Fuse

10 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ พฤศจิกายน 28, 2009 เวลา 22:26 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1855

เบอร์หนึ่งของหน่วยงานไปเยี่ยมพื้นที่ ก็มีการเตรียมงานกันพอสมควร สำหรับผมนั้นเฉยๆเพราะไม่ใช่ข้าราชการจึงพร้อมที่จะเผชิญของจริง และก็เผชิญจริงๆ…

หนึ่ง: ก่อนมาก็มีคนส่วนกลางส่งข่าวมาสองสามครั้ง จะเอาข้อมูลเรื่องนั้นเรื่องนี้ แค่แผนที่เข้าพื้นที่ก็ทำให้ถึงสามแบบสามครั้ง ทั้งแบบ Google ที่เป็น satellite ทั้งแบบ map แบบวาดจำลอง ไม่เอาจะเอาตามตัวอย่างที่ส่งมา โธ่หนังสือแผนที่ก็มี เสียเวลากับแค่ทำแผนที่นี่มากมายไร้ประโยชน์ เมื่อถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่ได้ใช้แผนที่ที่สั่งการมา เพราะมีคนเจ้าถิ่นนั่งรถไปด้วย รู้ทั้งรู้ว่าต้องมีคนนั่งไปด้วย ทุกอย่างต้องป้อนให้นาย โดยการสั่งการให้ลูกน้องทำแทบตาย…นี่คือระบบราชการ

สอง: เบอร์หนึ่งมาคนเดียว ผู้ติดตามสี่สิบห้าคน ล้วนใหญ่โตทั้งนั้น เป็นการเดินทางที่เทอะทะ ใหญ่โตเกินเหตุ สิ้นเปลือง …นี่คือระบบ..red tape

สาม: ลงเครื่องที่อุบล มาถึงมุกบ่าย 5 เข้าร้านอาหารเวียตนาม กินของเล่นก่อน แล้วประชุม 6 โมงกำหนดการต้องเลิก 2 ทุ่ม ทั้ง 4 จังหวัดต้องนำเสนองานแบบรีบเร่ง ตัดสาระออกให้ได้เวลาที่กำหนด แต่ละจังหวัดเตรียมนำเสนอกันไม่ต่ำกว่า 30 นาทีพร้อมเอกสาร ในที่สุดก็จบลงที่ สองทุ่ม ทานอาหารมื้อค่ำกัน แล้วแยกย้ายกันไปพักผ่อน ….นี่คือการมาดูงาน

สี่: ขบวนแวะที่สำนักงาน เดินชมสถานที่ ถ่ายรูป แล้วเดินทางต่อ ท่านผู้ใหญ่รองลงมาจากเบอร์หนึ่งบอกให้เรานั่งไปกับเบอร์หนึ่ง นั่งคู่กับเบอร์สองเพื่ออธิบายให้ท่านทราบถึงโครงการ ท่านเบอร์สองก็ทำหน้าที่ซักเราให้ท่านเบอร์หนึ่งได้ยิน เราก็เล่าให้ฟังทั้งหมด ท่านเบอร์สองก็ถามสารพัดพร้อมแสดงความเห็นต่องานที่ทำตามมุมของท่านที่มีประสบการณ์มา แต่ท่านเบอร์หนึ่งนั่งหลับอยู่ข้างหน้า..?

ห้า: พาท่านลงไปที่อาคารสูบน้ำของโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้า อธิบายสั้นๆแล้วก็ตรงเข้าประเด็นปัญหา แค่ประเด็นแรกเท่านั้นเอง เราเรียนท่านว่า ปัญหาที่พบตลอดมาทุกปีคือทรายมาถมทับหัวสูบน้ำ ต้องเกณฑ์ชาวบ้านมาขุดลอกซึ่งปริมาณมากต้องใช้เวลา 3 วันแรงงาน ประมาณ 25 คน

เท่านั้นเอง ท่านเรียกวิศวกรมาถามว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร วิศวกรเตรียมเรื่องนี้มาเสนอท่านอยู่แล้วก็กางแบบแปลนที่เตรียมมา…ใช้วิธีเอาน้ำในถังเก็บข้างบนมาพ่นใส่ทรายให้ฟุ้งแล้วดูดเอาออกไป…ด้วยปริมาณน้ำ…ลบม. เฮด เท่ากับ 30 บีบท่อให้เล็กลงมาเหลือ 4 นิ้ว แล้วบีบลงอีก…ติดหัวพ่น แล้วมีตัวดูดออก….

คุณมีตัวอย่างความสำเร็จวิธีการนี้ไหม….ไม่มีครับ..???!!! อ้าวแล้วคุณมั่นใจได้อย่างไรว่าวิธีนี้จะใช้ได้ที่นี่

มีวิธีอื่นไหม…ท่านผอ.กอง…..มีครับ คือผมเคยใช้ระบบปิด..ฯ…..

