้น พึงเก็บ มัดให้แน่นหนา รถหรูราคาแพงนั้นอาจช่วยในเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับการเฉี่ยวชนได้ในบางกรณี

แต่อาจมาเสียชีวิตกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ได้

ชีวิตที่แข่งกับความเร็วและยุ่งเหยิงนั้น ต้องการสติมากขึ้นหลายเท่าตัวนัก…


ทัวร์เวียงพิงค์สั้นๆ

462 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 เมษายน 2011 เวลา 9:26 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 9928


วัดดอยสุเทพฯวันนี้ พัฒนาไปไกลมากเมื่อเทียบกับสมัยที่ผมยังใช้ชีวิตสมัยเรียนหนังสือหรือทำงานที่นี่ ไปเชียงใหม่คราวนี้ ไม่ได้บอกพี่น้องทางเหนือหรอกเพราะไปส่วนตัวทำภารกิจครอบครัวแล้วรีบกลับ เพราะคนข้างกายงานล้นไม้ล้นมือ

ผมพาลูกสาวและหลานสาวไปด้วย เมื่อธุระเบาบางลงก็หาเวลาแวบพาเขาขึ้นไปกราบพระธาตุดอยสุเทพ ผมชื่นชมทางวัดที่มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบและสะอาดมากๆๆ แม้จะมีธุรกิจรับจ้างถ่ายรูป แต่เขาก็ได้มีส่วนช่วยให้ผู้มาจาดทางไกลเข้าใจว่าควรจะต้องทำอะไรบ้างตามที่ถูกที่เหมาะสมที่ประเพณีปฏิบัติต่อกันมา เช่น ซื้อดอกไม้ ธูปเทียนแล้วก็ไปเดินพนมมือวนขวารอบด้านในขององค์พระธาตุก่อนจึงออกมา จุดธูปเทียน บูชา.. ฝรั่งมังค่า ก็ทำตาม ฝรั่งที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยทางวัดก็มีผ้าคลุมให้ ผมไม่รู้ว่าต้องเช่าหรือเปล่าเอารายได้เข้าวัดเหมือนสตรีที่จะเข้าไปกราบพระธาตุอิงฮังสะหวันนะเขต ลาวโน่น ที่สาวๆนุ่งสั้น หรือนุ่งกางเกง ห้ามเด็ดขาด ต้องเช่าผ้าถุงสรวมแล้วจึงอนุญาตให้เข้าไปได้ กฎระเบียบเหล้านี้ดีครับ คนต้องเคารพสถานที่ว่าอะไรควรไม่ควร ในชุมชนลาวหลายแห่งห้ามเด็กวัยรุ่นสาวๆนุ่งกางเกงขาสั้นในหมู่บ้านเลย เขากำหนดเป็น “ระเบียบบ้าน” ใครละเมิดโดยเรียกไปตักเตือน จนถึงปรับไหม….


ที่ด้านนอกขององค์พระธาตุดอยสุเทพฯที่เป็นสถานที่จุดธูปเทียนบูชานั้น ผมเห็นเด็กหนุ่มเอาแผ่นเหล็กที่ทำไว้เฉพาะวัตถุประสงค์ มาขูดเอาน้ำตาเทียนที่หยดลงพื้นออกไป ผมชื่นชมจริงๆ เข้าใจได้ว่านี่คือการจัดการที่ดี ผมเห็นเด็กหนุ่มคอยกวาดพื้นตลอดเวลา แม้ว่าทุกคนที่ขึ้นไปข้างบนนั้นจะต้องถอดรองเท้าไว้ข้างล่าง แต่ก็ย่อมมีเศษผงเศษธุลีต่างๆตกหล่นลงไป

ผมยิ่งเข้าใจเมื่อพบภาพนี้ว่าทำไมต้องมีการกวาดพื้นตลอดเวลา นี่คือการแสดงการคารวะสูงสุด เพื่อพระผู้อุทิศตนเพื่อศาสนา เพื่อการปฏิบัติธรรมก้มกราบแทบพื้นต่อองค์พระธาตุ อันเป็นตัวแทนพระผู้มีพระภาคเจ้า เราทุกคนนั่งลงและยกมือแสดงคารวะ แม้ฝรั่งมังค่า เขาก็เข้าใจได้ นั่งลงยกมือเช่นกัน….


