เกือบลงแดง……
จำได้ว่าเมื่อสมัยเด็กๆ แถบบ้านผมนั้นใครต่อใครมุ่งหน้าไปเรียนวิทยาลัยพานิชกัน พ่อแม่หลายคนก็อวดกันว่าลูกฉันจบพานิชที่นั่น ที่นี่ ทำงานห้างนั่น ห้างนี่… ผมรู้ว่าเด็กพานิชนั้นต้องเรียนพิมพ์ดีดเก่งๆ แข่งกันว่าใครพิมพ์สัมผัสได้นาทีละเท่านั้นเท่านี้คำ โดยไม่ผิดเลย ถือว่าสุดยอด.. แถมหิ้วเครื่องพิมพ์ดีดกระเป๋าหิ้วยี่ห้อเรมิงตัน หรือ โอลิมเปีย ก็โก้ชะมัดเลย หลายคนยังเก่งชวเลขอีก ซึ่งเหมาะสำหรับเป็นอาชีพเลขานุการ หรือนักข่าว
เมื่อผมเข้าไปเรียนที่ มช. ก็มีโอกาสสัมผัสพิมพ์ดีดและชวเลข เพราะสนใจหาความรู้ แต่ไม่ได้เอาดีทางนี้ แม้ว่าเมื่อจบออกมาจะไปเป็นนักหนังสือพิมพ์อยู่เกือบปีก็ตาม แต่ผมก็ชอบพิมพ์และเก็บตังค์ซื้อเรมิงตัน มา เครื่องหนึ่ง ได้ใช้เต็มที่สมัยทำวิจัยให้สมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย และ เอาไว้ไปตึ้ง เวลาไม่มีเงิน..อิอิ..(เอามือปิดปากเขิน..) แต่ผมไม่สามารถพิมพ์สัมผัสได้ แต่สองนิ้วก็ทำรายงานมาเป็นร้อยๆเล่มแล้วนะจะบอกให้….
ปี 25 ผมมาทำงาน USAID กับฝรั่งที่ท่าพระ ขอนแก่น ได้สัมผัสคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะเป็นครั้งแรก ยี่ห้อ Super Brain จอสีอำพัน ใช้ print ออกที่เครื่องพิมพ์ดีดยี่ห้อ Olympia ที่พัฒนาขึ้นมารองรับระบบคอมพิวเตอร์โดยมีแป้นพิมพ์เป็นจานพลาสติกวงกลม ซี่ๆ ปลายซี่มีตัวอักษรทั้งภาษาไทยและอังกฤษ หน่วยความจำจะสั่งให้จานนี้หมุน ตีพิมพ์ออกมาเป็นตัวอักษร สวยงามครับ ผมสนุกสนานกับเครื่องคอมพิวเตอร์นี้มากเมื่อเลิกงานรีบกลับบ้านแล้วกลับมาเล่นคอมพิวเตอร์จนดึกดื่น จนคนข้างกายทำ Thesis ที่ ISS ผมก็อาสาใช้เครื่องนี้พิมพ์ให้
ต่อมาผมตัดสินใจซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ตัวแรกยี่ห้อ Toshiba เป็น Laptop ใช้ Dos ใช้ External drive หน้าจอสีเขียว มี 16 บรรทัด แพงชะมัด ราคา 8 หมื่นบาท
ช่วงนั้นตลาดคอมพิวเตอร์ที่ขอนแก่นขยายตัวสุดขีด มีร้านที่ทำธุรกิจเรื่องนี้มากมาย มีโรงเรียนสอนการใช้เครื่องและการสร้างโปรแกรม ผมเองก็แอบไปเรียน การเขียนโดยใช้ FoxPro มาระยะหนึ่งแต่ทิ้งไปเพราะไม่นิ่งพอ ต่อมาก็เป็นผู้ใช้อย่างเดียว
เนื่องจากทำงานโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ ภารกิจที่สำคัญคือการเขียนรายงาน และเครื่องมือที่สำคัญคือ คอมพิวเตอร์ ผมจึงใช้และเปลี่ยนคอมฯเป็นว่าเล่น เช่น Compaq, Acer, Toshiba, IBM, Lenovo, Dell และยี่ห้อที่ไม่มีชื่อเสียง ที่เปลี่ยนเพราะมันพังครับ….. แบบ Desktop ก็โล๊ะไปสามชุด
ยิ่งใช้คอมฯก็ยิ่งราคาถูกลง ประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่ผมก็ไม่รู้เรื่อง Hardware อยู่ดี แม้ Software ก็งูๆปลาๆ สนใจแต่ทำรายงานเท่านั้น เมื่อมีปัญหาก็หิ้วไปที่ร้าน แต่สมัยนั้นเจ้าของร้านออกมาบริการลูกค้าถึงบ้านเลยหละ..ตอนนี้ไม่มีแล้ว “คนไข้ต้องไปหาหมอ มิใช่หมอมาหาคนไข้”…..อิอิ..
