มะรุมที่บ้านป้าจุ๋ม……

7484 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 29 กรกฏาคม 2010 เวลา 22:33 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 37748

มะรุมเป็นพืชที่ให้คุณประโยชน์มากค่ะ ใช้เป็นทั้งอาหารและยา ใบมะรุมนั้นคนไทยเราแต่ดั้งเดิมนำมาต้มจิ้มน้ำพริกเป็นผักแสนอร่อย แต่ผลที่ได้ไม่เพียงอร่อยเท่านั้น ยังมีผลต่อเนื่องคือตอนเช้าระบายท้องได้อย่างดีอีก นี่คือผลที่เห็นทันตา แต่ที่ไม่สามารถเห็นทันตาก็คือใบมะรุมนั้นมีคุณค่าทางอาหารมากมาย ถึงขนาดที่เขานำไปอัดเป็นเม็ดไปให้เด็กทางอัฟริกาที่ขาดอาหารกินเพื่อบำรุงร่างกายกันมาตั้งนานแล้ว
ฝักมะรุมอ่อนคนไทยเราก็ใช้แกงส้มได้อย่างอร่อยตลอดมา ส่วนเมล็ดแก่นี่ถึงกับได้รับสมญานามว่า เป็นยาอายุวัฒนะเลยเชียวหากกินถูกขนาด มีฤทธิ์ช่วยระบายอ่อนๆเช่นเดียวกับใบ ทั้งใบและเมล็ดควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ดี มีคนใช้ได้ผลมาค่อนข้างมากแล้ว เมล็ดมะรุมมีข้อแม้ว่าห้ามกินมากเกินไป ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี ของอะไรๆมีดีก็มักมีเสียบ้าง ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็คงต้องตามรอยพระพุทธองค์ค่ะ “มัชฌิมาปฏิปทา”

ระยะนี้ฝนตกทั่วฟ้าดีจังเลย ก็ทำให้คนไทยทั้งประเทศได้คลายร้อนไปมากเลยทีเดียว ต้นไม้ต้นหญ้าก็สดชื่นงอกงามดี เมื่อเช้าอากาสเย็นๆจากฝนตกก็ไปเดินใส่ปุ๋ยต้นไม้ เหลือบไปเห็นดอกมะรุมกำลังบานอยู่ก็นึกอยากกินแกงส้มดอกมะรุม ก็เลยเด็ดมาเตรียมพร้อมไว้สำหรับแกงพรุ่งนี้

ดอกมะรุมและฝักอ่อนเตรียมพร้อมลงหม้อพรุ่งนี้ค่ะ

ช่วงนี้ฝนตกบ่อยอาจทำให้เป็นหวัดง่ายมาทำแกงส้มมะรุมกินป้องกันหวัดกันดีกว่าค่ะ


ตัดสินใจแกงส้มแบบใต้… อร่อยค่ะ


ความรัก….

335 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 26 กรกฏาคม 2010 เวลา 1:16 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4223

ความรัก…มีความสำคัญยิ่งต่อมวลมนุษยชาติที่ควรมีให้กันและกัน เมื่อมีความรักก็จะมีความสุขและความอบอุ่นใจ แต่ความรักไม่ควรจำกัดแค่ คนรัก ครอบครัว ญาติพี่น้องหรือเพื่อนเท่านั้น…ความรักไม่ควรแบ่งแยกหรือยึดติด…หากทำได้คงจะทำให้มนุษย์พ้นทุกข์หรือความผิดหวังได้…

คนเราเมื่อมีความรักก็น่าจะมีความสุข…แต่ทำไมบางทีถึงต้องมีทุกข์ด้วย…
แล้วจะทำอย่างไร???ที่จะทำให้การมีความรักแล้วสุขได้ตลอด

ความจริงพุทธศาสนิกชนทั้งหลายหากระลึกได้และเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ เราต่างมามีความรักแบบทางพระพุทธศาสนาให้กันและกันก็จะดีไม่น้อย ความรักที่ว่านั้นคือ “พรหมวิหาร 4″ อันประกอบด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา…หากเราต่างได้นำมาปฏิบัติ ก็น่าที่จะทำให้มีความสุขกันทั่วหน้าและตลอดไปได้

“พรหมวิหาร 4″
เมตตา(loving-kindness)หรือไมตรี คือความปรารถนาที่จะนำความสุขมาให้ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน
กรุณา(compassion) คือความสงสาร ปรารถนาที่จะขจัดทุกข์ให้ผู้อื่น
มุทิตา(sympathetic joy) คือความยินดีที่เห็นผู้อื่นมีความสุข เห็นเขาประสพความสำเร็จในชีวิต มีชีวิตที่ดีขึ้นก็พลอยแช่มชื่นเบิกบานใจไปด้วย
อุเบกขา(equanimity)หรือ คือการวางเฉยต่อความลำเอียงของตนเองและผู้อื่น วางใจเป็นกลาง ปราศจากอคติทั้งปวง ทำให้เรามีสติ ใจสงบนิ่ง เป็นกลางและวางตัวได้อย่างเหมาะสม

ท่านดาไลลามะ…ได้เคยให้คำจำกัดความของความรักแบบชาวพุทธว่า “คือความสงบเย็นและเป็นสุข”

วันนี้ป้าจุ๋มเพิ่งกลับจากการไปเข้าคอร์ส “สุขภาพดีแบบวิถีไทย”มา ตอนแรกคิดจะรีบเขียนเล่าให้ฟังว่าไปทำอะไรมาบ้าง เพราะรู้สึกว่าดีและมีประโยชน์มากค่ะ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าอย่างไรดีเลยขอพักไว้ก่อนค่ะ

มาคิดได้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาของเราคือ “วันอาสาฬหบูชา” ก็อยากให้พวกเรามีความสุขกายสุขใจหลังจากไปทำบุญกันมาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว…ก็เลยเขียนอะไรที่เบาๆสบายๆมาเล่าสู่กันฟังเพื่อให้หายคิดถึงกันก็เท่านั้นค่ะ
สุดท้ายก็ขอฝากดอกไม้สวยๆและเพลงเพราะๆมาให้ฟังด้วยค่ะ “ลุ่มเจ้าพระยา” เป็นหนึ่งในเพลงที่ชอบและคิดว่าเนื้อหาดีค่ะ

ขอมอบดอกย่านดาโอ๊ะหนึ่งเดียวในโลกให้ได้ชมให้ชื่นใจค่ะ

ก็มารักกันดีกว่านะคะและขอให้ทุกท่านมีความรักความอบอุ่นและมีความสุขในวันนี้และตลอดไปค่ะ


มนต์เสน่ห์…เมืองใต้ ตอนที่ 2

144 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 12 กรกฏาคม 2010 เวลา 18:28 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 7512

