ไพร่ของใคร..

1874 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 29 เมษายน 2010 เวลา 20:55 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 38864

เดี๋ยวนี้ วันวันมีคนส่ง FW mail เยอะมาก บางทีก็ขำๆนะครับ เช่น

 

คิดได้ไงเนี่ย



คำผวนวันนี้ เสนอคำว่า
ไพร่เพื่อทักฯ = พรรคเพื่อไทย”


เออ ทำไมเราไม่คิดผวนมาก่อนเนอะ!


ฉันถามตัวเอง..

22 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 27 เมษายน 2010 เวลา 13:31 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1024

 

ถามตัวเอง…..

ไม่มีใครไปปั้นแต่งเมฆให้เป็นรูปร่างแบบนั้นแบบนี้ได้โดยแท้

เขาเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และจางหายไปด้วยปัจจัยของธรรมชาติล้วนๆ

แต่คนเรานี่ซิ รูปร่างยังตกแต่งให้สวยงามได้

จิตใจก็สามารถสร้างให้งดงามได้

ที่กล่าวกันว่า มนุษย์นั้นเป็นสัตว์ประเสริฐ เพราะสามารถทำดีได้

แต่ใจเรานี่ซิยังปล่อยให้ไหลไปสู่ที่ต่ำ

ตามกิเลส ฯลฯ ได้

การทำในสิ่งที่งดงามนั้น เราทำไม่ได้

หรือเราไม่ได้ทำ


จดหมายถึงอ๋อย 3

16 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 เมษายน 2010 เวลา 20:16 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 727

อ๋อย การศึกษาเรื่องการปฏิวัติสังคมนั้น เราถกเถียง แลกเปลี่ยน เราหยิบเอาสภาพสังคมไทยมาวิเคราะห์ เราเชิญวิทยากรคนแล้วคนเล่ามาบรรยายเฉพาะกลุ่มให้ฟัง หลายครั้งเราจัดค่ายศึกษาตามบ้านชาวบ้านกลางสวน ทุ่งนา อาศัยร่มไม้ เป็นลานพูดคุยกัน บ่อยครั้งเราใช้ศาลาวัด วิทยากรบางท่านก็ยืนเคียงคู่กับอ๋อยอยู่ในปัจจุบันนี้

อ๋อย สมัย 14 ตุลา พี่จำได้ว่าใครคนหนึ่งที่ธรรมศาสตร์ เข้าร่วมการชุมนุมมาตลอด ฟังการไฮปารค์ทุกวี่วัน สาระของการพูดนั้นกรอกเข้าสู่สมองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนจิตคิดไปเองว่า “พรุ่งนี้สังคมใหม่จะมาถึงแล้ว” แต่เมื่อออกไปชนบทในวันรุ่งขึ้น มันคนละเรื่องเลย มันมองไม่เห็นเลยว่าชาวบ้านจะเข้าใจในสาระทั้งหมดที่คนขึ้นพูดในที่ชุมนุมนั้น ชาวบ้านเขาพูดอีกเรื่องหนึ่ง มันเป็นหนังคนละม้วนแต่เรื่องเดียวกัน นี่คือความแตกต่างของสังคม นี่คือความแตกต่างของการรับรู้ นี่คือข้อเท็จจริง..

อ๋อย พี่นึกถึงราชประสงค์วันนี้ วันที่แกนนำกระหน่ำใส่รัฐบาล ให้ประชาชนเสื้อแดงฟังวันแล้ววันเล่า มวลชนนั้นก็มีอารมณ์ร่วม.. เชื่อว่าหลายคนในนั้นนึกว่าอีกไม่กี่วันเราจะดีขึ้นแล้ว…. อ๋อยนี่คืออะไรล่ะ เราเรียกปรากฏการณ์เหล่านี้ว่าอะไรดีล่ะ เมื่อเวลาผ่านไปอารมณ์ร่วมนี้จะเปลี่ยนไปเป็นอะไรบ้าง เป็นอะไรก็ไม่สำคัญ สำคัญตรงที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติแท้จริงหรือไม่..

