ไปชิมความหนาวที่ปาย ก่อนไปเฮฯหก

6 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ธันวาคม 1, 2008 เวลา 9:53 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3216

ที่เขาค้อนั้น คุณติ๋ม ได้มาเยี่ยมแต่เช้า เพื่อมาดูความเรียบร้อย เราออกจากที่เขาค้อประมาณ 9 โมงเช้า มุ่งหน้าไปพิษณุโลก ลำปาง - เชียงใหม่ - ปาย ผ่านเมืองพิษฯก็ โฟนอิน คุณหมอขอวีซ่าผ่านด่าน โดยไม่ขอแวะ เพราะไปอีกไกล ทั้งที่คุณหมอชวนทานข้าว

เราจอดทานกลางวันที่ร้านลมเย็น ร้านใหญ่ริมถนนใหญ่อาหารอร่อย มีให้เลือกมากมาย แล้วก็ลิ่วละล่องไปลำปาง เชียงใหม่ รถราก็พอสมควรไม่มากไม่น้อย คนข้างกายผมผลัดกันขับรถ โดยเธอขับในช่วงที่ราบ แต่เมื่อเข้าเขตภูเขา ต้องเป็นผม มือหนึ่งเท่านั้น..

เมื่อเราเข้าเชียงใหม่ ก็บ่ายสามโมงแล้ว ไม่เข้าตัวเมืองใช้เส้นทางวงแหวนรอบนอกมุ่งหน้าไปถนนเส้นแม่ริม - แม่แตง - ปาย แม่ฮ่องสอน รอบเมืองเชียงใหม่รถหนาแน่น(ปกติ) เมื่อหัวรถหันเข้าเส้นทางแม่แตง-ปาย-แม่ฮ่องสอน เท่านั้นเอง เราก็เห็นรถวิ่งสวนทางมาหนาตา เป็นระยะ ตลอดเส้นทาง คือนักท่องเที่ยวกลับเชียงใหม่สวนทางกับเรา


ผมลองให้ลูกสาวนับจำนวนโค้งของถนน เมื่อรถขึ้นภูเขาสูงสุดก่อนจะลงเข้าเมืองปาย เท่านั้น ทั้งแม่ทั้งลูกบอกว่า หยุดรถเดี๋ยวนี้…….จะอ๊วก… เราหยุดรถแล้วให้ลงไปชิมความหนาวบนยอดดอยตอนบ่ายแก่ๆซะพักใหญ่ ไปเดินเล่นในสวนสนข้างทาง สูดอากาศบริสุทธิ์ สองคนนี้ดมยาดมไม่ได้ ยิ่งไปใหญ่ ได้กลิ่นควันรถไม่ได้ ยิ่งโหมกำลังอ๊วก ชอบอย่างเดียวอากาศเย็นๆ นิ่งๆ อิอิ.. ความจริงลูกสาวก็กินยาแก่เมาที่มีติดรถไปแล้ว แต่กินช้าไปหน่อย….

มันช่างเหมือนคำขวัญแบบสนุกๆของปายที่ว่า อ๊วกๆ หลับๆ เท่ากับปาย

เมื่อเข้าปายเราก็หยุดถ่ายรูปทุ่งนา ตอนพระอาทิตย์จะตกดิน สวย สวย….

ประการแรกที่เราไปถึงปายก็ต้องรีบหาที่พักที่จองไว้แล้วน้องเอกช่วยแนะนำไว้ให้ เป็นบ้านพักในสวนกลางเมือง

จะไปแล้ว …… เอารูปดูก็แล้วกันแล้วค่อยบันทึกตามหลัง

เขียนโปสกาด แล้วส่งตู้ไปรษณีย์เลย

ลูกสาวไม่ได้ไปเชียงราย  เลยซื้อโคมลอยมาปล่อยกัน


เฮฯหกกับบางทราย 1

4 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ พฤศจิกายน 30, 2008 เวลา 8:50 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3032

เพราะเช้าวันเสาร์ต้องไปร่วมงานบุญครบรอบการเสียชีวิตหมอยุทธและแม่ชีป่านที่สกลนคร ผมและครอบครัวจึงเดินทางออกจากขอนแก่นเย็นแก่ๆ และมามืดที่เขาค้อ แล้วควานหาที่พักกัน เข้าไปหา 2 แห่งล้มเหลว…. หิวก็หิว แต่ก็ต้องหาที่พักก่อน