การไปใต้ของป้าจุ๋มเมื่อคราววันที่23-27 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้นมีเป้าหมายหลักๆอยู่3-4 เป้าหมายค่ะ ตามที่ได้เล่าไปบ้างแล้วในตอนที่ 1 ค่ะ แต่อยากยืนยันว่าไปใต้ครั้งใดก็เกิดความมั่นใจ และประทับใจทุกครั้ง ทำให้อยากกลับไปอีกทุกครั้งไปค่ะ
มีอะไรทำให้ต้องมนต์ขนาดนั้นหรือก็มีค่ะ
1.สภาพภูมิประเทศมีภูเขา มีทะเล และมีต้นไม้ใหญ่ ดูแล้วร่มรื่น มีความอุดมสมบูรณ์ ผัก ผลไม้ อาหารทะเล สดๆทั้งนั้นค่ะ
2.ด้วยความอุดมสมบูรณ์พูนสุขอย่างนี้กระมังที่ทำให้ทุกคนรักบ้านเกิดและอยู่กันด้วยความรักและมีศักดิ์ศรีของตนเองมีอะไรให้ได้เรียนรู้ค่ะ
3.ความน่ารัก ความมีน้ำใจและอัธยาสัยไมตรีที่ดีค่ะ
แค่ 3 อย่างนี้ก็คงจะมากพอแล้วกระมังคะ ที่จะทำให้ต้องย้อนกลับไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
สำหรับตอนที่สองนี้หลักๆก็คงจะเป็นที่ เป้าหมายสุดท้าย คือมาเยี่ยมอ.Handy น้องนงและหลานWebsiteและไปร่วมทำบุญบริจาคเงินซื้อที่ดินให้โรงเรียนวัดรัตนารามค่ะ
แต่พอไปถึงจริงๆก็มีเป้าหมายที่น่าสนใจงอกออกมาค่ะคือได้ไปพบกลุ่ม”สายธารอนุรักษ์” ที่เป็นเด็กรุ่นหนุ่ม ไฟแรง มีศักยภาพสูง เมื่อมาเรียนจบได้ปริญญาเกิดความรู้สึกว่าต้องกลับไปช่วยฟื้นฟูบ้านเกิด(เป็นบัณฑิตคืนถิ่นด้วยความสมัครใจ) จากการได้พูดคุยกับเขาแล้ว และดูจากงานที่เขามาทำไว้หลายอย่างเช่นการอนุรักษ์ธรรมชาติ วัฒนธรรมและฯลฯ นับเป็นความคิดที่ดีและน่าชื่นชมมากค่ะ
และสิ่งสุดท้ายที่ทำให้พวกเขาพากันคืนถิ่นคือเขาพูดว่าจะ “จะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดและดูแลพ่อแม่ ในยามแก่เฒ่าด้วย”(โอ้โห…อันนี้ยิ่งทำให้ป้าจุ๋มรู้สึกศรัทธาเด็กกลุ่มนี้มากๆเลยค่ะ)
หากเด็กรุ่นใหม่ทุกภาคส่วนคิดได้อย่างนี้สังคมไทยก็จะอบอุ่น พ่อ-แม่คนแก่ไม่ถูกทอดทิ้ง ที่สำคัญคือได้ใช้ความรู้ที่ได้ไปเรียนมากลับมาพัฒนาบ้านเกิดตนเองด้วยค่ะ
ก็จะขอค่อยๆเล่าให้ฟังตามลำดับว่าวันที่ 26 ราว 10 โมงเช้านัดพบอ.Handy ที่ม.ราชภัฏสุราษฎร์ธานีค่ะ แต่พอไปถึงก็ถูกหลอกให้ขึ้นเวที สดๆแบบไม่ได้ตั้งเนื้อตั้งตัว ดีที่บอกว่าให้เวลาแค่ 5 นาทีก็ค่อยยังชั่วหน่อย

เช้าวันที่ 26 มิ.ย.โดนหลอกขึ้นเวทีlecture ก่อนพาไปกินข้าวเที่ยง

วันที่26เที่ยงกับดร.ชัยรัตน์ อ.Handyที่ร้านอีสานเรือนไทยค่ะ(รับประกันความสดและอร่อยค่ะ)
เย็นๆก็มาที่Home Sweet Home ของอ.Handyค่ะพบว่าทุกคนมีความสุขและอยู่ในอ้อมอกอันอบอุ่นของญาติพี่น้องและธรรมชาติที่น่าอยู่มากค่ะ

หลังจากกลับไปสู่อ้อมอกอันอบอุ่นณ.บ้านเกิดก็มีการเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ และปลูกพืชพันธุ์ต่างๆก็เจริญงอกงามดีค่ะ
มีมะละกอมีกล้วย ฟัก แฟง ถั่วพู ถั่วฝักยาวคือมีเกือบทุกอย่างคล้ายๆไร่นาสวนผสมค่ะ
(ได้ข่าวว่าจะปลูกข้าวไร่อีกอย่างค่ะ)

วิธีกำจัดวัชพืชตามคำแนะนำของคุณLogos ค่ะ ได้ผลดีค่ะ

อ.Handyกับความภูมิใจคือส้มโอ 1 ลูกที่เฝ้าทะนุถนอมจนโต มาสุกตอนป้าจุ๋มมาถึงพอดีค่ะ
พาป้าจุ๋มไปอวด ป้าจุ๋มบอกว่าสุกกำลังดีแล้วนะ(ป้าจุ๋มชอบกินส้มโอเลยดูเป็นค่ะ)


ผักในสวนครัวเก็บมาให้ป้าจุ๋มชิมค่ะและส้มโอพันธุ์ปัตตาเวียร์ลูกเดียวนั้น สีสวยและรสชาดดีมากค่ะเรียกว่าสุกกำลังดีจริงๆ ส่วนที่ว่าผักอร่อยในวันนั้นชักไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะผักสดหรือฝีมือตำน้ำพริกกะปิของอ.ขวัญจิตรกันแน่…คงต้องหาโอกาสไปพิสูจน์ใหม่อีกครั้งเพื่อยืนยันความอร่อยค่ะ…อิอิ


หลังจากเดินชมสวนพอหอมปากหอมคอก็ต้องรีบไปที่โรงเรียนวัดรัตนารามค่ะเพื่อร่วมทำบุญตามเป้าหมายค่ะ
ได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับท่านผอ.โรงเรียนค่ะ

เด็กๆดีใจมาช่วยต้อนรับแขกด้วยความตั้งใจ

คำขอบคุณจากใจของเด็กๆค่ะ

คำขอบคุณของหลานWebsite

เช้าวันที่ 27 มิย.ก่อนกลับไปเยี่ยมกลุ่มสายธารอนุรักษ์ ได้ถ่ายภาพกับคุณย่าของคุณภูผา ตาปีค่ะ ท่านมีอายุ 97 ปีแล้วแต่ความจำยังเยี่ยมมากค่ะ

