หมาตัวนี้..

3 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กันยายน 18, 2012 เวลา 9:53 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2097

ผมมักคุยกันในบ้านว่า เกิดเป็นเจ้าคุกกี้นี่ ดีจริงนะ ถึงเวลาก็มีคนเอาอาหารมาให้ อาบน้ำให้ ปูที่นอนให้ มาหวีขนหาเห็บหาเหาให้ และ….

เป็นน้องหมาที่ไม่ได้ตั้งใจจะเลี้ยง เพราะที่บ้านสมัยแม่ยายอยู่ด้วยท่านไม่ชอบ เพราะเป็นภาระและสกปรก แต่ลูกสาวมาเรียน ABAC เช่าห้องพัก ดันเอาลูกหมาน้อยมาเลี้ยงในห้อง จะอยู่กันอย่างไร เมื่อเธอไปเรียนก็ทิ้งไว้ตัวเดียวในห้อง โฮ..อย่าให้เล่าเลย ลูกหมาก็จัดการทุกอย่างในห้องอ่ะซี ความอยากเลี้ยงเพราะมันน่ารัก เธอไม่ได้ซื้อมา เพื่อนแบ่งมาให้ เธอว่างั้น


ในที่สุดเราก็ต้องเอาขึ้นไปขอนแก่น เพราะความน่ารัก และขี้เล่นของเจ้า โกลเดนท์รีทรีฟเวอร์ นี่แหละ ก็กลายเป็นเพื่อนเล่น ยาหยีผม ยามที่ผมไม่อยู่บ้าน เธอก็เล่นกับน้องหมานี่แหละ คลุกคลีกันจน ขาดกันไม่ได้ เอาไปนอนในบ้านครับ ปูผ้าให้นอน เช้าก็เอาออกไปข้างนอก

บ่อยครั้งที่ผมเอาเขาขึ้นรถไปเที่ยวตามสวนสาธารณะ หรือรอบบึงทุ่งสร้างรอบบ่อบำบัดน้ำเสีย ให้เขาได้เที่ยวนอกบ้านบ้าง ซึ่งเขาชอบมาก หากหยิบสายรัดตัวเพื่อเกี่ยวกับโซ่บังคับละก็ เขาจะแสดงอาหารระริกระรี้ ดิ้นพลาดๆ ชอบมาก เตรียมไปขึ้นรถเลยทีเดียว

เมื่อครบวันก็มีผู้ช่วยแม่บ้านเอาไปอาบน้ำให้ ดูแลให้แทนเรา เขาก็กินทุกอย่างที่เรากิน เราไม่ให้อาหารที่วางขาย เอาข้าวนี่แหละ เขาชอบผลไม้มาก กินทุกอย่างที่เรากิน โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้า ต้องมีติดบ้านไว้เลย

เขาว่าหมานั้นแก่เร็ว อายุเท่าใดให้เอา 7 คูณ เจ้าคุกกี้ปีนี้ก็เป็นหมาแก่ๆตัวหนึ่งเจ็บออดแอด ผมต้องเอาไปหาสัตว์แพทย์บ่อยครั้ง หมอหมาก็รับคนไข้(หมาป่วยทั้งหลาย) มากมาย รับกันไม่หวาดไม่ไหว ต้องจ้างผู้ช่วยมาหลายคน แสดงว่าคนเมืองชอบเลี้ยงหมามากจริงๆ

เมื่อสามเดือนก่อน หมอหมา บอกว่า เจ้าคุ้กกี้เป็นมะเร็งลำไส้ ….

เนื่องจากผมและยาหยีเดินทางเยอะ ไม่ค่อยอยู่บ้าน ก็ได้แต่เอายามาจากหมอแล้วทิ้งไว้ให้ผู้ช่วยแม่บ้านดูแลแทน

มาวันนี้อาการเขาแย่มากแล้ว ไม่กินอาหาร หรือกินน้อย เราก็บดและป้อนเขาด้วยทางหลอด เหมือนคนแก่เลย สองสามวันมาแล้วเขาไม่ลุกเดิน นอนมองเราตาปริบๆ เราเดินไปลูบหัวเขา เขาก็กระดิกหางเคาะพื้นดังโป๊กๆ ผมมักเอาทิชชูหรือผ้าเช็ดขี้ตาให้เขา และพูดกับเขา หวีขนให้ ซึ่งหมาพันธุ์นี้ขนหลุดเยอะ ได้เป็นกระจุกๆ

เราคาดการณ์ว่าเขาคงอยู่กับเราไม่นานนัก….

