AAR เฮหก…ความงามของจันทรา

6 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ธันวาคม 8, 2008 เวลา 22:09 ในหมวดหมู่ เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 1989

พวกเราเดินทางไปบ้านชนเผ่าอาข่า บริเวณทางออกจากสำนักงานของ พี่แดง” (สว.เตือนใจ ดีเทศน์)เพราะพี่แดงต้องการให้เราเห็นด้านในของชนเผ่านี้ที่พี่แดงทำงานมามากกว่า 20 ปี ที่นั่น นอกจากผมจะเห็นหมู่บ้าน ชนเผ่า วิถีชีวิตในเวลาสั้นๆแล้วผมยังเห็นจันทราที่สวยงามมากๆ…

ความจริงหมู่บ้านแห่งนี้ผมและคนข้างกายเคยมาใช้เวลาศึกษาเสี้ยวส่วนของวัฒนธรรมของอาข่า เมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว ตอนนั้นพี่แดงแนะนำว่า อาข่ากำลังเกิดปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่ใหญ่มากๆครั้งหนึ่งคือ ผู้นำจิตวิญญาณของอาข่าหมู่บ้านนี้ได้เปลี่ยนจากการนับถือผีไปนับถือพระเจ้า ?? จึงต้องทำพิธี อะบอจีมา” (การเรียกพิธีกรรมนี้ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ) โดยต้องแต่งตั้งผู้นำจิตวิญญาณขึ้นใหม่แล้วทำพิธีสร้างบ้านใหม่ให้เสร็จภายในวันเดียว ทุกคนในหมู่บ้านเว้นการทำงานมาช่วยกัน มีการฆ่าหมูตัวใหญ่ แล้วแบ่ง พูด (ชิ้นเนื้อหมู)กัน ฉลองกัน กินเหล้ากัน ครั้งนั้นมีคณะจากวิทยาลัยครูเชียงราย(สมัยนั้น) มาถ่ายทำพิธีกรรมนี้ตลอด….

พี่แดงพาพวกเราเดินไปหยุดที่บ้านหลังหนึ่ง หลายคนขึ้นไปดูกิจกรรมชนเผ่าที่กำลังทำอยู่บนบ้าน พูดคุยกันนานพอสมควร ผมไม่ได้ขึ้นไปด้วย คอยสังเกตการณ์อยู่ข้างล่าง หลายคนทยอยกลับเพราะค่ำแล้วต้องเดินทางต่อไปยังที่พัก แต่พี่แดง คนข้างกายผมและอารามยังอยู่ ทั้งนี้เพราะคนข้างกายผมต้องการขอซื้อเมล็ดถั่วจากแม่เฒ่าเจ้าของบ้านหลังนี้ เอาไปทำขนม (เธอชอบทำของกินนี่แหละ ผมจึงมีสภาพเช่นที่เห็น อิอิ.)

กลุ่มใหญ่เดินออกไปจนหมดแล้ว เหลือเราสองสามคนเท่านั้น พี่แดงกลับลงมาจากบ้านและก้าวเดินทางออกจากหมู่บ้านโดยพยายามเชิญแม่เฒ่าออกไปพบกับพวกเราที่เดินกลับไปที่รถก่อนแล้ว แต่แม่เฒ่าไม่ไป ผมสังเกตเห็นแม่เฒ่ามีอาการ อาย เขิน และผมเดาว่าท่านไม่อยากไปแสดงตัวกับใครๆตามนิสัยของชนเผ่า.. ในที่สุดพี่แดงก็เดินออกจากบ้าน โดยผมคอยคนข้างกายใส่รองเท้า..

ขณะนั้นเอง เด็กสาวคนหนึ่งเดินสวนพี่แดงเข้ามาในมือเธอถือห่อใบตองใส่อะไรสักอย่างมาสองสามห่อ พอเด็กสาวคนนั้นเห็นพี่แดงก็ยกมือไหว้ พร้อมกับยิ้มแสดงความดีใจแล้วเรียก ครูแดง …. พี่แดงเรียกเธอ ลูก…

พี่แดง: ลูกมาทำอะไรจ๊ะ..