หลังจากถ่ายภาพหมู่เสร็จท่านยกมือชูนิ้วชี้แล้วบอกว่าขอภาพเดี่ยวด้วย…เราก็จัดให้ด้วยความเต็มใจค่ะคุณย่าขา

เดินบุกป่าอนุรักษ์กับกลุ่ม”สายธารอนุรักษ์”

เก็บภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกก่อนกลับค่ะ
(อ.นพพร หลานชุมพล ป้าจุ๋ม อ.ขวัญจิตร น้องนงและขวามือสุดคือคุณภูผา ตาปี หนุ่มไฟแรงแห่ง”สายธารอนุรักษ์” ทีป้าจุ๋มได้อาศัยรถกลับบ้านด้วยความสะดวกปลอดภัยค่ะ)
ป้าจุ๋มก็กลับมาถึงบ้านหลายวันแล้วโดยสวัสดิภาพและอิ่มเอมใจ
ต้องขอขอบคุณเจ้าภาพทุกท่านตลอดTripนี้ค่ะ
มีเจ้าบ่าว-เจ้าสาว คุณพ่อ-คุณแม่ทั้งเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ญาติพี่น้องและน้องๆนักวิชาการทุกคนที่ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพรที่ดูแลเป็นอย่างดีทุกครั้งที่มาชุมพร
ขอบคุณคุณนายท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ดูแลและพาป้าจุ๋มเที่ยวแบบVIPเลยทีเดียว
ขอบคุณอ.Handy น้องนง หลานWebsite และสุดท้ายคือครอบครัวคุณน้าอ.Handy ที่ได้ให้ที่พักพิงหลับนอนอย่างสบายพร้อมอาหารเช้าที่…หร้อยจังฮู้ค่ะ กราบขอบพระคุณคุณพ่อทองมาก อ.นพพร อ.ขวัญจิตรและหลานชุมพลคนดีที่น่ารัก…ขอบคุณจริงๆค่ะ
ขอบคุณคุณภูผา ตาปี อีกครั้งค่ะที่ได้ขับรถพาป้าจุ๋มมาส่งถึงบ้านด้วยความสะดวกสบายและปลอดภัยค่ะ
หวังว่าป้าจุ๋มคงจะมีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณท่านเหล่านี้บ้างนะคะ
สุดท้ายจริงๆที่อยากบอกคือความสบายใจที่ได้เห็นอ.Handy น้องนง หลานWebsite ที่ได้กลับไปสู่อ้อมอกอันอบอุ่นจริงๆณ.บ้านเกิดค่ะ ต่อไปนี้คงจะมีพลังใจที่จะรังสรรค์สิ่งดีๆให้บ้านเกิดตามที่ได้ตั้งใจไว้นะคะ
ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพพลานามัยที่ดี ชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรืองค่ะ จะคิดหวังสิ่งใดก็ให้สมปรารถนาในทุกๆสิ่งตลอดไปค่ะ


อาสาฬหบูชา…

54 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 8 กรกฏาคม 2010 เวลา 11:51 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3319

ขอมอบ”ดอกสาละจากวัดพระศรีมหาธาตุหริภุญชัย”มาบูชาวันอาสาฬหบูชา

เวลาเร็วเหมือนติดปีกจริงๆเลยนะคะทุกวันนี้…นี่ก็จะเวียนมาถึงวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษาอีกแล้ว
อาสาฬหบูชา ตรงกับวันเพ็ญเดือน 8 ก่อนวันเข้าพรรษา 1 วัน ความหมายของคำ “อาสาฬหบูชา” แปลได้ว่าการบูชาพระในวันเพ็ญเดือน 8 แต่ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้งก็จะเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำของเดือน 8 หลังค่ะเช่นในปีนี้
“วันอาสาฬหบูชา” นับเป็นวันแรกที่มีพระรัตนตรัยครบองค์สาม คือ พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์
ปีนี้นับว่าโชคดีมีวันพ่วงอีก 2 วันคือวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ 24และ25ก.ค.รวมเข้ากับวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาอีก 2 วัน ทำให้เรามีวันหยุดติดต่อกันถึง 4 วันค่ะ เรียกว่ามีเวลามากพอที่จะไปไหนๆไกลๆได้พอสมควรทีเดียว
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ที่บ้านป้าจุ๋มก็จะเริ่มเตรียมตัวแล้วค่ะ ไม่ไปไหนหรอกค่ะ เพราะช่วงเวลาอย่างนี้เราควรจะได้อยู่กับครอบครัวค่ะ ส่วนครอบครัวป้าจุ๋มก็จะพาหลานๆไปร่วมทำบุญและกราบคุณตา-คุณยายที่ต่างจังหวัด(ส่วนคุณปู่-คุณย่าท่านอยู่กรุงเทพฯเจอกันบ่อยๆแล้วท่านเข้าใจค่ะ จึงบายเวลาวันหยุดยาวอย่างนี้ให้คุณตา-คุณยาย)
ป้าจุ๋มคิดว่าวันสำคัญอย่างนี้ควรเป็นวันที่ลูกๆควรได้อยู่ร่วมทำบุญกับพ่อ-แม่หรือมีกิจกรรมอะไรที่ทำให้ท่านได้อบอุ่นใจร่วมกัน จำได้ว่าเวลาป้าจุ๋มพาครอบครัวไปเยี่ยมคุณพ่อ-คุณแม่ ทุกครั้งที่ไปก็สัมผัสได้ว่าท่านมีความสุขและชื่นใจมากๆค่ะ มากยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเลย ตอนนั้นก็ไม่ได้เข้าใจอะไรมาก เพียงแต่ทำหน้าที่ของลูกที่ดีว่ามีเวลาต้องพากันไปกราบท่านค่ะ แต่ตอนนี้ท่านก็ได้จากพวกเราไปหมดแล้ว ยังคงเหลือแต่ความทรงจำที่ดีๆให้ลูกได้อบอุ่นเสมอมา
ตอนนี้ป้าจุ๋มเองก็กลายมาเป็นพ่อแม่แทน(แก่ๆ)ก็เลยเข้าใจความรู้สึกของคุณพ่อ-คุณแม่ในตอนนั้นดีค่ะ(เราเป็นเองค่ะ) คือต้องการความรักความอบอุ่นคืนจากลูกๆ อยากอยู่ใกล้ลูกๆค่ะ ดังนั้นในปีนี้ครอบครัวป้าจุ๋มก็วางแผนล่วงหน้ากันไว้แล้วว่าไปร่วมทำบุญกันและไปเที่ยวด้วยกันต่อค่ะ(คราวนี้ขาดลูกรักที่อยู่ต่างแดนไป 1 คน)
ไม่ทราบจะใช้คำว่าอะไรดีค่ะ คืออยากแนะนำหรือบอกน้องๆหรือใครๆก็ตามที่ยังโชคดีที่ คุณพ่อ-คุณแม่ ท่านยังมีชีวิตอยู่ อยากบอกว่าทำบุญที่ไหนๆก็ได้อานิสงส์ไม่เท่ากับความรักความอบอุ่นที่ลูกได้มอบกลับคืนให้ท่านค่ะ ไปกราบท่าน กอดท่านแน่นๆ อยู่ใกล้ๆท่าน ปรนนิบัติท่าน ไปทำบุญร่วมกัน ความรักความอบอุ่นนี้เป็นเหมือนน้ำทิพย์มาหล่อเลี้ยงชีวิตให้ท่านค่ะ(คำนี้คุณพ่อป้าจุ๋มท่านพูดทุกครั้งที่ป้าจุ๋มพาลูกๆไปกราบท่านค่ะ)
ตอนนี้ป้าจุ๋มท่องสัจจธรรมประจำใจไว้อย่างน้อย 2-3 ข้อนี้ค่ะ
1.”ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้จะมีเรา”หรือเปล่าค่ะนี่ก็จริงค่ะทุกคนก็เป็นเช่นเดียวกัน ดังนั้นทำวันนี้ให้ดี
2.” แก่แล้วให้เจียมสังขาร”(อันนี้คุณพ่อสอนไว้ค่ะ)คือเข้าวัยสว.แล้วจะทำอะไรก็ให้ระมัดระวัง ให้ดูกำลังตัวเองค่ะ
3.”ตั้งสติให้มั่น คิดแต่สิ่งดีๆ ทำแต่สิ่งดีๆ”ค่ะ จะได้มีสติตลอดเวลา
เขียนมามากมาย…เปะปะปนกันหลายเรื่องเดียวกัน…หรือเปล่า?…อิอิ
มาฟังเพลงสบายๆกันดีกว่านะคะ