ชีวิตเป็นไปตามกรรม..


หมาตัวนั้น..

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กันยายน 18, 2012 เวลา 8:39 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1821

วันนั้นผมไปที่บึงทุ่งสร้าง ขอนแก่น ทั้งไปดูเมฆและออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆ พบเจ้าหมาที่ไม่มีเจ้าของตัวนี้ และอีกหลายตัว…


มีมุมมองหลายมุมมองต่อเรื่องนี้ แต่ผมขอมองในมุมของผมนะครับ….

ชีวิตต้องดิ้นรนไปเพื่อยังชีวิตตามสติปัญญา ศักยภาพ โอกาส และเงื่อนไขอื่นๆ หมาสกปรกตัวนี้ไม่มีใครมาอุ้มมาโอ๋ ไม่มีใครเอาเขาไปอาบน้ำ ไปสปา เหมือนหมามีเจ้าของของคนยุคนี้ในเมือง ไม่มีใครมาปูที่นอนให้ ไม่มีใครมาเล่นด้วย มีแต่ไล่ ขว้างปาให้ไปไกลๆ และ….

ก็เขาเป็นหมาข้างถนนไม่มีเจ้าของ หากินอยู่ตามบึงทุ่งสร้าง เดินไปเดินมา ใครผ่านเข้ามาด้วยวัตถุประสงค์ใดๆ เขาก็มักจะวิ่งเหยาะตามมาห่างๆ เผื่อจะมีเศษอาหารหล่นมาบ้าง ชาวบ้านที่มาหาปลาเมื่อถึงเวลาอาหารก็ตั้งวงกินอาหาร เมื่อมีเศษเหลือทิ้งข้างทางเจ้านี่ก็วิ่งไปดมๆและกินเศษอาหารเหล่านั้น


เขาไปนอนตรงไหนไม่ทราบ แต่มาเที่ยวบริเวณนี้ทีไรก็มักเห็นเขาวิ่งไปมา วันนั้นผมเห็นเขาคาบปลามาตัวหนึ่ง เมื่อผมถ่ายรูปและมาดูใกล้ๆก็เห็นว่าเป็นปลา ซ๊อคเกอร์ หรือใครหลายคนเรียกปลาเทศบาล เพราะสมัยหนึ่งคนเลี้ยงปลาในตู้ชอบซื้อเจ้านี่มาใส่ตู้ปลาเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกในตู้ปลาให้สะอาดเอี่ยมอ่อง แต่แล้วมันขยายพันธุ์เร็ว อดทน ไม่ตายง่ายๆ ใครสักคนหรือหลายคนเอาเขาไปทิ้งลงแหล่งน้ำสาธารณะ เขาก็เติบโต แพร่ขยายลูกหลานเต็มไปหมด

แต่มนุษย์ไม่กิน ซื้อขายก็ไม่ได้ ไม่มีใครเอาแล้ว ก็กลายเป็นสิ่งมีชีวิตไม่พึงประสงค์ในแหล่งน้ำสาธารณะที่ชาวบ้านไปจับปลาด้วยแห มักได้แต่เจ้านี่เต็มไปหมด ชาวบ้านก็สางแหแล้วเอาเจ้าปลานี้ทิ้งตามขอบบึง หวังว่าให้มันตายไป เป็นการกำจัดไปทางหนึ่ง..

ซึ่งมีมากมายตามขอบบึง ส่งกลิ่นเหม็นไปหมด ……

แต่เจ้าหมาไม่มีเจ้าของตัวนี้คาบมันไปตัวหนึ่ง

เป็นอาหารเย็นของวันนั้น…..


พลทหารมะโหนก..