เด็ก : หนูมาหาแม่เฒ่า หนูจะเอาข้าวมาให้แม่เฒ่า เธอยกห่อใบตองนั้นให้พี่แดงดู

พี่แดง: ไหน..นี่เหรอ ห่อข้าว.. ทำไมเอามาให้แม่เฒ่า..

เด็ก: เป็นข้าวใหม่ค่ะ … แม่ให้เอามาให้ผู้เฒ่าทุกคนในหมู่บ้าน คนละห่อ.. ????

พี่แดง: โอย…ดีจังเลย เอ้า เอาไปให้แม่เฒ่าเลย พี่แดงเรียกให้พวกเราที่เหลืออยู่ขึ้นบ้านไปดูพิธีมอบห่อข้าวให้แม่เฒ่าของเด็กสาวน้อยคนนั้น…

ผมไม่ได้ขึ้นไป แต่ยืนดูข้างล่างจ้องจะดูพิธีมอบและจะถ่ายรูป… ง่ายแสนง่าย แค่ยื่นให้แล้วคงกล่าวอะไรนิดหน่อย แม่เฒ่าก็คงกล่าวอะไรนิดหน่อย แค่นั้นก็เสร็จพิธี…เร็วจนผมหามุมกล้องไม่ทัน…

แล้วเธอก็รีบลงไปพร้อมกับบอกว่า จะรีบเอาไปให้ผู้เฒ่าบ้านอื่นต่อไปอีก ประมาณ 10 บ้าน หรือผู้เฒ่า 10 คนนั่นเอง…

ผมขนลุกซู่…..เมื่อฟังเธอสนทนากับพี่แดง และเห็นการกระทำของเธอเช่นนี้….. จะให้อธิบายอะไรอีกเล่า…… นี่หรือที่เรียกชนเผ่าชาวเขาที่ล้าหลัง แต่รุ่มรวยด้วย…การให้… การคารวะ และการเคารพ เอื้อเฟื้อระหว่างกันและกัน โดยเฉพาะคนเฒ่าผู้สูงวัย ที่เด็กสาวอย่างเธอกระทำต่อ….

เมื่อทุกคนเดินขึ้นมาข้างบนแล้ว ผมยังพบเธอวิ่งไปเอาข้าวห่อใหม่จากบ้านมาอีก สองสามห่อ มามอบให้พี่แดง….ด้วยความคารวะ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พี่แดงสรวมกอดเธอ แล้วกล่าวขอบอกขอบใจเด็กสาวคนนั้น นอกจากนั้นเด็กสาวยังมอบห่อข้าวที่เหลือให้คนข้างกายผมอีกห่อหนึ่งด้วย…..

พอมีจังหวะสั้นๆ ผมเข้าไปหาเธอพร้อมสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าเธอเรียนอยู่ชั้น ม 2 พ่อกับแม่เก็บข้าวใหม่เสร็จก็หุงแล้วห่อใบตอง มอบให้เธอเอาไปให้ผู้เฒ่าทุกคนในหมู่บ้านคนละห่อ ทำเช่นนี้ทุกปี คนอื่นก็ทำเช่นนี้..

นี่คือ วัฒนธรรมที่สวยงามจริงๆ เป็นสายใยร้อยรัดของชนเผ่า…

นี่คือ กิจกรรมระหว่างวัยที่เชื่อมต่อกัน

นี่คือ การปฏิบัติในวิถีชีวิตที่ทำจริงๆ เมื่อทำซ้ำๆด้วยตัวเอง และเห็นเพื่อนบ้านทำก็ซึมซับเข้าไปด้านใน กลายเป็นสำนึกของเด็กวันนี้ที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทดแทนรุ่นพ่อ แม่ ปู่ ย่า เทียบไม่ได้เลยกับการเรียน การท่องบ่น การสอบถามเพื่อให้คะแนนในชั้นเรียน ในระบบโรงเรียน แต่ไม่มีการปฏิบัติจริงจนกลายเป็นเนื้อใน