ขอให้ทุกท่านมีความสุขในวันหยุดค่ะ


ข้าวต้มใบมะรุม…

677 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 7 กรกฏาคม 2010 เวลา 16:00 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 12124

หมู่นี้ที่กรุงเทพฯฝนตกดีเหลือเกินค่ะ ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าก็พลอยสดใสไปด้วย เจ้าต้นมะรุมข้างบ้านก็แตกยอดน่ากินเหลือเกินค่ะ ป้าจุ๋มก็นั่งมองว่าจะเอามาทำอะไรดี นำมาใส่ไข่เจียวก็แล้ว ต้มจิ้มน้ำพริกก็แล้ว ในที่สุดก็คิดออกว่าถ้าลองเอามาใส่ในข้าวต้มดูท่าจะดีค่ะ ก็จะได้อาหารเพื่อสุขภาพอีกจานหนึ่งได้ค่ะ
ความจริงความคิดนี้ได้จากแม่เอหยี(แม่บ้านป้าจุ๋มเป็นชาวพม่า อยู่กับป้าจุ๋มมาเกือบ 10 ปีแล้วค่ะ) ความที่เขาอยู่นานก็เห็นเขาทำอาหารพม่าที่ต่างจากเรา วันนี้ก็เช่นกันเคยเห็นเขาต้มน้ำใส่เกลือแล้วทุบพริกไทย หอมและกระเทียมใส่ค่ะ ก็หอมน่ากินดี เอหยีบอกว่าที่พม่ากินบำรุงร่างกาย(เขาทำให้คนป่วยกินค่ะ) คนธรรมดากินก็ยิ่งดีค่ะ ความจริงฝรั่งเอาใบมะรุมไปอัดเม็ดให้เด็กขาดอาหารแถวอัฟริกากินตั้งนานแล้วค่ะ นัยว่ามีสารอาหารมากมาย แต่คนไทยไม่ได้ใส่ใจค่ะ
วันนี้ก็เลยลองทำทุกอย่างเหมือนเอหยีหมด แต่แทนที่จะเป็นน้ำเปล่า ป้าจุ๋มก็ตุ๋นซี่โครงหมูเป็นน้ำซุบเพื่อจะได้มีรสชาดดีขึ้นไปอีกหน่อยและแถมใส่เห็ดหอมญี่ปุ่นด้วยค่ะ ส่วนข้าวนั้นป้าจุ๋มจะแยกต้มอีกหม้อแล้วค่อยเอามารวมกันค่ะ และแล้วก็ออกมาเป็นเมนูข้าวต้มใบมะรุมค่ะ เป็นมื้อเช้าวันนี้ โดยมีของหวานเป็นเฉาก๊วยชื่อดังจากกำแพงเพชรค่ะ


ข้าว3กษัตริย์ เห็ดหอมญี่ปุ่น ต้นและยอดมะรุม

ซี่โครงตุ๋นใส่เห็ดหอม พริกไทยบด หอม-กระเทียม(ทุบ)
ปรุงใส่พริกนิดหน่อย
ไม่ใส่พริกค่ะ

ปล.ข้าวต้มใบมะรุมนอกจากบำรุงสุขภาพแล้วยังช่วยระบายท้องได้ดีด้วยค่ะ ดังนั้นน่าจะเป็นเมนูที่ดีสำหรับผู้สูงอายุด้วยค่ะ ตอนนี้ป้าจุ๋มต้องกินบ่อยๆเพราะเป็นสว.แล้ว...อิอิ


หลักฐานประกันความอร่อยค่ะ


ก้อนหินก้อนนั้น…

3195 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 7 กรกฏาคม 2010 เวลา 11:34 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 39001

ก่อนเขียนบันทึกนี้ป้าจุ๋มขอมอบดอกไม้สวยๆให้แด่พี่น้องชาวลานฯทุกท่านได้ชื่นชมกันให้ได้ชื่นใจก่อนค่ะ

ดอก”สาละ” แสนสวยจากวัดพระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูนค่ะ

ดอก “ย่านดาโอ๊ะ” หนึ่งเดียวในโลกมีเฉพาะประเทศไทยเท่านั้นค่ะ
ดังนั้น “จงภูมิใจเถิดที่เกิดเป็นไทย”

