ทำดีวันละนิด…จิตแจ่มใส…

6 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 1 กรกฏาคม 2010 เวลา 10:54 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2783

“มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก” เป็นโครงการที่อยู่ในความอุปถัมป์ของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาค่ะ มีกิจกรรมที่ทำประโยชน์ให้สังคมโดยส่วนรวมมากมายค่ะ

โครงการ “หลังคาเขียวเพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก” ก็เป็นหนึ่งในโครงการดีๆเหล่านั้นค่ะ โดยการนำกล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่มที่เราเรียกว่ากล่องUHTที่ใช้แล้วกลับมาrecycleใช้ประโยชน์ได้อีกค่ะ คือนำมาทำเป็นแผ่นหลังคา เพื่อนำไปไว้ช่วยเหลือผู้ประสพภัยในพื้นที่ต่างๆ  ในการสร้างบ้านชั่วคราวซึ่งใช้ได้ดีมากค่ะ

ป้าจุ๋มได้รับทราบข่าวมานานพอสมควรแล้วว่ากล่องนม UHTที่เราใช้แล้วทิ้งไปเป็นขยะนั้นความจริงสามารถนำกลับมาrecycleทำประโยชน์ได้อีก เช่นทำโต๊ะได้ และทำแผ่นหลังคาได้ ซึ่งทั้งแข็งแรงและเบาค่ะ

ครั้งแรกที่รับทราบข่าวมาก็รู้สึกว่าเป็นโครงการที่ดีมากๆค่ะ เพราะปกติกล่องเหล่านี้เราก็ทิ้งไปเป็นขยะที่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยซ้ำไป คิดว่าเราเพิ่มงานให้ตัวเองนิดหน่อยแล้วนำกล่องมาใช้ประโยชน์ก็น่าจะดีค่ะ  ก็เริ่มสะสมกล่องโดยให้แม่เอหยีเป็นผู้ช่วยค่ะ โดยการ  1. นำไปกลั้วน้ำล้างแล้วคว่ำไว้(ป้องกันการเน่าเหม็นค่ะ)  2. แล้วนำมารีดให้แบนจะได้ไม่เปลืองที่เวลาใส่ถุงค่ะ 3. ก็นำไปใส่ถุงดำเก็บไว้ค่ะ

แม่เอหยีใช้ขวดรีดกล่องให้แบนค่ะ แต่ทองม้วนขอมีส่วนร่วมด้วยค่ะ(นัยว่าถึงเป็นหมาก็ขอทำดีกับเขาบ้าง)

แม่เอหยีชมว่าทองม้วนนี่ยู่ทุเรื่อเลย(ยุ่งทุกเรื่องเลย) แต่บ่นไปงั้นเองก็เห็นช่วยทำงานกันเป็นเกลียวทุกที

ใส่ในถุงดำที่เตรียมพร้อมนำไปส่งค่ะ(ตอนนี้เกือบได้ 2 ถุงแล้วค่ะ)

เก็บมาตั้งนานแต่มาตายตอนจบเพราะว่าaddressที่จดไว้ว่าจะนำกล่องเหล่านี้ไปส่งที่ใดนั้นหาไม่พบ ก็ได้แต่กลุ้มใจ แต่ก็ไม่ท้อใจค่ะเก็บไปเรื่อยๆค่ะ จนได้ถุงใหญ่เกือบ 2 ถุงแล้วค่ะ

และแล้วความตั้งใจไว้ก็สมหวังค่ะ เมื่อเช้าอยู่ดีๆก็เปิดวิทยุฟัง(ซึ่งตอนเช้ามักดูทีวีมากกว่าค่ะ) ก็มีข่าวนี้พอดีค่ะ เขาบอกว่าให้นำไปส่งได้ที่ห้างสรรพสินค้า Big C ทุกสาขา วันนี้จะรีบนำไปส่งค่ะ  ก็ขอบอกบุญมาให้ทราบทุกท่านค่ะ ใครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่บรรจุด้วยกล่องUHT ก็สามารถนำไปสมทบได้ค่ะ

วันนี้ป้าจุ๋มก็ขอทำดีอย่างน้อย 1 อย่างค่ะ

สุดท้ายขอฝากเพลงเด็กๆน่ารักๆให้ฟังกันสบายๆค่ะ


The Wonder of You…

34 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 30 มิถุนายน 2010 เวลา 16:10 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2937

*กำลังจะเขียนมนต์เมืองใต้ตอน 2 ต่อ แต่มาเจอบันทึกมองดูฟ้าครั้งล่าสุด…ของน้องอุ๊ยสร้อย พร้อมกับที่คุณLogos ส่งเพลง “You’ll Never Walk Alone” มาเติมเต็มให้สมบูรณ์ขึ้นไปอีก…ก็เลยอยากเขียนบันทึกนี้ก่อนค่ะ
* มนุษย์เราเป็นสัตว์ที่มีชีวิต มีจิตวิญญาณ สื่อภาษากันด้วยการพูด การเขียน การฟัง แม้กระทั่งภาษาตา ภาษากายและภาษามือ ต้องพึ่งพากันและกัน  และชอบรวมกันอยู่เป็นกลุ่ม ถูกจัดประเภทว่าเป็น “สัตว์สังคม”  ต้องการความรัก ความอบอุ่นและกำลังใจค่ะ ดังนั้นก็หนีไม่พ้นที่จะต้องมีใครสักคนหรือมากกว่านั้นที่เราสามารถวางใจได้รวมทั้งพึ่งพิงได้ค่ะ

*ป้าจุ๋มมีความเชื่ออีกอย่างว่าคนที่มีความรักความอบอุ่นนั้น ย่อมจะมีความสุขค่ะ จิตใจจะมั่นคง ดังนั้นคนเหล่านี้ก็มักจะคิดและกระทำแต่สิ่งที่ดีๆค่ะ…

*เพลง “You’ll Never Walk Alone” ฟังแล้วซึ้งใจดีนะคะ มีความสุขและอบอุ่นใจ แต่ไม่รู้เป็นอะไรป้าจุ๋มฟังเพลงนี้ทีไรต้องนึกถึงเพลงนี้ไปด้วยทุกทีไปค่ะ ” The Wonder of You” ชอบค่ะ เรียกว่าโดนเลยค่ะ ความหมายดีและเป็นจริงตามที่เนื้อเพลงกล่าวค่ะ…(ป้าจุ๋มเป็นแฟนพันธุ์แท้ของElvis ค่ะ และโชคดีมากเคยได้ดูconsertสดๆของพ่อElvis คนนี้ด้วยค่ะ เทอมแรกที่ป้าจุ๋มไปอเมริกาเขามาแสดงที่หอประชุมของมหาวิทยาลัยที่ป้าจุ๋มไปเรียนค่ะ คนงี้แน่นหอประชุมเลยค่ะ  และเขาก็ตายในปีนั้นด้วยค่ะ จำได้ว่าผู้คนที่คลั่งไคล้เขาเสียใจกันมาก รวมทั้งป้าจุ๋มด้วยค่ะ)
วันนี้ป้าจุ๋มขอมอบเพลงนี้พิเศษแด่ น้องสร้อย น้องครูอึ่ง น้องอึ่งอ๊อฟ ป้านาย น้องเบิร์ด น้องFreemind หลานจิ น้องหนิง น้องนิด(สุวรรณา)และชาวลานฯที่รักทุกท่านค่ะ(ที่ไม่สามารถกล่าวได้หมดค่ะ)

When no-one else can understand me

When everything I do is wrong

You give me hope and consolation

You give me strength to carry on

And you’re always there, to lend a hand

In everything I do

That’s the wonder

The wonder of you….

แค่บทแรกนี้ก็ซึ้งใจและมีกำลังใจมากมายแล้วค่ะ

ก็ขอให้ทุกท่านฟังอย่างมีความสุขค่ะ


มนต์เสน่ห์…เมืองใต้(ตอนที่ 1)

1161 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 28 มิถุนายน 2010 เวลา 23:59 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 6846