ระหว่างทางขึ้นและลงดอยสุเทพฯ ผมได้เล่าให้ลูกสาว หลานสาวฟังว่า สมัยที่มาเป็นนักศึกษาใหม่ของ มช.นั้นเรามีประเพณีพาน้องใหม่เดินขึ้นดอยไปกราบองค์พระธาตุแห่งนี้ น้องใหม่ทุกคนต้องเดินขึ้น เป็นมหกรรมที่ยิ่งใหญ่และสมควรสืบต่อยิ่งนัก มาอยู่เชียงใหม่ก็ต้องมากราบไหว้สิ่งสูงสุดที่คนเมืองเหนือเคารพบูชา ลูกสาวและหลายสาวถามว่าเดินมาตั้งแต่ข้างล่างเลยหรือ…ใช่สิ ผมตอบ แถมสาธยายบรรยากาศและเรื่องราวอีกยาว…..มีการแข่งกันเดินขึ้นด้วยใครถึงก่อนก็มีรางวัลให้… เป็นประเพณีที่ทำให้เราแนบสนิทกับท้องถิ่น และรักกัน

สภาพองค์พระธาตุสุกอร่ามด้วยแผ่นทองคำสวยงามเหลือเกิน บริเวณสะอาด มากๆๆๆๆ ขอเน้นหน่อย


ผมพาครอบครัวเลยขึ้นไปบนตำหนักภูพิงค์เพื่อให้เธอรู้จักพร้อมเล่าประวัติศาสตร์ว่าทุกปีในหลวง สมเด็จและพระบรมวงศานุวงศ์จะเสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้จบหลักสูตรปริญญาที่ มช.ในช่วงฤดูหนาว และขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงปฏิบัติหน้าที่ต่างๆแก่ชาวเขา ชาวเรามากมายล้วนเป็นกลุ่มคนยากจน สมัยก่อนนั้นทุกครั้งที่เสด็จมาก็ทรงพระราชทานเลี้ยงคณะนายกสโมสรนักศึกษาทุกคณะที่ตำหนักข้างบนนี้…. ทรงใกล้ชิดกับนักศึกษามาก….ฯลฯ


 

ค่ำแล้วผมก็พาครอบครัวตระเวนภายใน มช. เล่าให้ฟังสารพัดเรื่อง กลายเป็นทัวร์เรื่องเก่า ความหลังไปด้วยในตัว มีการแซวกันเป็นที่ครึกครื้น วัตถุประสงค์ผมนั้นอยากจะให้ลูกหลานได้มารับรู้ว่า ท้องถิ่นแห่งนี้เราได้มาอิงอาศัย เล่าเรียนหาความรู้และมาทำกิจกรรมต่างๆอันเป็นรากฐานชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน สถาบันการศึกษาเป็นที่บ่มเพาะเรามา เป็นสถานที่เปิดโอกาสให้กับการสร้างเสริมความรู้และประสบการณ์ชีวิต รายละเอียดมากมายเล่าไม่จบ ไม่หมดไม่สิ้น จนหิวข้าว เลยพาไปกินข้าวในสถานที่สวยที่สุดที่ไม่มีร้านค้าไหนๆจะสวยเท่านี้ เพราะที่นั่นคือ ร้าน “กาแล” บนแห่งนี้อดีตคือสำนักงานเกษตรภาคเหนือที่ทำงานผมสมัยอยู่สะเมิงต้องเข้ามาที่สำนักงานนี้ทุกเดือนเพื่อมาประชุม

