กลยุทธ์สู่ชัยชนะ
อ่าน: 1338
คราวที่มูลนิธิปรีดีย์ พนมยงค์จัดงานอุทิศบุญ กุศลให้ท่านอาจารย์องุ่น มาลิก ผู้ล่วงลับไปแล้ว ในฐานะที่ดินที่ตั้งมูลนิธินั้นอาจารย์องุ่นท่านมอบให้ คราวนั้นศิษย์เก่าที่คลุกคลีกับอาจารย์องุ่นหลายคนมาร่วมงานด้วย ผมเองก็ไปเป็นครั้งแรกก็มีโอกาสพบน้องๆที่ไม่ได้พบกันมานับสามสิบปี และในงานนี้ผมทราบว่ามีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งที่สนิทกันขึ้นมาปักหลักชีวิตที่เชียงใหม่ และมีอาชีพเกี่ยวกับซื้อขายที่ดิน บ้าน
พอดีผมต้องการปรึกษาเขาในฐานะที่อยู่ในวงการนี้เพื่อทราบทัศนคติ และขอแนวทางการแก้ปัญหาที่ดินของผมที่เชียงใหม่ ขึ้นไปเชียงใหม่คราวนี้จึงติดต่อน้องคนนี้เพื่อขอพบและพูดคุยกัน
น้องคนนี้เรียนแพทย์ศาสตร์ มช. แต่ไม่จบ เพราะเข้าป่าไปร่วมกับ พคท.เสียก่อน เมื่อออกจากป่าก็ไม่ยอมกลับไปเรียนต่อ ตระเวนทำงานต่างๆจนมาจับธุรกิจที่ดินที่เชียงใหม่นี้ น้องคนนี้ ผมรู้จักพี่ชายของเขาด้วยและสนิทสนมกัน พี่ชายคนหนึ่งเป็นดอกเตอร์ทางการเกษตรผมเคยทำงานกับท่าน รู้นิสัยใจคอกันดี ขอเรียกน้องคนนี้ว่า “เจ” ก็แล้วกัน
เจให้ผมไปพบที่บ้านที่เชียงใหม่ และมีน้องๆที่เคยทำงานกิจกรรมสมัยเรียนอยู่หลายคนมาทานอาหารด้วยกันที่บ้านเนื่องมาจากวันตรุษจีน ได้พบน้องๆที่จากกันมานานกว่าสามสิบปี กว่าจะทบทวนใบหน้าเก่าๆได้ก็นั่งมองหน้ากันพักใหญ่…
เจมานั่งคุยงานกับผม เขาฟังเรื่องราวที่ดินแล้วก็ให้ความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์มากๆแก่ผม ทำให้ผมเข้าใจและมีทางปรับปรุงแก้ไข และรับปากว่ามีอะไรเกี่ยวกับที่ดินก็บอกเขาไปได้….
หลังจากนั้นวงคุยเป็นการรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆและแนวความเห็นเรื่องต่างๆที่จะเกี่ยวกับเรื่องชาวบ้าน การเมืองและผลประโยชน์ของสังคม
อยู่ดีดี เจ ก็เดินไปในห้องหยิบเอาหนังสือมาให้ผมเล่มหนึ่ง ชื่อ “กลยุทธ์สู่ชัยชนะ” …..การเลือกตั้งท้องถิ่นทุกระดับ ผมแปลกใจเล็กน้อยว่าเขาเขียนเรื่องอย่างนี้ได้อย่างไร แทนที่จะเขียนเรื่องเกี่ยวการเข้าร่วมกับ พคท.เหมือนหลายๆคน.. ผมขอบคุณ และเมื่อมีช่องว่างระหว่างการพูดคุยกันก็ลองเปิดหนังสือนั้นดู ผมยิ่งแปลกเพราะพบชื่อ นางเปรมฤดี ชามพูนท นายกเทศมนตรีเมืองพิษณุโลก ผู้เขียนคำนิยมให้หนังสือเล่มนี้
ผมถาม เจ ทันทีว่าไปรู้จักได้อย่างไร… เจ ก็เล่าให้ฟังว่ารู้จักกันผ่านนักการเมืองระดับชาติคนสำคัญท่านหนึ่ง แล้วไปช่วยเรื่องการหาเสียงที่นั่น….ฯลฯ… ผมถามต่อว่า รู้จักคุณหมอสุธีไหม เจบอกว่ารู้จัก….
อ้าว..ว่าไงครับท่านจอมป่วน วนไปวนมากลายเป็นคนรู้จักกันไปซะแล้ว…
เจ เป็นคนที่มีพลังการทำงานมหาศาล หากตัดสินใจแล้ว ลุยเดินหน้าสุดๆ เฉียบขาด และมีความเป็นวิชาการ มีหลักการ กล้าได้กล้าเสีย จึงไม่แปลกเลยว่า หลังออกจากป่ามาแล้วมาทำอาชีพธุรกิจที่ดินได้และก้าวหน้ามาเป็นลำดับ
ผมยังทึ่งตระกูลของเจที่ผมรู้จัก 5 คน แต่ละคนสุดๆทั้งนั้นเลย ยังนึกย้อนหลังไปสมัยเรียนหนังสือ เจ เรียนแพทย์รุ่นไล่ๆกับจาตุรนต์ ฉายแสงที่ผมรู้จักดีเพราะเคยทำงานมาด้วยกันสมัยเรียนหนังสือ เจ รับผิดชอบงานโครงการชาวนา..ที่เอาเวลาเรียนหนังสือออกชนบทเพื่อศึกษาปัญหาชาวนาและเคลื่อนไหวกับชาวนาจนถูกจับข้อหารุนแรง แต่การเดินขบวนใหญ่ของนักศึกษาทั่วประเทศร่วมคัดค้านการจับตัวเจ ทางราชการก็ปล่อยตัวออกมา แล้ว เจก็หันหน้าเข้าป่า…..
ไปเชียงใหม่คราวนี้ ผมได้กอดเจในฐานะที่ไม่ได้พบกันมานานมากกว่าสามสิบปี….