ใช้เวลาถกเรื่องนี้มากกว่า 45 นาทีเลยไม่ได้ไปดูพื้นที่ตรงอื่นเลย ในที่สุด ข้าราชการคนหนึ่งบอกว่า ไหนลองติดเครื่องสูบน้ำดูซิ

ผมรายงานฉะฉานว่าติดเครื่องไม่ได้ครับ เพราะมีปัญหาระบบไฟฟ้า…???!!! เป็นมากี่วันแล้ว ผมตอบสามวันมาแล้วครับ แล้วแก้ไขอย่างไร… ก็ต้องติดต่อตัวแทนบริษัทที่กรุงเทพฯให้ส่งช่างชำนาญการเรื่องนี้มาทำ แล้วจะมาเมื่อไหร่…

วุ้ย…..ตูจะบ้าตายมาบีบคั้นเอาคำตอบเบ็ดเสร็จกันตรงนี้เลยหรือ ก็เขายังไม่ตอบมาว่าจะมาเมื่อไหร่..เพราะเรื่องมันเพิ่งเกิดเราก็พยายามเต็มที่ เราทำงานมาเรารู้ดีว่าปัญหานี้เดือดร้อนถึงชาวบ้าน หากระบบเสียหาย ก็กระทบถึงชาวบ้านแน่นอน เราก็ถึงกับคิดระงับการผลิตพืชฤดูแล้งปีนี้ด้วยซ้ำไป..เพราะปัญหาระบบสูบน้ำไม่ร้อยเปอร์เซนต์

แต่ก็รับปากว่าจะแก้ปัญหานี้ให้ได้ภายในสัปดาห์หน้า… ท่านบอกว่า “ผมจะมาดูสัปดาห์หน้า”...โอ้โฮ ดีจริงๆ นายใหญ่จะเข้ามาดูอีก..

ในที่สุดคณะที่นั่งรถยาวเหยียดก็ออกจากพื้นที่โครงการไปสกลนครต่อไป..

หก: เรารีบกลับลงไปที่อาคารสูบน้ำ เรียกเจ้าหน้าที่ทุกคนมาแล้วตรวจสอบซิว่าที่บอกว่าจะลองเปลี่ยน Fuse ระบบดูนั้นทำไมไม่ทำ…คำตอบคือ หากล่อง Fuse สำรองไม่พบ เ..ว…ร..เอ้ย…

หาจนพบ ลองเปลี่ยนแล้วลองทดสอบติดเครื่องดู พบว่า เครื่องก็ไม่ทำงาน เอางี้ เข้าเมืองมุกดาหาร ไปซื้อ fuse มาใหม่ทั้งหมด ใช้ 17 ตัว เอา fuse นี้ไปด้วย ระยะทาง 60 กม. มาถึงตัวเมืองมุกดาหาร ไปหาร้านไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดสามร้าน ไม่มี fuse ขนาด 4 A ….เวรเอ้ย… เอ้างั้นตรวจสอบซิว่า fuse ที่เอามาด้วยนี้อันไหนเสียบ้าง พบว่าไม่เสียซักอัน งั้นหันหัวรถกลับไปดงหลวงใหม่อีก 60 กม.เอาไปเปลี่ยนใหม่ให้หมด

ผมลงที่สำนักงานเพราะต้องเร่งทำการสรุปเรื่องราวเพื่อทำรายงานต่อไป ปล่อยให้ลูกน้องบึ่งรถไปทำหน้าที่ อีกหนึ่งชั่วโมงถัดมาเสียโทรศัพท์ดัง เสียงลูกน้องดังลั่นสายว่า เครื่องทำงานแล้ว……

โธ่เอ้ย.คน(ลูกน้อง).โธ่เอ้ย..Fuse

เจ็ด: มาทบทวนพบว่าลูกน้องเปลี่ยน Fuse ใหม่ไม่หมดทุกตัว ซึ่งทั้งหมดมี 17 ตัว ไอ้ตัวที่ไม่ได้เปลี่ยนนั่นแหละมันเสีย….โธ่ ….ตู….

สรุป… ลองมาบีบแขนขาตัวเอง เอ ทำไมมันน่วมๆก็ไม่รู้..ห้า ห้า ห้า


วิกฤตน้ำ..

4 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 31, 2009 เวลา 9:44 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1903

วันที่ 30 แว็บไปนั่งฟังการสัมมนาเรื่อง วิกฤติน้ำ วิกฤติชีวิต: การจัดการน้ำเพื่อชีวิต..คนอีสาน ที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น

มีสาระที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะท่านอาจารย์ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ที่เกริ่นนำให้เห็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่จัดการเรื่องน้ำและวิถีชีวิต ท่านเน้นว่า คนโบราณจัดการทำโดยเน้นเพื่อการอุปโภค บริโภคเป็นหลัก วิธีการจัดการน้ำนั้น เน้นความสัมพันธ์คนกับคน คนกับธรรมชาติและกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ท่านเน้นความรู้ที่ต้องเคารพมากๆคือความรู้ที่มาจาก “คนใน” มิใช่ เอาแต่ความคิดเห็นของ “คนนอก”