คอมฯที่ซื้อมาหั่นราคากันแหลกลาน คนที่เป็น User อย่างผมส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าที่ลดราคาลงมานั้นอะไรบ้างที่ถูกลดสัดส่วนลงมา ไม่รุ…..ที่แน่ๆคือ Program Windows ที่ Install ลงไปนั้นไม่มี License ลูกสาวผมหัวฟัดหัวเหวี่ยงเอากับร้านมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อเธอได้คอมฯใหม่ ตามประสาวัยรุ่นก็ download เพลงมาจาก Internet เพลินเชียว โปรแกรมที่ใช้บางโปแกรมก็จะปฏิเสธการ Download หากทำต่อต้อง Upgrade เจ้า Windows ใหม่ หากใครไม่ทราบก็เรียบร้อย เพราะระหว่างการ Upgrade นั้นเมื่อเครื่องมันตรวจพบว่า ของที่มีอยู่เป็นของที่ไม่มี License เครื่องก็จะ Block หลายๆอย่างจนเราเล่นไม่ได้ จำเป็นต้องยกเครื่องไปที่ร้านที่ซื้อเครื่องมาบอกอาการเขา เขาก็จะ Reinstall windows ให้ใหม่ และ เมื่อไม่ใช่ของจริง เครื่องก็จะไม่ใช่ Full option ตามที่เขาโฆษณา ……
เมื่อวานผมเผลอไปกด Upgrade IE V7 เข้าโดยบังเอิญ ไม่ได้ตั้งใจ….หุหุ….เรียบร้อยเลย ต้องหิ้วลูกรักไปหาหมอ ที่ร้านก็ขอเวลาจัดการ 1 วัน เพราะลูกค้ามากมาย ผมก็เลยนั่งหง่าว….หงุดหงิด…..สวิงสวาย..เหมือนจะเป็นไข้บวกลงแดงขึ้นมา..
เออ…..อาการขาดคอมฯในกระแสเลือดนี่มันรุนแรงเอาการนะครับ…คุณเอ๋ย….
« « Prev : เปิดตัว……
8 ความคิดเห็น
ผมยังจำเครื่องพิมพ์โอลิมเปียแบบ daisy wheel รุ่นนั้นได้ครับ หรูหรามากเลยครับ แต่ตลอดชีวิตการทำงาน เครื่องที่ผมใช้ไม่มียี่ห้อทั้งนั้นครับ (ยกเว้นเครื่องแม่ข่ายบางเครื่อง) ไม่มีอะไรสะใจเท่าเครื่องประกอบเอง ซึ่งสามารถจับแพะชนแกะออกมาเป็นเก้งได้ ไม่มีผู้ขายรายใตที่มีสิ่งที่เราต้องใช้ครบ ส่วนซอฟต์แวร์นั้น ที่ออฟฟิศยังเป็น Windows 2000 กับเครื่องเก่าอายุ 6 ปี แล้วโน๊ตบุ๊คเป็น Windows XP แต่ที่ใช้ตลอดเวลานั้นเป็น Mac OSX (Tiger) ครับ ไม่นิยมของใหม่ แต่ใช้ของลิขสิทธิ์
ก๊ากกก เรามีเพื่อนแล้วววว เป็นเครื่อง print ที่น่าสนใจการพัฒนาเทคโนโลยีมากนะครับ
ปัจจุบันผมใช้ ibm lenovo เห็นคุยนักหนาว่าแข็งแรง ทนทาน แต่พบว่าพี่ต้องเอากาวตราช้างมาเชื่อม 6 จุด ก็มันแตก ตรงกรอบ พี่ว่ามันขายถูกเพราะลดต้นทุน ความคงทนก็เลยลดลง แต่ก็ใช้มันเหอะ..แม้ว่าจะเปลี่ยนจอมาแล้วหนึ่งครั้ง ในระยะประกัน ตอนนี้มันขึ้นเส้นแล้วแสดงว่าความเสื่อมเป็นของธรรมดา….อิอิ
ขำๆๆๆๆๆๆๆๆ
ลุงบางทรายลงจนแดงเถือกไปแล้ว ยังร้องว่าเกือบลงแดงๆๆๆๆๆ
อิอิ..เฮีย.ตึ๋ง…ผมก็ว่าแหละ
นี่ยังเพลียๆเลย อิอิ เอิกกกกก
พี่เห็นชื่อบล็อก ทำเอาตกอกตกใจ ที่แท้ก็เป็นอาการคนติดเนตเอง เฮ้ยโล่งอกไปที่ เทคโนโลยีนี่กินไม่ไได้ แต่ใช้ทำมาหากินได้ และบ้างครั้งก็ทำเอาเราป่วนไปเลย ต้องเลือกทางสายกลางเข้าไว้นะค่ะ
อิอิ…ขออภัยครับพี่ที่ทำให้ตกใจ แหย่เพื่อนฝูงเล่นครับ
ขำๆๆๆๆ ค่ะพี่ เหมือนหมอข้างบนตอนไปต่างประเทศ หรือต่างจังหวัด จะลงแดง นั่งเล่นเน็ตหน้าส้วมก็ทำมาแล้ว อันนี้หมอเคยกระซิบบอก(อุ๊บลืมไป กระซิบนี่หว่า บอกซะดัง ห้าๆๆ)แหมอย่างนี้ต้องส่งไปเลิกที่ไหนดีนะ อาการลงแดงแบบนี้ ที่เชียงรายหรือเปล่าน้อ อิอิ
ก๊ากก น้องราณี
วัดถ้ำกระบอกก็ช่วยไม่ได้…มันถึงขั้นเข้ากระดูกแล้วครับ อิอิ
สงสัยเชียงรายอาจจะช่วยได้ อิอิ อี้