ห่วงใยสุขภาวะคนไทย(ตอน1.สารพิษตกค้างในผัก ผลไม้นำเข้า)
อ่าน: 3228-ระยะหลังนี้คนไทยให้ความสนใจด้านสุขภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายินดี เพราะอย่างไรเสียการดูแลตัวเองไม่ให้มีสุขภาพดีไม่ให้เจ็บป่วยนั้นย่อมดีกว่าการรักษาแน่นอนค่ะ แต่คนไทยเรานั้นบางครั้งเมื่ิอฮิตอะไรขึ้นมาแล้วมักจะทำแบบว่าสุดโต่งเลยทีเดียว จนบางครั้งเรียกว่าขาดสติไปเลยก็ได้ อย่างช่วงที่ฮิตกินผักเพื่อสุขภาพก็จะกินจำเจซ้ำซากจนน่าเป็นห่วงว่าจะมีการขาดอาหารในภายหลัง แต่ถ้ารอให้มีการแสดงอาการขาดอาหารก็เกือบสายไปเสียแล้ว จะอย่างไรก็ขอเตือนสติพี่น้องสักนิดค่ะว่าอย่าลืมหลักโภชนาการว่าในหนึ่งวันนั้นร่างกายเราต้องการอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเท่าใดด้วยเช่นคาร์โบไฮเดรท โปรตีน ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ต่างๆ ในอาหารแต่ละชนิดก็จะมีความแตกต่างกันไปบ้างในเรื่องคุณค่า ดังนั้นถ้าเอาหลักกว้างๆคือพยายามหมุนเวียนกินอาหารและพืชผักผลไม้ให้หลากหลาย อย่าจำเจ ชอบอะไรก็กินแต่อย่างนั้นอาจมีอันตรายได้
-ที่กล่าวว่ามีอันตรายก็เพราะมีข้อมูลอยู่ในมือเป็นข้อมูลงานวิจัยฯ จึงน่าเชื่อถือและนำมาเป็นข้อเตือนใจได้ค่ะ เรื่องมีว่าภายหลังวันที่ 1 ต.ค.2546 ไทยเราได้ทำ FTA ไทย-จีน ประเทศไทยก็มีการนำเข้า ผัก ผลไม้ในปริมาณสูงมากโดยเฉพาะจากประเทศจีน ถ้าดูตัวเลขแล้วน่าตกใจ ขอยกตัวอย่างให้ดูสัก 2 ปี แล้วช่วยกันคิดสักหน่อยค่ะ ปี 2546 ไทยนำเข้าผักจากจีน ปริมาณ 85,087.12 ตัน คิดเป็นมูลค่า 777.12 ล้านบาท และในปี 2550 นำเข้าในปริมาณ 147,755.29 ตัน มูลค่า 2,705.02 ล้านบาท นำเข้าเพิ่มถึง 348.08 เปอร์เซ็นต์ ผักที่นำเข้ามามากได้แก่ แครอท เทอร์นิปสด พืชตระกูลกะหล่ำ กระเทียม ถั่วลันเตา พืชตระกูลถั่ว เป็นต้น ส่วนผลไม้สดที่มีการนำเข้ามากได้แก่ ท้อ องุ่น สาลี่ แอปเปิ้ล พลับ ทับทิม ลิ้นจี่ โดยมีการนำเข้าตลอดทั้งปีตามฤดูกาลของผลไม้(ที่มาหนงสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ 9 พ.ค. 2551) ในขณะเดียวกันกลุ่มงานวิจัยสารพิษตกค้าง สำนักวิจัยพัฒนาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรกรมวิชาการเกษตรก็ได้ดำเนินการไปสุ่มเก็บตัวอย่างพืชผักและผลไม้ที่นำเข้า ในปี 2551 เพื่อมาวิเคราะห์สารพิษตกค้าง โดยตรวจวิเคราะห์ผักและผลไม้ทั้งหมด 31 ชนิด มีกระเทียม กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี กะหล่ำปลีเจดีย์ กะหล่ำปลีม่วง คะน้า แครอท เซอเลอรี่ ถั่วปากอ้า ถั่วลันเตา ถั่วลันเตาหวาน ทับทิม บร๊อคโครี่ ปวยเล้ง ผักกาดกวางตุ้ง ผักกาดขาว ผักกาดฮ่องเต้ พริกสด พลับ พุทธาจีน ยอดถั่วลันเตา รากบัว ส้ม สลัดแก้ว สลัดคอส สาลี่ หอมแดง หอมหัวใหญ่ องุ่น แอปเปิ้ล ซึ่งเป็นสินค้านำเข้าจากประเทศจีนโดยไปสุ่มเก็บที่ท่าเรือกรุงเทพฯ ด่านลาดกระบัง ด่านสุวรรณภูมิ และด่านเชียงแสน เก็บทั้งหมด 1,165 ตัวอย่าง พบสารพิษตกค้างเป็นจำนวน 422 ตัวอย่าง คิดเป็น 36.22 เปอร์เซ็นต์ และมีมากเกินค่Codex MRLs2 ตัวอย่าง(ค่าCodex MRLs คือค่ามาตรฐานสากลที่กำหนดร่วมกันว่าสารพิษจะพบเท่านี้หรือสูงกว่านี้ในอาหารไม่ได้ถือว่าเป็นอันตรายห้ามจำหน่ายและไม่ควรบริโภค)