อ๋อย สมัยที่พี่เดินสู่ชนบท ยังย้อนระลึกได้ว่า เหมือนถือคัมภีร์เดินเข้าหาชุมชน เพราะเรา “สร้างวินัยในกลุ่ม” ขึ้นมาเอง เหมือนการเริ่มปรับตัวเพื่อเข้าสู่สังคมใหม่ คิดไปเหมือนเส้นทางเดินที่คู่ขนานไปกับหลักการของศาสนา เช่น ลดละเลิกความเป็นส่วนตัว วิจารณ์ตนเองให้มากกว่าวิจารณ์คนอื่น ฯลฯ… ยังขำอยู่เลยเมื่อเวลาเข้าห้องน้ำ ผิวปากเพลงลูกทุ่งลูกกรุง ออกมาก็โดนสามัคคีวิจารณ์ซะน่วมไปเลย พวกเรา สะสมพฤติกรรมใหม่เพื่อเตรียมการเปลี่ยนแปลง.. ศาสนาเน้นการหลุดพ้น แต่การปฏิวัติสังคมเน้นการเปลี่ยนแปลงสังคมไปสู่ความเสมอภาค ภารดรภาพ ประชาธิปไตย ไม่มีชนชั้น ซึ่งเส้นทางนี้หนีไม่พ้นความรุนแรง เพราะสิ่งดังกล่าวนั้นไม่ได้ได้มาด้วยการร้องขอ..แต่..

อ๋อย พี่ๆน้องๆหันหน้าเข้าป่ากันนั้น หลับตาก็นึกภาพออกว่ากรอบความคิด หลักคิด ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จังหวะก้าว …ถูกพัฒนาขึ้นเมื่อมี พคท.เป็นอาจารย์ใหญ่ให้ อุดมคติเหล่านั้นก็อยู่บนปลายกระบอกปืน และมวลชน ซึ่งใช้ยุทธวิธี ป่าล้อมเมือง แต่พี่คาบคัมภีร์เข้าทำงานกับชาวบ้านพี่ตระเวนจากบ้านนี้ไปบ้านโน้น กินกับชาวบ้านนอนบนบ้านชาวบ้าน คลุกคลีกับเขา เดินเข้าป่า ตามเข้าไปดูกิจกรรมต่างๆของเขา อาจารย์ใหญ่คือชาวบ้าน และการเข้ารับการฝึกอบรมการทำงานพัฒนาชนบทกับโครงการของ ดร.ป๋วย ที่ชัยนาท.. พี่สนุกกับการทำงานมาก ความสนิทสนมกับชาวบ้านใน อ.สะเมิงนั้นเรียกได้ว่า พี่สามารถขึ้นไปกินนอนในครอบครัวต่างๆได้ทั้งหมด ..

อ๋อย มองย้อนหลังไปก็หัวเราะให้กับตัวเอง เราแค่มือใหม่ หากเป็นหมอก็แค่ Intern แต่อาจหาญไปพัฒนาชาวบ้าน แน่นอนสมัยนั้นความก้าวหน้าทางหลักการพัฒนาชนบทยังมีบทสรุปน้อย เราก็แค่ เป็นคนหวังดี และเอาวิทยาการใหม่ๆเข้าไปสู่ชุมชน โดยตั้งเป้าไว้ว่า ให้ชาวบ้านยืนอยู่บนขาของตัวเอง..เรื่องนี้เขียนกันยาวเพราะเป็นบทเรียนการพัฒนาชนบทยุคแรกๆของเมืองไทย..นั่นคือ พ.ศ. 2518

อ๋อย พี่โชคดีที่นักพัฒนาชุมชนสมัยนั้นเกาะกลุ่มกันแน่น เราจึงนัดพบปะกันระหว่างองค์กรกันเสมอ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน โดยที่ไม่เกี่ยวกับตัวองค์กรเลย ทั้งๆที่ ตัวองค์กรน่าที่จะทำหน้าที่นี้ แล้วในที่สุดเราก็เชื่อมกลุ่มเช่นนี้กันทั่วประเทศ แล้วตั้งเป็นชมรมขึ้นมาที่เรียก กป.อพช.