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กันยายน 10, 2012 เวลา 12:58 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1406

ถามว่าทำไมจึงชอบเล่นกอล์ฟ หากดูพัฒนาการผมก็ต้องบอกตรงไปตรงมาว่า ในชีวิตไม่ได้คิดจะเล่นกอล์ฟ ยิ่งเพื่อนๆในวงการแอนตี้สนามกอล์ฟมากมาย แต่ลูกน้องเก่าสมัยทำงานที่เชียงใหม่เขามามีอาชีพเป็นพ่อค้าเร่ขายสินค้าต่างๆ ก็แบกชุดกอล์ฟมาขายผมในราคาต่ำๆ ทั้งที่ผมไม่ได้เล่น และช่วงนั้นไม่ได้คิดจะเล่นก็รับซื้อไว้ด้วยเหตุผลช่วยเหลือน้องๆ….

เป็นไม้กอล์ฟที่ผลิตในเกาหลีราคาถูกๆ ไม่มีราคาค่างวดสำหรับนักกอล์ฟจริงๆ ผมทิ้งไว้ในกล่องนั้นไม่ได้แกะออกด้วยซ้ำไป ทิ้งไว้เป็นปี จนไปทำงานที่มุกดาหารประมาณปี 2544 เมื่อเสร็จงานแต่ละวันก็ไม่รู้จะทำอะไร นึกถึงไม้กอล์ฟที่ซื้อและทิ้งไว้ที่บ้าน ก็เลยเอาไปลองฝึกออกกำลังกาย จ้างโปรมาสอน ก็เป็นโปรแบบบ้านนอก กิ๊กก๊อก และเจ้าเล่ห์สิ้นดี..

ที่มุกดาหารส่วนใหญ่แค่ไปไดรฟ์เสียมากกว่า ก็ได้พบเพื่อนใหม่ๆที่มักเป็นข้าราชการมีอายุและกลุ่มพ่อค้าหนุ่มๆ ก็ได้รู้จักกันจากการซ้อมนี่เอง จะออกรอบจริงๆก็เป็นช่วงเสาร์ อาทิตย์ที่ขอนแก่น ช่วงที่เริ่มตีกอล์ฟเป็นใหม่ๆก็จะออกรอบแทบทุกวันเสาร์ และมักไปที่สนามเขื่อนอุบลรัตน์เพราะเป็นสนามที่ค่อนข้างมาตรฐานกว่าสนาม ร8 ที่อยู่ติดมหาวิทยาลัยขอนแก่น

มาช่วงเป็น สว. นี่การออกรอบก็ลดลงมามาก เพราะงานและลดความอยากลงไป เหลือเพียงการออกกำลังกายเป็นวัตถุประสงค์ใหญ่เท่านั้น ผมจึงไม่มีก๊วน พร้อมก็ออกไป ไม่ต้องผูกติดเวลานัดหมาย

เมื่อวันเสาร์ที่แล้วผมออกรอบที่สนาม ร8 มีนักกอล์ฟมามากพอสมควรจนแคดดี้ไม่เพียงพอ จึงต้องเอาทหารมาช่วย สนาม ร8 เป็นสนามในค่ายทหารสภาพสนามจึงไม่ดีเพราะไม่มีงบประมาณมาพัฒนา และส่วนใหญ่เป็นแหล่งที่ให้ภรรยาทหารในค่ายมาหารายได้พิเศษโดยการมาเป็นแคดดี้

ทหารคนที่มาเป็นแคดดี้ให้ผมบอกว่า มาเป็นแคดดี้ครั้งที่สองยังไม่รู้เรื่องกฎกติกาใดๆดีพอขอให้ช่วยแนะนำให้ด้วย คุยกันไป เดินตีกอล์ฟกับก๊วนที่ผมขอร่วมไปด้วย เขาบอกว่า นายทหารก็อนุญาตให้พวกผมมาหารายได้พิเศษในช่วงวันหยุด ในที่สุดก็มาถึงคำถามว่า ได้ข่าวว่าทางกองทัพจะส่งทหารจากที่นี่ลงไปใต้ใช่ไหม ทหารบอกว่าใช่ ในเร็ววันนี้ แล้วเขาก็เล่ามากมายเกี่ยวกับการเตรียมตัว การฝึกพิเศษ ฯลฯ เพื่อเตรียมทหารสู่สมรภูมิใต้ เขาเป็นคนที่พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เล็ก โตมากับยาย และปัจจุบันก็อยู่กับอา แต่เนื่องเขาเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่จึงอยากจะไปใช้ชีวิตอิสระตามโชคชะตา แต่มาติดทหารเสียก่อน ซึ่งก็ดีใจที่อยากรับใช้ชาติ