ระยะหลังนี้โดยเฉพาะช่วงที่มาเป็นสว.เต็มตัว ใครๆมักคิดว่าสว.อย่างเราจะมีเวลาและว่างเสมอ…ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีเวลาให้ใครนะคะ ก็ต้องจัดลำดับดูตามความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนประกอบไปค่ะ
ส่วนใหญ่คนมักคิดว่าชีวิตป้าจุ๋มสบายๆ ไม่มีปัญหาอะไรเลย ซึ่งความจริงก็ไม่ใช่อีกค่ะ ใครบ้างที่เกิดมาไม่มีปัญหา เพียงแต่เราใช้สติควบคุมและหาเหตุผลที่ดีในการแก้ปัญหาเหล่านั้นต่างหาก(ป้าจุ๋มคิดว่าอย่างนั้นน๊ะ)
เช่นมีการวางแผนชีวิตไว้พอสมควรหมายถึงเป้าหมายค่ะ(อันนี้คุณพ่อสอนไว้ค่ะ) หลังมีครอบครัวครอบครัวเราก็มาวางแผนร่วมกันว่าจะดำเนินชีวิตไปอย่างไรดี จึงจะมีความสุขตามอัตภาพของเราได้
เมื่อวางแผนร่วมกันแล้วเราก็แบ่งหน้าที่กัน…แล้วต่างคนต่างก็ลุยค่ะ(ตามหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับแบ่งกันมาค่ะ) เมื่อเราต่างรักษาสัจจะและหน้าที่ ก็เลยทำให้ทุกอย่างค่อนข้างลงตัวและดำเนินไปได้ด้วยดีเสมอมาค่ะ
ป้าจุ๋มอาจจะโชคดีอยู่มากทีเดียวที่ได้ผู้นำครอบครัวที่เป็นคนดีและมีสัจจะ(มาถึงตอนนี้กล้าพูดได้เลยด้วยความมั่นใจค่ะ เพราะตลอดเวลาอย่างน้อย 35 ปีแล้วนี้ เขาเป็นคนตรงไปตรงมาเสมอต้นเสมอปลายตลอด) ซึ่งทำให้ชีวิตครอบครัวมีความอบอุ่นและมั่นคงค่ะ
เอ…พูดเรื่องสว.อยู่ดีๆไหงมาวกเข้าเรื่องตัวเองจนได้ แต่ต้องวกนิดหน่อยเพราะตอนนี้บางครั้งก็ได้กลายเป็นศิราณีจำเป็นไปก็มี มีคนมาถามว่าทำอย่างไรจึงไม่ทะเลาะกัน(แล้วจะทะเลาะให้คนเห็นทำไม ป้าจุ๋มนี่แสนงอนอย่าบอกใครเชียว) แต่เป็นคนไม่ชอบปะทะ ถ้าไม่พอใจอะไรมักจะหนีค่ะ…(เป็นคนขี้กลัวค่ะ)
มีบางครั้งที่น้องๆที่รักๆกันมาปรึกษาปัญหาหัวใจ ว้าวุ่น ทำอะไรไม่ถูก เป็นทุกข์ไปหมด หาทางออกไม่เจอ ป้าจุ๋มก็ใช่ว่าจะเก่ง แต่ก็ได้แนะนำตามแบบวิถีธรรมชาติที่ตัวเองเคยมีประสพการณ์มาบ้างก็เท่านั้นเองแหละค่ะ คือไม่ว่าเกิดปัญหาอะไรก็ตาม…ให้ตั้งสติให้ได้ก่อน ที่สำคัญที่สุดก็คือการดูแลใจเราก่อนนั่นเองค่ะ เมื่อใจนิ่ง สงบ เกิดสติ แล้วอย่างอื่นก็จะตามมาเอง…
เมื่อเช้าอ่านบันทึกของน้องFreemind…ทำให้ป้าจุ๋มนึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาได้ค่ะ เป็นเพลงที่ป้าจุ๋มคิดว่านักร้องเสียงดี ร้องได้อารมณ์ตามเนื้อเพลง หากฟังดีๆแล้ว เพลงนี้นอกจากจะให้ความไพเราะแล้วป้าจุ๋มคิดว่าเตือนสติ เตือนใจได้มากมายทีเดียว…ราวกับฟังเพลงธรรมะเลยเชียวหละ…(เกี่ยวกันไหมนี่ หากไม่เกี่ยวคิดว่าป้าจุ๋มนำเพลงเพราะๆมาฝากกันฟังก็แล้วกันค่ะ แต่อย่าลืมตั้งใจฟังให้ดีนะคะเพลงนี้ให้อะไรทีเดียวค่ะ
โดยส่วนตัวป้าจุ๋มจัดเพลงนี้อยู่ในประเภทเพลงธรรมะที่มีความไพเราะ ซึ้งใจด้วยค่ะ เป็นอีกหนึ่งในบรรดาเพลงโปรดทั้งหมดของป้าจุ๋มจ้า…

“ก้อนหินก้อนนั้น”

เคยมีใครสักคนได้บอกฉันมา
ว่าเวลาใครทำกับเราให้เจ็บช้ำใจ
ลองไปเก็บก้อนหินขึ้นมาสักอัน
ถือมันอยู่อย่างนั้นและบีบมันไว้

บีบให้แรงจนสุดแรง
ให้มือทั้งมือเริ่มสั่น
ใครคนนั้นยิ้มให้ฉัน
ถามว่าเจ็บมือใช่ไหม

ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง
ให้เธอคิดเอาเอง ว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร
ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ
ถูกเขาทำร้ายเพราะใจเธอแบกรับมันเอง

ใครมาทำกับเธอให้เจ็บหัวใจ
ก็แค่ให้ก้อนหินก้อนนั้นให้เธอรับมา
เพียงเธอจับมันโยนให้ไกลสายตา
หรือเธอปรารถนาจะเก็บมันไว้

หากยิ่งยอมยิ่งแบกไป หัวใจของเธอก็ต้องสั่น
หากยังทำตัวแบบนั้น ถามว่าปวดใจใช่ไหม

ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง
ให้เธอคิดเอาเอง ว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร
ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ
*ถูกเขาทำร้ายเพราะใจเธอแบกรับมันเอง
*ถูกเขาทำร้ายเพราะใจเธอรับไว้เอง

ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพพลานามัยที่ดีและมีความสุขตลอดไปค่ะ


อันเนื่องมาจาก “ชาร์ตแแบตฯ”

3924 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 5 กรกฏาคม 2010 เวลา 23:40 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 69912

ป้าจุ๋มได้มีโอกาสไป “ตามดูการเจริญเติบโตของต้นเอกมหาชัย”เมื่อวันเสาร์ที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมานี้นับว่าเป็น “ความจริงที่ได้ดั่งตั้งใจหวัง” อีกครั้งของป้าจุ๋มค่ะ

เป็นการไปที่ไม่ได้มีการวางแผนล่วงหน้าไว้ก่อนเลยค่ะ ก็ไม่คิดว่าจะได้ไป เพราะก่อนหน้านี้เพิ่งขอvisa ไปสุราษฎร์ฯอีก 8 วันผ่านฉลุยด้วยค่ะ(ทั้งๆที่เพิ่งกลับมาค่ะ)  คิดว่าคงเป็นด้วยบารมีของ “ท่านพระครูบาชัยวงศาพัฒนา”ค่ะ เพราะเมื่อไปครั้งแรกได้ไปกราบสรีระท่านที่คงสภาพเดิมไม่เน่าเปื่อย(มีการปิดทองทั่วสรีระ) ห่มจีวรและบรรจุร่างท่านไว้ในโลงแก้วประดับทองและอัญมณีแท้ อย่างสวยงามและวิจิตรตระการตามากค่ะ และตั้งอยู่ในวิหารพระเมืองแก้วที่งดงามมากอีกเช่นกันค่ะ