ผมก็ทราบประวัติความเป็นมาดีว่าสถานแห่งนี้ ดร.ครุย บุญญสิงห์ สามีของท่านอาจารย์เต็มศิริ บุญญสิงห์ เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักท่านแล้ว ดร.ครุยเป็น Staff ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยคอลเนลที่ได้รับรางวัลโนเบลไพรซ์ ผมจำไม่ได้ว่าสาขาไหน เรื่องอะไร ท่านมาเป็นผู้ก่อตั้ง สำนักงานแห่งนี้ ต่อมามีการปรับโครงสร้างกระทรวงเกษตร สำนักงานเกษตรภาคถูกยุบลงไป แปลงเป็น สำนักงานโครงการหลวง สำนักงานเกษตรสหกรณ์จังหวัด และอื่นๆตามความเหมาะสม..และร้านค้ากาแลก็มีมาตั้งแต่แรกๆสมัยก่อนไม่สวยอย่างนี้ สมัยนี้มีดอกไม้มากประดับเต็มพื้นที่ที่เป็น slop สวยงามมาก มีอ่างเก็บน้ำ มองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่..

ที่มีดอกไม้ประดับตลอดทั้งปีสวยงามเพราะอะไรหรือ ก็เพราะว่า เจ้าของร้านกาแลนั้นเป็นคนอ่างทอง บ้านเดียวกับผม มีลูกหลานทำงานสำนักงานอัยการ และมีกิจการเพาะดอกไม้ต่างๆส่งเทศบาลนครเวียงพิงค์อยู่ที่โป่งแยง แถมยังส่งลงมาถึงกรุงเทพฯ เป็นกิจการใหญ่โตมากลงทุนมากมีคนงานมากมาย ทำตลอดปี จึงเอาดอกไม้ที่ตกเกรดมาประดับที่ร้านอาหารกาแลแห่งนี้ได้ตลอดปี…

ผมสนุกที่พาครอบครัวมาทำภารกิจแม้จะรีบเร่ง รีบมารีบกลับ ก็มีโอกาสเล่าถึงประวัติศาสตร์ เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับสถานที่ ผู้คน ฯลฯ ให้เขาฟัง ดีกว่าดูเฉยๆ เห็นเฉยๆ การให้เขาได้สัมผัสรากเหง้าของที่มาที่ไปของสถานที่ ผู้คนนั้น จะเข้าใจและลึกซึ้ง และเกิดทักษะ มุมมองในเรื่องท้องถิ่นมากขึ้น

อิอิ เป็นความสุขของคนเล่าด้วย…


กล้วยน้ำว้าลูกละ 6 บาท

118 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 5 เมษายน 2011 เวลา 22:06 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4851

ผมเป็นคนชอบกินกล้วยทุกชนิดตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่หวีละ 3 บาท 5 บาท จนปัจจุบัน 25-45 บาทเข้าไปแล้ว ผมเองพบกล้วยน้ำว้าลูกละ 6 บาทกว่า

เช้าวันนั้นผมต้องไปจอดรถข้างๆโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพราะเอารถเข้าไปข้างในบริเวณที่จอดรถไม่ได้ นั่งอยู่ในรถคอยการนัดหมาย สายตาก็สาดส่องไป กลัวตำรวจจะมาจับจอดผิดที่

สายตาที่สาดไปส่วนหนึ่งก็เพื่อดูวิถีชีวิตคนเดินริมถนนในเมืองหลวง ผมพบพ่อค้าขายกล้วยปิ้งคนนี้ครับ มีกล้วยห่ามๆในกระจาด มีสาแหรกมีคานหาม มีเก้าอี้ ผมนึกถึงชนบทภาคกลาง ผมเคยหาบกระจาดในสาแหรกแบบนี้มาแล้วสมัยเด็กๆ เช่น หาบข้าวปลาอาหารไปทำบุญที่วัด หาบผลผลิตจากสวนกลับบ้าน หาบแตงโมไปขายที่ตลาดวิเศษชัยชาญ…. และร่วมกับชาวบ้านไปหาบข้าวเปลือกให้วัดยามออกไปแผ่บุญเพื่อทอดผ้าป่าเอาเงินไปซ่อมแซมโบสถ์ เด็กหนุ่มสมัยนั้นรู้สึกอายๆวัยรุ่นสาวๆเหมือนกัน อิอิ..