เขาบอกว่าผมไม่มีห่วงอะไร ครอบครัวไม่มี พ่อแม่ไม่มี ตายายเสียชีวิตหมดแล้ว มีแต่อา ซึ่งเราก็ไม่ห่วง เขาจึงบอกว่าการไปใต้หากจะสูญเสียชีวิตก็ยอม เพราะอยากรับใช้ชาติ ถามว่ากลัวตายไหม เขาบอกว่าก็กลัวกันทุกคนแหละ แต่หน้าที่เป็นทหารก็ต้องรับใช้ชาติ

สมัยเด็กๆอายุประมาณ 12 ปี ยายซึ่งเป็นหมอนวดพื้นบ้านสอนวิชานวดโบราณฉบับท้องถิ่นแท้ๆให้ เขาจึงอาสานวดหลังนวดไหล่ให้ผม ผมอนุญาต เขาก็นวดให้ระหว่างที่นั่งรอการตีกอล์ฟ เขานวดดีมาก มือแข็งแรงรู้จักจุดสำคัญต่างๆ

เขามีหน้าตาอีสานแท้ๆ ตัวสูงกว่าปกติ ช่างพูด ช่างเอาใจแม้จะไม่รู้จังหวะการเอาใจเท่าไหร่นัก ก็เข้าใจได้เพราะเขาเพิ่งออกรอบครั้งที่สอง….

หลังจากจบหลุมที่ 18 ผมมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เขาและมอบพระสมเด็จ 1 องค์ และอำนวยอวยพรให้เขาอยู่รอดปลอดภัยในการไปปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติที่ภาคใต้ในเร็ววันนี้

มันเป็นเพียงการมีส่วนร่วมเล็กๆน้อยๆกับการเอาชีวิตไปเสี่ยงของเขา

พลทหาร เด็กหนุ่มคนนี้ ไปทำหน้าที่

แทนพวก

เราครับ….


ระบบบันทึกและการสื่อสารของโบราณ

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กันยายน 9, 2012 เวลา 0:48 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1648

ผมชอบกิจกรรมค่ายสิ่งแวดล้อมที่โรงเรียนมงคลวิทยาจัดทำ ผมชอบค่ายเยาวชนรักป่าที่เครือข่ายอินแปงจัดให้กับเด็กดงหลวง และอื่นๆ องค์ประกอบที่คล้ายๆกันคือ เอาเด็กเดินป่า โดยมีผู้รู้เรื่องป่าที่เป็นชาวบ้านนำพาไป บางที่ก็มีผู้รู้มากกว่า 1 คน อาจแบ่งเป็นกลุ่ม เดินป่าไปก็เรียนรู้ไปโดผู้รู้จะสอนเด็ก บอกเด็กถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆที่เดินผ่าน ไปทุกย่างก้าว บางทีก็หยุดเป็นนานสองนานเพื่อเรียนรู้กับพืชต้นนั้น

ความรู้จากท่านผู้รู้ซึ่งเป็นชาวบ้านนั้นมากมายมหาศาลแทบไม่น่าเชื่อทีเดียว เพราะทั้งชีวิตเขาอยู่กับป่า และความรู้ต่างๆก็ถูกส่งต่อมาจากรุ่นก่อนๆ เขาเหล่านั้นเผชิญปัญหา อุปสรรคต่างๆจากการเดินป่า นั่นคือบทเรียนแห่งชีวิต ที่จดจำไปนานแสนนาน และความรู้ต่างๆก็นำไปใช้ในวิถีของเขา ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยบ้าง แต่ไม่มาก

ตอนอยู่ดงหลวงผมมีโอกาสเดินป่ากับชาวบ้าน เป็นประสบการณ์ที่วิเศษสุดจริงๆ ในยังอยากทำเช่นนั้นอีกแล้วบันทึกสิ่งที่พบเห็น หรือบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นผ่านช่วงเวลาต่างๆ ในป่ามีสิ่งที่เราไม่รู้มากมาย แต่ชาวบ้านรู้