ป้าจุ๋มคิดๆดูแล้วก็นับว่าตัวเองค่อนข้างเป็นคนโชคดีเหมือนกันค่ะ เพราะได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวที่โน่นที่นี่มากมายหลายแห่ง แต่ละแห่งที่ไปมาก็จะมีความประทับใจแตกต่างกันไปค่ะ คราวนี้คือช่วง วันที่ 23- 27 มิถุนายนที่ผ่านมานี้ ก็ได้มีโอกาสไปล่องใต้มาค่ะ ก็ทำให้ตัวเองมีความสุขและความประทับใจหลายเรื่องมากเช่นกัน การล่องใต้ของป้าจุ๋มในครั้งนี้ไปด้วยความตั้งใจหลักๆ 3 อย่างค่ะ คือ
1. ไปงานแต่งงานของน้องที่เป็นผู้ช่วยงานวิจัยของป้าจุ๋มค่ะ(ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาว) ซึ่งงานนี้ไม่ไปคงไม่ได้แน่ๆ เดิมตั้งใจจะชวนหวานไปไปด้วยแต่คุณเธอติดงานไปประเทศลาว ป้าจุ๋มจึงต้องบินเดี่ยวค่ะ
2. ตั้งใจไปร่วมบริจาคเงินซื้อที่ดินให้โรงเรียนวัดรัตนารามค่ะ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่หลานWebsiteไปเรียนชั้นป.2 ที่นั่นค่ะ โรงเรียนมีบริเวณคับแคบ เด็กๆไม่มีที่ทำกิจกรรมรวมทั้งวิ่งเล่นและออกกำลังกายด้วยค่ะ
3.ก็ตั้งใจจะมาเยี่ยมอ.Handy น้องนงและหลานWebsite ที่ได้ตัดสินใจทิ้งเมืองกรุงมาสู่อ้อมอกอันอบอุ่นที่บ้านเกิดที่อ.ไชยา จ.สุราษฏร์ธานี
5 วันเต็มๆที่ล่องใต้มาคราวนี้นับว่าได้ผลตามเป้าหมายแบบที่เรียกว่าทะลุเป้าเลยที่เดียวค่ะ
เป้าหมายที่ 1 งานแต่งงานฯ วันแรกที่ไปถึงชุมพร ปกติเจ้าสาวจะเป็นผู้มารับแต่วันนั้นบังเอิญติดธุระ เลยฝากพี่ยามให้ช่วยรับ-ส่งป้าจุ๋มไปส่งยังที่พัก พี่ยามก็ได้ตั้งใจอย่างดีโดยจัดรถซาเล้งมารอรับค่ะ(แต่ก็อ้อมแอ้มด้วยความเกรงใจว่าอาจารย์กล้านั่งหรือเปล่า? โถ!รู้จักป้าจุ๋มน้อยไปเสียแล้ว…อิอิ) ว่าแล้วก็นั่งรถซาเล้งไปยังที่พักค่ะ แต่เมื่อถึงที่พักสักครู่ใหญ่ๆ เจ้าสาวโทรฯมาหาบอกว่าจะเข้ามารับไปนอนด้วยที่บ้านเจ้าสาว…
ก็ดีเลยได้ไปร่วมช่วยเขาจัดดอกไม้ ปูที่นอนให้เจ้าสาวและได้นอนเตียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวเพื่อเป็นศิริมงคลด้วย(นอนกับเจ้าสาวค่ะ)แล้วตื่นตอนเช้าตี 4 ไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวไปแต่งหน้า…เรียกว่าได้ทำงานคุ้มและงานแต่งก็สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีค่ะ ทุกคนมีความสุขกันทั่วหน้าค่ะ
>
นั่งรถซาเล้ง ที่บ้านเจ้าสาวคืนวันที่23ค่ะบรรยากาศดีมากค่ะ
เช้าวันที่24ทุกคนมีความสุขยิ้มกันหน้าบาน(โดยเฉพาะเจ้าบ่าว...ยินดีด้วยจ้า)
เป้าหมายที่ 2 จะไปร่วมบริจาคเงินซื้อที่ดินให้โรงเรียนวัดรัตนารามในวันที่26 ตอนเย็นค่ะ แต่จะทำอย่างไรดี วันที่24 เที่ยงงานแต่งก็เสร็จแล้ว คืนนี้นอนกับเจ้าสาวอีกไม่ได้แล้ว...อิอิ และไม่ต้องการให้เขามานั่งห่วงเราด้วย ก็เลยตัดสินใจเก็บข้าวของออกมานอนที่เรือนรับรองที่ศูนย์วิจัยฯค่ะ
ว่างตั้งแต่บ่ายวันที่ 24 กว่าจะถึงวันนัดกับอ. Handy อีกตั้งเกือบ 2 วัน เอ...จะทำอะไรดี หลังนอนพักผ่อนที่เรือนรับรองฯสักพักก็คิดได้ว่าสามีของญาติผู้พี่ของหวานใจเคยเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฏร์ธานีและมาเกษียณอายุราชการที่นั่น และซื้อบ้านลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่น จำได้ว่าพี่เขาเคยชวนป้าจุ๋มมาเที่ยว แต่ไม่มีโอกาสมาสักที ก็เลยโทรฯหาพี่เขาค่ะ
ก็โชคดีตามเคยพี่เขาอยู่บ้านและว่างด้วยค่ะ ก็บอกให้ป้าจุ๋มนั่งรถจากชุมพรไปสุราษฏร์แต่เช้าตรู่วันที่ 25 ไปถึงสุราษฏร์ราว 9 โมงเช้าค่ะ โทรฯบอกพี่ออกมารับแล้วพาเที่ยวเลย โดยพาไปกราบพระเกจิอาจารย์คือท่านพ่อคล้าย ที่วัดธาตุน้อย ตำบลจันดี จ.นครศรีธรรมราช ท่านเป็นที่เคารพบูชาของคนในย่านนั้นโดยเชื่อว่าท่านมีวาจาสิทธิ์และช่วยปกป้องคุ้มครองให้ลูกหลานมีชีวิตที่ดี แคล้วคลาดจากพยันตรายทั้งปวงค่ะ ป้าจุ๋มได้บูชาท่านมานานแล้วค่ะ(เพราะเป็นสะไภ้ใต้ คุณอาของหวานใจให้มาบูชาค่ะ)
โอกาสนี้ก็ได้ไปกราบท่านถึงที่และได้ลูบฆ้องเสี่ยงทายทำให้เกิดเสียงดังด้วยค่ะ(ดีใจมากค่ะ)
หลังจากนั้นคุณนายท่านรองผู้ว่าก็พาป้าจุ๋มไปบ้านคลินิคแพทย์แผนไทย โรงพยาบาลท่าโรงช้าง เพื่อเข้าcourse อบและนวดด้วยสมุนไพร โอ้โห!ถูกใจโก๋มากเลยค่ะ หลังจากผ่านขบวนการทุกอย่าง รู้สึกโล่งและตัวเบาสบายจังเลยค่ะ(ตั้งใจไว้ว่าเร็วๆนี้จะไปเข้าcourse 1 สัปดาห์ค่ะ ท่านรองผอ.คลินิคได้ออกปากชวนไว้ว่าอยากให้อยู่ทำต่อเนื่องสัก 1 สัปดาห์)คงต้องรีบทำคะแนนต่อเพื่อไว้ขอvisaไปอีกเร็วๆนี้ค่ะ คิดว่าหลังจากมาเข้าcourse 1 สัปดาห์คงจะมีอะไรดีๆเขียนเกี่ยวกับที่นี่ให้ฟังค่ะ เพราะได้เห็นอะไรดีๆหลายอย่างที่นี่ค่ะ ที่อยากจะบอกต่อค่ะ
เช้าวันที่ 26 ก็ได้ไปร่วมทำอนุโมทนาบุญในงานบวชลูกชายของเพื่อนผู้พี่ค่ะชวนกันไปเป็นนางฟ้า (รำหน้านาคค่ะ) หลังจากงานบวชพี่ก็ไปส่งป้าจุ๋มที่ราชภัฏสุราษฏร์ธานีเพื่อไปกินข้าวเที่ยงกับอ.Handy แล้วค่อยออกเดินทางไปที่โรงเรียนวัดรัตนารามค่ะในตอนเย็นวันที่26 ค่ะ
มีความประทับใจเมื่อไปถึงโรงเรียนวัดรัตนารามค่ะ พบว่าทั้งผอ.และคุณครูน่ารักมาก สัมผัสได้ว่าทุกท่านทำงานกันอย่างมีความสุข มีการดูแลเอาใจใส่ลูกศิษย์อย่างดี เรียกว่าทำงานด้วยใจ น่าชื่นชมค่ะ
จากการที่ได้นั่งคุยกับผู้ปกครองเด็กที่มาร่วมบริจาคนั้น ดูเขามั่นใจในโรงเรียนและก็ได้ให้ความร่วมมือกับโรงเรียนเป็นอย่างดีค่ะ(อันนี้ส่วนหนึ่งท่านผอ.โรงเรียนเล่าให้ฟังด้วยค่ะ)
เงินบริจาคในวันนั้นก็ทะลุเป้าหมาย แต่อย่างไรคิดว่ายังต้องการเพิ่มอีกค่ะเพราะที่ดินยังต้องปรับปรุงอีกมากค่ะ ซึ่งต้องใช้เงินทั้งนั้นค่ะ ดังนั้นท่านผู้ใดที่มีความประสงค์จะร่วมสร้างกุศลช่วยเหลือโรงเรียนที่ดีๆอย่างนี้ นับว่าเป็นการให้กำลังใจคุณครูที่ดีค่ะ เหมือนกับท่านได้ช่วยสร้างพลเมืองที่ดีของชาติด้วยค่ะ ป้าจุ๋มไปเห็นแล้วรู้สึกศรัทธาค่ะและขอเรียนเชิญทุกท่านนะคะ

ที่วัดธาตุน้อย

หลังกราบหลวงพ่อแล้วมาลูบฆ้องเสี่ยงทายค่ะ

แล้วมานวดอบตัวด้วยสมุนไพรที่โรงพยาบาลท่าโรงช้างค่ะ

ร่วมอนุโมทนาบุญงานบวชและเป็นนางฟ้ารำหน้านาคค่ะ
บรรยากาศที่โรงเรียนวัดรัตนาราม

ส่วนหนึ่งของคำขอบคุณที่น่ารักๆจากเด็กๆ

เป้าหมายที่ 3 คือมาเยี่ยมอ.Handy น้องนงและหลานWebsiteค่ะ พบว่าทุกคนมีความสุขและอยู่ในอ้อมอกอันอบอุ่นของญาติพี่น้องและธรรมชาติที่น่าอยู่มากค่ะ ก็สบายใจค่ะ เขียนมาเกริ่นเล่าให้ท่านที่รักและห่วงใยอ.Handyได้รับทราบค่ะ
ที่บ้านนั้นน่าอยู่มากค่ะ ธรรมชาติแบบสบายๆ อากาศดี มีการทำสวนครัวปลูกผักหลายชนิด(ป้าจุ๋มได้ชิมด้วย หวานกรอบอร่อยมากค่ะ) นอกจากนี้ยังเลี้ยงเป็ดด้วยค่ะ มีการกำจัดวัชพืชตามคำแนะนำของคุณLogosที่นับว่าได้ผลดีมากค่ะ(คือการกำจัดวัชพืชแล้วกลายเป็นปุ๋ยค่ะ)
ป้าจุ๋มคิดว่าเป้าหมายที่ 3 ไว้เขียนต่อในวันหลังค่ะเพราะการมาไชยาครั้งนี้มีอะไรที่ประทับใจมากๆค่ะ มีเรื่องต้องคิดและอาจจะเขียนยาวค่ะ ไว้ติดตามอ่านวันหลังนะคะ


เดือนแห่งความรัก…

61 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 21 มิถุนายน 2010 เวลา 21:42 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2509

