ผ่านไปอีกวัน……
ระบบโครงการใหญ่ที่ผมทำอยู่นี่ บางทีก็ดูเทอะทะ เวลาเจ้านายอยากประชุมทีก็เรียกกันลงมากรุงเทพฯต้องเหมารถตู้มากัน บ้างก็นั่งเครื่องฯมา ไปกลับเท่าไหร่ ค่าที่พัก ค่ากิน ค่าแท็กซี่ บางคนก็ชอบชีวิตแบบนี้…ผมเห็นว่ามันไม่คุ้นกันเลย บางคนมาแล้วไม่ได้พูดสักคำ นั่งรับฟังเฉยๆ บางทีผมยังสงสัยว่าที่นั่งเฉยๆน่ะ เข้าใจกันแค่ไหน..? เสียดายงบประมาณจริงๆ…เฮ่อ บ่นสักหน่อยวันนี้…
ลงกรุงเทพฯก็พยายามพักที่โรงแรมใกล้กระทรวงเกษตร เพราะตื่นเช้ามาก็เดินมาได้ คราวนี้น้องๆบอกมีโรงแรมราคาถูก ชื่อ Golden Horse จำได้ว่าสมัยทำงานกับสภาพัฒน์ฯมาพักที่นี่บ่อยมากเพราะเขาจองให้ว่ามันอยู่ใกล้ๆ เมื่อคืนกลับมาพัก โห….ผิดไปมากทีเดียว ก็โทรมจนหมดราคาเลย ไม่มีแขกพักซักเท่าไหร่ เมื่อผมเข้าพักแล้วก็นึกได้ว่ามันอยู่ใกล้ๆ ภูเขาทองวัดสระเกศ จึงเปิดผ้าม่านดู โฮ สวยจริงๆ…เหลืองอร่าม
ถ่ายรูปนี้ผ่านกิ่งไม้ข้างห้องพัก
การประชุมวันนี้เพื่อมาให้รับทราบว่าเบอร์หนึ่งจะเดินทางขึ้นไปประชุมพิเศษที่ขอนแก่น จะต้องเตรียมตอบคำถามท่านอย่างไรบ้าง จะเอางานอะไรมาบรรยายสรุปให้ท่าน ใครจะเตรียมฯลฯ เป็นที่ทราบกันดีว่า เบอร์หนึ่งของหน่วยงานนี้ท่านเป็นคนเช่นไร จึงต้องกำชับกันมากหน่อย…. เจ้านายสั่งงานแล้วก็นั่งคุยต่อกันนิดหน่อยแล้วก็แยกย้ายกันกลับ
แค่นี้..แค่มาประชุม 2 ชั่วโมงเสียงบประมาณไปมากมาย พวกเราเลยถือโอกาสไปดูพระเมรุที่สนามหลวง พนักงานขับรถที่เช่ามาเตือนว่า พี่ช่วงนี้รถติดมากนะครับ ทุกคนในรถก็ว่ามาแล้วไปดูซะหน่อยเป็นบุญตา…
โห..จริงๆ รถติดกันยังกะฝูงมดเดินกลับรัง…. เห็นรถบัสคันใหญ่จอดในสนามก็เดาว่าที่คงเป็นทัวร์ต่างจังหวัดที่เข้ามาชมเหมือนเราที่ตั้งใจ แต่เราหมดสิทธิ พนักงานขับรถไปถึงสามเหลี่ยมศาลหลักเมือง ก็ปรึกษากันว่าเลี้ยวกลับเถอะ ขืนไปต่อไม่ได้กลับขอนแก่นแน่
ก็อาศัยถ่ายรูปในรถเอา เราต่างกระหายบริโภคภาพพระเมรุมาศที่มีพี่น้องชาวไทยเข้ามาชมกันเต็มนั่น รถก็กระดึบๆไปข้างหน้า สวยมากจริงๆ อยากให้คงอยู่เช่นนี้นานๆ พี่น้องจะได้เดินทางมาชมศิลปกรรมของประเทศเรา ล้ำค่า เลอเลิศ สะแมนแตนจริงๆ บุญตาเรา คนข้างกายผมก็บ่นว่าอยากเข้ามาดู แต่ไม่มีโอกาส เลย ก็แค่เก็บรูปเท่าที่จะพอถ่ายได้เอาไปฝากกันเท่านั้น… อิจฉาคนกรุงเทพฯจัง…