อ๋อย พี่ทำกิจกรรมต่างๆตามหลักการที่สมัยนั้นเรียกกันว่า “ให้ชาวบ้านสามารถยืนบนขาของตัวเองได้” ซึ่งก็เป็นฐานรากความคิดที่พัฒนามาเป็นการพึ่งตนเอง พี่เห็นรายละเอียดของคน ครอบครัว ชุมชน วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ วิถีชีวิต การอิงอาศัยธรรมชาติ การปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน คนกับสิ่งแวดล้อมและกับสิ่งเหนือธรรมชาติ เขาไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลยเกี่ยวกับชนชั้น ประชาธิปไตย ความเสมอภาค ภราดรภาพ เขามีแต่พ่อใหญ่แม่ใหญ่ มีหมอพื้นบ้าน มีผู้ทำพิธีกรรม มีพระ มีความเชื่อ..ฯลฯ และทั้งหมดเคารพรักสถาบัน

อ๋อย การปฏิวัติสังคมตามที่ลัทธิมาร์ค เลนิน เหมา กล่าวนั้นล้วนต้องใช้กองกำลังปฏิวัติ และมวลชน ซึ่งก็ต้องมีฝ่ายปลุกระดมเพื่อสร้างมวลชนมากๆ ให้เป็นแนวร่วมในการสร้างพลังไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่วิธีนี้ย่อมต้องมีการสูญเสีย หลายปีที่สะเมิงนั้นความจริงที่พี่สัมผัสนั้นคือ ชุมชนมุ่งมั่นอยู่แค่เรื่องการประกอบอาชีพ แค่นี้ก็หนักหนาสาหัสแล้ว แต่กลุ่มคนชั้นกลางกลุ่มหนึ่งพัฒนาความคิดทางการเมืองนั้นไปไกลแล้ว มีช่องว่างความรู้ความเข้าใจนี้จริงๆ

อ๋อย พี่คิดว่า การปฏิวัติสังคมที่แดงประกาศอยู่นั้น คือ การปฏิวัติของชนชั้นกลางต่างหาก ไม่ใช่ไพร่ คำว่า ไพร่คือชาวบ้านที่เป็นแนวร่วมที่ชนชั้นกลางไปดึงเข้ามา โดยอาศัยฐานการเมืองเดิมของผู้นิยมทักษิณ พี่เชื่อว่า หากการปฏิวัติครั้งนี้สำเร็จ ปัญหายิ่งใหญ่ตามมาคือ คุณจะบริหารจัดการสังคมใหม่ได้อย่างไร พี่ไม่เชื่อว่าหลักการเดิมนั้นจะสามารถนำมาใช้ใน “สังคมนาโน” ยุคนี้ได้ พี่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ ตรงข้ามพี่เชื่อมั่นในการพัฒนาชุมชนแบบค่อยเป็นค่อยไป.. พี่เห็นด้วยกับการพัฒนาประเทศในรูปแบบสมดุล.. พี่เห็นด้วยกับหลักการเศรษฐกิจพอเพียง เพราะประสบการณ์ของพี่ตอกย้ำเช่นนั้น

ที่ประกาศว่าจะปฏิวัติก้าวไปสู่สังคมใหม่นั้น มีแดงที่นั่งฟังนั้นกี่คนที่เข้าใจ และมีสักคนไหมที่ลุกขึ้นมาถามรายละเอียดของสังคมใหม่ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร มันไม่ง่ายเกินไปที่จะทำการปฏิวัติสังคมใหม่แต่ไม่มีใครทราบเลยว่าสังคมใหม่นั้นเป็นอย่างไร แค่โค่นอำมาตย์ แล้วไม่ใช่เราจะได้อำมาตย์ใหม่ขึ้นมาหรือ

อ๋อย เมื่อได้อำนาจมาแล้วสาวกแดงทั้งหมดเข้าใจเจตนาจริงๆแล้ว คิดบ้างไหมว่าเขาเหล่านั้นจะคิดอะไรต่อไป สาวกที่เข้าใจว่าตัวเองนั้นคือ “ผู้หลงผิด” เขาจะกลับตัวอย่างไร หากเขาผู้หลงผิดขอกลับเนื้อกลับตัว เขาเหล่านั้นอาจจะหันกระบอกปืนมาทางแกนนำแดงก็ได้ มันไม่จบนะ..