เราคุยกันว่า เออ สถานที่พักใหญ่โต แต่ไม่มีระบบแจ้งแขกที่จะมาหาที่พักว่า มีห้องพักว่างให้เช่าหรือไม่ เหมือนยุโรปที่เราเคยขับรถเที่ยวมา แค่ผ่านป้ายที่พักเขาก็มีสัญลักษณ์บอกว่าเหลือกี่ห้อง หรือเต็มแล้วจะได้ไม่เสียเวลาเข้าไปถาม เจ้าของเองก็ไม่เสียเวลาตอบคำถาม

เราตัดสินใจไปหาข้างหน้าลึกเข้าไปในภูเขาค้อแล้วเราก็พบป้ายบอกว่า ห้องว่าง 1 หลัง เราขับรถเข้าไปหาที่ติดต่อไม่มี นึกได้ว่าที่ป้ายตะกี้มีเบอร์โทรศัพท์บอกไว้เราโทรดู ได้เรื่อง เรามีที่พักเป็นบ้านหลังเบ่อเริ่ม ราคา 1000 บาท พักกัน 3 คน พ่อแม่ลูก ความจริงเขาจัดที่พักได้มากถึง 15 คน…

สองสามีภรรยาเป็นอดีตข้าราชการเก่ามาซื้อที่ดินไว้นานแล้ว ยามแก่เฒ่าก็มาทำบ้านพักให้เช่า…ชื่อที่พักคือ ตุ๋ยกะติ๋มเป็นชื่อเจ้าของแหละครับ ท่านมีบุตรสาว 1 คนกำลังเรียนปีสุดท้ายที่ธรรมศาสตร์รังสิตภาควิชาวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์

เราพอใจเป็นที่สุดที่โชคดีได้บ้านพักทั้งหลัง มีสองห้องนอนและห้องโถงที่ปูที่นอนได้มาก มี 2 ห้องน้ำ มีห้องครัว เครื่องครัวเพียบ ตู้เย็น ทีวี จานดาวเทียม

สภาพยังใหม่เลย ที่ปิดเปิดไฟพลาสติกยังหุ้มอยู่เลย สงบเงียบ กว้างขวาง ดีกว่าพักโรงแรมรีสอร์ทอีกเป็นไหนๆ

คุณติ๋มแสนจะน่ารัก เช้าขึ้นมาเธอเดินเอาขนมพร้อมแผนที่มาให้ และเอาใบเตยจับจีบเป็นดอกกุหลาบมาให้สามดอกให้เอาใส่ห้องน้ำและฝากใส่รถให้ไปด้วย น่ารักจริงๆ เธอช่างคุยจนเพลิน

เพื่อนๆใครผ่านมาทางนี้ก็เชิญมาอุดหนุนนะครับ


เสร็จเขาอีกแล้ว……

4 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ พฤศจิกายน 22, 2008 เวลา 21:27 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2931

ผมไม่ได้เข้าอู่รถใหญ่ๆเสียนานมาก ทั้งนี้เพราะมีลูกน้องช่วยทำหน้าที่ให้หมด เราก็มีเวลาลุยเรื่องอื่นๆต่ออย่างเต็มที่ ลูกน้องขอลาไปเกี่ยวข้าว ความที่ไม่ได้เอารถเข้าอู่นานดังกล่าว ผมก็แปลกใจและรู้ว่า เรานี่เกือบ ตกรุ่น ไปแล้ว อิอิ

วันนี้เป็นวันหยุด ผมอาสาคนข้างกายที่บ้านเอารถไปเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเช็คสภาพรถทุกอย่างก่อนลุยเชียงราย จึงเข้าอู่ใหญ่ที่ผมเชื่อมั่นในระบบของเขา อู่ในขอนแก่นมีมากมายที่มีขนาดใหญ่ เกือบทุกยี่ห้อ บางยี่ห้อมีหลายสาขา เช่น Toyota มีถึง 4 สาขาขนาดใหญ่ แน่นอนผมก็เอาเข้าอู่ประจำที่รถมีประวัติมาแล้วจะได้ง่ายต่อการตรวจสอบประวัติรถต่างๆ ระบบยังกับโรงพยาบาลแน่ะ

แรกเข้าไปมีพนักงานมาต้อนรับรถ พูดจาไพเราะ ลงทะเบียนแจ้งการซ่อมบำรุง แล้วเขาก็เอาประวัติรถมาตรวจสอบ แล้วก็แจ้งว่าตามกำหนดแล้วควรจะเปลี่ยนนั่นเปลี่ยนนี่ เหมือนอะไหล่เครื่องบิน เมื่อถึงชั่วโมงการใช้งานพอสมควรแล้วก็ถอดทิ้งเปลี่ยนอันใหม่เลย แต่อู่เล็กๆเขาจะดูสภาพว่าพอใช้ได้อีกไหม หากใช้ประสบการณ์พิเคราะห์ว่ายังพอใช้ได้ ก็จะแนะนำว่า อันนี้ยังพอใช้ได้ คราวหน้าค่อยมาเปลี่ยน หรือดูอีกที… นี่ความแตกต่างมันอยู่ตรงนี้เอง ราคาอู่นอกเล็กๆที่เชื่อใจกันจึงถูกกว่า…

เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้แล้วพนักงานรับรถก็เอาแผ่นผ้ายางไปคลุมเบาะนั่งรถ นัยเพื่อป้องกันเบาะเปื้อนระหว่างการซ่อมบำรุง เอาแผ่นป้ายหมายเลขการซ่อมบำรุงรถไปติดไว้บนหลังคนรถ พนักงานก็เอารถเข้าห้องซ่อมบำรุง แล้วเชิญเราขึ้นไปห้องพักที่สวยงามสง่า มีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ต้อนรับมากมาย เริ่มตั้งแต่ เชิญเลือกดื่มน้ำ จะเอาเย็น อุ่น หรือกาแฟ..จะนั่งดูทีวีจอยักษ์ บนโซฟานิ่มๆ หรือจะหามุมอ่านนิตยสาร วารสาร ต่างๆมากมาย หรือจะเล่น เน็ท Wifi ที่อู่มีไว้ให้ หลายโต๊ะ หรือเราจะเอาเครื่องคอมมาเองก็เปิด wifi ฟรี บางแห่งมีที่สำหรับเด็กเล่นอีกด้วย….

พนักงานสาวสวยก็ขยันเดินมาถามว่าจะเอาอะไรอีกไหม.ค่ะ…ป๊าดด…ยังกะเราเป็นแขกบ้านแขกเมืองมีบ่อน้ำมันโน้น… น่าเอาไปไว้ที่บ้าน ไปดูแลเราแบบนี้ให้ตลอดจัง..อิอิ (รับรองโดนอีโต้หัวแบะแน่เล้ยยยย)

เราก็เลือกเน็ท ซิ..เล่นซะเพลินไปเลย มารู้ตัวอีกที พนักงานมาบอกว่า รถเสร็จแล้วครับ ขอเชิญที่เคาท์เตอร์ (กูจะงาบมึงหละทีนี้…) พนักงานอีกฝ่ายก็มาพูดจา..ดี๊.. ดี.. แจ้งให้ทราบว่าซ่อมบำรุงนั่นนี่อะไรบ้าง หันจอคอมพิวเตอร์แสดงการบันทึกประวัติการซ่อมบำรุงรถครั้งที่ผ่านๆมาและครั้งนี้ นัยว่านี่คือความโปร่งใส..แจ๋ว แล้วก็บอกราคา อิอิ..ท่านจะจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิตครับ… ท่านจะเอาใบเสร็จไหมครับ…ท่านจะ…ท่านจะ…. วุ้ย…ตั้งแต่เดินเข้ามาในอู่นี่ เป็นท่าน ไปแล้ว ผมเห็นเขาปฏิบัติเช่นนี้กับตาสีตาสาที่เอาปิคอัพเข้ามาซ่อมบำรุงเหมือนกันหมด….. แต่ออกจากอู่นี้ไปพบกันข้างนอกคงจะเรียก ลุง เรียกปู่ ไปหละมั๊ง…

นี่ไงล่ะ…ระบบธุรกิจ ทำได้หมด สร้างระบบบริการที่เอาใจลูกค้าแบบนี้ได้หมด

แต่คุณจ่ายนะ….เพราะทั้งหมดนั้นคือต้นทุน….ฮ้า

ตู..เสร็จเขาอีกแหล่ว……


เกือบลงแดง……

8 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ พฤศจิกายน 18, 2008 เวลา 15:55 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2945

จำได้ว่าเมื่อสมัยเด็กๆ แถบบ้านผมนั้นใครต่อใครมุ่งหน้าไปเรียนวิทยาลัยพานิชกัน พ่อแม่หลายคนก็อวดกันว่าลูกฉันจบพานิชที่นั่น ที่นี่ ทำงานห้างนั่น ห้างนี่… ผมรู้ว่าเด็กพานิชนั้นต้องเรียนพิมพ์ดีดเก่งๆ แข่งกันว่าใครพิมพ์สัมผัสได้นาทีละเท่านั้นเท่านี้คำ โดยไม่ผิดเลย ถือว่าสุดยอด.. แถมหิ้วเครื่องพิมพ์ดีดกระเป๋าหิ้วยี่ห้อเรมิงตัน หรือ โอลิมเปีย ก็โก้ชะมัดเลย หลายคนยังเก่งชวเลขอีก ซึ่งเหมาะสำหรับเป็นอาชีพเลขานุการ หรือนักข่าว