ผมเข้าใจว่าพระเมรุนี้จะไม่เก็บไว้นานเพียง 1 เดือนประมาณนั้น จะต้องเก็บเพื่อเหตุผลของความเชื่อของวัฒนธรรมไทยเราตามที่โฆษกพระราชพิธีประกาศให้เราทราบช่วงพระราชพิธีอันงดงามนั้น
ผมเดินทางกลับขอนแก่นโดยเครื่องเพราะมีนัดกับคุณหมอเรื่องอวัยวะข้างในผม เลยแยกตัวจากเพื่อนที่นั่งรถตู้กลับ แต่เรื่องจริงเพื่อนๆที่นั่งรถตู้กลับถึงบ้านขอนแก่นก่อนผม เพราะเมื่อผมลงเครื่องก็เลยเข้าไปพบคุณหมอที่คลินิก
ป๊าดดดด แม่คุณทูนหัวทั้งผู้ป่วยและญาติที่มาส่งผู้ป่วยพบหมอนั้นลามออกมาข้างนอกห้อง เมื่อผมยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่สาว เธอก็บอกว่าคิวยาวมากนะคะ ผมก็พยักหน้า ยาวก็จะรอครับ เพราะคุณหมอนัดวันนี้
ผมอ่านหนังสือจบเป็นเล่มเลย ระหว่างนั้นคุณหมอก็ออกมาทักทายคนไข้ตามนิสัยสร้างบรรยากาศดีดี ครั้งหนึ่งคุณหมอประกาศดังๆต่อหน้าคนไข้ว่า มีใครมาไกลกว่าเมืองสะหวันนะเขต(เมืองลาว) บ้าง ต่างพยายามมองว่ามีใครมาไกลบ้าง มีคนยกมือจริงๆ มุมห้องโน้น มาจากไหนครับคุณหมอถาม ผมมาจากจันทรบุรีครับ…เอ้า มาเอารางวัลไปเลย…คุณหมอหยิบขนมปังที่ทำเป็นแบบแฮมเบอร์เกอร์ห่อด้วยพลาสติกใส 1 ชิ้น…
คนไข้ที่นั่งต่างหัวเราะและยิ้มให้แก่พฤติกรรมน่ารักของคุณหมอครับ… ท่ามกลางความทุกข์ที่ทุกคนมาเพื่อหาหมอนั้น ต่างก็ยิ้ม นี่เองที่ทำให้คนไข้คุณหมอแน่นทุกวัน…
ผมดูเวลา ห้าทุ่มแล้ว ก็ถึงคิวผม อิอิ เป็นคนสุดท้ายเลยครับ…..เห็นใจคุณหมอจริงๆที่ต้องรับภาระหนักเช่นนี้.. แต่ชื่นชมที่ท่านทำบุญให้แก่เพื่อนคนไทยที่มีทุกข์ต่างบากหน้ามาหาหมอ…
“ผมว่าคุณเป็นนิ่ว..ไหนเอาแผ่นฟิล์มที่ทำอุนตราซาวน์ดูหน่อยซิ” แทนที่คุณหมอจะหยิบคำวินิจฉัยที่คุณหมอที่ทำอุลตราซาวน์มาอ่านก่อน กลับไปหยิบแผ่นฟีล์มมาส่องไฟดู
“นี่ไงเห็นไหม…นิ่วก้อนเล็กๆนี่ไง…” แล้วคุณหมอจึงมาอ่านคำวินิจฉัยทีหลัง…
“เอาไงดี..จะผ่าหรือจะกินยาต่อ..” ขอกินยาต่ออีกครั้งครับ หากยังไม่ดีขึ้นก็จะผ่าครับ ผมอ้อนวอนคุณหมอ..
“เอางั้นเอายาไป…” ผมเห็นคุณหมอเพลียมากจึงไม่ซักถามมากนัก ผมลาคุณหมอและเจ้าหน้าที่แล้วก็มุ่งหน้ากลับบ้าน เกือบเที่ยงคืน เพื่อนที่นั่งรถจากกรุงเทพฯมาถึงบ้านก่อนจริงๆ….
เฮ่อ…ผ่านไปอีกวันหนึ่ง…ชีวิต..
พักผ่อนเอาแรงไว้วันพรุ่งนี้ต่อดีกว่า…. อย่างไรเสียวันนี้ก็ได้กราบวัดพระแก้ว และพระเมรุ ผมหลับลงด้วยจิตใจที่ดีอีกวันหนึ่ง
คร๊อกฟี้ยยยยยย……