-จะขอนำเสนอรายละเอียดข้อมูลที่กลุ่มวิจัยสารพิษตกค้าง ได้วิเคราะห์ไว้ดังนี้
ผลไม้ ที่ตรวจมี 7 ชนิด จำนวน 499 ตัวอย่าง พบสารพิษ 207 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 41.5 ปริมาณที่พบไม่เกินค่าCodex MRLs ตัวอย่างที่พบสารพิษตกค้างมากเมื่อคิดจากตัวอย่างที่พบคือ พุทธาจีน 83.3% ส้ม 80.6% องุ่น 57.4 % สาลี่ 48.81% ทับทิม 45.8%และแอปเปิ้ล 27.2%
ผัก นำเข้าที่สุ่มตรวจมา 19 ชนิด จำนวน 641 ตัวอย่าง พบสารพิษตกค้าง 213 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 33.2 ของตัวอย่าง ตัวอย่างที่พบสารพิษตกค้างมากเมื่อคิดจากตัวอย่างที่พบมีดังนี้ ปวยเล้ง 74.1% เซอเลอรี่ 71.0% สลัดคอส 63.6%ถั่วลันเตาหวาน 47.4% และถั่วลันเตา 47.1%
ส่วนตัวอย่างอื่นๆอีก 5 ชนิด ได้แก่ รากบัว กระเทียม ถั่วปากอ้า หอมแดง หอมใหญ่อีก 25 ตัวอย่าง พบสารพิษตกค้าง 2 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 8 ของตัวอย่าง
ชนิดของสารพิษที่พบ ได้แก่ cypermethrin 28.31% chlorpyrifos 22.79% cyhalothrin 9.74% omethoate 3.86% และcabendazim 3.68%
อย่างไรก็ตามสารพิษตกค้างที่พบถึงแม้ในหลายตัวอย่างที่ตรวจพบว่ามีค่าไม่เกินตามที่Codex MRLs ได้กำหนดไว้ก็ตาม แต่หากเราบริโภคทุกวันหรือบ่อยๆอะไรจะเกิดขึ้น สารเหล่านี้เมื่อเข้าไปในร่างกายก็จะมีการสะสมตามส่วนต่างๆของร่างกายแล้วแต่โครงสร้างของสารพิษเหล่านั้นว่าจะเหมาะไปเกาะอยู่ที่ใดของเซลล์ในร่างกายเรา…
ถึงเวลาที่เรามาย้อนดูว่าคนไทยเราควรระวังอะไรบ้างอย่าเอาแต่ง่าย สะดวก ไหนรัฐบาลคนที่คิดว่าเก่งเคยคุยโม้ว่าจะทำให้ประเทศไทยเป็นครัวโลกให้ได้ แหมคุย From farm to table …ถลุงงบประมาณแผ่นดินไปไม่รู้เท่าไหร่ ในที่สุดก็มาทำFTAเสร็จก็นำเข้าผัก ผลไม้เป็นการใหญ่ มันพูดอย่างทำอย่างตลอด แทนที่จะเอางบมาสนับสนุนให้เกษตรกรไทยตาดำๆได้ลืมตาอ้าปากบ้าง และที่สำคัญคือไม่ต้องนำเข้าผักผลไม้อย่างที่เห็นตัวเลขนำเข้า นับวันจะมากขึ้นทุกที ที่สำคัญผักผลไม้ที่นำเข้าและบริโภคกันอย่างเอร็ดอร่อยนั้นเป็นการ…ผ่อนส่งไหม ตัวอย่างเช่นพุทธาจีนมีสรรพคุณดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่หากมีสารพิษมากมายจะยังคงดีและสมควรบริโภคไหม? ปัจจุบันสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนไทยคือมะเร็งค่ะ ลองจัดงบวิจัยให้ตามดูว่าคนไข้มะเร็งเหล่านั้นบริโภคอะไร ใช้ชีวิตอย่างไร
ตั้งใจจะนำข้อมูลนี้เสนอมานานแล้วแต่ก็ไม่ได้ฤกษ์เสียที จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วน้องเบิร์ดมาออกงานได้เจาะเลือดคนกรุงเทพฯดังที่ลงไว้ในblog น้ำฟ้าปรายดาว ก็เลยคิดว่ามีเหตุผลที่จะต้องนำข้อมูลมาเตือนใจพี่น้องให้ระมัดระวังด้วยค่ะ ไม่ต้องการให้ข้อมูลที่นำเสนอทำให้คนตื่นตระหนก แต่ด้วยความห่วงใยก็ขอให้ตาสว่างขึ้นมาบ้างเท่านั้นค่ะ ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพพลานามัยดีค่ะ อโรคยา ปรมาลาภา เป็นสัจจธรรมอยู่คู่โลกตลอดกาลค่ะ