ทัวร์เวียงพิงค์สั้นๆ

โดย bangsai เมื่อ 10 เมษายน 2011 เวลา 9:26 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 9998


วัดดอยสุเทพฯวันนี้ พัฒนาไปไกลมากเมื่อเทียบกับสมัยที่ผมยังใช้ชีวิตสมัยเรียนหนังสือหรือทำงานที่นี่ ไปเชียงใหม่คราวนี้ ไม่ได้บอกพี่น้องทางเหนือหรอกเพราะไปส่วนตัวทำภารกิจครอบครัวแล้วรีบกลับ เพราะคนข้างกายงานล้นไม้ล้นมือ

ผมพาลูกสาวและหลานสาวไปด้วย เมื่อธุระเบาบางลงก็หาเวลาแวบพาเขาขึ้นไปกราบพระธาตุดอยสุเทพ ผมชื่นชมทางวัดที่มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบและสะอาดมากๆๆ แม้จะมีธุรกิจรับจ้างถ่ายรูป แต่เขาก็ได้มีส่วนช่วยให้ผู้มาจาดทางไกลเข้าใจว่าควรจะต้องทำอะไรบ้างตามที่ถูกที่เหมาะสมที่ประเพณีปฏิบัติต่อกันมา เช่น ซื้อดอกไม้ ธูปเทียนแล้วก็ไปเดินพนมมือวนขวารอบด้านในขององค์พระธาตุก่อนจึงออกมา จุดธูปเทียน บูชา.. ฝรั่งมังค่า ก็ทำตาม ฝรั่งที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยทางวัดก็มีผ้าคลุมให้ ผมไม่รู้ว่าต้องเช่าหรือเปล่าเอารายได้เข้าวัดเหมือนสตรีที่จะเข้าไปกราบพระธาตุอิงฮังสะหวันนะเขต ลาวโน่น ที่สาวๆนุ่งสั้น หรือนุ่งกางเกง ห้ามเด็ดขาด ต้องเช่าผ้าถุงสรวมแล้วจึงอนุญาตให้เข้าไปได้ กฎระเบียบเหล้านี้ดีครับ คนต้องเคารพสถานที่ว่าอะไรควรไม่ควร ในชุมชนลาวหลายแห่งห้ามเด็กวัยรุ่นสาวๆนุ่งกางเกงขาสั้นในหมู่บ้านเลย เขากำหนดเป็น “ระเบียบบ้าน” ใครละเมิดโดยเรียกไปตักเตือน จนถึงปรับไหม….


ที่ด้านนอกขององค์พระธาตุดอยสุเทพฯที่เป็นสถานที่จุดธูปเทียนบูชานั้น ผมเห็นเด็กหนุ่มเอาแผ่นเหล็กที่ทำไว้เฉพาะวัตถุประสงค์ มาขูดเอาน้ำตาเทียนที่หยดลงพื้นออกไป ผมชื่นชมจริงๆ เข้าใจได้ว่านี่คือการจัดการที่ดี ผมเห็นเด็กหนุ่มคอยกวาดพื้นตลอดเวลา แม้ว่าทุกคนที่ขึ้นไปข้างบนนั้นจะต้องถอดรองเท้าไว้ข้างล่าง แต่ก็ย่อมมีเศษผงเศษธุลีต่างๆตกหล่นลงไป

ผมยิ่งเข้าใจเมื่อพบภาพนี้ว่าทำไมต้องมีการกวาดพื้นตลอดเวลา นี่คือการแสดงการคารวะสูงสุด เพื่อพระผู้อุทิศตนเพื่อศาสนา เพื่อการปฏิบัติธรรมก้มกราบแทบพื้นต่อองค์พระธาตุ อันเป็นตัวแทนพระผู้มีพระภาคเจ้า เราทุกคนนั่งลงและยกมือแสดงคารวะ แม้ฝรั่งมังค่า เขาก็เข้าใจได้ นั่งลงยกมือเช่นกัน….


ระหว่างทางขึ้นและลงดอยสุเทพฯ ผมได้เล่าให้ลูกสาว หลานสาวฟังว่า สมัยที่มาเป็นนักศึกษาใหม่ของ มช.นั้นเรามีประเพณีพาน้องใหม่เดินขึ้นดอยไปกราบองค์พระธาตุแห่งนี้ น้องใหม่ทุกคนต้องเดินขึ้น เป็นมหกรรมที่ยิ่งใหญ่และสมควรสืบต่อยิ่งนัก มาอยู่เชียงใหม่ก็ต้องมากราบไหว้สิ่งสูงสุดที่คนเมืองเหนือเคารพบูชา ลูกสาวและหลายสาวถามว่าเดินมาตั้งแต่ข้างล่างเลยหรือ…ใช่สิ ผมตอบ แถมสาธยายบรรยากาศและเรื่องราวอีกยาว…..มีการแข่งกันเดินขึ้นด้วยใครถึงก่อนก็มีรางวัลให้… เป็นประเพณีที่ทำให้เราแนบสนิทกับท้องถิ่น และรักกัน

