อยู่ร่วมและเรียนรู้

โดย สาวตา เมื่อ 5 ตุลาคม 2009 เวลา 23:23 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 967

วันก่อนเผลอบ่นเรื่องอยู่รอดเอาไว้ บ่นๆแล้วก็เลยตามเลยบ่นต่ออีกหน่อย เอาไว้คอยตามดูปรากฏการณ์อีกนะแหละ ถึงแม้ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ซ้ำซากแต่ก็อยากจะรู้นะว่า หากมีคนที่อยากจะให้การอยู่เป็น “อยู่อย่างมีความหมาย” พลังข้างไหนจะแรงกว่า

บางคนอาจเคยได้ยินเรื่องที่ว่า คนทำงานพึงฝึกตนให้ดูทิศทางลมให้เป็น เมื่อเปลี่ยนหัวจะได้อยู่รอด ใช่ไหม

ในหลักสูตร “การประเมินคุณภาพสิ่งส่งมอบ” ครูฝึกได้ย้ำให้คนเข้าฝึกฟังว่า “หัวหน้า” แปลว่า “คนเป็นหัวเอาหน้าตัวเองเป็นการันตี” ฟังแล้วขำๆ และในใจนั้นแอบพยักตามว่า เออจริง

ช่วงปลายๆของเดือนกันยายน ก็มีลุ้นๆกับการที่ใครจะมาเป็นหัวเรือใหญ่ขององค์กรฉัน ลุ้นกันแบบไม่ลุ้นคนไหนหรอกนะ ลุ้นกันแบบตามดูว่าหวยไปออกที่ใครแค่นั้นแหละ

ที่ตามลุ้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า จะเตรียมความพร้อมในการทำงานต่อให้ไปฉิวตรงทิศทางลม ไม่ให้หมดพลังจนเกินเหตุอย่างนั้นเองแหละ

ถ้าเปรียบกับการทำงาน เหมือนการนำพาเรือออกจากฝั่ง แต่ก่อนเมื่อถึงเดือนนี้ ฝ่ายจัดทำแผนงานก็ต้องชะลอๆกันไว้ เหมือนชะลอเรือรอลม ไม่ตัดสินใจพลันทันทีที่จะลอยเรืออกไป กลัวกันไปว่าหากจะแล่นฉิวปลิวลมไปก่อน แล้วเกิดแล่นเรือวิ่งต้านลมโดยบังเอิญไปละก็ งบดุลที่มีจะหมดกระเป๋าไปซะก่อน หมดงบก็เหมือนเรือหมดน้ำมัน ลอยเท้งเต้งเซ็งกระเด๊๊ะอยู่กลางทะเล แถมอาจมีลมพายุจากหัวๆพัดมาให้สะดุ้งจนทำเรือจม เก้าอี้ที่นั่งหักกลางได้ ทำเรือล่มเองได้

ตอนนี้หวยออกมาแล้ว และแล้วในวันหนึ่ง นายกองเรือคนหนึ่งได้เอ่ยถามขึ้น ทิศทางของงานที่กำลังทำกันอยู่ ศึกใหญ่ที่ดูแลกันอยู่ตอนนี้ค่อยเบาลงๆแล้ว คนมารับบริการจากแต่ก่อนเป็นกว่าสองร้อยเหลือแค่ไม่ถึงยี่สิบคนต่อวัน แม่ทัพที่ให้นำทีมออกไปรับหน้าศึกตรงจุดนี้ ต่างพากันถอยเข้ามาทำงานรับมือตรงจุดปกติอย่างสบายๆแล้ว จะให้ยุบกองเรือไหม จะให้แล่นเรือต่อไปไหม