เมื่อผมเข้าไปเรียนที่ มช. ก็มีโอกาสสัมผัสพิมพ์ดีดและชวเลข เพราะสนใจหาความรู้ แต่ไม่ได้เอาดีทางนี้ แม้ว่าเมื่อจบออกมาจะไปเป็นนักหนังสือพิมพ์อยู่เกือบปีก็ตาม แต่ผมก็ชอบพิมพ์และเก็บตังค์ซื้อเรมิงตัน มา เครื่องหนึ่ง ได้ใช้เต็มที่สมัยทำวิจัยให้สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย และ เอาไว้ไปตึ้ง เวลาไม่มีเงิน..อิอิ..(เอามือปิดปากเขิน..) แต่ผมไม่สามารถพิมพ์สัมผัสได้ แต่สองนิ้วก็ทำรายงานมาเป็นร้อยๆเล่มแล้วนะจะบอกให้….

ปี 25 ผมมาทำงาน USAID กับฝรั่งที่ท่าพระ ขอนแก่น ได้สัมผัสคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเป็นครั้งแรก ยี่ห้อ Super Brain จอสีอำพัน ใช้ print ออกที่เครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อ Olympia ที่พัฒนาขึ้นมารองรับระบบคอมพิวเตอร์โดยมีแป้นพิมพ์เป็นจานพลาสติกวงกลม ซี่ๆ ปลายซี่มีตัวอักษรทั้งภาษาไทยและอังกฤษ หน่วยความจำจะสั่งให้จานนี้หมุน ตีพิมพ์ออกมาเป็นตัวอักษร สวยงามครับ ผมสนุกสนานกับเครื่องคอมพิวเตอร์นี้มากเมื่อเลิกงานรีบกลับบ้านแล้วกลับมาเล่นคอมพิวเตอร์จนดึกดื่น จนคนข้างกายทำ Thesis ที่ ISS ผมก็อาสาใช้เครื่องนี้พิมพ์ให้

ต่อมาผมตัดสินใจซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวแรกยี่ห้อ Toshiba เป็น Laptop ใช้ Dos ใช้ External drive หน้าจอสีเขียว มี 16 บรรทัด แพงชะมัด ราคา 8 หมื่นบาท

ช่วงนั้นตลาดคอมพิวเตอร์ที่ขอนแก่นขยายตัวสุดขีด มีร้านที่ทำธุรกิจเรื่องนี้มากมาย มีโรงเรียนสอนการใช้เครื่องและการสร้างโปรแกรม ผมเองก็แอบไปเรียน การเขียนโดยใช้ FoxPro มาระยะหนึ่งแต่ทิ้งไปเพราะไม่นิ่งพอ ต่อมาก็เป็นผู้ใช้อย่างเดียว

เนื่องจากทำงานโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ภารกิจที่สำคัญคือการเขียนรายงาน และเครื่องมือที่สำคัญคือ คอมพิวเตอร์ ผมจึงใช้และเปลี่ยนคอมฯเป็นว่าเล่น เช่น Compaq, Acer, Toshiba, IBM, Lenovo, Dell และยี่ห้อที่ไม่มีชื่อเสียง ที่เปลี่ยนเพราะมันพังครับ….. แบบ Desktop ก็โล๊ะไปสามชุด

ยิ่งใช้คอมฯก็ยิ่งราคาถูกลง ประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ผมก็ไม่รู้เรื่อง Hardware อยู่ดี แม้ Software ก็งูๆปลาๆ สนใจแต่ทำรายงานเท่านั้น เมื่อมีปัญหาก็หิ้วไปที่ร้าน แต่สมัยนั้นเจ้าของร้านออกมาบริการลูกค้าถึงบ้านเลยหละ..ตอนนี้ไม่มีแล้ว คนไข้ต้องไปหาหมอ มิใช่หมอมาหาคนไข้…..อิอิ..

