สำนึกที่ข้างเตียงผู้ป่วย..

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 31, 2012 เวลา 22:02 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1263

บ้านรูปทรงไทยเรือนปั้นหยาริมคลองสำเหร่ ธนบุรีหลังนี้ผมเคยมาพึ่งใบบุญหลับนอน เรียนหนังสือเมื่อ พ.ศ. 2509 โอ้…..54 ปีมาแล้ว หรือนี่….

เป็นบ้านคุณตา คุณยาย ที่ท่านมีเมตตาล้นเหลือให้เด็กบ้านนอกอย่างผมมีโอกาสมาเรียนหนังสือชั้น ม.ศ. 4-5 ที่โรงเรียนใกล้ๆคลองสำเหร่นี้ ซึ่งคุณตาท่านเป็นอาจารย์ใหญ่ ผมมาพักอาศัยฟรีโดยไม่เสียค่าเช่า เพียงทำหน้าที่ทำความสะอาดบ้าน เปิดปิดบ้าน ดูแลความเรียบร้อย และหน้าที่สำคัญอีกประการคือ พาหลานสาว ลูกคุณน้า สามคนไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนแห่งเดียวกัน เช้าก็ไป เย็นก็รับกลับบ้าน

หลานคนโตชื่อ อ้น คนกลางอ้อย และ คนสุดท้องอ่อน อ้อยนั้น เป็นประจำที่ผมจะยื่นนิ้วชี้ให้เธอ เธอก็กำแน่นเชียว แล้วก็จูงเธอไปโรงเรียน อย่างนี้ทุกเช้า เย็นก็ยื่นนิ้วให้ เธอก็จับ พาเธอกลับบ้าน ผมจบแล้วเอ็นทรานซ์ติด มช. ก็ไปเรียนที่นั่น น้องชายผมมาจากบ้านนอกก็แทนที่ผม เขาสอบติด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แถมยังมีน้องสาวมาอีกคน เป็นสามคนที่มาพึ่งใบบุญบ้านไทยหลังใหญ่นี้..

อ้น หลายคนโตเธอเกิดเส้นโลหิตในสมองแตก พิการขณะที่กำลังจะไปเรียนที่ออสเตรเลีย เธอต้องนอนที่โรงพยาบาล นับสิบสิบปี คุณน้าหมดเงินไปหลายล้านบาทแล้ว แต่ชีวิตลูกก็ต้องรักษากันต่อไป

คุณตาคุณยายท่านเสียชีวิตไปนานแล้ว คุณน้าก็เข้ามาเป็นผู้สูงอายุเต็มที่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา น้องชายผมโทรมาบอกว่า เป็นวันเกิดอายุที่ 78 ของคุณน้า มีงานบุญที่บ้านทรงไทยหลังนี้ ผมควรจะไปกราบท่าน …..

สมควรอย่างยิ่งที่ผมจะต้องวางภาระทั้งหมดลงแล้วไปร่วมงานมงคลที่สำคัญนี้ นานมากแล้วที่ภาระการงานดึงผมห่างออกจากบ้านหลังนี้ แต่ใจผมก้มกราบแทบเท้าคุณตาคุณยายผู้มีพระคุณใหญ่หลวงแก่ผม แก่น้องๆ แก่ตระกูลผม …

คุณน้าต้องผ่าหัวเข่าทั้งสองข้างด้วยความเสื่อมโทรมเป็นปกติของร่างกาย ต้องนอนบนเตียงและจ้างผู้ดูแลมาบริการทุกอย่างให้ วันนั้นมีเพื่อนร่วมรุ่นของคุณน้าที่ยังมีชีวิตอยู่ประมาณสัก 10 ท่านมาร่วมงานด้วย ล้วนเป็นสตรีสูงอายุ เมื่อผมไปเยี่ยมคุณน้าที่ห้องพัก ซึ่งคุณน้านอนบนเตียง เพื่อนๆก็แวะเวียนมาคุยไม้ได้ขาด คนนั้น คนนี้ ผมก็นั่งคุยกับคุณน้าบ้าง ฟังคุณน้าคุยกันบ้าง