เมื่อสมัยป้าจุ๋มไปเรียนที่อเมริกาใหม่ๆก็สงสัยถามเพื่อนชาวอเมริกันว่าทำไมเขาจึงชอบแต่งงานกันในเดือนมิถุนายน…ก็ได้คำตอบว่าก็เดือนนี้เป็น”เดือนแห่งความรัก”นะสิ อ้าวเพิ่งรู้… ป้าจุ๋มเองก็แต่งงานเดือนนี้เหมือนกัน แต่แต่งเพราะฤกษ์สะดวกค่ะ (บังเอิญฟลุ๊คมาตรงเข้ากับเดือนแห่งความรักพอดี…อิอิ)

ในโอกาสที่เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก…ป้าจุ๋มก็ขอมอบความรักแด่ชาวลานฯทุกท่านค่ะ และขออวยพรให้ท่านที่สุขสมหวังแล้วก็ขอให้สุขยิ่งๆขึ้นไปค่ะ  ส่วนท่านที่กำลังตามหา…ก็ขอให้พบเร็วๆและสุขสมหวังเช่นกันค่ะ

เดือนนี้ป้าจุ๋มก็มีเรื่องสุขใจหลายเรื่องค่ะ อีกหนึ่งสุขใจนั้นคือในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ป้าจุ๋มจะเดินทางไปชุมพรเพื่อร่วมเป็นเกียรติ์และอวยพรในงานวันแต่งงานของน้องผู้ช่วยนักวิจัยของป้าจุ๋มทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวค่ะ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ค่ะ  นัยว่างานนี้ป้าจุ๋มเป็นCupidเชียวนะคะ(เห็นเจ้าบ่าวมาแอบกระซิบบอกป้าจุ๋มว่า…อาจารย์ช่วยผมได้มากเลย…) ก็จะไม่ให้หืดขึ้นคออย่างไรในเมื่อเจ้าสาวทั้งสวย รวย เก่งและแสนดี พร้อมทุกอย่าง ทั้งทำกับข้าวก็อร่อย…(อันนี้ป้าจุ๋มยืนยันเพราะได้กินฝีมือน้องเขาบ่อยค่ะ) ส่วนเจ้าบ่าวของเรานั้นรูปหล่อเหมือนจรกาค่ะ…แต่ยังโชคดีที่เจ้าสาวมองเห็นทองเนื้อแท้อยู่ข้างใน(เจ้าบ่าวเป็นคนดี จริงใจ สุภาพและมีความรับผิดชอบมากค่ะ) อย่างนี้ป้าจุ๋มไม่ไปคงไม่ได้แน่ค่ะ

เมื่อต่างมีความสุขเช่นนี้…วันนี้ป้าจุ๋มก็เที่ยวหาเพลงรักๆโรแมนติกมาเปิดฟังก็มาติดใจเพลงนี้เป็นพิเศษในบรรยากาศนี้ค่ะ คือเพลง “ใจรัก” ของคุณสุชาติ ชวางกูร ซึ่งเป็นหนึ่งในนักร้องคนโปรดของป้าจุ๋มค่ะ โดยเฉพาะเพลงนี้ค่ะ albumนี้ออกเมื่อราว 20 กว่าปีที่แล้วค่ะ และเป็นที่น่าเสียดายออกมาเพียงAlbumเดียวเท่านั้น ก็หยุดไปเลย หลังจากนั้นคุณสุชาติก็ไปใช้ชีวิตในต่างแดนค่ะ…แต่ก็ฝากความสุขความประทับใจไว้เป็นนิรันดร์ค่ะ

เมื่อดวงใจมีรัก           ดั่งเจ้านกโผบิน

บินไปไกลแสนไกล            หัวใจฉันก็ลอยลิบไป

ถึงแดนดินถิ่นใดนะใจ        โอ้ดวงใจเจ้าเอ๋ย

*เมื่อต่างเราก็รัก           จักเกรงกลัวฉันใด

ใจเรานั้นแน่นอน              ขอให้เธอมั่นใจรักจริง

รักเธอจริงแน่ใจขอวอน      ก่อนตัดใจร้างรา

* โอ้ใจรักเธอ       คิดถึงเธอ       เฝ้าครวญหา

โอ้ใจนะเออ       ใยละเมอ        ถึงเธอร่ำไป

*เมื่อดวงใจมีรัก           มอบแก่ใครสักคน

หมดทุกห้องหัวใจ            ขอให้เธอมั่นใจรักจริง

ฉันจะยอมมอบกายพักพิง  แอบแนบอิงนิรันดร์


ขอยืมหัวใจQuiltที่ป้าจุ๋มทำไว้ที่กระเป๋าใส่Note bookของหวานใจทีป้าจุ๋มเพิ่งทำให้ค่ะ


เขื่อนขุนด่านปราการชล

562 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 6 มิถุนายน 2010 เวลา 22:35 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 9095

 ปีนี้พิเศษผู้วิ่งชนะเลิศทั้ง 3 ประเภทคือ marathon,  half และmini marathonจะได้รับถ้วยพระราชทานครบทุกประเภทค่ะ 

-วันนี้ป้าจุ๋มและหวานใจได้ไปร่วมวิ่ง”ขุนด่านปราการชลมาราธอน ครั้งที่ 5″ มาค่ะซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณเขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายกค่ะ เขื่อนแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่เป็นความภูมิใจของหวานใจป้าจุ๋ม ที่เป็นหนึ่งในวิศวกรที่ปรึกษา ตั้งแต่เริ่มโครงการจนกระทั่งสร้างเสร็จใช้เวลานานกว่า 10 ปีค่ะ

เขื่อนแห่งนี้เป็นเขื่อนในโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ เนื่องจากพระองค์ท่านได้เห็นความทุกข์ยากของประชาชนชาวนครนายก อันเนื่องมาจากปัญหาดินเปรี้ยวและมีทั้งภัยแล้งและอุทกภัย ด้วยพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านได้ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทย  วันที่ 4 ธันวาคม 2536(ก่อนวันที่ 5 ธันวาคม) ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระองค์ท่านได้ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริให้กรมชลประทานพิจารณาดำเนินโครงการ “เขื่อนคลองท่าด่านอันเนื่องมาจากพระราชดำริ”  โครงการฯก็เริ่มโดยมีการทำFeasibility study ดูความเป็นไปได้ ดูผลดี ผลเสีย และออกแบบเป็นเวลาหลายปี

เขื่อนขุนด่านปราการชลได้เริ่มเตรียมการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2542 และวันที่ 2 มิถุนายน 2544 พระบาทสมด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จทรงวางศิลาฤกษ์ และการก่อสร้างได้เสร็จสิ้นในปี 2548 ค่ะ หลังเขื่อนแห่งนี้สร้างเสร็จได้ทรงพระราชทานนามเขื่อนแห่งนี้ใหม่ว่า“เขื่อนขุนด่านปราการชล” จากเดิมเรียกว่า “เขื่อนคลองท่าด่าน”  เขื่อนแห่งนี้เป็นเขื่อนคอนกรีตซึ่งมีความสูง 94 เมตร มีความยาว 2.594 กิโลเมตร  เก็บกักได้ถึง 224 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อการชลประทานให้กับการเกษตรกรรมใน พื้นที่ 185 ,000 ไร่ จัดเป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัดที่ยาวที่สุดในโลกค่ะ ใครยังไม่เคยไปขอแนะนำค่ะ

           เขื่อนฯเริ่มก่อสร้าง                                           ปี 2549 สร้างเสร็จเริ่มเก็บน้ำได้เต็มพิกัด

ภาพถ่ายทางอากาศด้านหน้า                        เมื่อวานด้านหลังเขื่อนมีน้ำเหลือแค่ 8 %ของที่เคยเก็บได้เต็มพิกัด

เมื่อด้านหลังมีน้ำเต็มที่ก็เปิดspill way น้ำจะไหลตกมากระแทกแท่นหินด้านหน้าเขื่อนที่designไว้ น้ำกระเซ็นสวยมากค่ะ 

ป้าจุ๋มโชคดีค่ะปีแรกที่เก็บน้ำได้เต็มพิกัดก็ได้ติดตามไปดูด้วย ละอองน้ำเป็นฝอยทำให้เย็นสบายค่ะ(ภาพนี้ถ่ายเมื่อปี2549 ครั้งแรกที่เก็บน้ำได้เต็มพิกัด ทุกคนตื่นเต้นค่ะ)

ภายหลังจากที่เขื่อนนี้แล้วเสร็จสมบูรณ์ ส่งผลให้ชาวจังหวัดนครนายกและจังหวัดใกล้เคียงมีน้ำอุปโภค บริโภคตลอดทั้งปี รวมทั้งช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยที่เกิดขึ้นซ้ำซากเป็นประจำทุกปี ตลอดจนเกิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มีศักยภาพสูงแห่งหนึ่ง สามารถสร้างรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีแก่ชาวจังหวัดนครนายกอย่างมากมาย เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและเทอดพระเกียรติ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ จังหวัดนครนายกร่วมกับองค์กรและหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรม “วิ่งขุนด่านปราการชลมาราธอน”เป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ปีนี้จัดเป็นครั้งที่ 5 ค่ะ

ป้าจุ๋มและหวานใจนั้นจะมีความผูกพันกับเขื่อนแห่งนี้ เนื่องด้วยระยะเวลาก่อสร้างยาวนาน ป้าจุ๋มก็ได้มีโอกาสติดตามไปดูการก่อสร้างเห็นตั้งแต่เริ่มต้นจากเป็นป่าเขาจนกระทั่งเป็นเขื่อนที่ทรงคุณค่าและสวยงามมากแห่งหนึ่งในขณะนี้  เมื่อมีความผูกพันก็มักจะหาโอกาสแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนค่ะ ไปบ่อยค่ะ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็เพิ่งไปมาและสัปดาห์นี้ไปวิ่งกันอีกค่ะ เกือบทุกครั้งที่ไปก็จะไปพักที่ The Royal Hill &Resortค่ะ (ชอบที่นี่ค่ะ) ไปกันจนกระทั่งเจ้าหน้าที่รวมทั้งคนงานจำได้ และเราถูกจัดเป็นแขกพิเศษของที่นี่ไปแล้วค่ะ ราคาห้องก็คิดพิเศษ และเขารู้ใจที่จะเลือกห้องที่เราสามารถมองเห็นเขื่อนจากห้องพักได้ดีค่ะ(เรียกว่ารู้ใจกันค่ะ)