ที่กล่าวว่าได้มาด้วยบารมีของท่านพระครูบาชัยวงศาฯนั้น ก็มีเหตุผลมาจากเมื่อปีที่แล้วที่มากราบขอพรท่านนั้น หนึ่งในพรนั้นคือ “ขอให้ท่านช่วยให้โอกาสลูกได้กลับมากราบและร่วมทำบุญที่วัดแห่งนี้อีกตามโอกาสอันสมควรด้วย” เพราะหลังจากได้ทราบประวัติของท่านจากคุณอมรา พวงชมพู  ที่เป็นโยมอุปถัมป์หลักของวัดนี้ตลอดมา ป้าจุ๋มก็เกิดความศรัทธาในพระครูบาชัยวงศาฯมากเช่นกันค่ะ

พระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย(ชเวดากองเมืองไทย) วิหารพระเมืองแก้ว

พระพุทธรูปปางเปิดโลกเป็นพระประธานและร่างของพระครูบาชัยวงศาพัฒนาในโลงแก้ว

อัญมณีที่ประดับฐานโลงแก้วอย่างงดงาม   มีรูปปั้นวัวตรงฐานใต้แจกัน(ท่านเกิดปีฉลูค่ะ)

วัดพระบาทห้วยต้ม   เป็นวัดประจำหมู่บ้านของชนชาวเขาเผ่าปากะยอพระบาทห้วยต้ม เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในอ.ลี้ค่ะ อยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 9 ก.ม. จัดว่าเป็นวัดที่มีความวิจิตรสวยงามมากอีกแห่งค่ะ พระที่นี่ท่านฉันมังสะวิรัติค่ะเช่นเดียวกับชาวปากะยอ

สำหรับการตามดูการเจริญเติบโตของต้นเอกมหาชัยในครั้งนี้น้องอารามพาเข้าด้านหลังเลยเพื่อผ่านแนวถนนที่เราปลูกกัน เมื่อไปถึงบริเวณนั้นเสียงคนในรถก็อื้ออึงด้วยความตื่นเต้นที่เห็นเจ้าต้นเอกมหาชัยของเรานั้น สามารถรอดตายจากความแห้งแล้งและอากาศร้อนอันหฤโหดในปีนี้ได้ เรียกว่าโตได้ดีทีเดียวค่ะ(ได้ข่าวมาก่อนหน้านี่ว่าตายมาก ทำให้ทุกคนกังวลใจค่ะ) แต่พอไปเห็นเขาเติบโตได้กว่าที่คาดไว้จริงๆ(ส่วนที่เห็น) ก็ไม่แน่ใจว่าข่าวที่ว่าตายมากนั้นประเมินนับเริ่มต้นจากตัวเลขไหน หากประเมินจากปริมาณต้นกล้าที่เอาไปจำนวน 2,000 ต้นนั้น ก็นับว่าเหลือไม่ถึงครึ่งค่ะ เพราะตามแนวถนนที่เห็นนั้นน่าจะมีประมาณ500-700 ต้นเท่านั้นค่ะ แต่ดูแล้วตามสองข้างถนนที่เราเห็นก็นับว่าไม่ขี้เหร่นักค่ะ หากปีนี้ได้รับฝนอีกเต็มที่ก็คงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง คาดว่าอีก 2-3 ปีคงจะเห็นแนวถนนที่สวยงามได้ค่ะ

ป้าจุ๋มกับคุณLogosมาปลูกตรงหัวโค้งถนนเพื่อไว้เป็นreference 2 ต้น  แต่พบเพียงต้นเดียวค่ะ ก็ดีใจค่ะ ยอดสีทองด้วย เลยให้น้ำหน่อยและเอาเปลือกแตงโมคลุมดินเพื่อช่วยรักษาความชื้นไว้ได้บ้างค่ะ

ต้นในหลุมข้างถนนยืนเทียบให้ดูจะได้ประเมินความสูงได้ค่ะ หลุมที่คุณอมราและครูบาปลูกหลุมแรกก็โตดีค่ะ

หลังจากดูตามสองข้างทางแล้วก็พากันเข้าไปดูในโครงการหลวงฯที่พวกเราไปช่วยกันปลูกไว้ค่ะ พอไปถึงต่างคนต่างก็วิ่งเข้าหาต้นของตัวเอง ที่ี่นี่ป้าจุ๋มกับน้องเบิร์ดช่วยกันปลูกไว้ 1 ต้น ค่ะ คุณLogos น้องสร้อย  น้องครูอึ่ง น้องอึ่งอ๊อบ ปลูกคนละต้น ส่วนน้องนิดไม่ได้ปลูกตรงนี้เพราะบ่ายวันนั้นต้องรีบเดินทางต่อค่ะ

นี่แน่ต้นที่ผมปลูกจำได้… ยอดสีทองด้วย เจ้าไม้เลื้อยนี่มาปีนทำไม ต้องกำจัดออกให้หมด…ได้ค่ะคุณคอนฯขา…เดี๋ยวนิดช่วยค่ะ นี่แน่ออกไป ออกไป อย่ามาปีนต้นนี้อีกน๊ะ..ว่าแล้วน้องนิดก็นั่งพับเพียบอย่างดีช่วยดึงวัชพืชที่เป็นเถาๆทีมาพันต้นเอกมหาชัยออกจนหมดเลยค่ะ เจ้าของต้นดีจ๋าย… ดีจาย…ขอบคุณ…ขอบคุณครับน้องนิด

ต้นนี้หนูปลูกค่ะ…ป้าจุ๋มขา                  ต้นนี้อ๊อบปลูกจ้าป้าจ๋า…สมบูรณ์เหมือนคนปลูกเลย

น้องเบิร์ดจ๋า…ต้นนี้ที่เราช่วยกันปลูกจ้า  ก่อนกลับก็ถ่ายรูปหน้าบานร่วมกันไว้เป็นที่ระลึกค่ะ

หลังจากบรรลุเป้าประสงค์ทุกอย่างแล้ว…ทุกคนก็พร้อมเดินทางกลับด้วยความอิ่มเอมใจ เพื่อมาdinnerที่เชียงใหม่ค่ะ นัยว่าจะเป็นการเลี้ยงฉลองวันเกิดย้อนหลังให้ป้าจุ๋ม น้องครูอึ่ง(เหล่าคนโชคดีที่เกิดเดือนมิถุนายน) และเลี้ยงล่วงหน้าให้น้องนิดและหมอตาค่ะ อาหารอร่อย บรรยากาศดีมากค่ะ  ก็ขอให้เจ้าภาพจงเจริญค่ะ หากวันหน้าจะเชิญมาอีกก็ขอให้เจ้าภาพยิ่งเจริญค่ะ ป้าจุ๋มขอขอบคุณเจ้าภาพทุกท่านตลอดงานที่ตามดูต้นเอกมหาชัยในครั้งนี้ค่ะ