คุณมนตรี จันทวงศ์ จากมูลนิธิฟื้นฟูชีวิตและธรรมชาติ ได้ นำข้อมูลที่คนส่วนใหญ่มักไม่รู้ คือข้อมูลจากรัฐ นโยบายของรัฐ แม้ข้อมูลบางเรื่องเป็นที่ไม่เปิดเผยมาก่อน โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ข้อมูลงบประมาณมากมายมหาศาลที่รัฐได้เตรียมไว้สำหรับลงทุนทำงานเกี่ยวกับการจัดการน้ำทั่วประเทศ หลายแสนล้านบาท บางส่วนผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วด้วยทั้งที่ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลลาวในกรณีโครงการผันน้ำจากเขื่อนน้ำเทินมุดแม่น้ำโขงมายังภาคอีสานของประเทศไทย แต่รัฐบาลไทย หน่วยงานที่รับผิดชอบได้อนุมัติงบประมาณออกแบบโครงการนี้แล้ว

ข้อมูลของคุณมนตรีนำมาเสนอนั้นไปตอกย้ำการกล่าวของท่านอาจารย์ศรีศักดิ์ที่ว่า เป็นความคิดของ “คนนอก” แม้จะพยายามทำประชาพิจารณ์ แต่ เป็นเพียงพิธีการแบบ ชงเองกินเองเสียมากกว่า…

คุณไพรินทร์ เสาะสาย จากโครงการทามมูล สุรินทร์ นั้นมาชี้ให้เห็นถึงระบบนิเวศอีสาน 6 แบบที่เกี่ยวข้องกับน้ำในอีสาน เป็นข้อมูลที่มีคุณค่ามาก หากไม่เข้าใจเรื่องราวของระบบนิเวศแล้ว การออกแบบชลประทาน หรือการจัดการน้ำก็จะไปทำลายระบบเหล่านี้และการจัดการแบบคนนอกคิดนั้นก็จะไปสร้างปัญหาอีกแบบหนึ่งขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ซึ่งมีตัวอย่างมากมาย

ประทับใจข้อมูลคุณมัสยา คำแหง จากมูลนิธิพิทักษ์ธรรมชาติเพื่อชีวิต ที่นำเอางานวิจัยที่ชาวบ้านเป็นผู้ทำและประสบผลสำเร็จในการจัดการน้ำ เป็นข้อมูลที่ตอกย้ำว่าการที่ชาวบ้านมองหาทางออกเองนั้นมันเหมาะสม สอดคล้องกับเงื่อนไขและสภาพของชุมชน ที่สำคัญ ไม่ได้ใช้งบประมาณมากมายอย่างที่รัฐทำ เธอกล่าววลีที่ชอบมากคือ “ข้อมูลทำให้เกิดการตื่น ตระหนัก”..


ส่วนตัวมีข้อเสนอดังนี้

  • RDI หรือหน่วยงานใดก็ตามที่เข้าใจปัญหานี้ ควรจะเอาข้อมูลเหล่านี้ และมากกว่านี้ไปขยายให้ชาวบ้านทั่วไปได้รับทราบมากที่สุด ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่งที่หน่วยงานนั้นเอื้ออำนวยให้
  • ทั้งข้อมูลที่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านและข้อมูลที่เป็นนโยบายของรัฐ ควรทำการสรุปสาระแล้วจัดทำเป็นสื่อต่างๆเพื่อเผยแพร่ให้กว้างขวางที่สุด
  • กระบวนการขยายข้อมูลควรดำเนินการไปเพื่อให้เกิดการตื่น ตระหนักของประชาชน โดยเฉพาะชาวบ้านที่เกี่ยวข้อง


  • ช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นรัฐบาลเป็นเจ้าของโครงการ และหน่วยงานราชการเป็นฝ่ายลากจูงการจัดการน้ำแต่โครงการเหล่านั้นจำนวนมากพิสูจน์แล้วว่า ล้วนแต่มีผลประโยชน์แอบแฝงของกลุ่มธุรกิจ และนักการเมือง บางส่วนที่มีอำนาจ ประการสำคัญ โครงการต่างๆเหล่านั้นไม่ได้ก่อประโยชน์ให้แก่ประชาชนตามที่ประกาศไว้ตั้งแต่ต้น เหตุผลที่สำคัญคือ รัฐไม่ค่อยฟังคนในชุมชน เน้นความรู้ทางเทคนิคมากกว่าความเข้าใจทางภูมินิเวศวัฒนธรรมเกษตรของท้องถิ่นนั้นๆ
  • ความล้มเหลวที่ซ้ำซากนั้น เป็นความสูญเสียของงบประมาณของรัฐ ของประชาชน เป็นความล้มเหลวของโอกาสของประชาชน แต่กลับเป็นความอิ่มหนำสำราญของคนบางกลุ่ม
  • มีแต่ประชาชนสร้างเครือข่ายและลุกขึ้นมาเสนอและควบคุมโครงการนั้นๆเอง ตรวจสอบการดำเนินการโครงการ โดยร่วมมือกับนักวิชาการที่ยืนอยู่ข้างประชาชน แม้จะเป็นการยากยิ่งก็ตาม

ขอบคุณ RDI และกลุ่มหน่วยงานผู้จัดที่เปิดเวทีให้เกิดการเรียนรู้และกระตุ้นให้มีการต่อยอดความคิดในเรื่องนี้ต่อไป