ผมจำความรู้สึกบนบ่าได้ดีว่ามันเจ็บแค่ไหน จากบ้านไปที่นาระยะทาง 5 กิโลเมตร ที่หาบข้าวปลูกไปให้พ่อทำการหว่านลงนา สัมผัสที่ผ่านมายังรู้สึกแม้นานแค่ไหน มันไม่เลือนหายไป เพราะเป็นความรู้สึกด้านใน ไม่เพียงความรู้สึกทางกายเท่านั้น

ผมไม่กล้าลงไปคุยกับพ่อค้าขายกล้วยปิ้งหน้าโรงพยาบาลแห่งนั้น ผมแอบนั่งดูพฤติกรรมท่านนานนับชั่วโมงทีเดียว มีคนเดินผ่านไปมามากมาย คนแล้วคนเล่า ชาย หญิง คนเฒ่าคนหนุ่มสาว เขาเหล่านั้นเป็นคนเดินถนนที่มาขึ้นรถเมล์ใกล้ๆ หรือมาคอยแท็กซี่ หรือบางคนก็มาว่าจ้างมอเตอร์ไซด์ที่ตรงนั้นมีวินอยู่ มีรถสัก 4-5 คัน เดี๋ยวออก เดี๋ยวออก บ้างก็มาลง บ้างก็ไปที่อื่น


ก็มีคนแวะมาซื้อกล้วยปิ้งบ่อยๆ ผมถือว่าขายดี ส่วนใหญ่เป็นสตรี ผมพยายามดูว่าเขาขายอย่างไร ผมไม่ได้ยินเขาพูดกันแต่พอเดาได้ว่า พ่อค้าจะถามว่าเอากล้วยแบบไหนแบบเกรียม หรือแบบร้อนๆที่เพิ่งกลับไปมา หรือเอาทับชุบน้ำชุบกล้วยที่หั่นเป็น คำ คำ ไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนมากซื้อเป็นลูกๆที่ไม่ได้ทับ และเอาแบบเกรียมๆหน่อย 3 ลูก 20 บาท!!!!! ลูกละ 6 บาทกว่า !!!!!! พ่อค้าเอามือหยิบใส่ถุงพลาสติกใส แล้วเอาใส่ถุงหิ้วอีกชั้นหนึ่ง เมื่อรับแบ้งค์ 20 มาแล้วก็เอาไปแตะๆ กล้วยที่ปิ้งอยู่นั้นเหมือนแม่ค้าทั่วไปที่ทำเช่นนั้นยามเช้าๆ นัยว่าขอให้วันนี้ขายดี ขายดี หมดเร็วๆ.

ช่วงที่ผมนั่งดูนั้น 9 โมงกว่าแล้ว กล้วยที่เอามาปิ้งหมดไป 3 หวีแล้ว

ผมไม่วิเคราะห์ในมุมกล้วยปิ้งนี้ไม่สะอาด ทั้งกระบวนวิธีปิ้ง การหยิบจับ การย่างที่รบควัน.. แต่ผมขอมองในมุมอาชีพผู้ชายที่มาใช้เวลาทั้งวันทำหน้าที่ ทำอาชีพที่บริสุทธิ์ ริมถนน ท่ามกลางอากาศที่มีมลภาวะมากมาย ยามจะเข้าห้องน้ำ ยามจะกินข้าว กินน้ำ ไปทำธุระส่วนตัว รายได้ต่อวันมีความหมายมาก ไม่รู้กี่คนที่อยู่ที่บ้าน ไม่รู้ว่าภาระครอบครัวเขาอาจจะมีลูกที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ที่ไหนสักแห่ง.. ที่บ้านอาจจะมีคนป่วยนอนคอยรายได้ไปรักษาก็ได้

ที่ทำงานของท่านผู้นี้คือริมถนน ขายสิ่งบริโภคให้กับคนกลุ่มหนึ่งในสังคม หากฝนตกมาเขาคงไม่ได้ขาย วันไหนๆที่ร้อนจัดๆล่ะ…

ในสภาเขาพูดถึงเรื่องอะไรกัน

ท่านผู้มีตำแหน่งสูงๆ มีหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคม ยืดคออยู่ในห้องที่หรู อาหารหนึ่งมื้อของท่านอาจจะมีราคาสูงกว่ารายได้ของชายท่านนี้ทั้งเดือน ท่านอาจจะเคยเดินผ่านชายผู้ขายกล้วยปิ้งท่านนี้…. ขณะที่สมองท่านคิดเรื่องพัฒนากรุงเทพฯ เมืองไทยให้ศิวิไลซ์..