ใบไม้ในรูปข้างบนนั้น ชาวบ้านเรียกใบส่องฟ้า มันไม่ใช่สมุนไพรตัวเอก แต่เป็นใบไม้ที่เด็กๆเอามาเล่นสนุกๆ เพราะที่ใบมีรูพรุนเต็มไปหมด หากเอามาส่องกับไฟก็จะเห็นรูพรุนนั้น ชาวบ้านเปรียบว่าสามารถส่องเห็นฟ้าได้

ส่วนใบข้างล่างนี้ จำชื่อไม่ได้ว่าเรียกอะไร แต่มันเป็นนวัตกรรมการบันทึกสั้นๆ การสื่อสารของคนโบราณ เพราะเราสามารถเขียนอักษรลงบนใบไม้ชนิดนี้ได้ และสามารถเก็บไว้ได้นาน

ชาวบ้านบอกว่าสมัยก่อนนั้นไม่มีกระดาษสมุดสำหรับเขียน ก็ใช้ใบไม้นี้เขียนข้อความสั้นๆเพื่อเตือนความจำได้ หรือใช้สื่อสารจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งได้ กันลืม ก็เขียนบันทึกลงไปแล้วเอาไปส่งให้ต่างหมู่บ้านกัน ที่ห่างไกลออกไป

ชาวบ้านเล่าว่า บ่อยครั้งที่ไปอำเภอติดต่อราชการ เจ้าหน้าที่มักถามข้อมูลต่างๆ ชาวบ้านก็จะบันทึกข้อมูลจากบ้านลงที่ใบไม้นี้ แล้วเอาติดตัวไปอำเภอด้วย จำอะไรไม่ได้ก็ควักเอาใบไม้บันทึกนี้มาดู แล้วตอบเจ้าหน้าที่

ใครจะไปนึก…เด็กในเมืองรู้แต่เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เราพึ่งพาระบบธุรกิจที่พึ่งตัวเองไม่ได้ สมุดเล็กๆมีขายมากมาย ดินสอ ปากกามีมากมายก็ไม่บันทึกแล้ว ล้าสมัย ต้องมันทึกในเครื่องอีเลคโทรนิคต่างๆนั้น….ช่องว่างนี้ถ่างออกมากขึ้น คนเมืองห่างไกลธรรมชาติมากขึ้น ไม่รู้ ไม่เข้าใจ และที่ร้ายคือไม่สนใจเสียด้วยซี

เรื่องราวและความรู้นี้ผมได้มาจากคนข้างกายไปร่วมการเดินป่าของชาวบ้านและพาเด็กไปเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับป่าที่มหาสารคาม ……

นี่เป็นเพียงเสี้ยวส่วนขององค์ความรู้ทั้งหมด ก็เก็บตกความรู้มาบันทึกหยาบๆไว้เผื่อใครจะคิดต่อ เอาไปใช้ประโยชน์ใดๆก็น่าจะดี

ยุคสมัยกำลังผันผ่านไป ความรู้เหล่านี้กำลังจางหายไปกับผู้เฒ่าในชนบทที่ทุกวันกำลังล้มหายตายจากไป…..

สถาบันการศึกษาของชนบทน่าจะทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้นะ …. เราสามารถตั้งเป็นโจทย์ต่างๆสำหรับกระบวนการเรียนรู้ได้มากมาย…..และเป็นความรู้แห่งสำนึกต่อป่าไม้ สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ และอื่นๆ

หวังสถาบันการศึกษาก็อาจสิ้นหวัง ชุมชนที่ตั้งเป้าว่าเป็นชุมชนเข้มแข็งนั้น จัดกระบวนการเรียนรู้เหล่านี้ขึ้นมาเองได้ไหม บันทึกเองได้ไหม ….ไม่ต้องไปคอยนักวิชาการจากสถาบันใดๆหรอก

เพราะมัวแต่ตั้งท่าอยู่นั่นแหละ….