เมื่อวัฒนธรรมสังคมปฏิบัติกันเช่นนี้ ผู้ใหญ่ก็มีเมตตาต่อเด็ก มอบความรัก ความเอ็นดูให้ เด็กผู้ปฏิบัติก็อิ่มเอิบต่อการกระทำนั้นๆ ยึดถือการกระทำนี้ต่อๆไป เด็กคนอื่นๆเห็นก็รับไม้ต่อ…ฯลฯ….. แล้วสังคมแบบนี้ไม่จำเป็นต้องแบ่งสีแบ่งสัน ไม่จำเป็นต้องหยิบคำว่าสมานฉันท์มาศึกษากันยกใหญ่

การปฏิบัติที่เรียบและง่ายแสนง่าย ราคาถูก ไม่ซับซ้อน ไม่จำกัดเพศวัย ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี่สูงส่งเสียบฟ้าแต่อย่างใด แต่คุณค่าทางสังคมสูงส่งยิ่งนัก คุณค่าของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

แม้ว่าสภาพหมู่บ้านเทียบไม่ได้กับสังคมเมือง แต่สภาพจิตใจสังคมเมืองก็เทียบไม่ได้เลยกับหมู่บ้านที่ไกลปื่นเที่ยงแห่งนี้…

นี่คือ ทุนทางสังคมที่ยิ่งใหญ่…..  มาศึกษารากเหง้าของการสมานฉันท์ได้ โดยไม่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปทำปริญญาจากที่ใด…

เด็กสาวคนนี้ ชื่อ จันทรา…. เธองามยิ่งกว่าจันทราบนท้องฟ้าเสียอีก

เพราะในห่อใบตองนั้น ไม่เพียงมีข้าวใหม่หอม อุ่นน่ากิน ที่เธอหยิบยื่นให้ผู้เฒ่า

แต่ยัง มีน้ำใจ และสำนึกต่อการให้ อยู่ล้นห่อใบตองนั้นอีกด้วย……..

การให้….. คือการกระทำที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ

ขอบคุณผู้จัดเหลือเกินที่ทำให้ผมเห็นมุมนี้…และสามารถนำไปสานต่อได้ด้วย…ครับ..


ปาย..จะเป็นไป..

อ่าน: 2442

หากจะแสดงความเห็นต่อปายในทัศนะคนทำงานพัฒนานั้น ระยะเวลาสั้นๆที่ปายนั้นผมมีความคิดเห็นความเป็นไปบางเสี้ยวส่วนดังนี้


หนึ่ง… ปายมีเสน่ห์มากๆ ด้านกายภาพนั้น ปายเป็นเมืองที่ตั้งในหุบเขาที่ซ่อนตัวหลีกลี้จากเมืองใหญ่ ทำให้ปายคือปายรักษาความบริสุทธ์ เดิมๆ ด้วยธรรมชาติที่สวยงาม มีแม่น้ำปายไหลผ่านกลางเมือง จะดูพระอาทิตย์ขึ้นให้ไปอยู่แถบหมู่บ้านสันติชน หากจะดูพระอาทิตย์ตกดินก็ไปดูที่วัดแม่เย็น มีแหล่งน้ำพุร้อนที่มีคุณค่าทางด้านสุขภาพด้วย ความยากลำบากของการเดินทางไม่ว่าจากเชียงใหม่ไปปาย หรือ แม่ฮ่องสอนไปปาย ถนนเพิ่งจะมีการก่อสร้างเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง แม้มีถนนแต่จากเชียงใหม่ไปปายนั้นมีมากกว่า 900 กว่าโค้ง ความยากลำบากมีส่วนสำคัญที่ชะลอการไหลบ่าของวัฒนธรรมเมือง หรือกล่าวตรงๆคือวัฒนธรรมทุนนิยม จึงทำให้เมืองปายมีความเป็นตัวของตัวเองอยู่มาก …. แต่วันนี้ไม่ใช่เสียแล้ว