อ๋อย พี่เสียดายพลังสร้างสรรค์ของอ๋อยและทีมงาน ซึ่งจำนวนไม่น้อยทั้งที่เปิดตัวและปิดลับก็คือเพื่อนร่วมอุดมการณ์มาตั้งแต่สมัย 2516 แม้ว่าพี่จะไม่ใช่ผู้อยู่วงใน แต่ภาพที่ปรากฏนั้นพอเข้าใจได้ว่าใครกำลังทำอะไรซึ่งพี่ไม่เห็นด้วย …

…และพี่จะคัดค้าน


ซ่อมบ้าน

13 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 16 เมษายน 2010 เวลา 0:46 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 747

ค้น Internet เพื่อหาข้อมูลการกำจัดปลวก ซึ่งกำลังเป็นปัญหากับบ้านผม ความจริงก็เป็นปัญหามาตลอด สมัยก่อนก็เอาบริษัทที่มีสำนักงานที่ขอนแก่นจัดการ แต่มันเป็นสารเคมี เรารังเกียจ ก็พยายามหาข้อมูลว่ามีวิธีใดบ้างที่ดีกว่า และไม่ใช้สารเคมี ญาติ พี่น้องแนะนำมาหลายวิธีใช้หมดเลย พบว่าไม่ได้ผลเท่าที่ควร ในที่สุดก็เรียกใช้บริการของบริษัทหนึ่ง เขาโฆษณาว่าใช้สมุนไพรนำเข้า กำจัดได้ ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราสอบถามก็ตกใจเพราะเขาคิดค่าบริการสูงกว่าแบบอื่นๆเกือบสามเท่า ปรึกษากันในครอบครัวตัดสินใจเรียกใช้บริการ

ตอนนั้นเดือนธันวาคม 52 แผ่นปาเก้ห้องเริ่มมีร่องรอยปลวกกัดกิน เมื่อพนักงานบริษัทมาก็ให้ข้อมูลเขา เด็กหนุ่ม เอาสาวมาด้วยดูเหมือนกำลังจีบกันอยู่ ไอ้หนุ่มก็อธิบานความวิเศษของน้ำยาสมุนไพร ผลไม่ได้เรื่อง พื้นปาเก้แผ่นแล้วแผ่นเล่าถูกปลวกกัดกินไปเรื่อยๆ ตรงไหนที่พ่นน้ำยาก็ได้ผลตรงไหนที่ไม่ได้พ่นน้ำยา ปลวกก็จัดปาร์ตี้กินไม้ปาเก้กันดังลั่นห้อง สัญญาที่ทำกันไว้ หากมาทำการพ่นยา 7 ครั้งไม่สามารถกำจัดปลวกได้หมดยินดีคืนเงิน

โอย แค่ ครั้งที่ 5 พื้นปาเก้ทั้งห้องก็เสียหายจนหมดรูปแล้ว ผมเมล์ไปร้องเรียนบริษัท เขาก็ส่งเด็กคนนั้นมาพ่นสมุนไพรอีก มันไม่เหลือแล้ว พื้นปาเก้ก็ไม่สามารถซ่อมแซมได้แล้ว จึงตัดสินใจรื้อและปูกระเบื้อง และจะต้องทำช่วงสงกรานต์เพราะทุกคนสามารถอยู่บ้านดูแลการทำงานของช่างได้

บ้านมีปัญหาหลายอย่างจึงถือโอกาสซ่อมซะช่วงนี้เลย บ้านทรุด ก็เอาช่างแถวๆบ้านมาเอาทรายถมตรงปัญหา ซ่อมรางน้ำ ทางระบายน้ำรอบบ้าน

