ทราย..

2573 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 2 มกราคม 2012 เวลา 22:25 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 57017

หากเราอยู่ที่หลวงพระบางจะเดินทางไปเมืองหงสา แม้ว่าจะมีถนนสายตรง แต่คนจะนิยมไปเส้นทางหลวงพระบาง-ไชยบุรี-หงสา แม้ว่าจะอ้อม ก็ยังปลอดภัยกว่า ถนนจากไชยบุรีไปหงสานั้นลาดยางแล้ว แต่มีสภาพแคบและเป็นเส้นทางบนภูเขา ท่านที่ไม่คุ้นเคยต้องขับรถอย่างระมัดระวัง ส่วนเส้นทางหลวงพระบาง-ไชยบุรีนั้น ร้อยละเก้าสิบเป็นถนนลูกรัง มีแต่ฝุ่นหนาทึบ


บนเส้นทางหลวงพระบาง-ไชยบุรีนั้นจะต้องผ่านแม่น้ำโขงที่บ้านท่าเดื่อ ขณะนี้กำลังเริ่มก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงตรงนี้ ปัจจุบันใช้เรือเฟอรี่ข้าม ใครจะข้ามก็ไปเข้าคิว บางครั้งรอนานเป็นชั่วโมงกว่าจะได้ข้ามเพราะรถแน่นมาก หรือ ไม่มีรถเรือเฟอรรี่ก็จะไม่ข้ามจนกว่าจะมีรถมากเพียงพอ


ที่สองฝั่งจะมีสาวๆมาสร้างเพิงขายสินค้า ส่วนมากก็เป็นอาหาร เช่นข้าวเหนียว ไก่ย่าง ส้มตำ และเครื่องดื่มประเภทน้ำดื่มและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนทั้งหลาย ซึ่งเป็นสินค้าที่มาจากฝั่งไทยทั้งหมด


สังเกตเห็นกองทรายมหึมาที่น้ำโขงพัดพามากองริมฝั่ง ทรายล้วนๆ บริสุทธิ์ เด็กชาวบ้านมาเล่นกันบนนั้น แต่ ข้างล่างนั่นมีคนทำกิจกรรมอะไรอยู่ตรงนั้น


ผมซูมภาพเข้าไปก็เห็นชัดเจนว่านั่นคือชาวบ้านกำลังตักทรายใส่ลงในเรือที่มีลักษณะยาวๆที่จอดติดกับกองทรายใหญ่นั่น มันง่ายมากเพราะกองทรายใหญ่ สูง เรือต่ำกว่าก็ตักใส่ได้โดยตรง ชาวบ้านขุดทราย หรือตักทรายใส่เรือ ไปทรายข้างบนก็พังลงมา เพราะมีทราบมากมาย ขนหรือบรรทุกกันเป็นหมื่นๆเที่ยวก็คงไม่หมด



ไกลออกไปทางทิศเหนือ ก็มีกองทราย และมีชาวบ้านหนึ่งคนทำการตักทรายลงเรือเหมือนกัน เมื่อทรายเต็มเรือ เขาก็ติดเครื่องเรือแล่นไปอีกฝั่งตรงข้าม ที่นั่นผมเห็นรถและเรือทรายที่เข้าไปจอดและตักทรายจากเรือเอาไปใส่รถ ภาพนี้ทำให้เราเข้าใจว่า นี่คือระบบธุรกิจขนทราย ค้าทราย คงเป็นงานก่อสร้างที่กำลังเติบโตเต็มที่ที่เมืองไชยบุรี ทั้งถนนหนทางและอาคารตึกรามต่างๆ ล้วนต้องการทราย และก็ง่ายมากๆที่จะหาทรายป้อนให้งานก่อสร้าง ชาวบ้านก็มารับจ้างขนทราย


นี่เป็นภาพลูกโซ่ของวงจรธุรกิจ ชาวบ้านเป็นเพียงโซ่ข้อหนึ่งขององค์ประกอบธุรกิจทั้งครบ และการสร้างบ้านสร้างเมือง ชาวบ้านผู้รับจ้างขนทรายอาจรู้ว่าทรายนั้นไปที่ไหน แต่ไม่รู้ว่า สิ่งก่อสร้างนั้นจะเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตเขาหรือไม่ เกี่ยวข้องส่วนไหน อย่างไร เพราะสังคมนี้ใหญ่เกินระดับหมู่บ้าน ชุมชนของเขาเสียแล้ว..


วัดสีมุงคุน เมืองหงสา

2550 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 2 มกราคม 2012 เวลา 16:28 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 42669

..

สมเด็จพระเทพฯท่านเสด็จมาที่นี่ถึงสองครั้ง อยากรู้เรื่องราวไปหมด โดยเฉพาะพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของพี่น้องชาวบ้านที่นั่น

สิ่งที่เป็นประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นที่ดีที่สุดคือวัด เพราะวัดเป็นที่รวมของประวัติศาสตร์ ศิลปกรรม ความเชื่อ พิธีกรรม วิถีชีวิต และการบ่งบอกถึงความเป็นมาเป็นไปของอดีตสู่ปัจจุบัน มิใช่เพียงที่อยู่อาศัยของสงฆ์เท่านั้น