                                                  ทิวทัศน์จากห้องพักมองเห็นเขื่อนชัดเจน 

 เรื่องกิจกรรมวิ่งนั้นปกติเราก็พยายามดูแลสุขภาพกันอยู่แล้วค่ะ พยายามหาโอกาสออกกำลังกายเป็นประจำค่ะ  เพราะเชื่อในสโลแกนที่ว่า”สุขภาพดีไม่มีซื้อขาย”ค่ะ  ป้าจุ๋มและหวานใจไปวิ่งตั้งแต่ครั้งที่ 1 มาค่ะ แต่ปีที่แล้วติดธุระไม่ได้ไป ปีนี้ก็เลยต้องไปให้ได้ค่ะ หวานใจลง mini marathonค่ะ(11 กม.) ส่วนป้าจุ๋มลงFun runค่ะ( 4 กม.) ครั้งนี้หวานใจทำเวลาได้ 1ชั่วโมงกับอีก 14 นาที ซึ่งเจ้าตัวพอใจค่ะ ส่วนป้าจุ๋ม ใช้เวลาวิ่งบ้าง เดินเร็วบ้าง ก็ใช้เวลา 29 นาที (กลัวไม่ได้เหรียญค่ะ)เพราะเขาจะแจกเฉพาะ 400 คนแรกเท่านั้นค่ะ ปีนี้ไม่เก็บเงินจึงมีเหรียญจำกัดค่ะ คนไม่ได้เหรียญโวยวายกันก็มีค่ะ(ส่วนใหญ่คนที่มาวิ่งส่วนหนึ่งต้องการสะสมเหรียญค่ะ ที่บ้านมีเป็นกล่องแล้วค่ะ…อิอิ)

  ป้าจุ๋มกับหวานใจก่อนวิ่งและเมื่อถึงเส้นชัยรอรับเหรียญ             ก็ได้เหรียญมาเพิ่มอีกคนละเหรียญค่ะ

หลังวิ่งเทอดพระเกียรติ์และได้รับเหรียญคนละเหรียญแล้ว ก็กลับมาbreakfast ที่ที่พักแล้วอาบน้ำนอนพักผ่อน ใกล้เที่ยงก็ออกเดินทางไปแวะกินก๊วยเตี๋ยวราดหน้าทะเลที่ร้านประจำไม่ไกลจากที่พักมากและเป็นทางผ่านกลับบ้านค่ะ อร่อยเหมือนเดิมค่ะ หลังจากนั้นก็แวะไปวัดป่าถาวรนิมิตร ที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น ซึ่งพระลูกศิษย์ปริญญาโทของหวานใจเรียนจบแล้วบวช 2 ปีกว่าแล้ว ซึ้งในรสพระธรรมยังไม่ยอมสึกค่ะ เรานำของไปถวายและเยี่ยมเยียนท่าน ดูท่านมีความสงบสุขใจมาก(ท่าทางท่านคงจะอยู่ใต้ร่มผ้ากาสาวพัสตร์อีกนาน…) ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

                                       กล้วยอบน้ำผึ้งทอดกรอบและก๊วยเตี๋ยวราดหน้าทะเลอร่อยค่ะ

ตอนนี้กลับถึงบ้านแล้วค่ะ ก็เลยมานั่งรายงานข่าวคราวให้พี่น้องได้รับทราบกันค่ะ


Quilt…คลายเครียด(2)

702 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 2 มิถุนายน 2010 เวลา 22:44 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 14339

วันนี้ขอต่อเรื่องQuilt…คลายเครียดอย่างสั้นๆต่อค่ะ…ขอบอกว่าการทำQuiltในครั้งนี้ได้ผลเกินคาดค่ะ

 1.เรื่องคลายเครียดนั้นทะลุเป้าค่ะ ได้ผลงานให้ได้ชื่นชม  ภูมิใจค่ะ ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าติด(addicted)ไปหรือยัง เพราะนั่งคิดนอนคิดว่าจะทำQuiltท่าเดียวเพลินมากค่ะ… เพื่อนที่ทำก็จะเป็นอาการเดียวกัน มีบางคนบอกว่าแอบทำถึงตี 3 ก็มีค่ะ

2.ได้สังคมที่ชอบเหมือนกันก็จะคุยกันเพลิน ช่วยกันไปช่วยกันมา ในที่สุดใครมีอะไรก็นำมาแบ่งกันกินค่ะ(คนไทยเรานี่น่ารักค่ะ) ส่วนป้าจุ๋มนั้นหน้านี้มีส้มโอเมืองนนท์ต้นเก่าแก่ลูกไม่โตแต่อร่อย รสชาดดี แกะไปฝากคุณครูทุกวัน ครูชอบมาก แล้วพรุ่งนี้คุณครูบอกจะเอากิมจิมาฝากป้าจุ๋มบ้าง(ครูบอกว่าแม่มาจากเกาหลี มาทำให้ค่ะ)ก็เรียกว่าได้กินจากต้นตำรับเลยเชียวหละค่ะ

แค่ 2 ข้อนี้ก็คุ้มมากแล้ว คิดว่าต่อจากนี้ไป หากมีเวลาว่างก็คงทำQuiltไปเรื่อยๆค่ะ 

และวันนี้ขอรายงานว่าทำกระเป๋าใบเล็กเสร็จสมบูรณ์แล้ว ไว้ใส่เครื่องสำอางค์ได้ เก็บของจุ๊กจิ๊กได้ค่ะ (วันนี้รีบเก็บมุมภาพไม่ค่อยสวย แต่ตัวจริงน่ารักมากค่ะ) ภูมิใจค่ะ เพราะใบนี้มีใบเดียวในโลกค่ะ…อิอิ

ทำตามขั้นตอน เริ่มติดลายตามที่ต้องการ มีคน หัวใจ เมื่อเสร็จก็วางผ้ารองและซับใน แล้วเนายึดไว้ แล้วขีดเส้นเพื่อเวลาQuilt จะได้ตรงตามเส้นที่ขีด กุ้นริมกระเป๋า ติดซิป ทุกอย่างใช้มือเย็บหมด ก็เสร็จเป็นกระเป๋าเล็กน่ารักตามต้องการ

Projectต่อไปทำใบใหญ่ขึ้นค่ะ สำเร็จแล้วจะนำมาอวดค่ะ

และสุดท้ายก็มาเพื่อตอบน้องเบิร์ดด้วยค่ะว่าที่รับปากว่าจะพยายามแนะนำวิธีทำลงในDIYนั้นมาถึงตอนนี้ป้าจุ๋มคิดว่าคงจะทำไม่ได้ค่ะ   เพราะรายละเอียดเยอะมากค่ะ(ป้าจุ๋มไม่สามารถค่ะ)ต้องขอโทษด้วยค่ะ ก็ขอมอบหัวใจหลากสีแด่คนไทยทุกท่านค่ะ

 


Quilt…คลายเครียด

576 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 28 พฤษภาคม 2010 เวลา 15:35 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 10432

ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองมา เข้าใจว่าพวกเราคงจะมีความรู้สึกไม่ต่างกันนะคะ คือเสียใจลึกๆ เศร้าและมีเครียดๆตามมาบางโอกาส ยิ่งฟังข่าว เห็นข่าวกลับยิ่งเหมือนตอกย้ำ มีเจ็บใจแถมมาด้วย ปล่อยวางไม่ได้เลย ก็ดูข่าวแล้วก็รู้เห็นว่าอีกฝ่ายคิดวางแผนจะทำลายบ้านเมืองมี ประกาศอย่างชัดเจน อย่างไม่เกรงกลัว ว่าจะทำร้ายประเทศไทยอย่างไร ด้านจิตใจไม่ต้องพูดถึง แต่ด้านวัตถุก็ได้สั่งให้เผาตรงโน้น ตรงนี้ ให้เผาทุกสิ่งทุกอย่าง ให้กรุงเทพฯเป็นทะเลเพลิง มีความเป็นคนไทยเหลืออยู่บ้างไหม? คนที่เผาก็คิดอย่างไร???? ก็เลยเครียดไปตามๆกันค่ะ

อย่างไรก็ตามอะไรๆก็ย้อนกลับไม่ได้แล้วคงต้องหาทางเดินหน้าต่อไปและต้องไม่ยอมแพ้ด้วย…แต่แรกๆคงต้องเยียวยาหัวใจเสียก่อน…ก็พยายามหาทางออกให้ตัวเอง…ตอนแรกก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ ก็พบว่าทำไม่ค่อยได้ ไม่สงบ ไม่นิ่งค่ะ(เรียกว่ายังอ่อนหัด)  จนกระทั่งมาพบเพื่อนต่างวัย(รุ่นน้องที่น่ารักมากๆค่ะ)ช่วยออกความเห็นว่างั้นเราไปหาอะไรทำที่ทำให้ใจสงบและมีผลงานเชิงประจักษ์ออกมาให้ได้ชื่นชมด้วยดีกว่าค่ะ…ในที่สุดก็ชวนกันไปเข้าคอร์สทำquiltค่ะ  ก็โป๊ะเชะเลยค่ะ จริงด้วย  ตอนนั่งทำมีเพลงlight music เบาๆให้ฟัง ในห้องเปิดแอร์เย็นๆ และนั่งทำกับคนที่ชอบๆเหมือนกัน ก็คิดกันว่าทำเสร็จก็จะส่งไปให้คนที่เรารักๆค่ะ หรือไม่ก็จะประมูลขายเอาเงินไปทำการกุศล…โอ้โห!!!แค่คิดก็สบายใจไปเยอะแล้วค่ะ หายเครียดเลยและแถมมีความสุขค่ะ นั่งทำหมดไปวันๆไม่รู้ตัวเลยค่ะ ป้าจุ๋มก็ทำได้นิดหน่อยแล้ว อาจารย์แอบชมด้วยว่าป้าจุ๋มฝีมือดีด้วยค่ะ…อิอิ แอบปลิ้มใจค่ะ (ตอนแรกอาจารย์ดูแล้วคิดว่าหุ่นไม่ให้แน่ๆเลย )