ปูกระเบื้องห้องนี่ซิ เราก็ให้ช่างมาคำนวณว่าจะใช้กระเบื้องเท่าไหร่ เราเองก็วัดและคำนวณของเราเองบ้าง ต่างกัน ครับช่างคำนวณ 30 ตารางเมตร เราคำนวณได้ 32 ตารางเมตร ไปดูกระเบื้องตามร้านโน้นร้านนี่ ให้คนข้างกายตัดสินใจเป็นคนเลือกลาย ชนิด สีเอง ในที่สุดได้ที่ Home pro เขาจะส่งให้ฟรีถึงบ้าน หากไปเอาที่ Global House ลายเดียวกัน เขาจะไม่ส่ง หากส่งจะคิดเงินเพิ่ม เราก็เอาที่เขาส่งฟรี โดยพนักงานขายแนะนำว่าควรจะซื้อเผื่อการแตกหักในอนาคตไว้ อีก 1 กล่อง เป็นหลักการที่ดี

เมื่อเริ่มปูใกล้เสร็จ ช่างบอกว่ากระเบื้องขาดไป 1 กล่อง..เราก็ขับรถไปที่ห้าง โชคดีที่เขาไม่ปิดช่วงสงกรานต์ แต่โชคร้ายที่เขาบอกว่าไม่มีในสต็อคต้องสั่งจากกรุงเทพฯซึ่งใช้เวลา 14 วัน..??? จ๊ากสสส ต้องการเพียงสามสี่แผ่นต้องรอ 14 วัน..อธิบายให้พนักงานทราบว่าขณะนี้บ่ายโมงครึ่งช่างกำลังปูพบว่าขาดเพียงสามสี่แผ่น ซึ่งต้องซื้อยกกล่อง ช่วยแนะนำหน่อยงว่าจะทำอย่างไรจึงจะได้วันนี้ เดี๋ยวนี้เพื่อให้งานเสร็จ วันหยุดที่เหลือเราจะค่อยๆทำความสะอาดและย้ายสิ่งของคืนห้อง

พนักงานบอกว่าไปดูที่ Global House ซิครับ เออ จริงนะ เราบึ่งไปทันที โชคร้ายเขาไม่มีในสต็อคเช่นกัน เรากลับไปที่ห้างเดิม เพื่อปรึกษาอีก เขาก็พยายามเช็คไปที่สาขาที่ใกล้ที่สุดคืออุดร พบว่ามีอยู่ 12 กล่อง แต่เขาบอกว่า เป็นการผลิตรุ่นเก่า สีอาจจะไม่ตรงกับรุ่นที่ซื้อไปก่อนแล้ว หากไม่รังเกียจก็ไปเอาได้เลยตอนนี้

ผมบึ่งรถไปอุดร เพื่อซื้อกระเบื้อง 2 กล่อง (สำรอง 1 กล่อง) กลับมาทันช่างซึ่งยอมอยู่จนค่ำเพื่อทำงานให้เสร็จ

เป็นประสบการณ์ในการซ่อมบ้านอีกครั้งหนึ่ง วันนี้ทั้งวันค่อยๆทำความสะอาด และค่อยๆขนย้ายบางส่วนเข้าที่ โอย อีก สองวันก็ไม่จบครับ เพราะถือโอกาสจัดบ้านไปด้วยเลย ทำเท่าที่สองคนตายายจะทำได้ อิอิ เพราะลูกสาวกลับไปทำงานแล้ว..

สงกรานต์ปีนี้ ซ่อมบ้าน.. นั่งลุ้นเหตุการณ์กรุงเทพฯที่หน้าจอทีวี


Happy Song Kran Day

514 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 เมษายน 2010 เวลา 19:57 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 19207

 

 

สวัสดีวันสงกรานต์ ทุกท่านครับ


ประชาธิปตาย..