หนาว ข้าว ตอก

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 28, 2009 เวลา 20:50 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2369

เมื่อคืนนั่งทานอาหารที่ริมโขงกับเพื่อนนักศึกษาเก่า มช. เพื่อเตรียมงานต้อนรับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดคนใหม่ นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ พวกเราต้องปิดหน้าต่างร้านอาหารหมด เพราะลมพัดแรงมากและมีความเย็น…


เมื่อเช้าเดินทางไปทำงาน มีลมพัดแรงมาก ตลอดทั้งวันไม่ต้องใช้แอร์คอนดิชั่น ตอนค่ำเดินทางกลับที่พัก ดูอุณหภูมิที่มิเตอร์ในรถบอกว่า 28″C

ฤดูหนาวมาแล้ววววว

ย้อนกลับเข้าไปที่ดงหลวง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปชาวบ้านมีงานในนายุ่งมาก ไม่ต้องมาจัดประชุมอะไรให้ยืดยาว เสียเวลาเกี่ยวข้าว และกระบวนการจัดเก็บ โน่นจนถึงกลางเดือนหรือสิ้นเดือนธันวาคมโน่นเลย

การเก็บเกี่ยวข้าวที่ดงหลวงและอีกหลายๆพื้นที่นั้นเริ่มมาตั้งแต่สองสัปดาห์ก่อน ชาวบ้านเรียก ข้าวดอ แล้วก็มาข้าวกลาง และข้าวหนัก ในท้ายที่สุด ตามลำดับลักษณะพันธุ์ข้าว..


เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หากเราเดินทางไปทั่วชนบทอีสาน และสังเกตก็จะเป็นชาวบ้านเอาไผ่ป่ามาจักตอก เพื่อใช้มัดข้าวที่กำลังมาถึงช่วงนี้ ตอกนี้มีการใช้ในภาคอีสานและภาคเหนือ ในประเทศลาว และกลายเป็นธุรกิจที่ทำเงินไม่น้อยในแต่ละฤดูการเกี่ยวข้าว เพราะไผ่ที่จะเอามาทำตอกนี้ ต้องเป็นไผ่ป่าเท่านั้นที่ดีที่สุด อายุของไผก็จะต้องไม่แก่หรืออ่อนเกินไปจะได้เนื้อตอกที่นิ่ม เหนียวไม่หักหรือขาดง่ายๆ เหมาะที่จะเอาไปมัดข้าว

ราคาซื้อขายกันคือ 1000 ละ 80 ถึง 100 บาท และชาวบ้านบอกว่า เวลาซื้อ 1000 ละนั้น นับจริงๆจะไม่ถึง 1000 เส้น…??

เมื่อปีที่แล้วพบว่าตอกที่เอามาขายแถบ คำชะอี และทั่วไปในมุกดาหารนั้น มาจากลำปาง….? มาเป็นคันรถ 6 ล้อ มูลค่าหลายหมื่นบาท

ตลอดพื้นที่ริมโขงนั้นก็นำเข้าตอกมัดข้าวมาจากฝั่งลาว จุดหนึ่งที่มีการซื้อขายกันมากคือที่นครพนม มูลค่าการซื้อขายตลอดแนวแม่น้ำโขงนั้นกล่าวกันว่าน่าจะเป็นเงินล้านบาทเลยทีเดียว

บางทีผมก็คิดว่า งานพัฒนาเราคิดอะไรที่ไกลตัวเกินไป สิ่งใกล้ตัวแค่นี้ มองไม่เห็น คิดไม่เป็น และไม่มีการพูดถึง จึงไม่มีการสนับสนุน..

อ้าว. เริ่มที่อากาศหนาวมาลงที่ตอกซะแล้ว…


การประเมินการพึ่งตนเองของไทโซ่ดงหลวง

3 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 16, 2009 เวลา 0:01 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2919

 

การประเมินสถานการณ์การพึ่งตนเองของพี่น้องไทโซ่ ดงหลวง

 


ตอก..52 และพื้นที่ชาวบ้าน..

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 10, 2009 เวลา 22:22 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2953

สายวันนั้นรีบเร่งจะไปประชุมกับ อบต.เรื่องข้อบัญญัติการบริหารงานสูบน้ำเพื่อการชลประทาน ผมขับรถผ่านบ้านนาหลัก ก็ต้องหยุดกึก สายตาไปเห็นผู้นำเราขี่มอเตอร์ไซด์ มีไม้ไผ่ท่อนอยู่ด้านหลัง


ลูกน้องผมสองคนนั่งในรถดูเธอเฉยๆ หรือใจจรดจ่ออยู่กับการประชุม แต่ผมต้องลงไปที่มอเตอร์ไซด์คันนั้น ก่อนที่ผมจะเอ่ยปากใดๆ ชาวบ้านท่านนั้นก็ยิ้มให้ผมอย่างยินดีและจริงใจ ผมทักทายตามปกติ