อาจารย์ เพื่อนๆ ต่างมีความสุข เราทำแผ่นวางของรูปหัวใจหลากสีค่ะ(เน้นความรักและหัวใจค่ะ)  กระเป๋าใส่ของเล็กๆหลายแบบค่ะ ตะกร้าใส่ตุ๊กตาสามพี่น้องและจะทำอีกหลายอย่างค่ะ ใครสนใจสั่งจองได้ค่ะ หวังว่าคงไม่ผิดกติกานะคะท่านadmin.เพราะเราจะทำเพื่อการกุศล และผลงานคงออกได้ประมาณเดือนละชิ้นค่ะ ทำยากเหมือนกัน เสียเวลามากค่ะ แต่พอใจค่ะ

ใบนี้กำลังทำใหม่ใช้ผ้ายีนค่ะ งานดูเหมือนง่ายๆแต่ความจริงปราณีตค่ะและดูมีคุณค่า(โดยเฉพาะเมื่อได้ทำเอง) การทำงานแบบนี้ ทำให้มีสมาธิดีมากเลยค่ะ ผ่อนคลายและมีความสุขด้วยค่ะ ใครอยากลองทำบ้างก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะคะ

ตอนนี้ลูกๆเห็นแม่มีความสุขเขาก็หมดกังวลค่ะ…เดี๋ยวบ่ายนี้ก็จะเตรียมจัดกระเป๋าแล้วค่ะ คืนนี้หวานใจจะกลับจากประเทศลาว และบอกไว้ว่าวันเสาร์-อาทิตย์นี้จะพาป้าจุ๋มไปพักผ่อนแถวนครนายกสัก 2 วันค่ะ(29-30พ.ค.นี้ค่ะ)

เมื่อคืนได้ฟังท่านดร.วรภัทร์ออกรายการเจาะใจ ท่านพูดได้ตรงประเด็นมากๆ เรื่องการแก้ปัญหาในขณะนี้ค่ะ มีหลายอย่างที่โดนใจป้าจุ๋มคือท่านบอกว่าให้ทุกคนหันมาดูตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ก่อน  พ่อ-แม่ สามี-ภรรยา ลูกๆ แก้ปัญหาของตัวเองให้ดีก่อนแล้วค่อยคิดไปทำอย่างอื่นต่อ ก็จริงนะคะ ก็ถ้าประเทศชาติมีประชากรคุณภาพคือไม่มีปัญหาแล้วทุกอย่างก็จะดีเอง(แก้ปัญหาที่ต้นเหตุค่ะ)  ท่านให้สติอีกหลายๆเรื่องดีมากๆค่ะ พูดน้อยแต่กระชับเข้าใจง่าย อีกอย่างที่ท่านให้ได้คิดคือให้ถือเอาว่าวิกฤตนี้เป็นโอกาสที่จะทำให้เราได้หันมาดูตัวเอง ให้เข้มแข็งขึ้นและอีกหลายอย่างที่ชาวลานฯคงได้ฟังกันมาแล้วและไม่พลาดรายการนี้กระมังคะเพราะคุณLogosได้ประชาสัมพันธ์ไว้ให้อย่างดีเยี่ยม มีการเตือนเป็นระยะๆ ต้องขอขอบคุณด้วยค่ะ และในโอกาสนี้ป้าจุ๋มใคร่ขอคารวะท่านดร.วรภัทร์ด้วยความจริงใจค่ะ ป้าจุ๋มเชื่อเสมอในคำกล่าวที่ว่าประเทศไทยไม่เคยสิ้นคนดี  และท่านคือหนึ่งในคนดีคนนั้นค่ะ

ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ คนดีผู้ยิ่งใหญ่             ขอคารวะด้วยหัวใจquiltทั้ง 9 ดวงค่ะ

สุดท้ายนี้ป้าจุ๋มก็ขอให้ทุกท่านมีความสุขค่ะ ใครที่ยังหาทางออกไม่ได้ก็ขอให้พบทางออกที่ดีค่ะ


สวนป่า 4-9 พ.ค. 2553 ตอนที่ 1. สมหวังดั่งตั้งใจ…อิอิ

427 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 18 พฤษภาคม 2010 เวลา 17:02 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 7918

การมาสวนป่าของป้าจุ๋มในครั้งนี้ (4-9 พ.ค.)ต้องขอบอกว่าได้มีการวางแผนล่วงหน้านานพอสมควรและเป็นความตั้งใจอย่างยิ่งว่าต้องมาให้ได้ค่ะ ได้มีการลงบันทึกไว้ในปฏิทินตัวหนาชัดเจนว่าขอเก็บช่วงเวลาวันที่ 1-10 พ.ค. 2553ไว้มาสวนป่าค่ะ(เก็บเวลาไว้เผื่อหลายวันหน่อยเพื่อป้องกันข้อผิดพลาด เนื่องจากกำหนดการไม่นิ่งสักที) พอใกล้วันจริงทำท่าจะมีปัญหาเกือบจะไม่ลงตัวค่ะ เพราะการมาสวนป่าของป้าจุ๋มในระยะหลังนี้ส่วนใหญ่จะขออาศัยติดรถคุณLogos(คุณตฤณ)มาตลอดค่ะ เดิมมีแผนจะมากันบ่ายวันที่ 3 พ.ค. แต่ป้าจุ๋มติดไปต่างจังหวัดกับหวานใจตั้งแต่วันที่ 1-3 พ.ค.ซึ่งเดิมจะกลับวันที่ 3พ.ค.ค่ะ ก็ทำให้กลุ้มใจนิดหน่อย แต่คิดว่าคงจะมาทันเพราะอยู่แค่หัวหินนี่เอง (ไม่รู้หละออกvisaให้มาสวนป่าแล้วก็ต้องทำเวลาให้ได้…อิอิ)  แต่ด้วยความโชคดีของป้าจุ๋มค่ะทำให้ทุกอย่างราบรื่นและลงตัว  หวานใจป้าจุ๋มเกิดเปลี่ยนใจกลับบ่ายวันที่2 พ.ค. และคุณLogosก็เปลี่ยนกำหนดการจากเดิม วันที่3 บ่ายเป็นวันที่4 ก็เลยสบายๆค่ะ…ก็ตกลงกันว่าวันที่ 4 พ.ค.พร้อมเมื่อไหร่ก็ออกเดินทางเลยไม่ต้องเร่งรีบ แต่ก็คิดว่าไม่ควรเกินบ่ายโมง…ดังนั้นวันที่ 4 พ.ค.ก็มาถึงสวนป่าแบบสบายๆถึงก่อนทีมเมืองละปูนประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ

สำหรับสวนป่านั้นป้าจุ๋มได้มีโอกาสมาหลายปีแล้ว เลยจำไม่ได้ว่าการมากี่ครั้งแล้วและครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้ว การมาสวนป่าแต่ละครั้งก็ได้พบและเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างไม่เคยซ้ำกันเลยค่ะ  ก็ชีวิตมีให้ไว้เรียนรู้มิใช่หรือ ก็จะเรียนรู้ไปเรื่อยๆค่ะ  ความจริงแล้วเมื่อพูดถึงการเรียนรู้นั้นคนเราไม่ว่าจะไปไหนๆก็เรียนรู้ได้ตลอดเวลา  การเรียนรู้แต่ละครั้งล้วนมีคุณค่า เพราะคิดว่าการเรียนรู้มักทำให้คนฉลาดขึ้นเสมอค่ะ มีคำพูดโบราณกล่าวว่า “แต่ก่อนๆคนเรายังโง่” แต่สำหรับป้าจุ๋มก็จะมีคำพูดติดตัวเองไว้เหมือนกันว่า ” แต่ก่อนๆคนเรายังโง่ แต่เดี๋ยวนี้ตัวเองก็ยังโง่อยู่ค่ะ…อิอิ” เพราะฉะนั้นก็จะขอเรียนรู้ไปเรื่อยๆค่ะ 

แล้วทำไมหนาจึงได้ใจจดใจจ่อนักหนากับการมาสวนป่าในครั้งนี้นัก  จะบอกให้ก็ได้ค่ะ เหตุผลหลักๆก็มีดังนี้ค่ะ

1.เป็นเหตุผลที่น่ามาเป็นที่สุดค่ะ  เนื่องจากได้เคยคุยกับน้องครูอึ่ง(ผอ.ดวงพร เลาหกุล แห่งโรงเรียนมงคลวิทยา จ.ลำพูน เธอได้เล่าให้ฟังว่าว่ามาครั้งนี้จะได้พบกับท่านรศ.ดร.โสรีช์ โพธิแก้ว ซึ่งเป็นอาจารย์ที่น้องครูอึ่งเคารพรักและศรัทธาในตัวท่านมาก แค่นั้นไม่พอยังส่งหนังสือที่ได้จัดพิมพ์ในโอกาสครบรอบ 60 ปีของท่านมาให้ป้าจุ๋มได้อ่านอีก 2 เล่มค่ะ คือ 1. กระแสธารแห่งชีวิต และ2. ชีวิต…ความงาม…ความจริง หลังอ่านหนังสือแล้ว…คิดว่าอย่างไรเสียโอกาสดีๆอย่างนี้คงพลาดไม่ได้แน่ๆค่ะ ต้องขอขอบคุณน้องครูอึ่งมาณ. ที่นี้อีกครั้งด้วยค่ะ โดยได้ส่งหนังสือผ่านมาทางคุณLogos (บรุษไปรษณีย์กิตติมศักดิ์ของชาวลานฯค่ะ) และคุณLogosเองก็ได้นำมาส่งให้ถึงบ้านเลยค่ะ ต้องขอให้ได้รับคำขอบคุณจากป้าจุ๋มอีกครั้งด้วยเช่นกันค่ะ.

