ไปกินฝิ่น..

4 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กุมภาพันธ 18, 2012 เวลา 21:40 ในหมวดหมู่ ชนบท, ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม, สังคม บ้านเมือง ประชาธิปไตย #
อ่าน: 3978

ไปขุดเอาภาพที่ไปทำงานในลาวมาเขียนบันทึก ให้เห็นบางมุมของชนบท ที่เหมือนบ้านเราในอดีต สภาพยังต้องการพัฒนาอีกมาก โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ

พูดถึงเรื่องนี้มีบางมุมในทฤษฎีทางสังคมที่กล่าวว่า ระดับของการพัฒนานั้นขึ้นกับชุมชนนั้นอยู่ห่างไกลตัวเมืองมากน้อยแค่ไหน แต่ปัจจุบันหลักการนี้อาจจะไม่จริงเสียแล้วเพราะ หลักการนี้จะใช้สภาพถนนเป็นตัวบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงชุมชน หากถนนดี ก็จะมีการเดินทางเข้าออกมาก ระบบธุรกิจก็เข้าไปมาก การลงทุนก็มีมาก ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมาก แต่ปัจจุบันมีระบบสื่อสารที่เป็นคลื่น ไม่มีถนน หรือถนนไม่ค่อยดี แต่การรับรู้ข่าวสารทางอื่นมีมากมาย อย่างผมเคยพบ ชุมชนชายป่าห้วยขาแข้งที่นครสวรรค์ โทรศัพท์ติดต่อกับลูกสาวที่ญี่ปุ่นได้..


ดูภาพเหล่านี้สิครับ มันเป็นธรรมชาติของวิถีชนบท พี่เลี้ยงน้อง เพื่อนเด็กชายหญิงเล่นด้วยกัน มีความผูกพัน ใกล้ชิด เห็น สัมผัสชีวิตกันและกัน เหล่านี้คือพื้นฐานแรกๆของแรงเกาะเกี่ยวทางสังคมอันเป็นฐานของ ทุนทางสังคมชุมชน


ที่บ้านนี้ผมตื่นเต้นที่เกือบทุกบ้านปลูกต้นไม้ทำเป็นรั้ว ผมสงสัยว่าต้นอะไร พ่อท่านนี้บอกว่าต้นกฤษณา ที่พ่อค้าซื้อเอาเนื้อไม้ไปกลั่นเป็นน้ำหอม หากต้นที่มีแก่นก็ราคาแพง หากไม่มีแก่นอยากได้เงินก็ตัดขายได้ ชั่งเป็นน้ำหนักขาย ผมไม่ได้ค้นสมุดบันทึกดูว่าราคาเท่าไหร่ แต่ถูกมาก พ่อท่านนี้กล่าว


ผมเดินไปอีกหน่อยก็เห็นกะบะยกพื้นสูงปลูกผักสวนครัว คือหอมแดง แต่มีต้นฝิ่นแซม ดอกฝิ่นสีขาวกำลังชูช่อสวยงามเชียว ผมคุ้นเคยดอกฝิ่นทั้งสีขาวและสีแดง เพราะสมัยทำงานที่สะเมิงที่นั่นเป็นพื้นที่ปลูกฝิ่นเป็นไหล่เขาเลย ผมปีนไปถ่ายรูปบ่อยๆ ต่อมาจึงมีการปราบปรามและเป็นพืชต้องห้าม แต่ที่นี่ปลูกในบ้านเลย


ผมถามพ่อที่เดินมาด้วยกันว่า เขาไม่ห้ามปลูกหรือ และปลูกทำไมในกะบะที่บ้านเช่นนี้ พ่อเขายิ้มๆแล้วตอบผมว่า หากปลูกเล็กน้อยเช่นนี้ไม่เป็นไร ก็ปลูกเอาไว้กินใบอ่อนนั่นไง อร่อยด้วยนะ กรอบ กินสดๆกับน้ำพริก กับลาบ และสารพัดเหมือนผักทั่วไป….

แหม เราทราบดีว่าฝิ่นนั้น ยางที่ผลนั้นมีฤทธิ์เป็นยาแก้ปวด หากกินมากๆก็ติด แต่ใบฝิ่นนี่มีคุณสมบัติทางยาอย่างไรบ้างผมไม่ทราบ และไม่ได้ทดลองชิมด้วยซี แหม….มังสวิรัติแบบผม แบบพ่อครูบาฯ มีพืชที่น่าทดลองเพิ่มขึ้นอีกแล้วซิ

แต่เป็นพืชต้องห้าม อิอิ….



สายภู..

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กุมภาพันธ 18, 2012 เวลา 20:31 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1510

เป็นรูปเมฆและทิวภูเขาที่เมืองคำเกิด แขวงบริคัมไซ

ภูเขาที่เห็นนั้นอยู่ใกล้ชายแดน ลาว-เวียตนาม

มีเหมืองทองคำอยู่ที่นั่น และเป็นเขตต้องห้ามเข้า

ช่วงที่ไปที่นั่นมันหนาวมากๆ แถมมีลมพัดอีกด้วย


นับ..