ไม่บอกก็รู้ว่าชาวบ้านท่านนี้ไปเอาไผ่ป่ามาเพื่อเอาไปแปรรูปเป็นตอกเตรียมมัดรวงข้าวที่กำลังจะสุกในไม่นานเท่าใดนัก

# ฤดูทำงานหนักมาถึงอีกแล้ว

# กิจกรรมการประชุมชาวบ้านต้องเบาบางลงอย่างมาก

# ข้าวใหม่กำลังจะออก ช่วงภาวะขาดข้าวกำลังจะหมดไป

# พายุกิสนา ผ่านพ้นไปแล้ว และฤดูหนาวกำลังจะเข้ามาแทนที่


มองไปรอบๆบริเวณหมู่บ้าน เห็นกองขี้ตอก ร่องรอยของการเตรียมตัวรับข้าวใหม่ เห็นชาวบ้านผึ่งตอกที่ “จัก” แล้ว บางคนก็กำลังลงมือทำ..

วิถีชาวบ้านวนเวียนเช่นนี้ เหมือนน้ำที่ไหลไป ไหลไป เหมือนสายพานเครื่องจักรที่หมุนวนเวียนรอบวิถีที่ธรรมชาติการดำรงกำหนดให้ไว้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ไม่ได้มีตารางแผนงานบนกระดาษ แต่มีตารางในสำนึก ในสัญชาติญาณ


ผ่านหมู่บ้านออกไป ก็หยุดรถอีก ดูข้าวในทุ่ง สีทองเริ่มทอแสงออกมา ใช้เวลาจนลืมตัวว่าต้องไปประชุมอีกไม่กี่นาทีนี้แล้ว…


นึกย้อนไปปีที่แล้วที่พบธุรกิจค้าตอกมัดข้าวที่มาจากลำปาง บุกถึงถิ่นมุกดาหารที่บ้านคำชะอี และที่ทราบตลอดริมโขงก็มีธุรกิจค้าตอกที่มาจากฝั่งลาว ขึ้นที่อุบล นครพนม และที่อื่นๆที่ยังไม่ทราบข่าวยืนยัน ธุรกิจนี้ทำเงินปีละนับล้านบาท แค่ไผ่ป่าที่เอามาจักเป็นตอกแบบง่ายๆ..


ในโอกาสเดียวกันที่ผมต้องบันทึกภาพนี้ไว้ คือการปลูกข้าวในที่ว่างเพียงนิดหน่อยข้างทาง ข้างถนน นี่คือการใช้พื้นที่ทุกกระเบียดเพื่อการปลูกข้าวเอาไว้กิน ของไทโซ่ ดงหลวง เพราะพื้นที่ทำกินมีน้อย เพราะข้าวไม่พอกิน พื้นที่ใดจะปลูกข้าวได้เป็นใช้ประโยชน์ทั้งหมด…


เหตุการณ์บ้านเมืองมากมายที่ครอบครองพื้นที่สื่อสาธารณะไปหมดสิ้น หากจะมีชาวบ้านบ้างก็ต้องเกี่ยวข้องกับข้าราชการ หรือนักการเมือง เช่น กรณียายไฮ เหอะ แล้วยายไฮก็จะหายไปจากพื้นที่นั้นๆ

แล้วพ่อสาย นายหล่อง ป้าลำไย พ่อใบ นายสมจิต..ไปอยู่ที่ไหนในพื้นที่สาธารณะ เพราะเขาไม่มีอะไรน่าสนใจจะเป็นข่าวหรือ…

เกษตรกรชายป่า ที่เสียภาษีทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างซื่อสัตย์ เก็บกวาดเอาไปบำรุงชาติ แต่งบประมาณที่ย้อนกลับมานั้นมันน้อยนิดเสียจนชาวบ้านต้องดิ้นรนกันเองในเรื่องทำมาหากิน

เถอะ..ชาวบ้านอย่างเราก็ยินดีเราซื่อสัตย์ จริงใจ และเทิดทูนองค์เหนือหัวที่ทรงพระราชทานเศรษฐกิจพอเพียง

ขอพื้นที่สาธารณะให้เรามีตัวมีตนบ้างเถอะนะ.. แม้คุณจะเพียงผ่านมาแล้วผ่านไปก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรหรอก..

ขอบคุณที่บ้านแห่งนี้แบ่งพื้นที่ให้ชาวบ้าน..


รับผู้ว่าแล้วมารับทูต

6 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 2, 2009 เวลา 1:56 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1822


เดินทางไปมุกดาหาร สายๆ เพื่องานในหน้าที่และงานสังคม

หนึ่ง ไปต้อนรับผู้ว่าคนใหม่ ทำไมต้องไปต้อนรับ..

สอง ไปต้อนรับท่านทูตไทยประจำเวียตนาม รูปหล่อ คนเก่ง โตเร็ว

ท่านทูตมาราชการที่อุดร แล้วขอเลยมาพบเพื่อนเก่าที่มุกดาหาร เดี๋ยวค่อยลงละเอียดกันน่าสนใจครับคุยกับทูต

ทั้งสองท่าน ผู้ว่ากับทูต เป็นลูกช้างรหัส 17 ทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน ตอนทั้งคู่เข้า มช ผมจบไปทำงานพัฒนาชาวบ้านที่สะเมิงแล้ว อิอิ


ห่วงพี่น้องภาคใต้

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ มิถุนายน 16, 2009 เวลา 10:20 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1809

 

 

จะไปปลูกต้นไม้ทำบุญ

อุทิศส่วนกุศล

ให้พี่น้องชาวใต้ที่สูญเสียชีวิต..