คอมฯที่ซื้อมาหั่นราคากันแหลกลาน คนที่เป็น User อย่างผมส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าที่ลดราคาลงมานั้นอะไรบ้างที่ถูกลดสัดส่วนลงมา ไม่รุ…..ที่แน่ๆคือ Program Windows ที่ Install ลงไปนั้นไม่มี License ลูกสาวผมหัวฟัดหัวเหวี่ยงเอากับร้านมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อเธอได้คอมฯใหม่ ตามประสาวัยรุ่นก็ download เพลงมาจาก Internet เพลินเชียว โปรแกรมที่ใช้บางโปแกรมก็จะปฏิเสธการ Download หากทำต่อต้อง Upgrade เจ้า Windows ใหม่ หากใครไม่ทราบก็เรียบร้อย เพราะระหว่างการ Upgrade นั้นเมื่อเครื่องมันตรวจพบว่า ของที่มีอยู่เป็นของที่ไม่มี License เครื่องก็จะ Block หลายๆอย่างจนเราเล่นไม่ได้ จำเป็นต้องยกเครื่องไปที่ร้านที่ซื้อเครื่องมาบอกอาการเขา เขาก็จะ Reinstall windows ให้ใหม่ และ เมื่อไม่ใช่ของจริง เครื่องก็จะไม่ใช่ Full option ตามที่เขาโฆษณา ……

เมื่อวานผมเผลอไปกด Upgrade IE V7 เข้าโดยบังเอิญ ไม่ได้ตั้งใจ….หุหุ….เรียบร้อยเลย ต้องหิ้วลูกรักไปหาหมอ ที่ร้านก็ขอเวลาจัดการ 1 วัน เพราะลูกค้ามากมาย ผมก็เลยนั่งหง่าว….หงุดหงิด…..สวิงสวาย..เหมือนจะเป็นไข้บวกลงแดงขึ้นมา..

เออ…..อาการขาดคอมฯในกระแสเลือดนี่มันรุนแรงเอาการนะครับ…คุณเอ๋ย….


ช่วยผู้ถูกใส่ร้าย.ป้ายสี…

7 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 17, 2008 เวลา 21:28 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2191

ผม(บางทราย)รู้จักกับอาจารย์จอน อึ๊งภากรณ์มานานตั้งแต่อาจารย์เป็น ผอ.บัณฑิตอาสาจุฬา ซึ่ีงสมัยนั้นคุณอ้วน  ภูมิธรรม เวชยชัย (อดีตรมต.ช่วยคมนาคม สมัยรัฐบาลทักษิณ) ก็ทำงานที่นี่ และกำลังเรียนปริญญาโทอยู่ ผมเคยเป็นวิทยากรรับเชิญ และร่วมประชุมแลกเปลี่ยนมากมายหลายครั้ง  ต่างรู้จักกันดีว่าใครคิดอะไร ทำอะไร

ต่อมาคุณทักษิณเอาตัวคุณอ้วนไปร่วมการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย  เพราะคุณอ้วนเคยช่วยคุณทักษิณสมัยอยู่พรรคพลังธรรมกับท่านมหาจำลองมาก่อน และเห็นฝีมือวิเคราะห์ของอ้วนจึงดึงตัวไปอยู่ในทีมก่อตั้งพรรค  แล้วเราก็ห่างเหินกันไป จนทักษิณถูกต่อต้านอย่างที่ทุกท่านรู้ดีอยู่แล้ว…

เดือนก่อนๆผมได้รับอีเมล์ที่กล่าวอ้างถึงอาจารย์จอนในทางเสียหายดังข้อความข้างล่างนี้ ผมเองก็ไม่เชื่อ เพราะผมรู้จักอาจารย์จอนและเชื่อมั่นอาจารย์จอน  และข่าววงในสายตรงผมก็ได้รับมาตลอดว่า อาจารย์จอนถูกใส่ร้าย  เมื่อผมได้รับเมล์ของอาจารย์จอนผมจึงยินดีที่จะทำตามการร้องขอของอาจารย์ ด้วยความรับผิดชอบ

เพื่อนที่รักผมขอทำหน้าที่ของผม แต่ท่านโปรดพิจารณาด้วยตัวท่านเอง

ต่อไปนี้เป็นเมล์ของอาจารย์ที่มีถึงผม และเข้าใจว่าส่งไปให้หลายๆท่านด้วยครับ

…………………………………………

ช่วยกันส่งต่อให้กว้างขวางที่สุด เพื่อความเป็นธรรม


ตามที่มีผู้ประสงค์ร้ายที่ไม่เปิดเผยตัวได้ริเริ่มการกระจายส่งออกอีเมล์ ลูกโซ่ที่มีข้อความว่า “โฉมหน้าคนทำwebsite หมิ่นสถาบัน พระมหากษัตริย์” ซึ่งเป็นอีเมล์ที่ผิดกฎหมายเพราะมีข้อความเท็จที่หมิ่น
ประมาทต่อผม (จอน) และน้องชายของผม (ใจ) โดยกล่าวหาว่าเราทั้งสอง ได้รับเงินจากพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรเพื่อมาทำ website ที่หมิ่นสถาบันกษัตริย์