61 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 11 เมษายน 2010 เวลา 1:13 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3126

 

 

ดั่งสายฟ้า ฟาดลง ที่ตรงหน้า

เมื่อประชา ธิปไตย ที่ฟูเฟื่อง

คนไทยมาฆ่ากันตาย ลงกลางเมือง

จะเล่าเรื่องประชาธิปไตยให้ใครฟัง..

———

หยุดทำร้ายประเทศไทย


แดง..เอ้ยย..งู เข้าบ้านเหมือนกัน

14 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 เมษายน 2010 เวลา 21:55 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1678

เห็นงูเข้าบ้านคนกรุง คือบ้าน คอน ผมก็เลยเอารูปงูเข้าบ้านผมมาบ้าง ความจริงมีหลายครั้ง แต่เข้าใจได้เพราะบ้านผมติดบึง และด้านหลังเป็นสถานที่ไม่ค่อยมีคนมาเดิน ต้นไม้ขึ้นมาเต็มตามธรรมชาติ สัตว์ต่างๆจึงมาอาศัย รวมทั้งงูด้วย


เขาก็คงหากินไปเรื่อยๆ ที่ไหนมีอาหารเขาก็มาอาศัย ที่หน้าบ้านผมซื้อโอ่งเคลือบจากโคราชมาใส่ต้นกก เอาน้ำใส่เข้าไป สวยดีเพิ่มความเขียวให้กับบ้าน แต่แล้ววันหนึ่งไปเติมน้ำในโอ่งเล็กใบนี้ เห็นหัวงูโผล่ขึ้นมา อะจึ๋ยสสส หากเป็นคนกลัวละก็ แหกปากลั่นหมู่บ้านไปแล้ว


ก็เลยวิ่งไปคว้ากล้องมาเก็บภาพเพื่อนร่วมบ้านเอาไว้เป็นที่ระลึกยามคิดถึง อิอิ แลบลิ้นซะด้วย

ก็ไม่ได้ทำอะไรเอาไม้มาเขี่ยๆบอกเขาไปอยู่ที่อื่นเถอะ ที่นี่อันตรายเดี๋ยวเจ้าคุกกี้เห็นละก็จะมาฟัดเอาบาดเจ็บ ถึงตายได้ แล้วเขาก็ไป….

อีกวันหนึ่ง ไปยืนนอกชานแล้วพยายามสังเกตหลังคาตรงที่นกมาอาศัย แหงนไปบนหลังคาอ้าวนั่นมันงูนี่…



มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาอ้าปากกว้าง จังหวะถ่ายรูปได้พอดี สงสัยเขาพยายามมากินนกที่มาอาศัยใต้หลังคาบ้าน เราปล่อยเขาไป สักพักใหญ่ๆก็หนีหายไป


เชิญชมรายการอิฐก้อนแรก

28 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 เมษายน 2010 เวลา 16:00 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1988

แนะนำเพื่อนๆที่สนใจบุคคลและสาระแบบลุยๆ เซอร์ๆ แต่เฉียบคม ให้ดูที่รายการ อิฐก้อนแรกที่ ไทย pbs


ท่านนี้คือ นายบำรุง บุญปัญญา พี่เปี๊ยก พี่ใหญ่ของวงการ NGO ไทย ผมเคยพาพี่เปี๊ยกไปพบ พวกเราและทีม สสสส 1 ที่สวนป่า ใครมีหนังสือวัฒนธรรมชุมชนก็จะรู้ประวัติของพี่ คนนี้


ใครที่ยังไม่รู้จักขอแนะนำสั้นๆว่า พี่เปี๊ยกเป็นคนบ้านผำ สุรินทร์ เพราะตัวเล็กนิดเดียวจึงชื่อเปี๊ยก ไปเรียนคณะเกษตรศาสตร์ มก.ภาควิชาปัฐพีศาสตร์ จบออกมาด้วยเกียตินิยมอันดับหนึ่ง สอบทุน British Council ไปเรียนที่ Leading ประเทศอังกฤษ พบว่าสาระในชั้นเรียนไม่ได้เรื่องเลยไม่เรียนต่อกลับมาทำงานพัฒนาชนบทกับ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่ TRRM (Thailand Rural Reconstruction Movment) จังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็น องค์กรพัฒนาชนบทแห่งแรกในประเทศไทย และเป็นปรมาจารย์ของผม ผมไปเรียน ฝึกกับพี่เปี๊ยกที่ชัยนาท….