พลันก็ได้คำตอบแกมหัวเราะจากหัวขององค์กรว่า รู้หรือเปล่าว่าคนที่หวยออกนะได้เป็นใหญ่ด้วยเรื่องที่กำลังปรึกษา มาตรการที่ออกมาให้ปฏิบัติกันจึงยิ่งเข้มข้นนะไม่ว่า….เอิ๊ก..เอี๊ก..เอิ๊ก นายกองได้ยินตัดสินใจพลันว่า “ฮ่อๆๆอั๊วรู้แล้ว ถ้างั้นอั๊วจะคงกองเรือเอาไว้อย่างนี้แหละ แต่ขอรายงานว่าบรรดาแม่ทัพทั้งหลาย เขาได้พากันถอนกำลังพลเข้าประจำที่เดิมของเขากันแล้ว ศึกที่ให้สู้นะก็ยังสู้อยู่ แต่เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งกองเรือของเรา…..”

เรื่องเล่านี้ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการใช้หน้าเป็นประกันของหัว

สำหรับคนทำงานเวลาหัวต้องการใช้หน้าเป็นประกันด้วยเรื่องต่อเนื่องอย่างนี้ ชอบๆๆ ดีที่ทำให้ไม่ต้องปรับตัวมากมาย ทำต่อไปๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ชวนกันแค่ชะลอการโหมแรงไว้ เพื่อพักผ่อนกายให้ฟื้นจากความล้าไปพลาง มีศึกยกใหม่ค่อยเร่งเครื่อง รบศึกทุกทางกันไปต่อ

เพิ่งได้คำเฉลยกับข้อกำหนดบางอย่าง ว่าด้วยเหตุใดครูฝึกจึงเคร่งครัดกับคุณสมบัติของผู้เข้าฝึกว่า ขอให้เป็น “หัวหน้า” เท่านั้น ส่งรองหัวหน้าหรือคนทำแทนมาให้เท่าไรไม่รับไม่สน เบื้องหลังคำเฉลยมีอยู่ว่า “นี่คือหลักสูตรสอนงานให้หัวๆสั่งงานเป็น”

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฉันตามไปดู ตามรู้ ครูฝึกได้ชวนให้เดินไปด้วยกัน ก่อนไปถึงห้องเรียนก็แวะไปถึงจุดทำงานที่หนึ่ง  คำสนทนาด้วยกันมีแค่คำถามที่ป้อนมาให้ตอบอยู่แค่ 3 ข้อ

ข้อหนึ่งถามพร้อมใช้มือชี้ “นี่อะไร”

ข้อสองถามต่อ “เห็นอะไร”

ข้อสามถามใหม่ “ปกติหรือไม่ปกติ”

คำถามทั้งสามถูกใช้ซ้ำเมื่อเปลี่ยนหมุนตัวไปยังจุดใหม่ในสถานที่เดิม

แปลกใจกับตัวเองที่เริ่มอ้อ ว่าคำถาม 3 ข้อมีความหมายอะไร หลังจากโดนถามไป 3 รอบ 3 จุดที่เปลี่ยนไป ปิ๊งแวบเข้าใจครูฝึกแฮะ   “สอนให้หัวๆสั่งงานเป็น” แท้จริงครูฝึกมุ่งหวังอย่างไรไว้

เข้าใจแล้วค่ะ่ครูฝึกว่า ทำไมครูจึงขอให้ ผอก.หรือใครที่เป็นหัวแทน เข้ามาร่วมในตอนปิดเวทีให้ได้ และขอให้ทำหน้าที่่แค่ 4 อย่างเท่านั้นเอง

หนึ่งคือ เมื่อหัวหน้ารองลงไปนำผลงานมาเสนอว่า งานนี้ควรพัฒนาซะก่อนจึงให้ผ่าน ให้พูดออกไปแค่คำว่า “…..ก็ลองดู”

สองคือ เมื่อหัวหน้ารองนำเสนอผลงานมาเสนอว่า งานนี้ควรพัฒนาซะก่อนจึงให้ผ่าน ให้พูดออกไปแค่คำว่า “…ใครรับผิดชอบ”