ความจริงในวันเดินทางไปวัดพระบาทห้วยต้ม เราได้ไปไหว้พระที่วัดจามเทวี วัดพระธาตุศรีจอมทองด้วยค่ะ(อันนี้ตามคำขอของคนเกิดปีชวดค่ะ) แต่มีหลายท่านได้รายงานแล้วป้าจุ๋มก็ขอให้ไปตามอ่านปะติดปะต่อเองนะคะ tripนี้จัดว่าพิเศษจริงๆค่ะ(อย่างน้อยสำหรับป้าจุ๋มค่ะ)  ไปเที่ยววัดแต่ละแห่งก็เป็นวัดที่สวยน่าไปทั้งนั้นค่ะ  และที่แปลกคือวันนั้นพวกเราไม่ต้องใส่หมวก ไม่ต้องใช้ร่มเลย เพราะยามบ่ายที่แดดเปรี้ยงๆอย่างนั้น  พอทีมเราไปถึงวัดก็มีก้อนเมฆมาบังแดดให้เสียงั้นค่ะ(แปลกแต่จริงค่ะ เป็นเช่นนี้ทุกวัดค่ะ)

ที่หน้าวัดพระธาตุศรีจอมทองค่ะ(แดดร่มลมตกพอดีค่ะ)

ครั้งนี้ป้าจุ๋มไป 2 คืนค่ะก็ได้นอนที่ลำพูนทั้ง 2 คืนค่ะ ป้าจุ๋มนอนที่โรงเรียนมงคลวิทยาค่ะ นอนกับน้องคุณครูอึ่งค่ะ ได้รับความสะดวกสบายมากๆ นอนหลับสบายทั้ง 2 คืนค่ะ

มีคำกล่าวว่าใครได้นอนลำพูน 1คืน อายุยืน 1 ปี (ครั้งนี้ป้าจุ๋มได้นอน 2 คืนค่ะ) แต่ป้าจุ๋มคิดว่าน่าจะอายุยืนมากกว่านั้นค่ะ เพราะนอกจากได้นอน 2 คืนแล้ว ป้าจุ๋มยังได้กินอาหารพิเศษ(เมนูพิเศษ) โดยแม่ครัวและพ่อครัวพิเศษอีกค่ะ  ก็เลยยิ่งทำให้ป้าจุ๋มได้อะไรมากกว่าคนที่ไปนอนเฉยๆไม่ได้กินเมนูพิเศษแน่ๆค่ะ…อิอิ

ที่ว่าเมนูพิเศษนั้นคืออาหารที่ปรุงนั้นเก็บสดจากต้นในสวนครัวรอบๆบ้านนั่นแหละค่ะ ผักปลอดสารพิษทุกชนิดค่ะ วิตามินเกลือแร่อยู่ครบถ้วนเพราะสดจริงๆค่ะ อร่อยมากค่ะ ก็จะไม่ให้อร่อยได้อย่างไรคะ พ่อครัว แม่ครัวได้ตั้งใจปรุงอย่างดี ทำไป ยิ้มไป ป้าจุ๋มว่าอร่อยมากตรงนี้เองค่ะ อย่างนี้ไม่เรียกเมนูพิเศษได้อย่างไร?

วันแรกคุณครูใหญ่ลงมือเองค่ะ                                  วันที่ 2 พ่อครัวคุณครูอารามค่ะ

ดูเอาก็แล้วกันค่ะ แต่ละมื้อ ไม่อร่อยได้อย่างไร เช้าวันแรกเป็นฝีมือคุณครูใหญ่ค่ะ มีไข่เจียว หมกไก่และไก่ทอดค่ะกินกับข้าวเหนียวห่อใบตองกล้วยยิ่งดูน่ากินไปกันใหญ่

ส่วนเช้าวันที่ 2 ฝีมือคุณครูอารามค่ะ มียำยอดมะขาม แกงผักรวมเพื่อสุขภาพ  น้ำพริกข่าสด ต้มเห็ดเผาะ และไก่ทอดกินกับข้าวเหนียวห่อใบตองฯเช่นกันค่ะ ขอโปรดป้าจุ๋มทั้งนั้นค่ะ

พาป้าจุ๋มไปดูต้นลองกองที่กำลังออกลูกมา 1ช่อค่ะ มะนาวก็มีลูกเต็มต้นค่ะ เช้าวันแรกคุณครูใหญ่ลงมือเองค่ะ

เช้าก่อนกลับคุณครูอารามภูมิใจเสนอULEMที่ดัดแปลงจากที่พี่ชายที่แสนรัก(คุณLogos)ที่ได้แนะนำความคิดมาค่ะ(ดูท่าทางต่างก็ภูมิใจค่ะ)   ป้าจุ๋มก็ขอชื่นชมว่าคุณครูอารามทำได้ดีมากค่ะ คงต้องขอนำเอาความคิดมาดัดแปลงULEMที่บ้านบ้างค่ะ

ป้าจุ๋มได้ไปและกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้วค่ะ ได้รับความสุขและอิ่มเอมใจมาเต็มที่เลยค่ะ ป้าจุ๋มหวังว่าน้องๆทุกท่านที่ได้ร่วมขบวนไปด้วยกันในครั้งนี้คงได้รับความสุขและอิ่มเอมใจเช่นกันนะคะ อย่างนี้เรียกได้ว่า”เป็นการได้ชาร์ตแบตอย่างดีทีเดียวค่ะน้องสร้อย”…อิอิ  คิดถึงทุกท่านค่ะ หวังว่าวันหลังคงมีโอกาสได้ไปร่วมชาร์ตแบตด้วยกันอีกนะคะ…

หวานใจป้าจุ๋มก่อนจะออกวิ่งทางไกลก็จะมาชาร์ตแบตแบบนี้ค่ะน้องสร้อย…อิอิ


ผลงานQuiltชิ้นที่ 2

114 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 2 กรกฏาคม 2010 เวลา 5:38 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3606

การทำงานQuiltนี่ได้ผลหลายอย่างจริงๆค่ะ อย่างที่เคยเล่าให้ฟังในตอนแรกว่าป้าจุ๋มเริ่มจากหาทางคลายเครียดค่ะ(จากช่วงที่เขาเผาบ้านเผาเมืองกัน)   แต่ผลที่ได้กลับมานั้นมากมายยิ่งกว่าค่ะ

นอกจากคลายเครียดแล้ว ป้าจุ๋มยังได้กลุ่มเพื่อนต่างวัยที่น่ารักมากๆค่ะ มีใจรักตรงกัน  ดังนั้นจะพูดจะคุยอะไรก็เห็นชอบตรงกันไปหมด การอยู่กับสิ่งสวยๆ งามๆและสร้างสรรด้วยนะคะ ก็จะช่วยกันแบ่งปันความคิด ช่วยกันออกแบบ (เรียกว่าผลงานนั้นแต่ละชิ้นเป็นชิ้นเดียวในโลกจริงๆค่ะ) ต่อไปนี้หากพี่น้องชาวลานฯที่น่ารักคนไหนได้รับผลงานจากป้าจุ๋มแปลว่า “หนึ่งเดียวในโลกค่ะ” เพราะหนึ่งเดียวจริงๆ ให้ทำใหม่อีกทีก็จะไม่เหมือนเดิมค่ะ…อิอิ