2.ก็จะไม่ให้ใจจดใจจ่อได้อย่างไร เมื่อทราบว่าจะมีพี่น้องชาวลานฯมากันหลายคน และล้วนเป็นคนที่เราคิดถึงทั้งนั้นค่ะ โดยเฉพาะครั้งนี้มีสัญญาใจกับอุ๊ยสร้อย(ดร.จันทรรัตน์)ว่าจะมาทำจานบินไส้ซอสขาวให้กิน รับปากแล้วต้องทำค่ะ ก็เลยทำมาเผื่อท่านอื่นๆด้วยค่ะ ก็ดีใจค่ะ ขายดีหมดเกลี้ยงเลย…วันหลังๆมีแฟนๆเรียกร้องอีกแต่ไส้ที่เตรียมมาจากกรุงเทพฯหมดแล้วเลย   ต้องออกไปหาซื้อแฮมและcheeseมาทำเป็นแซนวิชแฮมcheeseแทนก็ขายดีเช่นเดิมค่ะ

และ 3.ก็ไม่ได้มาสวนป่านานแล้ว จากเดิมที่เคยมาเป็นระยะๆ เมื่อไม่ได้มานานก็คิดถึงค่ะ  การมาสวนป่าของป้าจุ๋มครั้งแรกนั้นด้วยการนำของเพื่อนร่วมรุ่นในสมัยมัธยมต้น(ป้าจุ๋มเรียนมัธยมต้นที่อ.สตึกค่ะและเป็นเพื่อนเรียนร่วมชั้นเดียวกันกับครูบาด้วยค่ะ…ป้าจุ๋มมาอยู่อ.สตึก 3 ปี ตอนนั้นคุณพ่อป้าจุ๋มเป็นปลัดอำเภอย้ายมาทำงานที่นั่นค่ะ หลังจบมัธยมต้นป้าจุ๋มไม่เคยมาสตึกอีกเลยเป็นเวลาราวๆ40 ปี(นานโข…)   จนกระทั่งเพื่อนร่วมรุ่นของเราคนหนึ่งได้กลับมาเป็นผอ.โรงเรียนที่เราเคยเรียนจึงคิดชวนเพื่อนๆมาทำบุญทอดผ้าป่าเพื่อการศึกษากัน จึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งค่ะ หลังทอดผ้าป่าเพื่อนๆก็ชวนกันมาที่สวนป่ากัน โดยเล่าว่ามาดูซิเพื่อนเราทำอะไรอยู่(หมายถึงครูบาค่ะ)  และครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ป้าจุ๋มได้เข้ามาสวนป่าค่ะ

 เมื่อมาเห็นก็ทึ่งค่ะในความพิเศษหลายๆอย่างที่ทุกท่านคงจะได้สัมผัสกันแล้ว  ในช่วงนั้นก็ประทับใจและได้ตั้งใจไว้เลยว่าจะมีอะไรไหมที่เราจะมาช่วยที่นี่ได้บ้าง แต่ดูจากความสามารถของตัวเองแล้วก็คงเป็นได้แค่Jigsaw ตัวเล็กตัวหนึ่งเท่านั้นกระมังที่จะเข้ามาช่วยเติมเต็มบางสิ่งบางอย่างให้ที่นี่ได้ เพื่อให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นค่ะ หลังจากที่พูดคุยกับครูบาพอคลำทางถูกว่าเราน่าจะทำอะไรได้บ้าง ก็คิดวางแผนแล้วก็เริ่มเลย แต่ก็ทำได้เท่าที่เห็นค่ะไม่มากมายอะไรอย่างที่บอกว่าทำตามกำลัง  ก็ทำไงได้ละคะกำลังมีแค่นี้ก็เป็นได้เพียงแค่Jigsawชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งในภาพรวมสวนป่าเท่านั้น  แต่ก็คิดว่าตัวเองได้ทำเต็มกำลังแล้ว  ก็ดีใจที่ได้ทำไป  มาคิดถึงตอนนี้ก็อดทึ่งตัวเองไม่ได้เหมือนกันค่ะว่าบางอย่างทำได้อย่างไร???งงเหมือนกัน…แต่ทำไปแล้วค่ะ

ขอยกตัวอย่าง เช่นจากไม่เคยขับรถทางไกลคนเดียวก็ได้ทำและทำได้ …อิอิ ทำหลายครั้งด้วย  เช่น กท.-สวนป่า(นี่บ่อยค่ะ ตอนนั้นความที่เป็นห่วงสุขภาพครูบามากด้วย บางครั้งแค่ครูบาโทรฯมาบอกว่าท้องผูกมาเกือบเดือนแล้ว…เท่านั้นป้าจุ๋มเผ่นเลย ไปถึงคืนนั้นเลยบังคับกินสมุนไพรระบายท้องทันที พอเช้ามาก็ระบายโล่งไปเลย…OK ป้าจุ๋มกลับก็มี)  หรือ ขับระยะทางกท.-ขอนแก่น ขอนแก่น-มหาสารคาม-สตึกคนเดียวในวันเดียว เพียงเพื่อไปขนต้นพันธุ์และเมล็ดพันธุ์เอกมหาชัยมาส่งเสริมให้ปลูกที่สวนป่าแห่งนี้เพื่อให้ได้ทันใจ(ครูบา) อยากรีบปลูกเพื่อให้ต้นไม้โตเร็วๆค่ะ (เรื่องการขับรถทางไกลความจริงทางบ้านเคยห้ามไว้แต่แอบทำค่ะ…แรกๆที่บ้านเข้าใจผิดคิดว่าขับรถมาจอดไว้ที่ทำงาน แต่ตอนหลังทราบก็จะแกมขอร้องว่าหากไม่จำเป็นก็ขอร้องเถอะน๊ะ เพราะเป็นห่วง…ก็เลยค่อยๆวางมือไปค่ะ   และระยะหลังนี้ก็โชคดีค่ะได้อาศัยรถคุณLogosมาแทนค่ะ  )

นอกจากหาสมุนไพรมาถ่ายท้องครูบาแล้วก็พยายามหาสมุนไพรต่างๆที่กำลังhotๆในช่วงเวลานั้นมาปลูกไว้เพื่อให้มีความหลากหลายในสวนป่า(ช่วงนั้นกำลังทำวิจัยเกี่ยวกับสมุนไพรพอดีค่ะ)… รวมทั้งด้านสุขภาพของท่านครูบาก็พยายาม…หาทางช่วยกันประคับประคองซึ่งช่วยได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็ได้ทำเต็มที่…จนกระทั่งวันหนึ่งครูบาคงประทับใจในความพยายามและเห็นความเมามันของป้าจุ๋มกระมังคะเลยตั้งสมญานามให้ว่าเป็น “ป้าแห่งชาติ”บ้างและต่อมาก็อุปโลกให้เป็น“เพื่อนบุญธรรม” บ้างแล้วแต่จะคิดได้ ก็ไม่ว่ากัน แต่ตอนนั้นก็รู้สึกเหมือนกันว่าได้รับการยกย่องมากเกินไปหรือเปล่า???ค่ะ…เพราะจากประสพการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนโตเคยเห็นอะไรที่ดูหวือหวามากๆ …มักจะขาดความยั่งยืนค่ะ…โดยเฉพาะหากความหวือหวานี้จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามอารมณ์และจินตนาการ…การไปสวนป่าในครั้งนี้บรรยากาศทำให้นึกถึงความทรงจำในอดีต…ก็เลยเขียนมาเล่าให้ฟังเฉยๆค่ะ ซึ่งคิดว่าหลายท่านคงยังไม่เคยทราบค่ะ

 ”The Seasons Change” โลกก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาลค่ะ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ขอให้ผ่านไปตามธรรมชาติ…ในชีวิตของป้าจุ๋มที่ผ่านมาไม่ว่าจะทำอะไร มักจะคิดแล้วว่าอยากทำและทำได้โดยไม่เบียดเบียนตัวเองและคนใกล้ตัว และทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองได้ตัดสินใจทำลงไปนั้นมักจะคิดดีแล้วและทำด้วยความเต็มใจเสมอ และที่สำคัญคือหากตัวเองได้ทำอะไรไปแล้วหากคิดว่าดีแล้วก็ไม่เคยเสียใจค่ะ เพราะสิ่งที่ได้รับหลังจากการทำก็คือความสบายใจค่ะและก็มีความสุขใจที่ได้ทำก็พอแล้วและทุกอย่างก็ผ่านไป…

ปล.ใคร่ขออนุญาตฝากบอกและยืนยันตอนนี้ด้วยว่า…ครูบาได้คู่ชีวิตที่มีความอดทนและดีเหลือเกินค่ะ…แม่หวีมีจิตใจดีและกว้างเยี่ยงมหาสมุทร ก็อยากให้ครูบารักและถนอมดวงใจน้อยๆแต่ยิ่งใหญ่ดวงนี้ไว้ตราบนานเท่านานค่ะ…ท้ายที่สุดแล้วชีวิตคนเราก็จะมีคู่ชีวิตเรานี่แหละที่จะคอยอยู่ดูแลกันจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต…ขออนุญาตใช้สิทธิ์ในฐานะเพื่อนบุญธรรมเตือนใจกันนิดหน่อยคงไม่ว่ากันนะคะ

แค่ 3 เหตุผลข้างต้นนี้ก็น่าจะมากเกินพอแล้วสำหรับการมาสวนป่าในครั้งนี้ค่ะ

เขียนมาตั้งยาวอ่านมาตั้งนานเอ๊ะแล้วมัน “สมหวังดั่งตั้งใจ…อิอิ”อย่างไรกันเนี่ย!!! รอตอนต่อไปดีไหมคะ??? อ๋อคงไม่ได้กระมัง หากไม่มีตอนต่อไปหัวข้อนี้คงไม่สมบูรณ์ค่ะ

ความ “สมหวังดั่งตั้งใจ…อิอิ” คงต้องแบ่งเป็นข้อๆเพราะเกรงจะสับสนค่ะ เพราะสมหวังหลายอย่างเหลือเกินค่ะ ดังนี้

สมหวังที่1. ก็คือได้พบท่านอาจารย์โสรีช์ โพธิแก้ว และเพื่อนรักวัยเดียวกัน(นับว่าเป็นสว.ทีมใหญ่เลยค่ะ)