ทุกคนก็ทำหน้าที่ของท่านไป

ชายท่านนี้ก็ขายกล้วยปิ้งไป วันแล้ววันเล่า จนกว่าจะหมดแรง…..

งานพัฒนาเพื่อใครกัน…. เขามองเห็นคนกลุ่มนี้ไหม..??

 


 


ขุมทองอีสาน

80 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 เมษายน 2011 เวลา 12:05 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2831

เมื่อคืนหากผมไม่ได้ไปงานพิธีมอบรางวันแล้ว เสียใจตายเลย จริงๆผมไม่ค่อยเท่าไหร่กับงานพิธีรีตองเหล่านี้ แต่ที่ผมชอบมากๆเพราะประวัติผู้ได้รับรางวัลแต่ล่ะท่านนั้น ผมต้องแสดงคารวะต่อท่านด้วยความจริงใจอย่างสุดซึ้ง กว่าผลงานของท่านจะถูกคณะกรรมการแอบไปพิจารณาสรุปออกมาว่าสุดยอดสมควรมอบรางวัลให้นั้น แต่ละท่าน พ่อคุณ แม่คุณเอ๋ย เป็นไม้ใกล้ฝั่งกันแล้วทั้งนั้น บางท่านถึงกับเสียชีวิตไปแล้ว ต้องให้ทายาทมารับแทน บางท่านต้องประคองมา หลายท่านถือไม้เท้าขโยกขึ้นเวที

ขอบคุณคณะกรรมการจัดงานที่ทำให้ผมรู้จักอีสานเพิ่มขึ้น อีสานที่เป็นมุมที่เป็นรากเหง้า เป็นแก่น เป็นแกนของสังคม วัฒนธรรม และผู้คนที่สร้างสรรค์งานของท่าน และส่งต่อให้สู่ลูกหลาน เพียงแต่ว่าเรามองงานนี้ในมุมไหนเท่านั้นแหละ

อยากจะเขียนถึงทุกท่านเหลือเกิน ผมตามงานของท่านมาบ้าง เช่น สมคิด สิงสง บางท่านผมไม่รู้จักท่านแต่เห็นฝีมือท่าน เช่น ช่างแกะเทียนที่อุบล ที่ผมขออนุญาตแสดงความประทับใจส่วนตัวคือ นางผมหอม สกุลไทย แห่งดอนตาลมุกดาหาร และเจรียงนรแก้ว ของแม่แก่นจันทร์ นามวัฒน์จากสุรินทร์

ผมอยู่มุกดาหารนับสิบปีเคยได้ยินชื่อเสียงท่านบ้างแต่ไม่เข้าหู ไม่ซึมซับ มาวันนี้ผมได้เห็นท่านได้ยินท่านมา “รำผญาย่อย” พร้อมเครื่องดนตรีท้องถิ่น ผมสะดุ้งโหย่ง นึกเสียดายเวลาไปถ่ายรูปเมฆบนยอดเขาภูมโนรมณ์ซะ ไม่เคยไปสัมผัสท่านที่ดอนตาล ซึ่งเป็นอำเภอที่มีชื่อเสียงติดอันดับของเมืองไทยมานานในหลายมิติ เช่นเป็นแหล่งลือลั่นท่านอดีตรักษาการณ์ ผบ.ตร.คนตรง ท่านเสรีพิสุทธ์ เป็นอำเภอที่หมอเขียวอยู่ที่ลือลั่นในปัจจุบัน และท่านผมหอม