แน่นอนครับ ผู้สูงอายุคุยกัน ก็มีแต่เรื่องสุขภาพร่างกาย ความร่วงโรย เป็นนั่นเป็นนี่ รักษาอย่างนั้นอย่างนี้ ที่นั่นที่นี่ แบบนั้นแบบนี้ ทำให้ผมมีสติไตร่ตรองตัวเองที่กำลังก้าวไปสู่จุดนั้น มีช่วงหนึ่งที่ เพื่อนๆคุณน้ามาคุยกันว่า …นี่ดีนะที่หลวงท่านดูแลพวกเราอยู่… พูดแล้วทั้งคุณน้าและเพื่อนคุณน้าท่านนั้นต่างยกมือไหว้ท่วมหัว ผมเข้าใจได้ว่าท่านหมายถึงเงินบำนาญที่ท่านยังรับจากหลวงท่านอยู่ทุกเดือน และเป็นส่วนสำคัญที่เอามาดูแลรักษาร่างกายยามแก่เฒ่าเช่นนี้…

ครับที่หัวเตียงคุณน้ามีพระรูปในหลวงแขวนอยู่…

สำนึกของท่านนั้นส่งต่อเข้ามาในสำนึกของผม…

แม้ผมจะไม่ใช่ข้าราชการ…


ลุงคนหนึ่ง..

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 29, 2012 เวลา 20:34 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1283

ผมและน้องทีมงานมีภารกิจต้องไปติดต่อประสานงานเจ้าหน้าที่สวนหลวง ร 9 น้องขับรถไปบนทางด่วนหลายต่อหลายสาย ซึ่งผมไม่รู้เรื่องว่าทำไมต้องเส้นนั้น เห็นจ่ายค่าผ่านด่านไม่รู้จักกี่ครั้ง คนกรุงเทพฯนะ หากคุณต้องการความสะดวก คุณก็ซื้อบริการเอาเอง มิเช่นนั้นคุณก็ใช้เส้นทางปกติที่จะข้ามเมืองไปธุระคงใช้เวลาค่อนวันแน่ๆ

ก่อนเข้าสวนหลวงน้องจอดรถเพื่อหากาแฟดื่ม เรื่องกาแฟนี่ก็เป็นเรื่องเหลือเชื่อจริงๆ แต่ก่อนมีแต่คนรุ่นผู้ใหญ่ ซื้อกาแฟกิน นับตั้งแต่มีการโฆษณากาแฟสด เดี๋ยวนี้วันรุ่นโดยเฉพาะวัยทำงานใหม่ๆ ติดกาแฟเย็น และสารพัดเครื่องดื่มประเภทนี้ ผมตกใจไปสั่งสตาร์บักมาแก้วหนึ่ง 100 กว่าบาท หัวใจไปอยู่ที่ตาตุ่ม ทำไมมันแพงขนาดนี้ ทั่วๆไปกินอเมซอนก็สี่สิบ ห้าสิบ ผมก็ควักแล้วควักอีกว่า กินดีไม่กินดีหือ…


ปรากฏว่าน้องลงไปกาแฟแต่ร้านไม่เปิด ผมกำลังสนใจคุณลุงท่านนี้ตั้งใจจะไม่กินกาแฟตามน้องจะมาคุยกับคุณลุงสักหน่อย สัมภาษณ์สามคำซักหน่อย อิอิ แต่จริงๆสามคำไม่ได้เรื่องอะไร ต้องมากกว่านั้น แต่น้องไม่ได้กาแฟจึงต้องออกรถไป ผมเลยคุยกับลุงได้สองคำเองไม่ถึงสามคำด้วยซ้ำไป

ทำไมลุงต้องถอดเสื้อ ทำไมลุงต้องใส่รองเท้าสวยทำงานซ่อมรองเท้า ทำไมรองเท้าที่ซ่อมจึงเป็นรองเท้ากีฬาทั้งหมด ทำไม ทำไม ทำไม…อีกมากมายในหัวที่อยากคุย ได้คำตอบเพียงว่า ลุงมาออกกำลังกายทุกเช้ามืดที่สวนหลวงแห่งนี้ และมีเพื่อนหลายคนที่มาออกกำลังกายด้วยกัน ลุงคุยไปแสดงท่าออกกำลังกายด้วย แล้วเพื่อนๆก็เอารองเท้ากีฬาที่ชำรุดมาให้ลุงซ่อม….