น้ำตาพ่อแสน

อ่าน: 1901

ท่านที่ติดตามบันทึกผมสมัยชื่อ “ลานดงหลวง” และ “ลานเก็บเรื่องมาเล่า” คงผ่านตาเรื่องของพ่อแสน แห่งดงหลวงมาบ้าง ขอทบทวนสั้นๆว่า พ่อแสนคือชาวบ้านชนเผ่ากะโซ่อยู่ที่บ้านเลื่อนเจริญ อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร อยู่ในพื้นที่โครงการพัฒนาฯที่ผมรับผิดชอบจึงรู้จักพ่อแสนดี ในฐานะที่เป็นผู้นำกิจกรรมเรื่องการสร้างป่าครอบครัวจากพื้นที่โล่งเตียนเพราะถางป่าเดิมเอามาปลูกมันสำปะหลังตามกระแสยุคสมัยที่ใครๆก็หาที่ดินปลูกกัน

จากการเข้าไปคลุกคลีพ่อแสน พบว่า พ่อแสนไม่ใช่ธรรมดา เพราะเป็นนักธรรมชาติวิทยาที่เรียนรู้ธรรมชาติแล้วดัดแปลงธรรมชาติให้มาอยู่ในพื้นที่สวนป่าของตัวเอง ไม่ว่าการเอาพืชป่ามาปลูก เอาเห็ดป่ามาเพาะ เลี้ยงสัตว์ป่าที่เป็นอาหารขึ้นในสวนป่า สร้างรังให้สัตว์ป่ามาอยู่อาศัย ต่างพึ่งพากัน เช่น สร้างบ้านให้ค้างคาว หอยแก๊ด แมงโยงโย่
และ…….

แม้ว่าโครงการ คฟป.ที่ผมมีส่วนรับผิดชอบจะสิ้นสุดไปแล้ว แต่ สปก. ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยขอนแก่นไปสรุปบทเรียนและจัดทำสื่อ อาจเรียกว่าทำเป็นครั้งที่สองครั้งที่สามแล้ว หนึ่งในนั้นคือกรณีศึกษาพ่อแสน

ผมไม่ได้มีส่วนในเรื่องนี้ แต่คนข้างกายเป็นผู้รับผิดชอบ เธอมีทีมงานด้านนี้ออกไปทำการสัมภาษณ์และถ่ายทำวีดีโอ

เย็นวันนั้นคนข้างกายต้องเดินทางไปประชุมกทม. ผมก็ไปส่งที่สนามบินขอนแก่น เมื่อเดินทางกลับถึงบ้าน เสียงโทรศัพท์เธอตามมาว่า ทีมงานที่ไปสัมภาษณ์พ่อแสนรายงานมาว่า ขณะที่ทำการสัมภาษณ์พ่อแสนนั้น พ่อแสนร่ำไห้ จนทีมงานตกใจ แต่ก็ปล่อยให้พ่อแสนปลดปล่อยความรู้สึกสุดๆนั้นออกมา

หลังจากนั้นผมมีโอกาสสอบถามน้องๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแสน…..

เป็นการตั้งคำถามปกติธรรมดาถึงที่มาที่ไปของการมาทำสวนป่าครอบครัวที่นี่…พ่อแสนเล่าเรื่องย้อนหลังไปสมัยหนุ่มๆที่มาถางป่ากับมือเพื่อเอาที่ดินปลูกพืชเศรษฐกิจ คือมันสำปะหลัง เหมือนเพื่อนบ้านทั่วไปที่ทำกันมา แต่แล้วมันมีแต่จนกับจน ป่าก็หมดไป ต้นไม้ที่เคยมีมากมายก็หมดสิ้น มันสำปะหลังที่ปลูกก็ไม่เห็นจะมีเงินทองมากขึ้น แถมมีหนี้สินอีก…

กว่าจะมาเปลี่ยนใจปลูกต้นไม้ขึ้นมาใหม่ บนพื้นที่ดินที่เตียนโล่งก็เกือบจะหมดแรงแล้ว…

ผมนึกถึงลุงฉ่ำที่นครสวรรค์ที่ผมเคยทำงานที่นั่น ลุงฉ่ำเป็นคนถางป่ามาก่อน ลุงบอกว่า ตีนเหยียบไม่ถึงดิน เพราะตัดไม้ใหญ่น้อยลงมาจนหมดสิ้นเพื่อเอาที่ดินปลูกข้าวโพด แต่แล้วลุงฉ่ำกลับลำมาเป็นผู้นำปลูกป่า รักษาป่า ที่เข้มแข็งคนหนึ่งในเขตแม่วงก์นั้น