ผญาย่อยคืออะไร ผญาเป็นภาษาถิ่นอีสานและทางเหนือ ภาคกลางน่าจะใกล้กับคำว่า สุภาษิต ซึ่งบรรพบุรุษได้จารย์ไว้สอนลูกหลานในเรื่องต่างๆของวิถีชีวิตปกติของคนในแต่ละรุ่น รำผญาย่อย ก็เป็นการร่ายรำ ร้องคำโบราณที่สอนลูกสอนหลานในเรื่องวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต การปฏิบัติตนในสังคม เคารพนับถือผู้ใหญ่ ไม่ควรทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ควรทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ โอ้โฮในโรงเรียนเอาผญาไปสอนกันไปเรียนบ้างไหมนี่ แล้วหยิบมาใส่ทำนอง ร่ายรำประกอบ มีเสียงดนตรีเข้ามามันเป็นการสั่งสอนที่ไม่แห้งแล้ง เสียงของเธอนั้นสุดแสนจะชัดเจน ภาษานักร้องเขาเรียกแก้วเสียงหรือเปล่าหนอ

อีกรายการที่ผมขนลุกคือการร้องรำ “กันตรึม” คนที่ไม่เคยมาใช้ชีวิตทางอีสานใต้อาจจะไม่รู้จักกันตรึม เป็นศิลปะการแสดงของราษฎรไทยเชื้อสายเขมร ก็แถบบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกศ ที่เป็นชานแดนติดประเทศกัมพูชานี่แหละ บังเอิญผมเคยมาใช้ชีวิตชนบทแถบชายแดนแห่งนี้ในประมาณปี 2523-2525 มาเรียนภาษาเขมร มาชื่นชมกันตรึม มีร้านอาหารและเครื่องดื่มอยู่ร้านหนึ่งที่มีการแสดงกันตรึมทุกคืน ร้านนี้เป็นทายาทของท่านเปรื้อง วรรณศรี ใครไม่รู้จัก เปรื้อง วรรณศรี ไปถามอาจารย์ Goo ดูนะครับ ท่ารำของผู้ชายและผู้หญิงจะออกไปคล้ายนางอับษร (เขียนผิดขออภัยด้วย) สวยงามมากๆ ผมชอบ ผมชอบ ถ้าเป็นสมัยหนุ่มๆที่ชอบดื่มกระเป๋าผมฉีกไปแล้ว ก็จะตกรางวัลให้เธอเหล่านั้นน่ะซี..อิอิ สมัยทำงานที่สุรินทร์แถว กาบเชิง สังขะ บัวเชดนั้น ล้วนเป็นชนเผ่าที่ใช้ภาษาเขมร แต่ภาษาเขมรที่นี่กับภาษาเขมรในประเทศเขมรนั้นไม่เหมือนกันเพี้ยนไปบ้าง แต่เข้าใจกัน ผมไปเรียนภาษาเขมรและสอบด้วย ที่วิทยาลัยครูสุรินทร์ เข้าไปกินนอนในหมู่บ้าน จึงเป็นวัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะท้องถิ่น ที่นี่ และหนีไม่พ้น กันตรึม เครื่องดนตรีมีไม่กี่ชิ้น คำร้องเนื้อหาสาระก็มีความหมายคล้ายผญา ออกไปทางสั่งสอนให้คนทำในสิ่งที่ดีงาม ถูกต้อง ละเว้นสิ่งไม่ดีต่างๆ

พ่อครูบอกว่า เคยจัดกันตรึมที่บริเวณหน้าปราสาทหิน โดยไม่ใช้เครื่องเสียงเลยเอาแบบธรรมชาติๆจริงๆ ขนลุกครับ มันจะงดงามและมีความหมายแค่ไหน บรรยายไม่ถูกเชียวหละ..

ไม่ได้กล่าวถึงราตรี ศรีวิไล, บานเย็น รากแก่น ที่ใช้ท่วงทำนองเพลงถิ่นอีสานกล่าวถึงความสัมพันธ์สองฝั่งโขงของพี่น้องเหล่านี้

ผมทำงานพัฒนาชุมชนแม้จะไม่ใช่คนท้องถิ่นแต่ก็เห็นคุณค่า ประโยชน์การใช้วัฒนธรรมมาขับกล่อมหลอมชีวิตให้ดีให้งามจากท่านผู้เป็นศิลปินระดับเซียนเหล่านี้

นี่คือสาระเนื้อแท้ของศิลปะการร้องรำในวัฒนธรรมสมัยแต่ก่อนมา

มามองสมัยนี้….มีแต่อะไรก็ม่ายรุ….