ผมชอบสัมผัสวิถีชีวิตผู้คนที่ติดดินเช่นนี้ ผู้คนที่ไร้ค่าในสายตาหลายๆคน ผู้คนชายขอบของนักธุรกิจใหญ่ที่มุ่งกำไรมากมาย ผู้คนสูงอายุที่มาต่อสู้ชีวิตด้วยการทำงานริบถนนเช่นนี้ ผมคิดว่าท่านเหล่านี้มีประสบการณ์ชีวิตที่น่าสนใจ และมักมีมุมคิดที่ทำให้เราเห็นสังคมมากกว่ามุมอื่นๆ

ในสังคมสวัสดิการท่านเหล่านี้อาจจะนั่งๆนอนๆในอาคารที่รัฐจัดไว้ให้ ทำกิจกรรมตามกำหนดการที่นักวิชาการสร้างขึ้นมา มีการตรวจสุขภาพตามกำหนด และทานอาหารตามเวลาที่มีคนทำไว้ให้ และ…. ผู้สูงอายุที่มีอันจะกินก็มีคนรับใช้ข้างๆตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง การออกกำลังกายก็เดินไปเดินมาในบ้านที่แสนสงบ…

แต่มีผู้สูงอายุจำนวนมากที่อยู่ในสภาพเช่นนี้ มีผู้มีความรู้มากมายเดินผ่านไปวันละมากมาย มีนักการเมืองที่เจตนาดีขับรถหรูผ่านไปคันแล้วคันเล่า มีบริษัทใหญ่โตทำโครงการ CSR แล้วถ่ายรูปลงหนังสือมากมายนัยว่าเขาแบกสังคมทั้งสังคมไว้

แต่ลุงข้างถนนต้องมาทำงาน อย่างเต็มใจเพราะความจำเป็นมากมาย…..

อนาคตผมก็คงไม่หนีภาพเหล่านี้หรอกนะ…


ใบไม้ใบนั้น..

อ่าน: 2060

ผมมีธุระต้องไป Lotus Express แห่งหนึ่งใน กทม. เมื่อทำภารกิจเสร็จก็เดินกลับที่จอดรถ เป็นทางเดินข้างอาคารใหญ่ ผมพบใบโพธิ (ผมเดาว่าเป็นใบโพธิ์ หากไม่ใช่ก็ใกล้เคียงเพราะเหมือนมากๆ) ใบนี้ที่ทางเท้าอย่างแปลกใจมากๆ เพราะ ผมมองไปรอบๆไม่เห็นต้นโพธิ มีแต่ตึกและการจราจรที่หนาแน่น ผมว่าเป็นใบไม้ที่สวยงามมากจึงหยิบเอามาเก็บกลับบ้าน พร้อมจิตก็นึกไปถึง ศาสนา หลักธรรม ความสำคัญของต้นโพธิ์ที่เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์


ใบไม้ใบนี้ถูดเหยียบย่ำมานานเท่าไหร่แล้วไม่ทราบ คนที่เดินผ่านคงเห็น(ว่าเป็นเศษใบไม้ใบหนึ่งที่ไม่ได้คิดอะไร ก็แค่ใบไม้ จิตเขานึกถึงอย่างอื่นๆ) แต่ไม่เห็น ว่านี่คือใบไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า ตัวแทนของธรรมะ ตัวแทนของการหลุดพ้น ฯลฯ ผมรู้สึกว่าเมื่อผมเห็นนั้น สำนึกผมดึงกลับมาอยู่ที่ตัวแทนของความบริสุทธิ์…

ผมไม่ได้เขียนเพื่อมาอวดอ้างตัวตนว่าดีเลิศประเสริฐศรีใดๆนะครับ แค่สะท้อนออกมาเฉยๆว่า ผมเห็นใบไม้ใบนี้แล้วผมรู้สึกอะไร..