แต่คงต้องรอตามคิวนะคะ ตอนนี้ลูกหมอขอจองกระเป๋าสตางค์ค่ะ หลังจากเห็นกระเป๋าใส่ computer note book ของพ่อเสร็จ แปลว่าพอใจในฝีมือกระมัง…อิอิ (คงต้องแซงคิวทำให้ก่อนค่ะ)

วันนี้ขอนำเสนอผลงานค่ะ ตอนแรกหนักใจว่าจะออกแบบลายอย่างไรดีเพราะผู้ชายถือ หากหวานแหว๋วไปเดี๋ยวคนจะมองหวานใจเราเป็นอื่นไป ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่ลายนกฮูกค่ะ(มีคนบอกว่านกฮูกคือเครื่องหมายของผู้ทรงปัญญาค่ะ) เอางั้นใช่เลยเอาลายนี้แหละ และก็ดูmanใช้ได้ทีเดียว ลายก็ไม่มาก แต่ทำเสียนาน เพราะตอนหลังมีภาระกิจโน่นนี่มาแทรกค่ะ

ต้องมีการเนายึดแล้วลากเส้นเพื่อทำQuilt และขวาคือนกฮูกแอบมองพระจันทร์ข้างแรม(ดูออกจะเจ้าเล่ห์เล็กน้อยค่ะ)

แผ่นหน้าเสร็จพร้อมรอประกอบเป็นกระเป๋าค่ะ     แผ่นหลังให้ดูด้านใน มีซับในด้วยค่ะ

ประกอบเสร็จเมื่อลองใส่note book พอดีเป๊ะเลยค่ะ  ด้านหลังมีปักชื่อย่อแสดงความเป็นเจ้าของเสียหน่อยค่ะ

designชื่อย่อน่ารักไม่เบา…อิอิ                                จะหยิบเข้าออกก็สะดวกมือค่ะ

ผลงานก็เสร็จไปอีก 1 ชิ้นค่ะ เล่นเอาเจ็บนิ้วไปเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร ได้ความชื่นใจมาแทนค่ะ


ทำดีวันละนิด…จิตแจ่มใส…

6 ความคิดเห็น โดย ป้าจุ๋ม เมื่อ 1 กรกฏาคม 2010 เวลา 10:54 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2778

“มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก” เป็นโครงการที่อยู่ในความอุปถัมป์ของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาค่ะ มีกิจกรรมที่ทำประโยชน์ให้สังคมโดยส่วนรวมมากมายค่ะ

โครงการ “หลังคาเขียวเพื่อมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก” ก็เป็นหนึ่งในโครงการดีๆเหล่านั้นค่ะ โดยการนำกล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่มที่เราเรียกว่ากล่องUHTที่ใช้แล้วกลับมาrecycleใช้ประโยชน์ได้อีกค่ะ คือนำมาทำเป็นแผ่นหลังคา เพื่อนำไปไว้ช่วยเหลือผู้ประสพภัยในพื้นที่ต่างๆ  ในการสร้างบ้านชั่วคราวซึ่งใช้ได้ดีมากค่ะ

ป้าจุ๋มได้รับทราบข่าวมานานพอสมควรแล้วว่ากล่องนม UHTที่เราใช้แล้วทิ้งไปเป็นขยะนั้นความจริงสามารถนำกลับมาrecycleทำประโยชน์ได้อีก เช่นทำโต๊ะได้ และทำแผ่นหลังคาได้ ซึ่งทั้งแข็งแรงและเบาค่ะ

ครั้งแรกที่รับทราบข่าวมาก็รู้สึกว่าเป็นโครงการที่ดีมากๆค่ะ เพราะปกติกล่องเหล่านี้เราก็ทิ้งไปเป็นขยะที่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยซ้ำไป คิดว่าเราเพิ่มงานให้ตัวเองนิดหน่อยแล้วนำกล่องมาใช้ประโยชน์ก็น่าจะดีค่ะ  ก็เริ่มสะสมกล่องโดยให้แม่เอหยีเป็นผู้ช่วยค่ะ โดยการ  1. นำไปกลั้วน้ำล้างแล้วคว่ำไว้(ป้องกันการเน่าเหม็นค่ะ)  2. แล้วนำมารีดให้แบนจะได้ไม่เปลืองที่เวลาใส่ถุงค่ะ 3. ก็นำไปใส่ถุงดำเก็บไว้ค่ะ

แม่เอหยีใช้ขวดรีดกล่องให้แบนค่ะ แต่ทองม้วนขอมีส่วนร่วมด้วยค่ะ(นัยว่าถึงเป็นหมาก็ขอทำดีกับเขาบ้าง)

แม่เอหยีชมว่าทองม้วนนี่ยู่ทุเรื่อเลย(ยุ่งทุกเรื่องเลย) แต่บ่นไปงั้นเองก็เห็นช่วยทำงานกันเป็นเกลียวทุกที

ใส่ในถุงดำที่เตรียมพร้อมนำไปส่งค่ะ(ตอนนี้เกือบได้ 2 ถุงแล้วค่ะ)

เก็บมาตั้งนานแต่มาตายตอนจบเพราะว่าaddressที่จดไว้ว่าจะนำกล่องเหล่านี้ไปส่งที่ใดนั้นหาไม่พบ ก็ได้แต่กลุ้มใจ แต่ก็ไม่ท้อใจค่ะเก็บไปเรื่อยๆค่ะ จนได้ถุงใหญ่เกือบ 2 ถุงแล้วค่ะ

และแล้วความตั้งใจไว้ก็สมหวังค่ะ เมื่อเช้าอยู่ดีๆก็เปิดวิทยุฟัง(ซึ่งตอนเช้ามักดูทีวีมากกว่าค่ะ) ก็มีข่าวนี้พอดีค่ะ เขาบอกว่าให้นำไปส่งได้ที่ห้างสรรพสินค้า Big C ทุกสาขา วันนี้จะรีบนำไปส่งค่ะ  ก็ขอบอกบุญมาให้ทราบทุกท่านค่ะ ใครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่บรรจุด้วยกล่องUHT ก็สามารถนำไปสมทบได้ค่ะ

วันนี้ป้าจุ๋มก็ขอทำดีอย่างน้อย 1 อย่างค่ะ

สุดท้ายขอฝากเพลงเด็กๆน่ารักๆให้ฟังกันสบายๆค่ะ



Main: 0.40009999275208 sec
Sidebar: 0.065737962722778 sec