สอง… กลุ่มชนชาวปาย คือความหลากหลาย ของชนเผ่าที่มีวิถีชีวิตอาศัยอยู่ล่างสุดคือคนเมือง ขยับขั้นมาเป็นปกาเกอญอ ขึ้นมาเป็น คนจีนยูนานหรือจีนฮ่อ สูงขึ้นไปคือ ลีซอ และสูงสุดคือ มูเซอร์ โดยเฉลี่ยภาพรวม ต่างอยู่ด้วยกันอย่างสงบ ไม่มีปัญหาระหว่างกัน แต่ละชนเผ่าก็มีวิถี มีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่อยู่ร่วมกัน วัฒนธรรมที่โดดเด่นที่เป็นจุดขายปายที่สำคัญคือกลุ่มชนชาวจีนที่หมู่บ้านสันติชน โดยเฉพาะร้านอาหารชาวจีนที่สร้างด้วยดิน ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สินค้าบางอย่างที่มาจากเมืองจีน หมู่บ้านตั้งอยู่บนเนินที่เมื่อขึ้นไปแล้วมองได้เกือบทั่วปาย ฯลฯ ลีซอ สร้างหัตถกรรมที่สวยงาม ฯลฯ ทุกชนเผ่ามีการเกษตรที่เป็นความถนัดของตนเอง และเป็นอาหารเพื่อบริโภค และขาย ด้วยสภาพธรรมชาติที่ดี อุดมสมบูรณ์

สาม… ถนนคนเดินกลางคืน แม้ว่าเหมือนกับไนท์บาร์ซาร์ที่เชียงใหม่ที่ทำมานานแล้ว เหมือนตลาดกลางคืนของหลวงพระบาง ฯ แต่ถนนคนเดินที่ปายมีความเป็นท้องถิ่นที่ยกระดับมาเป็นอินเตอร์มากขึ้นอย่างค่อนข้างกลมกลืน โดยเฉพาะมีอาหารท้องถิ่น มีขนมท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่มีที่อื่น ใครๆก็อยากชิม อยากลอง จนติดใจและเป็นจุดขายได้ หรือการทำน้ำดื่มง่ายๆ เช่นน้ำตะไคร้ น้ำขิง ฯลฯ ใส่หม้อดิน อุ่นขาย เป็นองค์ประกอบที่สำคัญ เป็นสีสัน ของถนนคนเดิน

สี่… การเงินเดินสะพัด โดยเฉพาะช่วงวันหยุด ต่างๆ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีจนถึงวันอาทิตย์ ที่พักตั้งแต่ราคา 100 บาทจนถึงคืนละ 4,000 บาท เต็มหมด จนล้น ชาวปายต่างดัดแปลงที่ดินเป็นอาคารเพื่อให้เช่ามากมาย เมื่อคนจำนวนมากไปรวมกัน เรื่องการใช้ชีวิตปกติ แต่ไม่ปกติก็ไหลหลั่งเต็มๆ เช่นการกิน การเดินทาง การซื้อบริการต่างๆ แม้ว่าจะเป็นสองมุมของการพัฒนาที่จะเจริญแบบสร้างสรรค์ หรือเจริญแบบทำลาย แต่บทเรียนที่มีมากมายที่คนปายเรียนรู้ และคงน้อมนำมา สร้างปายที่เหมาะสมได้