ที่แปลกไปอีกคือ วันต่อมาผมไปธุระเรื่องเดิม สถานที่เดิมอีก ผมได้มาอีก 1 ใบ และวันที่ 3 ผมก็ได้มาอีก 1 ใบ แต่หลังสุดนี้ สภาพใบยับเยินทีเดียว เพราะถูกเหยียบน่ะซีครับ

ทั้งสามใบอยู่ในครอบครองของผม หรืออาจจะเรียกว่า ผมเอาเศษเท้าของประชาชนที่เหยียบผ่านใบไม้นี้มาเก็บไว้ แล้วระลึกถึงธรรมะ

ไม่มีวันที่ 4 เพราะผมมีกำหนดการไปที่อื่น….

อย่างไรก็ตาม สภาพงาน สังคมเมืองหลวงที่วุ่นวายตลอดเวลานั้น ทำให้ผมวุ่นวายใจมาตลอดเพราะไม่ชอบการใช้ชีวิตในสภาพแบบนี้ แต่ความจำเป็นที่จะต้องอยู่

ใบไม้ใบนี้ทำให้ผมเย็นลงเยอะเลยครับ…..


เรื่องเล่าจากดงหลวง..อีกที..

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 17, 2012 เวลา 20:14 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1752

วันนี้ผมอยู่ กทม. หลังจากทำงานในหน้าที่แล้วก็พอมีเวลาก็โทรไปหาหน้าห้องท่านเลขาธิการ สปก. เสียงจากโทรศัพท์ดูเหมือนกำลังอยู่ในห้องประชุม เมื่อน้องเขาทราบว่าเป็นผมก็รีบบอกว่าหนังสือออกแล้วนะ เท่านั้นเองผมก็รีบบอกว่าขอบคุณครับเดี๋ยวพี่จะไปเยี่ยมหน่อย

หนังสือที่พิมพ์มาเมื่อวานเอง..พี่.. ยังอุ่นๆเลย น้องหน้าห้องรีบบอกทันที เที่ยงวันของวันนี้ผมลืมกินข้าวไปเลย เพราะแอบดีใจที่เห็นหนังสือ เรื่องเล่าจากดงหลวงออกมาแล้ว หลังจากใช้เวลาเป็นปี กว่าจะออกมาได้

ผมต้องกล่าวว่า เป็นความเมตตา และกรุณาของท่านเลขาธิการ สปก.ที่หยิบเอาเรื่องเล่าดงหลวงมาจัดพิมพ์ เพราะผมไม่คิดว่าในชีวิตผมจะมีปัญญาพิมพ์เอง แม้จะเขียนเรื่องราวได้มากมายแค่ไหนก็ตาม หากไม่มีผู้อุปการคุณ ที่เห็นประโยชน์ในสาระและให้การสนับสนุนพิมพ์ ตัวผมเองไม่มีทางทำการพิมพ์เองได้


ขออนุญาตแนะนำท่านเลขาธิการ สปก.ท่านนี้นะครับ ท่านเป็นคนนครสวรรค์ เรียนจบรัฐศาสตร์การปกครองจากจุฬาลงกรณ์ รับราชการ สปก.และเรียนต่อที่ AIT ด้าน Rural Development Planning โดยได้รับทุนจากรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ และไปเรียนปริญญาเอกที่ University Putra Malaysia(UPM) ทางด้าน Rural Sociology กลับมารับราชการที่ สปก.ตลอดมา พื้นฐานของท่านเช่นนี้จึงมีความเข้าใจชนบทเป็นอย่างดียิ่งท่านหนึ่ง ยิ่งท่านเป็นผู้ใหญ่ของราชการที่หายากมากที่จะเข้าใจชนบท เมื่อท่านมีตำแหน่งสูงขึ้นจึงทำโครงการพัฒนาชนบทมาตลอด ซึ่งผมมีโอกาสร่วมงานกับท่าน 2 โครงการขนาดใหญ่ คือโครงการพัฒนากลุ่มป่าห้วยขาแข้ง และโครงการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมในเขตปฏิรูปที่ดินด้วยการพัฒนาการเกษตรแบบผสมผสาน (คฟป.)