เทิดทูนท่านผู้ทำดี..

9 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 เมษายน 2011 เวลา 1:02 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป, ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 643

ชื่นอกชื่นใจที่สังคมยกย่องคนดี คนทำดี

อย่างน้อยที่สุดเป็นกำลังใจท่านผู้สร้างสรรค์สังคมในสาขาต่างๆ

แน่นอนยังมี นาย นาง อีกมากมาย ที่รางวัลยังเอื้อมมือไปไม่ถึง

เหมือนปิดทองหลังพระ

แต่ท่านเหล่านี้ และ เหล่านั้น ก็ไม่ได้ทำดี เพื่อรางวัล

แต่ทำดีเพราะสันดานดี

ขอเทิดทูนท่านผู้ทำดี ด้วยความจริงใจยิ่ง

เนื่องในโอกาสพ่อครูบาฯรับรางวัลแก่ชีวิต


ความจริง

26 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 2 เมษายน 2011 เวลา 9:08 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 752


ยินดียิ่งกับพ่อครูบาฯ…

609 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 31 มีนาคม 2011 เวลา 14:42 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 10909

ขอแสดงความยินดียิ่งกับพ่อครูบาสุทธินันท์ ที่ได้รับรางวัล นี้


ดูรายละเอียดที่นี่ครับ

http://cac.kku.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=341&Itemid=1

อย่างนี้ต้องปิดสวนป่าแล้วฉลอง อิอิ วันที่ 2 จะไปร่วมฉลองกับพ่อครูบา ออต ป้าหวาน มีใครอีกยกมือขึ้น.. พ่อครูฯ บอกที่งานเขาให้โต๊ะจีน 1 โต๊ะ..


หนักเพื่อเบา..

15 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 30 มีนาคม 2011 เวลา 21:56 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1687

เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว แต่กลับหนาวมากกว่าฤดูหนาว

ดอกสารภีโรยลาไปหลายวันแล้ว ดอกจันกะพ้อเพิ่งเริ่มส่งกลิ่นหอม

พ่อแม่กำลังโรยลา แต่ลูกๆกำลังเติบโต

สึนามิที่ญี่ปุ่นกำลังค่อยๆผ่านไป น้ำท่วมภาคใต้กำลังมา

…………………ฯลฯ……………..

งานเขียนรายงานเบาบางเยอะแล้ว แต่ภาระบางอย่างกลับหนักขึ้น

หนัก…เพื่อเบา….


เมฆ มุมอดิเรกของผม

340 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 มีนาคม 2011 เวลา 11:13 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 7282

ได้ข่าวว่าสารคดีเล่มใหม่ออกแล้ว เพื่อนบอกว่ามีรูปผมลง 3 รูปแน่ะ

ยังไม่มีเล่มใหม่นี้เลย ไปจองที่ร้านหนังสือขอนแก่น เขาก็ไม่ให้จอง

เขาบอกว่าสายส่งเอามาจำนวนน้อยมาก


หายไปในป่าคอนกรีต

26 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 27 มีนาคม 2011 เวลา 20:52 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1672

ขับรถขอนแก่น-กรุงเทพฯมาสามรอบแล้ว

ยังไม่บอกว่าขับมาทำอะไร

หายไป เพราะงานสำคัญครับ


น..อีหนู..!!