ห้า… ศาสนา ดูเหมือนว่าการท่องเที่ยวได้ส่งผลกระทบทั้งดีและไม่ดีต่อระบบศาสนาในพื้นที่อำเภอปายแห่งนี้ เพราะวัดมีสถานที่ตั้งบนเนินที่สวยงาม และมีสิ่งก่อสร้างที่บ่งชี้วัฒนธรรมล้านนาผสมชนเผ่าต่างๆ สวยไปอีกแบบ และมีความหมายในทางศาสนาคติ ความเชื่อ…. เมื่อคนหลั่งไหลมาส่วนหนึ่งก็ไปกราบพระที่วัด ชื่นชมศิลปวัฒนธรรม และที่วัดส่วนหนึ่งก็กลายเป็นตลาดของกลุ่มแม่บ้านที่เอาผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมาวางขาย ภาพที่ผมประทับใจมากๆคือ แม่อุ้ยท่านมานั่งหน้าโบสถ์ คอยบอกกล่าวนักท่องเที่ยว และทำความสะอาดโดยใช้ไม้กวาด ทุกๆ ครั้งที่นักท่องเที่ยวทำพื้นสกปรก นอกจากนี้ข้อมูลความเป็นมาเป็นไปทางประวัติศาสตร์ก็ถูกบอกผ่านแก่นักท่องเที่ยวด้วย กำอู้ของกลุ่มคนเฒ่า เอกสาร และแผ่นป้ายที่สรุปเรื่องราวไว้… ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย เช่น กรณีวัดน้ำฮู เกี่ยวกับพระนางสุพรรณกัลยา เป็นต้น

หก… ที่น่าตกใจ คือการไหลบ่ามาของนักท่องเที่ยวนั้น ปัจจุบันมันเกินกว่าพื้นที่จะรับได้ (ผมประเมินเอง) ผมสอบถามเจ้าของที่พัก เจ้าของร้านค้าบางแห่งบอกว่า คนที่มามากมายนี้ก็แค่ 4-5 ปีมานี่เอง ปากต่อปาก และการที่ท้องถิ่นพยายามจัดงานท้องถิ่นขึ้นมา น่าเป็นห่วงมากๆเรื่องการมาของการท่องเที่ยวที่จำนวนมากเกินพอดี…. เหมือนที่เราเคยพูดกันว่าน่าห่วงหลวงพระบาง…

เอาแค่นี้ก่อน จะเดินทางแย้วววว


พระจันทร์ร้องไห้…ที่ปาย..

7 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ธันวาคม 2, 2008 เวลา 8:09 ในหมวดหมู่ ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม #
อ่าน: 3349

เราตระเวนปายตามแผนที่ที่เราได้มาจากขอนแก่น หลายที่ เช่นไปไหว้พระที่วัดน้ำฮู หมู่บ้านคนจีน น้ำตก หมอแปง โป่งน้ำร้อนท่าปาย สะพานประวัติศาสตร์ กองแลน วัดเย็น แล้วมาค่ำที่วัดหลวงกลางเมืองปาย

เรากะว่าเอารถไปจอดไว้หน้าโรงพยาบาลปายที่คุณหมอสุพัฒน์ kmsabai อยู่ที่นี่ แล้วเราก็เดินไปชมวัดหลวงแล้วเลยกินข้าวกลางเมืองปายแล้วเที่ยวอีกรอบถนนคนเดิน

ค่ำสลัวๆแล้วแต่เราก็ยังเดินเข้าวัดหลวง จึงรู้ว่าที่นี่เป็นลานจอดรถ เพื่อให้คนเอามาจอดใกล้ถนนคนเดิน เราเห็นพระเจดีย์สวยงาม จึงเดินเข้าไปถ่ายรูป แม่ลูกก็เดินชมรอบๆพระเจดีย์ แล้วลูกสาวก็เห็นพระจันทร์ยิ้ม โอยสวยจัง…..เราก็กดซะหลายรูป ทั้งๆที่ไม่มีขาตั้งกล้อง ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่มีก็เสียหายไปแล้ว ต้องใช้มือนี่แหละ

ถ่ายรูปเสร็จก็เดินออกไปหาข้าวพื้นเมืองกินสมใจอยาก ระหว่างนั้นคนในตลาดเริ่มพูดกันถึงพระจันทร์ยิ้มแล้ว

เราอิ่มข้าวก็เดินชมสินค้าอีก ทีนี้เสียงโทรศัพท์มากันลั่นปายเลย ชักชวนให้ดูพระจันทร์ คนข้างกายก็โทรบ้าง มีญาติพี่น้องที่ไหน กี่คน บอกโม้ดดดด

แต่เป็นปรากฏการณ์ที่น่าชมมากครับ

รูปนี้เป็นพระจันทร์ร้องไห้ เพราะ พธม.ตายอีกแล้ว..