แม้ว่าเวลาจะผ่านมาหลายทศวรรษ พี่เปี๊ยกก็ยังสละทั้งชีวิตให้กับงานพัฒนาคน ชุมชน ไม่มีสมบัติอะไรติดตัวเลย มีแต่กายกับใจ เด็กรุ่นใหม่ๆที่จะไปคุยกับพี่เปี๊ยก สามารถไปได้ที่ขอนแก่น กระท่อมบรรพชนใจกลางเมือง…

http://www.thaipbs.or.th/ItKonRak/


ตลาดชีวิต..

1047 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 2 เมษายน 2010 เวลา 20:18 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 11412

สมัยอยู่ที่เชียงใหม่ก็เห็นการเกิดขึ้นของตลาดต้นพะยอม หลัง มช. มันเริ่มจากถนนหลัง มช.นั้น มีนักศึกษาชอบใช้ขี่มอเตอร์ไซด์ เข้า-ออก ทั้งไปในเมืองและไปสวนดอก ภาษา มช.เรียกสวนดอกก็หมายถึงโรงพยาบาลสวนดอก หรือคณะแพทย์ศาสตร์และคณะต่างๆสายวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย

ตลาดต้นพะยอมเริ่มจากชาวบ้านเอาสินค้าพื้นบ้านมาวางขายเพียงสองสามคน และขายได้ นับวันก็ขยายจำนวนแม่ค้าที่เป็นชาวบ้านและชนิดสินค้ามากขึ้น แล้วก็ไม่พ้นนักธุรกิจที่เห็นอนาคตว่าควรจะทำอะไร การซื้อขายที่ดินก็ระเบิดขึ้นแล้วก็พัฒนามาจนปัจจุบัน

ทุกวันนี้ตลาดต้นพะยอมรถติดทั้งเช้าและเย็น..

ไม่ไกลจากกบ้านผมที่ขอนแก่นมีซอยเล็กๆซึ่งเป็นชุมชนค่อนข้างใหญ่ที่เรียกชุมชน หนองใหญ่ ไปพ้องชื่อหมู่บ้านหนองใหญ่ของเพลงดาวมหา’ลัย หรือเปล่าผมไม่ทราบ แต่ชุมชนนี้เป็นชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่งของขอนแก่น อาชีพเดิมของชาวบ้านก็ทำนาหมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่คือที่นาเดิมของชาวหนองใหญ่ เมื่อเวลาเปลี่ยนไป มีการตัดถนน มีการสร้างสถาบันการศึกษาสถานที่ราชการ… ลูกหลานก็เรียนหนังสือกัน แล้วอาชีพทำนาก็ลดลงลดลง ชาวนากลายเป็นลุกจ้างร้านอาหาร เปลี่ยนอาชีพไปเป็นแรงงานต่างๆในเมือง บางคนก็ไปเอาดีทางเป็นช่างไม้ ช่างปูน ช่างไฟฟ้ารับจ้างอย่างอิสระ สตรีชาวนาหนองใหญ่ก็ไปรับจ้างทำงานบ้าน รับจ้างรีดผ้า ซักผ้า …

แล้ววันหนึ่งชาวบ้านก็เอาของพื้นบ้านมาวางขายปากซอย ขายดิบขายดี แล้วก็ขยายออกไปเรื่อยๆ บ้านในซอยถูกดักแปลงเป็นร้านค้า บ้านในซอยมีการซื้อขายกันราคาแพงๆเพราะต้องการทำมาค้าขาย สินค้ามีทุกชนิดส่วนใหญ่ก็เป็นอาหาร เพราะเป็นตลาดเย็น ขายดิบขายดี คนในเมืองขอนแก่นที่ต้องการของพื้นบ้าน ของสดๆก็จะขับรถมาที่นี่ การเกิดตลาดทำให้ชุมชนเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ถนนสายหลักรถติดเพราะใครๆที่ขับรถต่างก็อยากจอดใกล้ๆตลาด ลงเดินซื้อแล้วกลับมาที่รถง่ายๆ แต่ก็จะจอดซ้อนคัน ถนน 4 เลนก็เหลือเพียงเลนเดียว แถมยังมีคนเดินข้ามถนนตลอด รถไม่ติดได้ไง เพราะถนนเส้นนี้เป็นสายหลักที่จะไปอำเภอรอบนอกและจังหวัดกาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด สกลนคร หรือไหนๆที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองขอนแก่น