340 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 23 มีนาคม 2011 เวลา 16:50 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 16833

ไม่ใช่ อีหนู คุณหนู หรอก…แต่เป็น น-หนู ขวักไขว่ ถ้าเป็นภาษาลาวเขาว่า น-นก


ผมกับหนูนั้นไม่รู้ว่าเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติไหน มีวาระที่จะต้องเผชิญหน้ากันมาตลอด ก็บ้านผมน่ะซี มีเจ้าหนูมาวิ่งสวนสนามบนฝ้า เพดานห้องนอนบ่อยๆ… วิ่งแบบไม่เกรงใจเราเลย เหมือนเตะฟุตบอลกัน

ผมเคยเขียนที่ G2K มาบ้างแล้วว่า หลายปีก่อนผมใช้วิธีไปซื้อกาวดักหนูมาจัดการ ก็ได้ตัวจริงๆ แต่เจ้ากาวน่ะซี ทรมานเจ้าหนูมาก เห็นแล้วก็ยกเลิกวิธีนี้

และก็คิดขอยืมแมวมาจับหนู ก็แมวข้างบ้านมันมาเดินนวยนาดบ้านผมบ่อยๆ เลยทำใจดีให้อาหารเขาจนสนิทกันก็จับเอาแมวไปไว้บนฝ้าห้องนอน เพื่อขอให้ช่วยจับหนูให้หน่อย ทิ้งไว้สองวัน อิอิ แทนที่จะได้หนู แมวจะตายเอาเพราะไม่ได้กินอะไร พอเปิดฝ้าได้ มันกระโดดลงบ้านหายไปเลย และไม่มาอีกเลย…

เจ้าหนูก็ยังร่าเริง มาเต้นฮิบฮอบบนฝ้าให้ได้รำคาญบ่อยๆ คิดว่าจะเอาวิธีไหนดีหนอ ก็ลองไปซื้อที่ดักหนูแบบโบราณที่ใช้เหยื่อล่อ เมื่อเขาเข้ามากินเหยื่อ ประตูก็จะปิดอัตโนมัติ แรกๆก็เอาขนมปังมาเป็นเหยื่อ ก็โอเคได้ผล ต่อมาใช้กล้วย ก็ยิ่งได้ผล

ผมเอากล้วยไปเสียบไว้ที่สำหรับเกี่ยวเหยื่อ เมื่อ หนูมากินก็จะทำให้ลวดที่เกี่ยวขยับ ก็จะไปทำให้กลไกการปิดประตูทำงานเพราะมีสปริงเป็นตัวดึงระบบให้ปิดประตูเข้า เสียงดังทีเดียวหากมันทำงาน เราก็รู้ว่า นั่นหนูเข้าไปกินเหยื่อและกลไกกับดักทำงานแล้ว..

ผมได้มาเป็นสิบๆตัวแล้วครับ แล้วก็เอาไปปล่อยไกลๆโน้น เพดานห้องเงียบไปพักหนึ่ง ทิ้งไว้ก็มาอีกแล้ว ผมก็จัดการอีก ร้อยละ 99 ได้ผลครับ มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ไม่ทราบว่าเป็นอะไร หนูเอากล้วยที่เป็นเหยื่อไปกินทั้งลูกเลย โดยกลไกไม่ทำงาน


ถามว่าหนูมาจากไหน ก็ตอบว่า หลังบ้านติดบึงที่แห้งน้ำ มีต้นไม้ขึ้นครึ้มไปหมด หนูก็ชอบอาศัย และก็แอบขึ้นต้นมะพร้าวที่ติดบ้าน แอบเข้าบนหลังคาบ้านไปวิ่งเล่นบนเพดานห้อง ตัวหนึ่งถูกจับไปตัวใหม่ก็เข้ามาอีก ผมก็วางกับดักอีก จับได้ก็เอาไปปล่อยอีก เงียบไปพักหนึ่งแล้วก็มาใหม่ทุกครั้งไป เท่าที่ประเมินคร่าวๆ ประมาณ 2 เดือน 1 ตัว หากเขามาวิ่งเล่นเมื่อใดก็เอากับดักไปวาง ไม่เกินสองวัน ได้ตัว

แต่ผมว่ามีหนูดีกว่ามีปลวกนะ….อิอิ

แต่มีอีหนูนี่ ผมตายหยังเขียดแน่ๆ..ฮา



Main: 0.12828803062439 sec
Sidebar: 0.5654718875885 sec