เมืองหงสา ติดต่อกับชายแดนไทยปัจจุบันที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน เมืองหงสาขึ้นกับแขวงไชยบุรีซึ่งอยู่ฝั่งขวาแม่น้ำโขง ของ สปป. ลาว ผมสนใจความเป็นท้องถิ่นและวิถีชีวิตของชุมชนที่เป็นแบบจำลองอดีตของชุมชนไทยในสมัยโบราณ ที่เราไม่เห็นอีกแล้วในบ้านเรา ความจริงสภาพที่เป็นในประสบการณ์ของผมมันก็คือ “ชุมชน” เท่านั้น ทำไมเรียก “เมือง” เช่นเมือง “หงสา” “เมืองเงิน”

เนื่องจากมีเวลาน้อยจึงไม่ได้เจาะลึกลงไปในสิ่งดังกล่าวข้างต้น แต่เดินชมสัมผัส จิตวิญญาณของพื้นที่และสิ่งที่พบเห็น ก็รูปสึกเคารพผู้คน ชุมชนแห่งหงสานี้แล้ว สิมหลังเก่านี้ เรียบๆง่ายๆเสียจนคนสมัยใหม่ยุคดิจิตอลอาจคิดว่ามันเป็นแค่อาคารเก่าหลังหนึ่งที่หลงเหลืออยู่เท่านั้น ไม่มีลายปูนปั้นอันวิจิตร ไม่มีพระพุทธรูปทรงเครื่องทรงอลังการ


แต่ผมสัมผัสถึงความศรัทธา ความเชื่อมั่น และการน้อมนำหลักพุทธมาเป็นครรลองชีวิต ความวิจิตรเป็นเพียงสิ่งประกอบภายนอก ความเป็นสถานที่เพื่อให้คบองค์ประกอบทางพิธีกรรม และการถือปฏิบัติที่เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธาต่างหากที่มีล้นเหลือ มากกว่าสิ่งภายนอกแม้จะสร้างความหรูหราแต่หากไม่มีจิตข้างในทุ่มเทให้ ความวิจิตรนั้นก็เป็นแค่ศิลปกรรมที่ซื้อขายกันในตลาดเท่านั้น


อาคาร สิม หลังนี้มีอายุมากกว่าร้อยปี ชาวบ้านบอกมากกว่าสองร้อยปี ก่อสร้างด้วยดินเผาและโคลน หุ้มโครงสร้างหลักคือเสาและเครื่องบนไม้ ที่เป็นนวัตกรรมท้องถิ่นโบราณ ที่ชุมชนห้อมล้อมด้วยป่าไม้นานาพรรณ หลังคาเป็นแผ่นไม้ที่หาได้ทั่วไปในล้านนา ล้านช้าง แม้ปัจจุบัน


ผมถือวิสาสะลองผลักประตูเก่าโดยออกแรงนิดหน่อยก็ถูกเปิดออก ทำให้เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายใน ผมกราบแสดงคารวะต่อพระพุทธองค์จำลอง เรียบ ง่ายเท่านั้น โครงไม้ หลังคาที่มีรูโหว่ทั่วไป


ผมหลับตามองเห็นผู้คนชาวชุมชนหงสาทั้งจากบ้านสีมุงคุน(ศรีมงคล)และบ้านอื่นๆในบริเวณนี้ต่างพากันมานั่งในอาคารหลังนี้เพื่อประกอบพิธีกรรมต่างๆทางศาสนา ในบริเวณนี้จึงเต็มไปด้วยจิตอันบริสุทธิ์ที่หลอมรวมกันเพื่อแสดงถึงความศรัทธาอันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ของการสืบทอดศาสนา ผมสัมผัสสิ่งนั้น ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ไปกว่าสิ่งนี้


นี่คือสิมหลังใหม่ที่อยู่ไม่ไกลจากกัน ศิลปกรรมถูกพัฒนาขึ้นมาอีกยุคหนึ่ง มีความพยายามที่จะใส่ความศรัทธานั้นไปบนฝาผนัง แม้จะเป็นฝีมือช่างท้องถิ่น แต่ก็สื่อความหมายได้ แต่ละแผ่นภาพคือศรัทธา มีการยกฐาน หลังคาสองชั้นมีช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ที่เชิงชายมีศิลปกรรมเพิ่มเติม


ใบหน้าพระประธานอิ่มเอิบ หน้าบันพัฒนาขึ้นมามาก แต่ผมพบรูรั่วของหลังคมและร่องรอยของปลวกที่กำลังเกาะกินโครงสร้างไม้ของหลังคมสิมหลังใหม่นี้…


พ่อเฒ่าแม่เฒ่าแห่งบ้านสีมุงคุนบอกว่า สมเด็จพระเทพฯท่านเสด็จมาถึงสองครั้ง วัดบ้านนอกคอกนามีอะไรดีหรือ พระองค์ท่านจึงเสด็จมาถึงสองครั้ง ข้าน้อยมิบังอาจประเมินได้ แต่การสัมผัสเพียงผิวเผินของบ้านสีมุงคุน สิมเก่า สิมใหม่ แต่อายุเกินร้อยปีทั้งนั้น มันบ่งบอกความเป็นชุมชน วิถีแห่งการอยู่ร่วมกัน และครรลองการดำเนินชีวิต
ศิลปกรรม ความเชื่อ ความศรัทธา ฯ

สิ่งเหล่านี้คือเสน่ห์ของชุมชน ท้องถิ่นที่ผมและใครอีกหลายคนหลงใหล ติดหนึบ มันตรงข้ามกับสังคมเมืองที่ก้าวเดินไปไกลมากแล้ว….



Main: 0.53632497787476 sec
Sidebar: 0.3256778717041 sec