ซ้ายสุดสว.พรพรรณ สว.โสรีช์ สว.ป้าจุ๋ม และสว.ไพลิน

ท่านสว.โสรีช์นั้นอย่างที่บอกในตอนต้นว่าน้องครูอึ่งได้เล่าให้ฟังพร้อมทั้งได้อ่านหนังสือของท่านแล้ว…ตอนแรกก็จินตนาว่าอาจารย์เป็นคนใจดีและมีเมตตาแน่ๆ(จากหนังสือและน้องครูอึ่งพูดถึงค่ะ) แต่เนื่องจากเป็นอาจารย์ทางด้านจิตวิทยาทำให้ป้าจุ๋มเกร็งน้อยๆว่าน่าจะมีเคร่งขรึม จริงจัง และอาจมีseriousเล็กน้อย…อิอิ แต่พอพบตัวจริงก็ถูกตามที่คิดไว้ช่วงต้น คือใจดี มีเมตตา ความจริงจังมีนะคะแต่ความจริงจังของท่านมีศิลปะเหลือเกิน(ชั้นเซียนเหยียบเมฆเลยเชียวค่ะ)ทำให้ผู้เรียนรู้ได้รับไปแบบธรรมชาติมากๆค่ะ แต่ความเคร่งขรึมและseriousนั้นจินตนาการไว้ผิดหมดเลยค่ะ(ขออภัยด้วยค่ะ) ที่สังเกตเห็นคือความรักความผูกพันระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์ดูเหมือนเป็นพ่อ-ลูกมากกว่าค่ะ อาจารย์ก็มีความรักห่วงใยให้ลูกศิษย์และลูกศิษย์ก็รับทราบความรู้สึกนั้น ป้าจุ๋มสัมผัสได้และก็ประทับใจมากค่ะ จำชื่อหนูเหมี่ยวได้เป็นคนแรกเลยเพราะเป็นคนที่คอยมาปรนนิบัติอาจารย์อย่างธรรมชาติเสมือนลูกสาวดูแลพ่อ เป็นภาพที่น่ารักมากค่ะ ป้าจุ๋มอยากเรียกคุณครูมากกว่า(ป้าจุ๋มซึ้งใจและเคารพคำว่าคุณครูค่ะ) เพราะคำว่าครู สมัยป้าจุ๋มเป็นเด็กนั้นคือผู้ที่ตั้งใจสอนลูกศิษย์ด้วยความทุ่มเททั้งกายใจ…นอกจากนี้ท่านอาจารย์โสรีช์ท่านยังเป็นคนร่าเริง เป็นกันเอง มีความสามารถพิเศษคือเล่นกีตาร์เก่ง ร้องเพลงเก่ง แต่งเพลงเก่ง   โอ้โห!!!อันนี้รวมๆแล้วพูดได้คำเดียวว่าซู๊ดยอด ค่ะ    ป้าจุ๋มขอคาวะและชื่นชมอาจารย์ด้วยความจริงใจค่ะ และดีใจมากที่ได้มีโอกาสได้พบท่านค่ะ  และขอขอบคุณน้องครูอึ่ง(เป็นหัวหลัก…อิอิ)และน้องสร้อย(หัวตอ…)ค่ะ ที่ได้เหน็ดเหนื่อยในการช่วยกันประสานงานให้การไปสวนป่าในครั้งนี้สำเร็จด้วยดียิ่งค่ะ

ไปสวนป่าคราวนี้ป้าจุ๋มได้มีโอกาสพักห้องเดียวกันกับสว.พรพรรณและสว.ไพลินค่ะ หลังจากคุยกันไปมาก็ทราบว่าเอ…เราวัยเดียวกันนี่นา มิน่าเล่าพอป้าจุ๋มเปิดKaraOKไม่ว่าเพลงอะไรก็จะชอบเหมือนกัน ช่วยกันร้องช่วยกันหาเพลงจนตี 1 กว่าๆไม่รู้ตัว ก็ต้องขออภัยห้องข้างๆย้อนหลังด้วยนะคะหากเสียงเพลงที่บรรดาสว.ครวญ(คราง)เป็นการรบกวนท่านค่ะ

หลังจากที่เรากิน-นอน-ทำกิจกรรมร่วมกัน 2-3 วันนั้น ป้าจุ๋มก็ได้รู้จักสว.พรพรรณและสว.ไพลินดีขึ้นมาก ก็จะขอเล่าว่ามีความประทับใจกับสว.ทั้งสองท่านมากค่ะ ท่านสว.พรพรรณนั้นเธอดูจะเป็นหญิงงาม เงียบๆเรียบร้อย จิตใจดี สุขุม เป็นตัวของตัวเองและมีน้ำใจมากค่ะ มีความสบายใจที่ได้อยู่ใกล้และพูดคุยด้วยค่ะ ป้าจุ๋มดีใจที่ได้พบค่ะ รู้สึกรักและประทับใจค่ะ ขอให้โชคดีนะคะ ป้าจุ๋มจะจดจำความรู้สึกดีๆนี้ไว้และจะระลึกถึงตลอดไปค่ะ

สำหรับท่านสว..ไพลินนั้นก็ยิ่งประทับใจค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้นานๆจะเห็นคุณครูที่เป็นครูทั้งจิตวิญญาณเช่นนี้ (ส่วนมากจะเห็นคนรับจ้างสอนหนังสือเสียมากค่ะ) ป้าจุ๋มขอเรียกว่าคุณครูไพลินผู้ยิ่งใหญ่ค่ะ ท่านได้ทุ่มเทชีวิตกับการเรียนการสอนอย่างตั้งใจ เรียกว่าทุกลมหายใจท่านนั้นนึกถึงแต่ลูกศิษย์ ไปต่างประเทศกลับมาเขียนหนังสือเล่าให้ฟัง กลัวลูกศิษย์ไม่ได้ความรู้เท่าที่ควรก็มีวิธีการเล่าสอดแทรกเนื้อหาที่เป็นประโยชน์เพิ่มไปอีก(เรียกว่ามีกุสโลบายที่แยบยลมากน๊ะคุณครู) ส่วนอื่นๆก็จะมีความประทับใจเช่นเดียวกับท่านสว.พรพรรณค่ะ เอ…หรือว่าสาวละปูนเป็นแบบนี้กันหมดหนอ…น้องครูอึ่งที่ป้าจุ๋มรู้จักก็เป็นสาวละปูน ป้าจุ๋มก็หลงรักเช่นเดียวกัน ดูจะเป็นคนเงียบๆเรียบร้อยไม่ค่อยพูดแต่ โอ้โห…เวลาพูดทีนี้ สะกดคนฟังได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว ป้าจุ๋มต้องมนต์เสน่ห์สาวละปูนอย่างนี้คงต้องหาโอกาสไปเยี่ยมเยียนเสียแล้ว…อิอิ เขากล่าวว่านอนละปูน 1 คืนอายุยืน…ปี คงต้องไปพิสูจน์ค่ะ

 สมหวังที่2.ได้พบพี่น้องชาวลานฯมากันมากมายได้กอด ได้คุยกัน มีอะไรแบ่งปันกันจนหายคิดถึงเลยค่ะ

                       (สมหวังดั่งตั้งใจ…อิอิ ตอนสมหวังที่ 2-3-4-5จะมีตอนต่อไปค่ะ cooming soon !!!)

 


กลับบ้านเรา รักรออยู่…

185 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 10 พฤษภาคม 2010 เวลา 23:42 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 7805

ช่วงวันที่4-9 พ.ค.ที่ผ่านมานี้ป้าจุ๋มได้Visaยาวเป็นพิเศษ เนื่องจากได้วางแผนไว้นานและแน่ใจว่าTripนี้ต้องมีอะไรพิเศษ(และก็พิเศษจริงๆ ไว้จะเขียนเล่าในตอนต่อไปค่ะ) หลังจากวางแผนจะไปหลายวันก็เริ่มสะสมความดี ทำแต้มเพื่อประกอบการขอVisaค่ะ ก็สมหวังค่ะผ่านฉลุย…แต่เนื่องจากระยะเวลานั้นนับว่าหลายวันทีเดียวทำให้วันท้ายๆก็เริ่มคิดถึงบ้านแล้วค่ะ แต่ก็อยู่จนครบตามกำหนดที่ตั้งไว้ วันที่ 9 เดินทางกลับด้วยอาการกังวลเล็กน้อยว่ามีการตรวจกักรถจะทำให้เสียเวลา ก็วางแผนกันว่าต้องรีบเดินทางกลับค่ะ จะได้ถึงบ้านเร็วๆเพราะตอนนั้นใจมาอยู่ที่บ้านแล้วค่ะ…

นับว่าโชคดีมากวันนั้นคุณหมอจอมป่วนร่วมเดินทางมากับพวกเรา ทำให้รู้สึกว่าการเดินทางสนุก รื่นรมย์ตลอดทาง ผลัดกันคุย ผลัดกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทำให้คนขับ(กิตติมศักดิ์)นั้นลืมเวลาง่วงนอนไปเลยค่ะ และที่สำคัญไม่ได้ถูกเรียกตรวจรถเลยตำรวจเห็นรถเราก็โบกให้ไปเลย…ก็ให้รู้ซะมั่งว่าไผขับ ไผนั่งมา…อิอิ ก็เลยเดินทางสะดวก ปลอดภัยตลอดทาง มาแวะกินข้าวกลางวันร้านChester Grill ที่ปั๊มป.ต.ท. แล้วเดินทางต่อถึงปากเกร็ดราวบ่าย 3 โมง ไปส่งคุณหมอจอมป่วนนั่งแท๊กซี่ไปสถานีขนส่งสายใต้เพื่อเดินทางไปสมุยต่อเพราะมีลูกๆและแม่นุหวานใจคนสวยไปรออยู่แล้วค่ะ ส่วนป้าจุ๋มกับคุณLogosเลยไปซื้อดินเหนียวเอากลับมาบ้านกันมาคนละก้อน จะปั้นอะไรต่อก็ยังไม่ทราบ…หลังจากนั้นคุณLogosก็มาส่งป้าจุ๋มที่บ้านค่ะ ต้องขอบคุณหลายๆค่ะที่ให้บริการป้าจุ๋มอย่างดีเสมอมา…