เย้..งานเสร็จแล้ว

4 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กุมภาพันธ 5, 2009 เวลา 2:17 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2322

เย้….งานเสร็จแล้ว  น้องๆนั่งหลับกันแล้ว อิอิ


ทัวร์คนเฒ่า

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ มกราคม 11, 2009 เวลา 23:47 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2606

ทัวร์ครอบครัวครั้งนี้หากรวมอายุกันก็เกือบ 500 กว่าปี อิอิ.. กิจกรรมของสมาชิกจะไปมีอะไรก็เดินดูโน่นดูนี่ ถ่ายรูปกับพี่ๆน้องๆ กิน และที่ชอบกันมากก็คือนั่งคุยกันเสียงดังลั่น

เราไปพักกันที่เรือนรับรองเขื่อนภูมิพล ใครที่เคยไปแล้ว หรือเคยพักมาแล้วก็ต้องชอบนะครับเพราะว่า Landscape สวยและมีอาหารที่อร่อยโดยเฉพาะ สลัดและไอศกรีม เขาคุยว่าสองอย่างนี้ฝรั่งมาสอนทีมงานเอาไว้ และใครไปใครมาก็ต้องชิมและญาติคนหนึ่งบอกว่า ห่างกัน 3 ปีฝีมือยังเหมือนเดิม

ห้องพักที่ผมชอบมากคือ กองหนังสือหัวเตียงตรงไฟนั่นแหละครับ เป็นกองหนังสือมีสัก 10 เล่ม ทั้งหมดเป็นหนังสือธรรมของพระอาจารย์ต่างๆ ไม่ซ้ำกันเลย มีทุกห้อง ผมว่าเป็นความคิดที่ดีที่เอาหนังสือประเภทนี้มาไว้ตรงนี้

อากาศหนาวครับ ประมาณ 15 องศา หนาวไม่หนาวดูเจ้านกเอี้ยงคู่ตุนาหงันนี่ซิ ดูท่าทางตอนแรกผมว่าเป็นลูกนก เฝ้าดูสักพักก็ไม่ใช่ครับ เขาพาคู่มาผึ่งแดดอุ่นตอนเช้าน่ารักมากครับ

ดอกอะไร…บางท่านอาจจะยังไม่รู้จัก เป็นต้นไม้ยืนต้นใหญ่ อยู่รอบๆเรือนพักรับรอง ชื่อเขาคือ ดอกงิ้วขาวครับ


ทัวร์คนเฒ่านี้ไปที่แม่สอดอีก ประมาณ 80 กิโลเมตรจากตัวจังหวัดตาก ถนนดีมาก สะอาด กว้าง เรียบสวย ดูเหมือนจะได้รับรางวัลของจังหวัดด้วยครับ ที่ตลาดริมเมย มีคนพม่ามานั่งขายของเย้ยตำรวจอย่างน่าแปลกใจ ที่ผมกล่าวเช่นนั้นเพราะทั่วเมืองมีป้ายแนะนำว่าอย่าไปซื้อบุหรี่ และของผิดกฎหมายอื่นๆ แต่สิ่งที่ผมเห็นและได้ยินกับหูคือ มีชาวพม่ามานั่งที่ริมรั้วร้องเรียกให้ซื้อบุหรี่ ยาไวอะกร้า และยาสีชมพู ซึ่งผมเดาเอาว่าตัวหลังสุดนี้คือยาเสพติดอะไรสักอย่าง..??

ที่ตลาดริมเมยนั้นสภาพคล้ายๆตลาดอินโดจีนที่มุกดาหารและที่หนองคาย แต่สภาพดูแย่กว่าเพราะตัวร้านค้าเป็นแบบกึ่งถาวร สินค้าที่ขายก็ส่วนใหญ่ก็มาจากพม่า และของไทยเรานี่เอง สนนราคาก็ทั่วๆไป ไม่แพงไม่ถูก อย่างราคาสบู่ แท่งยาวๆสำหรับซักผ้าที่เปื้อนมากๆ เป็นราคาเดียวกันกับมุกดาหาร

ผมไปที่ตลาดริมเมย หรือแม่สอดนี้หลายครั้งแล้วและทุกครั้งก็มานั่งกินกระเพาะปลาเจ้านี้ ผมไม่ได้กินนะครับให้เพื่อนๆกิน ใครๆก็ชมว่าอร่อย ร้านแน่นตลอด เดินชมร้านก็จะเห็นรูปคนดังมากินเต็มข้างฝาไปหมดตั้งแต่นักการเมือง นักธุรกิจดัง แม้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน กระเพาะปลากลมๆที่ห้อยอยู่นั่นราคากิโลกรัมละ สามหมื่นบาท หากเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ถุงราคากิโลกรัมละสองพันกว่าบาท มาคราวนี้ได้กินดอกไม้จีนสดผัดน้ำมัน (รูปล่าง) เจ้าของร้านบอกว่าไม่มีขาย คนปลูกเอามาขายให้ร้านนี้เจ้าเดียวเท่านั้น ต่อวันได้เพียง ประมาณ 10 จานเท่านั้น ในตลาดก็ไม่มีขาย

