AAR เฮหก…ความงามของจันทรา
อ่าน: 1989
พวกเราเดินทางไปบ้านชนเผ่าอาข่า บริเวณทางออกจากสำนักงานของ “พี่แดง” (สว.เตือนใจ ดีเทศน์)เพราะพี่แดงต้องการให้เราเห็นด้านในของชนเผ่านี้ที่พี่แดงทำงานมามากกว่า 20 ปี ที่นั่น นอกจากผมจะเห็นหมู่บ้าน ชนเผ่า วิถีชีวิตในเวลาสั้นๆแล้วผมยังเห็นจันทราที่สวยงามมากๆ…
ความจริงหมู่บ้านแห่งนี้ผมและคนข้างกายเคยมาใช้เวลาศึกษาเสี้ยวส่วนของวัฒนธรรมของอาข่า เมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว ตอนนั้นพี่แดงแนะนำว่า อาข่ากำลังเกิดปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ใหญ่มากๆครั้งหนึ่งคือ ผู้นำจิตวิญญาณของอาข่าหมู่บ้านนี้ได้เปลี่ยนจากการนับถือผีไปนับถือพระเจ้า ?? จึงต้องทำพิธี “อะบอจีมา” (การเรียกพิธีกรรมนี้ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ) โดยต้องแต่งตั้งผู้นำจิตวิญญาณขึ้นใหม่แล้วทำพิธีสร้างบ้านใหม่ให้เสร็จภายในวันเดียว ทุกคนในหมู่บ้านเว้นการทำงานมาช่วยกัน มีการฆ่าหมูตัวใหญ่ แล้วแบ่ง “พูด” (ชิ้นเนื้อหมู)กัน ฉลองกัน กินเหล้ากัน ครั้งนั้นมีคณะจากวิทยาลัยครูเชียงราย(สมัยนั้น) มาถ่ายทำพิธีกรรมนี้ตลอด….
พี่แดงพาพวกเราเดินไปหยุดที่บ้านหลังหนึ่ง หลายคนขึ้นไปดูกิจกรรมชนเผ่าที่กำลังทำอยู่บนบ้าน พูดคุยกันนานพอสมควร ผมไม่ได้ขึ้นไปด้วย คอยสังเกตการณ์อยู่ข้างล่าง หลายคนทยอยกลับเพราะค่ำแล้วต้องเดินทางต่อไปยังที่พัก แต่พี่แดง คนข้างกายผมและอารามยังอยู่ ทั้งนี้เพราะคนข้างกายผมต้องการขอซื้อเมล็ดถั่วจากแม่เฒ่าเจ้าของบ้านหลังนี้ เอาไปทำขนม (เธอชอบทำของกินนี่แหละ ผมจึงมีสภาพเช่นที่เห็น อิอิ.)
กลุ่มใหญ่เดินออกไปจนหมดแล้ว เหลือเราสองสามคนเท่านั้น พี่แดงกลับลงมาจากบ้านและก้าวเดินทางออกจากหมู่บ้านโดยพยายามเชิญแม่เฒ่าออกไปพบกับพวกเราที่เดินกลับไปที่รถก่อนแล้ว แต่แม่เฒ่าไม่ไป ผมสังเกตเห็นแม่เฒ่ามีอาการ อาย เขิน และผมเดาว่าท่านไม่อยากไปแสดงตัวกับใครๆตามนิสัยของชนเผ่า.. ในที่สุดพี่แดงก็เดินออกจากบ้าน โดยผมคอยคนข้างกายใส่รองเท้า..
ขณะนั้นเอง เด็กสาวคนหนึ่งเดินสวนพี่แดงเข้ามาในมือเธอถือห่อใบตองใส่อะไรสักอย่างมาสองสามห่อ พอเด็กสาวคนนั้นเห็นพี่แดงก็ยกมือไหว้ พร้อมกับยิ้มแสดงความดีใจแล้วเรียก “ครูแดง” …. พี่แดงเรียกเธอ ลูก…
พี่แดง: ลูกมาทำอะไรจ๊ะ..
เด็ก : หนูมาหาแม่เฒ่า หนูจะเอาข้าวมาให้แม่เฒ่า เธอยกห่อใบตองนั้นให้พี่แดงดู
พี่แดง: ไหน..นี่เหรอ ห่อข้าว.. ทำไมเอามาให้แม่เฒ่า..
เด็ก: เป็นข้าวใหม่ค่ะ … แม่ให้เอามาให้ผู้เฒ่าทุกคนในหมู่บ้าน คนละห่อ.. ????