และหลายฉบับยังพ่วงท้ายด้วยภาพแต่งที่ลบหลู่ต่อองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งผู้ริเริ่มอีเมล์ดังกล่าวได้คัดลอกมาจากwebsite สากลแห่งหนึ่ง เสมือนต้องการทำให้เกิดความเชื่อว่าผมและน้องชายของผมเป็นอยู่เบื้องหลังการแต่งหรือการเผยแพร่ภาพดังกล่าว


อีเมล์ดังกล่าวมีการส่งต่อกันเป็นทอดๆ จนมีผู้ได้รับหลายหมื่นคนหรืออาจมากกว่าหนึ่งแสนคนก็เป็นไปได้ เป็นวิธีการทำลายชื่อเสียงของผมและน้องชายของผมที่ไม่ต้องลงทุนแต่ได้ผลมาก


ผู้ที่มีส่วนส่งต่ออีเมล์ดังกล่าวทั้งหลาย คงไม่ได้นึกคิดว่าตนเองกำลังแพร่ความอยุติธรรมโดยการทำตัวเป็นศาลเตี้ยและคงไม่ได้นึกคิดว่าตนได้ตกเป็นเครื่องมือของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่นอกจากประสงค์ร้ายต่อผมและใจแล้วยังเป็นผู้ที่ไม่ประสงค์ดีต่อสถาบันกษัตริย์อย่างแน่นอน


ผมและใจขอชี้แจงว่าข้อความในอีเมล์ดังกล่าวเป็นเท็จ เราไม่เคยรับเงินใดๆจาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม และไม่เคยทำwebsite ที่หมิ่นสถาบันกษัตริย์และไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับภาพแต่งที่ลบหลู่สถาบันกษัตริย์ที่ผู้ริเริ่มอีเมล์ดังกล่าวได้นำมาแปะท้ายอีเมล์ด้วยความประสงค์ร้ายต่อสถาบันกษัตริย์และต่อผมและใจ


ผู้ที่มีส่วนในการเผยแพร่หรือส่งต่ออีเมล์ด้งกล่าวทุกๆคนมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญาและตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยมีโทษถึงขั้นจำคุกทั้งสองกรณี และหากผู้ส่งต่อยังมีส่วนในการส่งต่อภาพแต่งที่อยู่ท้ายอีเมล์ ผู้ส่งต่อยังมีความเสี่ยงที่จะ ถูกข้อหาหมิ่นต่อพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒


จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกันและขอความกรุณาช่วยกันเผยแพร่กระจายออกไปเพื่อผดุงความยุติธรรม


จอน อึ๊งภากรณ์
โทรศัพท์ 0816656320
อีเมล์ ung...@usa.net


แด่น้อง..ผู้เสียสละ..

7 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 10, 2008 เวลา 11:24 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2464

(แหล่งที่มาของรูป : จาก ผู้จัดการ)

กรณี 710(วันที่ 7 เดือน 10) สร้างความตกใจเป็นอย่างมากที่มีผู้ได้รับการบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายท่าน

รวมทั้งน้องโบว์ อดีตนักศึกษา ABAC ที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ และเธอเป็นกำลังสำคัญของครอบครัวสกุล “ระดับปัญญาวุฒิ”

 

เสียใจ..ที่เกิดการสูญเสีย อย่างที่ไม่ควรจะเกิดในการเคลื่อนไหวด้วยวิธีอหิงสา

เสียดาย…กำลังสำคัญของบุคลากรในการพัฒนาสังคม พัฒนาประเทศ

เศร้า….ด้วยวิธีการที่ผู้รักษากฏหมายทำเช่นนี้

 

ผมไม่รู้จักเธอเป็นการส่วนตัวหรอก แต่เราเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์..

สงบเถอะน้องโบว์…

 


เยี่ยมล้านนา

5 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 7, 2008 เวลา 15:37 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2469

กว่าจะล้อหมุนที่ขอนแก่น.. เวลาก็ล่วงเลยเกือบเที่ยงคืนแล้ว แม้ผมจะเห็นใจคนข้างกายที่เพิ่งเดินทางมาจากสามเหลี่ยมมรกต จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อสามทุ่มนี่เอง แต่ก็ต้องเดินทางต่อไป เราตั้งใจว่า หมดแรงตรงไหนก็พักที่นั่น เราข้ามภูเขาสองลูกที่ขอนแก่น-เพชรบูรณ์และเพชรบูรณ์-พิษณุโลก ในช่วงเวลาที่ทุกคนหลับสนิท เมื่อเวลาตีสามกว่าๆ เราตัดสินใจพักผ่อนที่พิษณุโลก เช้าก็ค่อยเดินทางต่อไป..