เมื่อมาถึงบ้านพบว่าหวานใจนั่งดูT.V.รออยู่(รออยู่หรือเปล่า???) ก็ทักทายกัน ถามไถ่ว่าเป็นไง สนุกไหม ตามเรื่อง แล้วเห็นอากาศร้อนเหลือหลาย ป้าจุ๋มได้ลูกหว้าสวยๆจากสตึกมา 1 ถุง คิดได้ก็เลยรีบไปทำน้ำลูกหว้าเย็นๆมาเสิร์ฟให้หวานใจได้ดื่มให้ชื่นใจ(เป็นการเริ่มสะสมคะแนนต่อ…อิอิ) สีสวยมากค่ะ สีม่วงอมชมพูที่เกิดจากสารเรียกว่าanthocyanin  ซึ่งมีประโยชน์อย่างน้อยช่วยบำรุงเส้นเลือดฝอยให้แข็งแรงค่ะ

            ลูกหว้าสด                              น้ำลูกหว้าค่ะ                            รินใส่แก้วให้หวานใจดื่ม…

หลังจากนั้นก็พักผ่อนค่ะ มื้อเย็นก็ออกไปกินข้าวนอกบ้านกัน เพราะปกติเป็นวันครอบครัวอยู่แล้วแม่ไม่ต้องทำอาหารเย็น

กลับจากอาหารเย็นก็พยายามมาเปิดลานเพื่อรายงานข่าวพบว่าคอมพิวเตอร์ป้าจุ๋มเป็นอะไรไม่รู้เปิดinternetไม่ได้ ให้ลูกรักมาดูให้จนดึกก็ไม่สำเร็จ เลยไปยืมของหวานใจได้เข้าไปเจาะแจ๊ะได้นิดหน่อยก็ง่วงนอนค่ะ

วันนี้ลูกรักแก้ไขให้เสร็จประมาณเที่ยง(เกรงว่าแม่จะหงุดหงิด) สบายใจก็ไปธุระข้างนอกแล้วกลับมานั่งเขียนรายงานค่ะ

เนื่องจากรู้กำหนดการว่าไปสวนป่าคราวนี้หลายวัน ก่อนไปก็เดินใส่ปุ๋ยต้นไม้ไว้ กลับมารู้ว่ามีฝนตก 1 ครั้งด้วยและไปหลายวันทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของต้นไม้ใบหญ้ารอบๆบ้าน โตและงามขึ้นส่วนใหญ่ก็ออกดอกสะพรั่งค่ะ รวมทั้งหลานทองม้วนก็ด้วยคงคิดถึงกระมังมาวิ่งพันแข้งพันขา ไปไหนไปด้วย เมื่อเช้าก็ออกเดินสำรวจรอบๆบ้านก็พบว่าเจ้าลูกฟักข้าวที่ได้ปลูกไว้พร้อมๆกับที่ให้ครูบาไปปลูกที่สวนป่าเพื่อให้ร่มเงาที่ลานกินข้าว แต่ที่นั่นไม่มีลูก  ที่บ้านป้าจุ๋มเขาไต่ขึ้นไปบนยอดต้นประดู่แล้วก็ออกลูกบนนั้นกำลังสุกแดงๆค่ะ(ตื่นเต้นค่ะ)

           ลูกฟักข้าวบนยอดต้นประดู่                                    ลูกสุกผ่าจะมีเนื้อและเยื่อหุ้มเมล็ดที่มีประโยชน์มากค่ะ

สำหรับเรื่องฟักข้าวป้าจุ๋มจะเขียนรายละเอียดในโอกาสต่อไปค่ะ คิดว่าน่าสนใจเพราะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากค่ะ

นอกจากนี้รอบๆบ้านส่วนใหญ่จะเน้นปลูกไม้หอมค่ะเพราะป้าจุ๋มและหวานใจชอบเหมือนกันค่ะ ซึ่งก็หมุนเวียนกันออกดอกทำให้มีกลิ่นหอมตลอดเวลาค่ะ

 เหล่าไม้หอมซึ่งความจริงมีลีลาวดีด้วยซึ่งจะส่งกลิ่นหอมและบานตลอดปีค่ะ  ดอกสายหยุดแดง แคทริยาลูกผสมก็หอมค่ะ ดาหลากำลังจะบานอีกดอก ดอกแก่นตะวันสีสดสวยและครอบครัวแม่-ลูกหมูอารมณ์ดี

   ไม่อยู่หลายวันหลานทองม้วนคงคิดถึง วิ่งพันขาตลอดไปไหนไปด้วยจะถ่ายรูปดอกไม้ก็มายืนบังเลยจับเป็นนางแบบเสียเลย ตอนไปถ่ายภาพกอบัวในกระถาง พอบอกว่าActionทองม้วนยกขาขึ้นน่ารักจริงๆหลานยายฉลาดจัง สำหรับดอกบัวช่วงนี้แดดร้อนมาก เห็นใบเล็กลงและดอกก็เล็กลงมาก จากที่เคยออกดอกโตและสวย เนื่องจากอากาศร้อนมากๆ ปีนี้นับว่าอากาศร้อนมากจริงๆ อากาศจะร้อนอย่างไรหากใจเราสงบนิ่งเย็น ความร้อนก็ร้อนแต่เพียงภายนอกทำอะไรใจไม่ได้เลยเพราะอยู่ข้างใน…อิอิ

รูปทางขวามือนั้นเป็นว่านแสงอาทิตย์ก็ออกดอกพอดีเช่นกันค่ะ ทองม้วนก็ตามมายุ่งอีกตามเคย ว่านแสงอาทิตย์สวยมากค่ะ เขาจะอยู่อย่างนี้ราว 1 สัปดาห์ค่ะ

ขอให้ทุกท่านเย็นใจ  เย็นกายและมีความสุขตามอัตตภาพค่ะ


ณ วันนี้เมื่อปีที่แล้ว

125 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 23 เมษายน 2010 เวลา 13:34 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2459

ช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้ว ป้าจุ๋มได้มาร่วมเสวนากันทีมนักศึกษาแพทย์จากรพ.ศูนย์แพทย์ชลบุรี ซึ่งนำทีมโดยพญ.สุชาดา พญ.ไข่มุกข์ และอีกหลายท่าน ทำให้การมาเรียนรู้ร่วมกันครั้งนั้นมีความหมาย สนุกและน่าจดจำ

   ใครเป็นใครดูเอาเองค่ะหล่อๆสวยๆน่ารักทั้งน้าน…

                ยังไม่ได้ตรวจหูอีกเลยค่ะนับจากวันนั้น…ปีนี้อดตรวจ คงต้องรอปีต่อไป…

                   (คุณหมอตรวจเก่งค่ะ ทุกคนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขค่ะ)

ปีนี้ป้าจุ๋มติดภาระกิจสำคัญในวันที่25เมย.(เพื่อนๆวัย 60 ยังแจ๋วนัดสังสรรค์กัน บางคนไม่เคยพบหน้ากันเลยตั้งแต่เรียนจบ ก็แยกย้ายกันไปทำงานและมีครอบครัวบ้างไม่มีบ้าง ถึงปีนี้ก็ราว43 ปีค่ะปีนี้  ก็เกรงว่าจะจำหน้าค่าตากันไม่ได้  นัยว่ามีคนรวบรวมภาพสมัยเอาะๆเอามาทำVDOฉายอวดกันด้วย แถมบอกว่าจะมีรางวัลประกวดคนที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดด้วย รศ.ดร.สุธาทิพย์ ขนาดเป็นเพื่อนรักยังอุบไม่บอกป้าจุ๋มเพิ่งแพลมมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่าแอบไปfitness มาหลายเดือนแล้ว ดูดู๋เพื่อนรักทำอย่างนี้ได้อย่างไร แถมมาอวดด้วยว่าตอนนี้ไม่มีพุงเลย สงสัยป้าจุ๋มจะแพ้เพื่อนก็คราวนี้แหละ…อิอิ)

ไม่เป็นไรไม่ได้มาสวนป่าคราวนี้ก็ฝากของมาก็ได้ จำได้ว่าปีที่แล้วป้าจุ๋มทำอาหารมังสะวิรัติให้พวกเราได้ชิมกัน ปีนี้ตัวไม่มาก็ขอฝากอาหารมังสะวิรัติมา 2 รายการหวังว่าคงจะชอบกันค่ะ (คนรักกันต้องมอบของดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพให้กันค่ะ)

            เต้าหู้น้ำแดงค่ะ                                               ลาบเต้าหู้ใส่เห็ดหูหนูแซ๊บหลายจ้า

สำหรับของคาวก็ขอฝากแค่ 2 อย่างนี้คงจะพอนะคะ ทำเองได้ง่ายจัง อร่อย มีอาหารครบหมู่…เรียกว่าเพื่อสุขภาพจริงๆค่ะ

อ้อแถมอีกอย่างก็ได้ค่ะ ทั้งเต้าหู้น้ำแดง ทั้งลาบเต้าหู้มีถั่วเหลืองมากแล้ว ดังนั้นเครื่องดื่มก็เปลี่ยนมาเป็นน้ำกาบาข้าวบาร์เลย์ดีไหมคะจะได้มีความหลากหลายค่ะ นัยว่าสารกาบาanti-aging และป้องกันAlzheimer’s disease แถมช่วยให้หลับสบายด้วยค่ะ(ของป้าจุ๋มจะใส่งาคั่วผสมไปด้วยค่ะ เมื่อต้ม-ปั่น-กรองเสร็จพออุ่นๆจะเติมน้ำผึ้งหรือน้ำตาลกรวดให้มีความหวานเล็กน้อยก็พอค่ะ

เมื่อแช่จนงอกแลวระยะนี้เขาจะผลิตสารกาบาออกมาค่ะ       นำมาใส่เครื่องต้มและปั่นในตัว

 แค่นี้ก็ได้เครื่องดื่มหอมอร่อยบำรุงสุขภาพค่ะ          รักและคิดถึงทุกท่านค่ะ



Main: 0.15108299255371 sec
Sidebar: 0.061860084533691 sec