สำนึกสูงส่งที่เฆี่ยนหัวใจให้เปลี่ยนความคิดจากการทำลายมาเป็นการสร้าง การรื้อฟื้นป่า มันมีทั้งปิติ และความรู้สึกแห่งการกลับใจใหม่ ที่สังคมมารองรับความถูกต้องแนวทางนี้

น้ำตาของพ่อแสนนั้นมีคุณค่าเหลือเกิน..ในสำนึกที่เราสัมผัสได้ ว่าข้างในของพ่อแสนนั้นคิดอะไรอยู่ มันเป็นสำนึกที่สูงส่ง..ที่งานพัฒนา งานสร้างคนพยายามสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาให้กับพี่น้องในชนบท….

ซึ่งเป็นงานที่ยากยิ่งนัก…


บึงทุ่งสร้าง

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กันยายน 7, 2012 เวลา 23:36 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2599

เทศบาลนครขอนแก่นนั้นมีงบประมาณปีหนึ่งมากมาย และเป็นที่รุมทึ้งของนักการเมืองท้องถิ่นที่ส่วนใหญ่คือนักธุรกิจรุ่นใหม่กับคอการเมือง ตามข่าวที่ไม่ยืนยันว่าขอนแก่นเก็บภาษีได้ปีละนั้นต้องส่งเข้าส่วนกลาง แล้วส่วนกลางส่งคืนท้องถิ่นเพียง 17 % ถูกผิดอย่างไรนั้นขออภัยด้วย

คนวงในบางคนก็บอกว่า ปีปีหนึ่งเทศบาลเอาเงินมาถลุงมากมาย โดยเฉพาะช่วงใกล้สิ้นปี หากใช้ไม่หมดก็เอามาขุดโน่น ลอกนี่ ปลูกต้นไม้ตรงนั้นตรงนี้ ฟังดูดี แต่ทางปฏิบัติ ต้นไม้ปลูกจริง แต่ไม่รอด ตายมากกว่าครึ่ง และการขุดลอกก็ดูแล้วก็สักแต่ว่าขุดลอก แต่ที่ทางเข้าเมืองขอนแก่นสร้างประตูขอนแก่นเสียหรูหรา ใครต่อใครผ่านมาก็ว่า ขอนแก่นเจริญเสียจริงๆ

ไปดูหลังบ้านซิครับ
รูปข้างล่างนี้คือบึงทุ่งสร้าง เป็นที่รับน้ำเสียจากตัวเมือง เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติโบราณ เทศบาลมาปรับปรุงหลายปีแล้ว ส่วนที่อยู่ซ้ายมือที่เป็นระเบียบนั่นคือบ่อบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยออกไปลำน้ำชี

ภาพนี้ปัจจุบันเต็มไปด้วยต้นไม่ธรรมชาติที่ขึ้นมา แม้เทศบาลจะพยายามปลูกแต่ก็ตายเสียเป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญปัจจุบันรอบๆบึงแห่งนี้คือที่ทิ้งขยะของคนเมืองหรือชาวบ้าน หรือผู้ประกอบการต่างๆ จนดูไม่ได้เลย รอบๆบึงมีแต่ขยะ ผมไม่กล้าถ่ายรูปมาลง อายครับ

แต่รูปนี้เอามาลงให้เห็นว่า มีกองไม้ที่คนเมืองตัดเอามาทิ้งที่นี่ แต่ก็มีชาวบ้านน่าจะเป็นคนยากจนที่ไม่มีเงินซื้อแก๊ส มาเอากิ่งไม้ที่ถูกกองทิ้งที่นี่เพื่อเอาไปทำฟืน… ผมตำหนิเทศบาลนครขอนแก่นว่าทำไมปล่อยให้สถานที่ตรงนี้เป็นที่ทิ้งขยะสารพัดชนิด และปล่อยให้รก กลายเป็นที่ส่งยาเสพติดของคนอีกกลุ่มหนึ่งอย่างที่ผมเคยเขียนบันทึกมาบ้างแล้ว

บึงแห่งนี้ยังมีเรื่องเล่าอีกเยอะ….

วันนี้มาบ่นเอาไว้เฉยๆ เพราะทดลองเข้าลานมานานแล้ว เข้าไม่ได้…



Main: 0.035053968429565 sec
Sidebar: 0.029988050460815 sec