พี่แดง: โอย…ดีจังเลย เอ้า เอาไปให้แม่เฒ่าเลย พี่แดงเรียกให้พวกเราที่เหลืออยู่ขึ้นบ้านไปดูพิธีมอบห่อข้าวให้แม่เฒ่าของเด็กสาวน้อยคนนั้น…
ผมไม่ได้ขึ้นไป แต่ยืนดูข้างล่างจ้องจะดูพิธีมอบและจะถ่ายรูป… ง่ายแสนง่าย แค่ยื่นให้แล้วคงกล่าวอะไรนิดหน่อย แม่เฒ่าก็คงกล่าวอะไรนิดหน่อย แค่นั้นก็เสร็จพิธี…เร็วจนผมหามุมกล้องไม่ทัน…
แล้วเธอก็รีบลงไปพร้อมกับบอกว่า จะรีบเอาไปให้ผู้เฒ่าบ้านอื่นต่อไปอีก ประมาณ 10 บ้าน หรือผู้เฒ่า 10 คนนั่นเอง…
ผมขนลุกซู่…..เมื่อฟังเธอสนทนากับพี่แดง และเห็นการกระทำของเธอเช่นนี้….. จะให้อธิบายอะไรอีกเล่า…… นี่หรือที่เรียกชนเผ่าชาวเขาที่ล้าหลัง แต่รุ่มรวยด้วย…การให้… การคารวะ และการเคารพ เอื้อเฟื้อระหว่างกันและกัน โดยเฉพาะคนเฒ่าผู้สูงวัย ที่เด็กสาวอย่างเธอกระทำต่อ….
เมื่อทุกคนเดินขึ้นมาข้างบนแล้ว ผมยังพบเธอวิ่งไปเอาข้าวห่อใหม่จากบ้านมาอีก สองสามห่อ มามอบให้พี่แดง….ด้วยความคารวะ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พี่แดงสรวมกอดเธอ แล้วกล่าวขอบอกขอบใจเด็กสาวคนนั้น นอกจากนั้นเด็กสาวยังมอบห่อข้าวที่เหลือให้คนข้างกายผมอีกห่อหนึ่งด้วย…..
พอมีจังหวะสั้นๆ ผมเข้าไปหาเธอพร้อมสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าเธอเรียนอยู่ชั้น ม 2 พ่อกับแม่เก็บข้าวใหม่เสร็จก็หุงแล้วห่อใบตอง มอบให้เธอเอาไปให้ผู้เฒ่าทุกคนในหมู่บ้านคนละห่อ ทำเช่นนี้ทุกปี คนอื่นก็ทำเช่นนี้..
นี่คือ วัฒนธรรมที่สวยงามจริงๆ เป็นสายใยร้อยรัดของชนเผ่า…
นี่คือ กิจกรรมระหว่างวัยที่เชื่อมต่อกัน
นี่คือ การปฏิบัติในวิถีชีวิตที่ทำจริงๆ เมื่อทำซ้ำๆด้วยตัวเอง และเห็นเพื่อนบ้านทำก็ซึมซับเข้าไปด้านใน กลายเป็นสำนึกของเด็กวันนี้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทดแทนรุ่นพ่อ แม่ ปู่ ย่า เทียบไม่ได้เลยกับการเรียน การท่องบ่น การสอบถามเพื่อให้คะแนนในชั้นเรียน ในระบบโรงเรียน แต่ไม่มีการปฏิบัติจริงจนกลายเป็นเนื้อใน
เมื่อวัฒนธรรมสังคมปฏิบัติกันเช่นนี้ ผู้ใหญ่ก็มีเมตตาต่อเด็ก มอบความรัก ความเอ็นดูให้ เด็กผู้ปฏิบัติก็อิ่มเอิบต่อการกระทำนั้นๆ ยึดถือการกระทำนี้ต่อๆไป เด็กคนอื่นๆเห็นก็รับไม้ต่อ…ฯลฯ….. แล้วสังคมแบบนี้ไม่จำเป็นต้องแบ่งสีแบ่งสัน ไม่จำเป็นต้องหยิบคำว่าสมานฉันท์มาศึกษากันยกใหญ่
การปฏิบัติที่เรียบและง่ายแสนง่าย ราคาถูก ไม่ซับซ้อน ไม่จำกัดเพศวัย ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี่สูงส่งเสียบฟ้าแต่อย่างใด แต่คุณค่าทางสังคมสูงส่งยิ่งนัก คุณค่าของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
แม้ว่าสภาพหมู่บ้านเทียบไม่ได้กับสังคมเมือง แต่สภาพจิตใจสังคมเมืองก็เทียบไม่ได้เลยกับหมู่บ้านที่ไกลปื่นเที่ยงแห่งนี้…
นี่คือ ทุนทางสังคมที่ยิ่งใหญ่….. มาศึกษารากเหง้าของการสมานฉันท์ได้ โดยไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำปริญญาจากที่ใด…
เด็กสาวคนนี้ ชื่อ จันทรา…. เธองามยิ่งกว่าจันทราบนท้องฟ้าเสียอีก
เพราะในห่อใบตองนั้น ไม่เพียงมีข้าวใหม่หอม อุ่นน่ากิน ที่เธอหยิบยื่นให้ผู้เฒ่า
แต่ยัง มีน้ำใจ และสำนึกต่อการให้ อยู่ล้นห่อใบตองนั้นอีกด้วย……..
การให้….. คือการกระทำที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ
ขอบคุณผู้จัดเหลือเกินที่ทำให้ผมเห็นมุมนี้…และสามารถนำไปสานต่อได้ด้วย…ครับ..