ขากลับก็ไม่พลาดที่จะแวะตลาดมูเซอระหว่างทาง เปลี่ยนไปจากเดิมสิ้นเชิง เพราะขยายขนาดไปมากมายและคนผ่านก็ต้องแวะทั้งขาไปและกลับ สินค้าก็มากมายจริงๆ เท่าที่เดินดูก็เป็นอาหารและผลไม้ ผลไม้ทั้งในบ้านเราและมาจากจีน เช่นลูกพลับ แอบเปิ้ล ฯลฯ ซึ่งมาจากแม่สาย..??? สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือผักสดที่ชาวเขามีฝีมือปลูกมานาน ผักเมืองหนาวเกือบทุกชนิดมาและราคาถูก คนข้างกายผมชมว่า สาวมูเซอค้าขายเก่งเหมือนชาวม้ง ผักเขาจะแพคใส่ถุงพลาสติกโป่งๆข้างในมีน้ำติดก้นถุงราคาถุงละ 20 บาท ที่ใส่ถุงโป่งและมีน้ำติดก้นถุงเพราะ ง่ายต่อการขายและจะสดตลอด ถ้าลูกค้าสนใจก็จะขยั้นขยอให้ซื้อสามถุงคิด 50 บาท เมื่อใครตัดสินใจซื้อก็รีบเสนอสินค้าตัวอื่นทันที นี่คือสาวมูเซอที่ขายเชิงรุก…เก่ง..


ผมเห็นฝักสะบ้าใหญ่เบ่อเริ่ม ซึ่งผมไม่เห็นมานานแล้ว วันนี้เป็นสินค้าเครื่องประดับห้องไปแล้ว ผมถามแม่ค้าก็บอกว่าส่วนใหญ่ซื้อไปเป็นเฟอร์นิเจอร์ สนนราคาฝักละสามสิบบาท ซื้อมากก็ลดลงมา

ที่ผมตื่นตาก็คือเจ้าหนอนไผ่ที่กลายมาเป็นสินค้า ที่มีแพคกิ้งใส่กล่องพลาสติกอย่างดีวางขาย หลายคนบอก ยี้…..หลายคนบอก โห…ของหายากมากๆ….อร่อย.. หนอนไผ่นี้ในตลาดทั่วไปรู้จักกันชื่อ รถด่วนที่ชื่อเช่นนี้เพราะรูปร่างเขาเหมือนรถด่วน สมัยผมอยู่สะเมิงชาวบ้านเอามาให้กินบ่อยๆ บางท่านอาจจะไม่รู้จักว่ามันมาจากไหน…หนอนไผ่ หรือเจ้ารถด่วนเป็นหนอนชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในปล้องไม้ไผ่ ชาวบ้านสะเมิงย้ำว่ามันสะอาดมากนะ มันไม่เคยลงมาเดินบนดินเลยอยู่แต่ในปล้องไม้ไผ่ตลอดเวลา จึงสะอาด เป็นของธรรมชาติ หายาก นานๆจะพบสักทีและมีแต่ในป่า ไม่มีการเลี้ยงเพื่อเอามาขาย นี่แหละครับคืออาหารป่าที่แปลก

ระหว่างทางกลับมาขอนแก่นพบสิ่งที่ไม่เคยเผชิญมาก่อน คือระหว่างขับรถก่อนถึงน้ำหนาว รถเก๋งที่วิ่งข้างหน้าผมห่างออกไปประมาณ 30 เมตรเบรกกะทันหันและเอาหัวรถหักไปทางเลนขวา ขณะที่มีรถสวนทางมา ผมก็เสียวกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ และสงสัยว่าเพราะอะไรรถคันหน้าจึงทำเช่นนั้น ผมเบรกรถตามและเมื่อเข้าไปใกล้ก็พบว่ามีช้างป่าใหญ่ตัวหนึ่งกำลังอาละวาดแบบกลัวๆกล้าๆอยู่ข้างทาง….. นี่เองเป็นสาเหตุ ผมเห็นเขาแล้วก็หวาดเสียว ดูเหมือนเขาระแวงรถที่วิ่งไปวิ่งมา….. คิดจะถ่ายรูปมา คนข้างกายบอกว่าไปเถอะรีบออกไปเร็วๆ กลัว….