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กุมภาพันธ 18, 2012 เวลา 9:40 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1383

ไปทำงานที่ลาวก็สนุกดีครับ งานรับผิดชอบผมก็ประชุมชาวบ้านคู่กับอาว์เปลี่ยน ในเรื่องต่างๆเพื่อพัฒนาตัวเขาเอง ผมต้องอาศัยเปลี่ยนมากเพราะเปลี่ยนเขาเขียนลาวได้ ฟังลาวออก พูดลาวแท้ๆได้ ศัพท์แสงเฉพาะต่างๆนั้น เปลี่ยนเข้าใจหมด ส่วนผมนั้นเตาะแตะอยู่ เผลิดเปิดเปิงไปก็หลายครั้ง

ผมชอบชนชาวลาวหลายประการ โดยเฉพาะความซื่อใส น้ำใจดี และต่อหน้าเราเขากล้าหาญมากทีเดียวที่จะพูดในสิ่งที่อยากจะพูด แต่ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองเขาก็จะไม่พูด หรือพูดน้อย ก็เหมือนๆชาวไทยนี่แหละ โดยเฉพาะในสมัยก่อน


เราได้เยาวชนสตรีลาวทั้งเจ้าหน้าที่โครงการและลูกจ้างรัฐบาลลาวกรมกสิกรรมและป่าไม้มาช่วย เขียน ประชุมกลุ่มย่อย และอื่นๆ เธอเหล่านั้นทั้งหมดจบปริญญาตรีมาแล้ว และนุ่งผ้าถุงทุกคน ไมมีใครนุ่งกางเกงเพราะเป็นกฎหมายแห่งชาติ ผมนั้นติดใจน้องสาวคนที่กำลังวาดรูปโดยหันหลังให้เราในภาพแรกนั้น เธอฉลาด เก่งมาก ในสายตาผม จึงไปชมเด็กคนนี้ให้อาว์เปลี่ยนฟัง อาวเปลี่ยนบอกว่าเธอสอบได้ที่ 1 ของการเข้ามาเป็น Community Development Worker ผมก็ร้องอ๋อ…..เธอช่างซักถามผมในเรื่องงานพัฒนาชนบท เธอฟังผมสอนมาสองชั่วโมงเมื่อครั้งก่อน เธอติดใจอยากให้ผมสอนให้อีก… อิอิ


เธอกระโดดเข้ามาเป็นผู้ช่วยผมในกลุ่มย่อย เพื่อการสื่อสารระหว่างผมกับชาวบ้านในรายละเอียดบางประเด็น และเลยไปถึงเป็นผู้รวบรวมความคิดเห็นจากชาวบ้านแล้ววาดความคิดเห็นนั้นลงในกระดาษ ความจริงเราอยากให้ชาวบ้านเป็นผู้ทำเอง บังเอิญกลุ่มนี้มีแต่สตรี จึงไม่มีใครกล้าออกมาทำหน้าที่นี้ คนลาวกล่าวกับผมเองว่าสตรีลาวส่วนใหญ่ด้อยการศึกษาทำให้ขาดทักษะพื้นฐานในหลายเรื่อง


ประเด็นคือ เมื่อผมตรวจสอบกิจกรรมที่ชาวบ้านปฏิบัติในครอบครัว และพืชที่ชาวบ้านเพาะปลูก และความสนใจชนิดพืชที่ต้องการปลูก ลูกศิษย์คนนี้ก็ช่วยดำเนินการให้และมีการตรวจนับจำนวน ผมเองทึ่งวิธีการนับของลูกศิษย์คนนี้ ดูตามรูปด้านบนซิครับ ท่านผู้อ่านอาจจะคุ้นชินกับการนับแบบนี้มาแล้ว แต่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เคยเห็นแต่การนับนิ้ว เด็กๆมีสิบนิ้วไม่พอยังเอานิ้วเท้ามานับ ส่วนผู้เฒ่าหลายท่านนับข้อของนิ้ว ไม่ต้องยกเท้ามานับนิ้วเหมือนเด็กๆ

เราคุ้นกับการนับแบบคะแนนเสียงบนกระดาน ที่เอาขีดมาเรียงกันครบห้าก็ขีดเฉียงๆรวมสี่เส้นตรงไว้ เป็นหนึ่งกลุ่มที่มีความหมายเป็นจำนวน 5 แต่ลูกศิษย์คนนี้ใช้เส้นตรงที่ประกอบเป็นสี่เหลี่ยม และขีดเฉียงตรงมุมสี่เหลี่ยมเท่ากับจำนวน 5 ผมว่าเป็นความฉลาด เพราะประหยัดพื้นที่และไม่พลาดง่ายๆ เพราะสี่เหลี่ยมนั้น เป็นรูปสามัญที่เราและใครๆก็คุ้นกัน

แต่วิธีขีดเส้นตรงที่มีความหมาย สอง หรือสามนั้น อาจจะต่อจากข้างบนหรือข้างล่างนั้น ก็แล้วแต่ความถนัด

นักพยากรณ์ อาจจะเอาไปดูหมอทายลักษณะนิสัยเลยเถิดไปก็ได้ อิอิ..



Main: 0.033354997634888 sec
Sidebar: 0.048272848129272 sec