สภาพองค์พระธาตุสุกอร่ามด้วยแผ่นทองคำสวยงามเหลือเกิน บริเวณสะอาด มากๆๆๆๆ ขอเน้นหน่อย


ผมพาครอบครัวเลยขึ้นไปบนตำหนักภูพิงค์เพื่อให้เธอรู้จักพร้อมเล่าประวัติศาสตร์ว่าทุกปีในหลวง สมเด็จและพระบรมวงศานุวงศ์จะเสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้จบหลักสูตรปริญญาที่ มช.ในช่วงฤดูหนาว และขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงปฏิบัติหน้าที่ต่างๆแก่ชาวเขา ชาวเรามากมายล้วนเป็นกลุ่มคนยากจน สมัยก่อนนั้นทุกครั้งที่เสด็จมาก็ทรงพระราชทานเลี้ยงคณะนายกสโมสรนักศึกษาทุกคณะที่ตำหนักข้างบนนี้…. ทรงใกล้ชิดกับนักศึกษามาก….ฯลฯ


 

ค่ำแล้วผมก็พาครอบครัวตระเวนภายใน มช. เล่าให้ฟังสารพัดเรื่อง กลายเป็นทัวร์เรื่องเก่า ความหลังไปด้วยในตัว มีการแซวกันเป็นที่ครึกครื้น วัตถุประสงค์ผมนั้นอยากจะให้ลูกหลานได้มารับรู้ว่า ท้องถิ่นแห่งนี้เราได้มาอิงอาศัย เล่าเรียนหาความรู้และมาทำกิจกรรมต่างๆอันเป็นรากฐานชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน สถาบันการศึกษาเป็นที่บ่มเพาะเรามา เป็นสถานที่เปิดโอกาสให้กับการสร้างเสริมความรู้และประสบการณ์ชีวิต รายละเอียดมากมายเล่าไม่จบ ไม่หมดไม่สิ้น จนหิวข้าว เลยพาไปกินข้าวในสถานที่สวยที่สุดที่ไม่มีร้านค้าไหนๆจะสวยเท่านี้ เพราะที่นั่นคือ ร้าน “กาแล” บนแห่งนี้อดีตคือสำนักงานเกษตรภาคเหนือที่ทำงานผมสมัยอยู่สะเมิงต้องเข้ามาที่สำนักงานนี้ทุกเดือนเพื่อมาประชุม

ผมก็ทราบประวัติความเป็นมาดีว่าสถานแห่งนี้ ดร.ครุย บุญญสิงห์ สามีของท่านอาจารย์เต็มศิริ บุญญสิงห์ เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักท่านแล้ว ดร.ครุยเป็น Staff ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยคอลเนลที่ได้รับรางวัลโนเบลไพรซ์ ผมจำไม่ได้ว่าสาขาไหน เรื่องอะไร ท่านมาเป็นผู้ก่อตั้ง สำนักงานแห่งนี้ ต่อมามีการปรับโครงสร้างกระทรวงเกษตร สำนักงานเกษตรภาคถูกยุบลงไป แปลงเป็น สำนักงานโครงการหลวง สำนักงานเกษตรสหกรณ์จังหวัด และอื่นๆตามความเหมาะสม..และร้านค้ากาแลก็มีมาตั้งแต่แรกๆสมัยก่อนไม่สวยอย่างนี้ สมัยนี้มีดอกไม้มากประดับเต็มพื้นที่ที่เป็น slop สวยงามมาก มีอ่างเก็บน้ำ มองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่..

ที่มีดอกไม้ประดับตลอดทั้งปีสวยงามเพราะอะไรหรือ ก็เพราะว่า เจ้าของร้านกาแลนั้นเป็นคนอ่างทอง บ้านเดียวกับผม มีลูกหลานทำงานสำนักงานอัยการ และมีกิจการเพาะดอกไม้ต่างๆส่งเทศบาลนครเวียงพิงค์อยู่ที่โป่งแยง แถมยังส่งลงมาถึงกรุงเทพฯ เป็นกิจการใหญ่โตมากลงทุนมากมีคนงานมากมาย ทำตลอดปี จึงเอาดอกไม้ที่ตกเกรดมาประดับที่ร้านอาหารกาแลแห่งนี้ได้ตลอดปี…

ผมสนุกที่พาครอบครัวมาทำภารกิจแม้จะรีบเร่ง รีบมารีบกลับ ก็มีโอกาสเล่าถึงประวัติศาสตร์ เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับสถานที่ ผู้คน ฯลฯ ให้เขาฟัง ดีกว่าดูเฉยๆ เห็นเฉยๆ การให้เขาได้สัมผัสรากเหง้าของที่มาที่ไปของสถานที่ ผู้คนนั้น จะเข้าใจและลึกซึ้ง และเกิดทักษะ มุมมองในเรื่องท้องถิ่นมากขึ้น

อิอิ เป็นความสุขของคนเล่าด้วย…

« « Prev : ดำหัวอุ้ย..

Next : อุบัติเหตุ.. » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

462 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 7.3659799098969 sec
Sidebar: 0.05282998085022 sec