ผมต้องขึ้นไปเชียงใหม่เมื่อวันที่ 4-5 ต.ค.เพื่อร่วมงานแต่งงานบุตรชายเพื่อนรัก เป็นงานแต่งงานที่มีผู้เข้าร่วมมากที่สุดงานหนึ่งที่โรงแรมเชียงใหม่ภูคำ ก็เพราะเพื่อนเป็นนักการเมืองนั่นแหละ มีนักการเมืองระดับชาติหลายคนมาปรากฏตัว และแน่นอนชาวบ้านในเขตพื้นที่ของเขาเหมารถมากันมากมาย รถติด มหาศาล…. นี่คืองานสังคมของนักการเมือง

การไปเชียงใหม่ที่ผมเว้นว่างมานานนับปี ทำให้มีภารกิจอื่นๆที่จะต้องทำด้วยนั่นคือเรื่องของการใช้ที่ดินที่ผมมีอยู่ในเขต อ.แม่ริม เราให้ชาวบ้านที่เราคบหากันมานานได้ทำมาหากินโดยไม่ได้คิดค่าเช่าแต่อย่างใด เราปลูกต้นสักลงไปมากกว่าสี่ร้อยต้น จึงอยากที่จะไปดูว่าเป็นเช่นไรบ้างเราต้องไปเสียภาษีที่ดินประจำปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดตามผู้ที่มาทำประโยชน์ในที่ดินซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปโดยที่เราไม่ทราบมาก่อน เราเกรงว่าหากไม่ทำให้ถูกต้องก็อาจจะเกิดปัญหาเรื่องการถือครองที่ดินในอนาคตได้… นี่คือความหวาดระแวงเรื่องผลประโยชน์

 

การที่เว้นว่างไม่ได้มาเชียงใหม่นานนับปี ทำให้เพื่อนฝูงเก่าๆหลายต่อหลายคน ต่างก็เข้าคิวมาพบ ปรึกษาหารือ เยี่ยมเยือนและแน่นอนต่างก็ชวนไปเยี่ยมบ้าน เยี่ยมกิจการของเขา เยี่ยมลูกหลาน ฯลฯ และเราก็ปฏิเสธไม่ได้ นี่คือสังคมไทยอันหนึ่งที่หุ้มห่อทุนทางสังคมไว้แน่นหนา

 

ขณะเดียวกันที่คนข้างกายก็หอบเอางานไป กางเต็มโต๊ะในที่ห้องพัก เพื่อเร่งรัดให้เสร็จสิ้นทันเวลา….

 

 

ผมทราบว่าท่านจอมป่วนมาเชียงใหม่จึงหาทางติดต่อ ในที่สุดเราก็ไปพบกันที่แห่งหนึ่งพร้อมกับ น้องอึ่งอ๊อบ ครูอึ่ง และอาราม รวมทั้งน้องจอมกวนที่มากับคุณหมอ … ท่านคงเดาออกนะครับว่าเราคุยอะไรกันบ้าง หากไม่ใช่ เฮฮาฯหก”…. อิอิ

ผมใช้อินเตอร์เนทโดยผ่านระบบมือถือ เหมือนกับหลายๆท่าน เพราะมีความคล่องตัว แม้ว่าที่บ้านจะมีอีกสองระบบคือ adsl และระบบสายโทรศัพท์ปกติ แต่ ยกเลิก adsl ของ tot ไปแล้วเพราะระบบล้มเหลวมาตลอดเวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากผมต้องเดินทางบ่อย ระบบอินเตอร์เนทผ่านมาถือจึงเป็นระบบที่ผมพึงพอใจ ผมจัดการโดยซื้อมือถือพิเศษที่ใช้เฉพาะระบบ เนท อย่างเดียว ไม่ได้ใช้เพื่อการติดต่อสื่อสารอย่างอื่น

บังเอิญเมื่อสมัยเฮฮาฯ 5 ที่บ้านสวนป่า ผมใช้มือถือที่ใช้เนทส่ง message ไปถึงน้องหมอเจ๊ หมายเลขจึงไปปรากฏที่คุณหมอเจ๊ เพียงท่านเดียว เมื่อวานหลังจากที่ผมกลับมาจากเชียงใหม่เพิ่งจะเปิดดู พบว่าน้องหมอเจ๊พยายามติดต่อมาช่วงเชียงใหม่ แต่ผมไม่ได้อยู่ในเมือง ต้องไปทำภารกิจดังกล่าวข้างต้น

ต้องขอโทษน้องหมอเจ๊เป็นอย่างมากๆๆ ครับที่ไม่สามารถรับรู้การติดต่อในช่วงนั้นด้วยครับ และขอโทษเพื่อนๆเชียงใหม่ทุกท่านอีกเช่นกันที่ หายหัวไป เพราะภารกิจข้างต้นเช่นกัน และขอคารวะน้ำใจเพื่อนเชียงใหม่ ลำพูน ทุกท่าน แม้น้องสร้อยจะเจ็บป่วยช่วงนั้นพอดีก็ตาม..