ที่ คฟป. นี่เองที่ผมรับผิดชอบพื้นที่ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ผมและเพื่อนร่วมงานโดยเฉพาะคุณเปลี่ยน ลุยสนามกันดูเหมือนจะมากกว่าใช้ชีวิตในเมือง จากการคลุกคลีทั้งในบทบาทหน้าที่ที่จะต้องทำ กับความสนใจส่วนตัวต่อความเป็นไปของวิถีชนบท โครงการมีหลายอย่างไปมอบให้ชุมชน โดยเฉพาะความรู้ และมีสิ่งที่ผมได้คืนมาคือความรู้เช่นกัน ผมเขียนสิ่งเหล่านั้นลงในBlog ทั้งที่ Gotoknow.org และที่ Lanpanya.com



และในโครงการเองก็มี KM message ที่ผมเขียนทุกสัปดาห์เวียนให้ทุกคนทราบในเรื่องที่เป็นสาระของชุมชนในพื้นที่และส่วนที่เป็นความเห็นส่วนตัว ผมหยิบมาเขียนหมด ทั้งหมดนี้พบว่าอยู่ในสายตาของท่านเลขาธิการ สปก. ท่านยังบอกผมว่า ไอ้ส่วนที่เขียน อิอิ นั้นเอาไปพิมพ์ไม่ได้นะ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจทานกันและใช้เวลาเยอะทีเดียวกว่าจะเรียบร้อย…



วันนี้ผมได้พบท่านเลขาฯ ท่านยังบอกอีกว่า หากยังมีงานเขียนที่เกี่ยวกับ ผลงานของโครงการ คฟป.อีกก็เอามาพิมพ์อีกได้…. โฮ…ท่านยังให้ความกรุณามากถึงขนาดนี้อีก

เรียนถึงพี่น้องชาวเฮว่า ความจริงท่านกรุณาผมมากเป็นพิเศษ อีกประการคือ ท่านจูงมือผมเข้าไปในห้องคุยกันส่วนตัวว่า หากพี่สนใจตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สปก. ผมก็จะพิจารณาให้…เพราะอยากให้พี่เอาประสบการณ์มาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ สปก.ในด้านที่เหมาะสม…

พี่น้องครับ ผมมี “เรื่องเล่าจากดงหลวง” ให้พี่น้องคนละเล่มครับ ผมจะทยอยส่งให้นะครับ

อ้อ..มีบางส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปคือ เมื่อเกือบสองปีก่อนที่จะจัดพิมพ์ ผมเรียนพ่อครูบาให้ท่านกรุณาเขียนคำนิยมให้ ท่านก็เมตตาเช่นกัน เมื่อจะพิมพ์ผมก็เรียนท่านเลขา สปก.ว่าขอเรียนเชิญท่านกรุณาเขียนคำนิยมให้ แต่ท่านบอกว่า ไม่ต้องหรอก เนื้อหาสาระมากมาย เอาหน้ากระดาษเป็นสาระที่จะพิมพ์ดีกว่า ทีมงานของท่านจึงไม่ใส่คำนิยมทั้งพ่อครูบาฯและของท่านเลขาธิการ สปก.เอง จึงกราบขออภัยพ่อครูบามา ณ ที่นี้ด้วยครับ

เนื่องจากต้นฉบับหนามาก ค่าพิมพ์สูงมาก ขนาดผมเอาหลายบันทึกออกไป ก็ยังหนามากอยู่ และการพิมพ์เป็นแบบ Pocket Book ทำให้แต่ละเรื่องในบันทึกจึงต้องใช้หลายหน้ากระดาษ ผมจึงได้มาในจำนวนไม่มากนัก หากท่านใดต้องการมากกว่า 1 ฉบับ ติดต่อขอเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศครับ เพราะท่านเลขาพิมพ์มาเพื่อเผยแพร่ในวงการ สปก.ทั่วประเทศครับ สำหรับพ่อครูบาผมมีจำนวนพิเศษให้ท่านครับ


 



Main: 0.89369893074036 sec
Sidebar: 0.26330590248108 sec