สามคือ เมื่อหัวหน้ารองนำเสนอผลงานมาเสนอว่า งานนี้ควรพัฒนาซะก่อนจึงให้ผ่าน ให้พูดออกไปว่า “….จะเสร็จเมื่อไร”

หน้าที่ 3 อย่างที่ให้ทำนี้  ให้ทำให้เสร็จก่อนลงนามรับรายงานแต่ละใบที่หัวหน้ารองส่งมา

หน้าที่อย่างที่ 4 ที่ให้ทำ คือ ลงนามรับรู้ผลงานที่เสนอมาว่าผ่านหรือไม่ผ่านก็ตามโดยไม่ทำหน้าที่ : ซัก ค้าน เสนอความเห็นชี้นำ แทรกแซง วิจารณ์ใดๆ ขอเพิ่มเติมเรื่องใดๆ

ฉันนั่งฟัง นั่งสังเกตไปเรื่อยๆ  ได้เห็นบรรยากาศแล้วขำในใจ นึกเห็นไปว่า ถ้าในหัวๆที่มานั่งอยู่หัวไว ปากเร็ว สมองหมี  นิสัยกระทิง เร็วแบบเหยี่ยวอยู่ร่วมเยอะ คงหงุดหงิดกับสไตล์ของครูฝึกน่าดู

ครูฝึกเขาฝึกแบบมองหัวๆทั้งหลายเป็นเด็กอนุบาลยังไงยังงั้น เมื่อสอนแล้วถามกลับ ตอบไม่ได้ก็ให้อ่านให้ฟัง เมื่อสอนแล้วให้อ่านก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ก็สอนใหม่ เมื่อสอนแล้วก่อนป้อนคำถามให้ตอบก็จะมีคำถามว่า “เข้าใจไหม”

อยากรู้ว่าบรรยากาศในห้องเรียนเป็นอย่างไร ให้นึกถึงสมัยเรียน ข อา ขา ก อา กา ดูแล้วกัน เหมือนอย่างนั้นเดี๊ยะเลย  ไม่น่าเชื่อ

ตอนนี้ครูฝึกเขากลับไปแล้ว กว่าจะแวะกลับมาเยี่ยมใหม่มีเวลาอีกหลายเดือน มีการบ้านทิ้งไว้ให้ทำแล้วให้ส่งเมื่อกลับมาใหม่

ไม่รู้ยังไงซิน่า มีคำๆหนึ่งแวบขึ้นมาในใจในวันนั้น อย่างนี้

“อ้อ ครูฝึกเขาจะมาช่วยฝึกให้หัวหน้าทั้งหลายเปลี่ยนตัวเองจากคุณละเอียดเป็นคุณละเมียด….อิอิ”

บันทึกไว้เพื่อการติดตามดูต่อไปด้วยความอยากรู้ว่า จะได้คุณละเมียดแล้วแถมคุณละไมมาให้ด้วยหรือเปล่า น่ารู้จริง (อยากได้คุณละไมไว้เติมความสุขให้คุณลืมละเมียดมากกว่าในตอนนี้)

ก่อนจบขอฝากคำคมจากครูฝึกไว้หน่อย ฉันว่าเตือนใจได้ดีนะ

“เมื่อมีอะไรที่ไม่ปกติอยู่  ทุกวันๆมาเห็นแล้ว คนกลับรู้สึกว่าเป็นปกติ นี่น่ากลัวนะ การพัฒนาจึงไม่ง่ายเลยนะหมอ…….”

6 ตุลาคม 2552

บันทึกอื่น

1.  เตือนใจ “หน่วงไว้”

2.  เยี่ยม

3.  อยู่รอด

4.  เก็บเกี่ยวข้อฝึกตน

« « Prev : ถังแตก

Next : ยางลบ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "อยู่ร่วมและเรียนรู้"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.027976989746094 sec
Sidebar: 0.12723612785339 sec