 

เนื่องจากภารกิจที่เชียงใหม่ยังไม่ทันเสร็จสิ้นดี ผมจำเป็นต้องเดินทางกลับขอนแก่นก่อน ทำให้แผนงานมาร่วมเฮฮาฯหก ผมต้องปรับมาเชียงใหม่ก่อนไปเชียงราย… เนื่องจากเอารถมาเองจึงไม่รบกวนเพื่อนๆที่เชียงใหม่หรอกครับ…. ขอบคุณครับ..

 


ประสบการณ์ conflict confrontation 2เผชิญ Mob

1 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กรกฏาคม 20, 2008 เวลา 9:55 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2373

ความขัดแย้งที่บ้านหนองหมู: เมื่อปี พ.ศ. 2545 โครงการที่ผมรับผิดชอบมีแผนงานพัฒนาถนนสายหนึ่งต้องสร้างผ่านหมู่บ้านหนองหมูไปสิ้นสุดที่ริมห้วยบางทรายที่อีกฝั่งหนึ่งเป็นถนนดำสายหลัก สมัยนั้นบ้านหนองหมูเป็นหมู่บ้านปิดเพราะที่ตั้งหมู่บ้านอยู่บนฝั่งขวาห้วยบางทรายมีภูเขาล้อมรอบ ไม่มีสะพานสำหรับรถสี่ล้อข้ามห้วยบางทราย มีเพียงสะพานแขวนใช้เดินและมอเตอร์ไซด์เท่านั้น ชาวบ้านพบความเดือดร้อนเพราะไม่สามารถนำผลผลิตการเกษตรออกขายได้.. จึงร้องเรียนราชการให้ช่วยสร้างสะพาน แต่ไม่ผ่านกรอบระเบียบเพราะจะต้องใช้งบประมาณนับสิบล้านบาท มีผู้ได้ประโยชน์เพียงหมู่บ้านเดียว ไม่คุ้ม ส.ป.ก.จะสร้างถนนให้มาจ่อริมห้วยรองบประมาณหน่วยใดก็ได้ที่พิจารณาสร้างสะพาน…

เมื่อ ส.ป.ก.เริ่มลงมือก่อสร้างโดยบริษัทผู้รับเหมา เรื่องก็เกิดขึ้น ผู้นำชาวบ้านที่เป็น อบต.คนหนึ่งแจ้งทาง ส.ป.ก. ว่าไม่ให้ ส.ป.ก.ทำถนนแล้ว จะให้ สำนักงานทางหลวงชนบท (รพช.เดิม) เป็นผู้สร้าง ……ทุกคนงง แต่เมื่อติดตามข้อมูล.. พบว่าเกิดการซ้ำซ้อนในแ


บางทรายมาไหว้สา

11 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กรกฏาคม 15, 2008 เวลา 9:59 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2402

สวัสดีครับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกท่าน

กว่าจะเข้ามาบ้านหลังใหม่ก็คิดถึงแทบแย่ เพราะมัวไปทำงานที่รับผิดชอบอยู่ครับ
ช่วงนี้เป็นการเปิดโครงการระยะขยายอีก 2 ปี ผมต้องทำหน้าที่หลายอย่าง
ทั้งผู้จัดการสนามที่มุกดาหาร เป็นผู้รับผิดชอบงานด้าน KM ของโครงการ
ช่วยจัดทำ Project Design Matrix ช่วยจัดทำ Inception Report
ช่วยจัดทำ Coordination of Responsibility และ ฯลฯ

เลยทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาเยี่ยมเยือน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ครับ
แต่คิดถึงทุกท่าน….

วันนี้แบ่งเวลามา คุยกันครับ มาโผล่หน้าบอกว่า มาแล้ว และคิดถึง
ต่อไปก็จะเข้ามาเรื่อยๆครับ

วันนี้แค่มาทักทายก่อนนะครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ
บางทราย



Main: 0.069727182388306 sec
Sidebar: 0.046514987945557 sec