เด็กน้อยแก้มยุ้ย  อิอิ


ไปชิมความหนาวที่ปาย ก่อนไปเฮฯหก

6 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ธันวาคม 1, 2008 เวลา 9:53 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3215

ที่เขาค้อนั้น คุณติ๋ม ได้มาเยี่ยมแต่เช้า เพื่อมาดูความเรียบร้อย เราออกจากที่เขาค้อประมาณ 9 โมงเช้า มุ่งหน้าไปพิษณุโลก ลำปาง - เชียงใหม่ - ปาย ผ่านเมืองพิษฯก็ โฟนอิน คุณหมอขอวีซ่าผ่านด่าน โดยไม่ขอแวะ เพราะไปอีกไกล ทั้งที่คุณหมอชวนทานข้าว

เราจอดทานกลางวันที่ร้านลมเย็น ร้านใหญ่ริมถนนใหญ่อาหารอร่อย มีให้เลือกมากมาย แล้วก็ลิ่วละล่องไปลำปาง เชียงใหม่ รถราก็พอสมควรไม่มากไม่น้อย คนข้างกายผมผลัดกันขับรถ โดยเธอขับในช่วงที่ราบ แต่เมื่อเข้าเขตภูเขา ต้องเป็นผม มือหนึ่งเท่านั้น..

เมื่อเราเข้าเชียงใหม่ ก็บ่ายสามโมงแล้ว ไม่เข้าตัวเมืองใช้เส้นทางวงแหวนรอบนอกมุ่งหน้าไปถนนเส้นแม่ริม - แม่แตง - ปาย แม่ฮ่องสอน รอบเมืองเชียงใหม่รถหนาแน่น(ปกติ) เมื่อหัวรถหันเข้าเส้นทางแม่แตง-ปาย-แม่ฮ่องสอน เท่านั้นเอง เราก็เห็นรถวิ่งสวนทางมาหนาตา เป็นระยะ ตลอดเส้นทาง คือนักท่องเที่ยวกลับเชียงใหม่สวนทางกับเรา


ผมลองให้ลูกสาวนับจำนวนโค้งของถนน เมื่อรถขึ้นภูเขาสูงสุดก่อนจะลงเข้าเมืองปาย เท่านั้น ทั้งแม่ทั้งลูกบอกว่า หยุดรถเดี๋ยวนี้…….จะอ๊วก… เราหยุดรถแล้วให้ลงไปชิมความหนาวบนยอดดอยตอนบ่ายแก่ๆซะพักใหญ่ ไปเดินเล่นในสวนสนข้างทาง สูดอากาศบริสุทธิ์ สองคนนี้ดมยาดมไม่ได้ ยิ่งไปใหญ่ ได้กลิ่นควันรถไม่ได้ ยิ่งโหมกำลังอ๊วก ชอบอย่างเดียวอากาศเย็นๆ นิ่งๆ อิอิ.. ความจริงลูกสาวก็กินยาแก่เมาที่มีติดรถไปแล้ว แต่กินช้าไปหน่อย….

มันช่างเหมือนคำขวัญแบบสนุกๆของปายที่ว่า อ๊วกๆ หลับๆ เท่ากับปาย

เมื่อเข้าปายเราก็หยุดถ่ายรูปทุ่งนา ตอนพระอาทิตย์จะตกดิน สวย สวย….

ประการแรกที่เราไปถึงปายก็ต้องรีบหาที่พักที่จองไว้แล้วน้องเอกช่วยแนะนำไว้ให้ เป็นบ้านพักในสวนกลางเมือง

จะไปแล้ว …… เอารูปดูก็แล้วกันแล้วค่อยบันทึกตามหลัง

เขียนโปสกาด แล้วส่งตู้ไปรษณีย์เลย

ลูกสาวไม่ได้ไปเชียงราย  เลยซื้อโคมลอยมาปล่อยกัน



Main: 0.047142028808594 sec
Sidebar: 0.030635833740234 sec