มาถึงน้ำหนาวรถที่ผมขับบอกว่าอุณหภูมิข้างนอก 12 องศา เมื่อเวลา 6 โมงเย็น..กลับมาถึงบ้าน 15 องศาครับ


ปีวัวบ้า…2552…

8 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ธันวาคม 27, 2008 เวลา 18:08 ในหมวดหมู่ สังคม บ้านเมือง ประชาธิปไตย, เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2747

คนข้างกายเธอติดนิยายในสกุลไทย ประเภท แฟนคลับตัวยง ผมก็พลอยได้อ่านบางบทความบางเรื่องไปด้วย บทหนึ่งที่ดูผ่านๆประจำคือ ดวงเมือง..ของ โสรัจจะ นวลอยู่ อิอิ.. อย่าเครียด อย่าตกอกตกใจ ถือว่าเป็นการรับทราบไว้และไม่ประมาทนะครับ

2552 เป็นปีวัวบ้าครับ..???..

โดยสรุป เขากล่าวว่า

· สยามประเทศถูกร้อยด้วยดาวบาปเคราะห์เป็นลูกโซ่ อาถรรพ์ของดวงประชาธิปไตยได้สำแดงฤทธิ์อีกครั้ง วันที่ 2 มีนาคม เป็นต้นไปเป็นวินาศกับดวงเมืองเพราะดาวมฤตยูย้ายจากราศีกุมภ์เข้าราศีมีน การเปลี่ยนแปปลงการปกครองจะอุบัติขึ้น ดาวมฤตยูเป็นเจ้าแห่งการเปลี่ยนแปลง

· ต้นปีประเทศเข้าสู่ท่าทีใหม่ ยุคใหม่ มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ มีแผนการใหม่ๆอันเหมาะสมกับประเทศ

· แต่ดวงประเทศผูกไว้กับ ราหู พฤหัสบดี และมฤตยู ตั้งแต่ต้นปี และเกิดการทำมุมขึ้น …ทำให้เกิดความไม่ปรองดองกันของนักการเมือง มีการเพิ่มทิฐิมานะเต็มที่… ความรุนแรงแผ่ไปทั่ว กลุ่มบุคคลบูชาหลักการปกครองสมัยใหม่ กำลังปลุกปั่นผู้คนอย่างเต็มที่ เศรษฐกิจบ้านเมืองตกต่ำสุดขีด บ้านเมืองถอยเข้าสู่เผด็จการ การแข็งข้อของราษฎรมีความกระทบต่อการกระทำของผู้ใหญ่ที่หลงอำนาจและคอรัปชั่นสุดโต่ง..

· การที่มีผู้คิดจะเอาลัทธิใหม่เข้ามาปกครองประเทศ หากปล่อยไปประเทศจะวิบัติอย่างใหญ่หลวง ตกอยู่ในสภาพมิคสัญญี เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า

· อิทธิพลของลัทธิใหม่เริ่มเป็นอันตรายต่อชาวโลก ควรเตรียมใจ เตรียมสติปัญญาการแก้ไขให้เต็มที่

· เดือน พ.ค. โดยทั่วไปไม่น่าไว้วางใจต่อสถานการณ์รอบด้านของโลก โดยเฉพาะประเทศไทยเรา ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นนิมิตรหมายอันดีของประเทศชาติ อยู่ในสภาพเผชิญหน้า การท้าทาย แตกแยก หักหาญ การแย่งชิงอำนาจกัน เกิดหักมุมอันร้ายแรงได้ทุกขณะ ประเทศชาติแขวนบนเส้นด้ายเล็กๆ

· ปีฉลู 2552 นับว่าเป็นปีความวิปโยคอย่างแท้จริง รัฐบาลจะล้มลุกคลุกคลาน เกิดการล้มทางลัดด้วยปากกระบอกปืน ของทหารผู้มักใหญ่ใฝ่สูง เกิดการจลาจลในกรุงเทพฯ แตกแยกเคียดแค้น จะก่อความยุ่งยากทีละน้อยจนระงับไม่อยู่ ผู้มีอำนาจจะหมดวาสนา หรือต้องลี้ภัยไปต่างประเทศ

· ปัญหาภาคใต้ก็รุนแรงขึ้น ….. ทำความยุ่งยากแก่รัฐบาล มากมาย……..

· เศรษฐกิจจะตกต่ำเป็นประวัติศาสตร์ของเมืองไทย ล้มละลายทางเศรษฐกิจ ประชาชนอดอยาก ถึงกับปันอาหาร ธนาคารแย่สุด..

· ปลายปีจะเกิดอาเพศ หิมะตก ซึ่งเป็นลางร้ายทั้งทางธรรมชาติ บุคคล การเมือง การปกครอง วัฒนธรรมประเพณี เกิดโรคภัยแปลกๆ มีปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม

· ปลายปี จะเกิดคลื่นยักษ์ถล่มชายฝั่งอันดามันอีก น้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง ใต้ฝุ่นจะเข้าถล่มภาคใต้

· ปีนี้แกนโลกเอียงมาก อาจเกิดภัยธรรมชาติมากขึ้น พายุรุนแรงมากกว่าเดิม แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทั่วโลก มีผู้เสียชีวิตมาก

2552 ปีวัวบ้า

อย่าไปเชื่อ อย่าไปตระหนกตกใจ แค่รับรู้รับทราบ และไม่ประมาทเท่านั้น…

มอบดอกวาสนาให้ทุกท่านก็แล้วกันครับ



Main: 0.062144994735718 sec
Sidebar: 0.04410719871521 sec