ครอบครัวผมก็ฝากท้องที่นี่ ซื้อทั้งของสดนำไปประกอบอาหาร หรืออาหารสำเร็จรูป ผมชอบสินค้าพื้นบ้าน มะรุมที่แกะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าวโพดข้าวเหนียว ผักพื้นบ้านสารพัดชนิด บางชนิดที่ปลูกเองได้ก็ไม่ซื้อ

เย็นวันนั้นผมเห็นเด็กผู้ชายมานั่งกับแม่และแม่ก็เอาน้องเล็กนั่งตัก เธอขอทานครับ ผมยืนอยู่ห่างๆเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของเด็กและแม่คู่นี้ เด็กผู้ชายนั้นดูหน้าตาดี หล่อเหลาไม่เบา และดูสายตาเขาไร้เดียงสาเหลือเกิน เขาคงไม่เข้าใจอะไรว่าทำไมแม่ต้องมานั่งขอทานเช่นนี้ เขาน่าจะเรียนหนังสือแล้วกลับมาบ้านจึงมานั่งกับแม่ เพราะคงไม่รู้จะไปไหน

เด็กเฝ้ามองด้วยสายตาน่าสงสารมากครับ ดูคนโน้นคนนี้เดินผ่านไปมาด้วยของกินเต็มมือ บางคนก็เอาเศษสตางค์หย่อนใส่กระป๋องใบเล็กๆในมือแม่…


พักใหญ่ๆแม่หันมาเห็นผมยืนมองเขาอยู่จึงคว้าหัวลูกไปซุกตัก นัยว่าไม่อยากให้ผมถ่ายรูปอะไรทำนองนั้น เด็กไม่รู้เรื่องอะไรก็โน้มตัวไปตามแม่ เธอไม่ใช่คนสกปรก เหมือนว่าเป็นวณิพกใหม่ เธอคงมีเรื่องราวในครอบครัวชุดใหญ่ เธอคงไม่มีทางออกอะไรมากนัก แต่ความรับผิดชอบที่ต้องแบกภาระลูกสองคนก็ต้องดิ้นรนไป เมื่อไม่มีหนทางใดๆ ก็ใช้วิธีนี้แหละ ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากทำเช่นนี้หรอก ผมเชื่อว่าไม่มีแม่คนไหนที่อยากเอาลูกมานั่งตรงนี้ ด้วยสถานะนี้..

ความจริงในตลาดแห่งนี้มีวณิพกหลายราย ส่วนใหญ่เป็นผู้เฒ่าสูงอายุทั้งชายหญิง และคนพิการ แต่เพิ่งจะเห็นเธอคนนี้เป็นครั้งแรก ขณะที่ผมยืนคอยคนข้างกายไปซื้อสิ้นค้ากลับบ้านบางอย่าง เฝ้าสังเกตแม่ลูกคู่นี้จนเธอรู้สึกว่ามีคนจ้องเธอจึงให้ลูกเดินกลับบ้านไป


ผมอยากรู้เรื่องราวชีวิตของครอบครัวนี้ แต่คงไม่เหมาะสมที่จะมานั่งสัมภาษณ์กันที่นี่ กลางตลาดคนเดินนี้ ผมบริจาคเงินจำนวนหนึ่งก่อนที่จะหอบอาหาร กลับบ้านด้วยคิ้วขมวด..ถึงชีวิต ความยากจน การไม่มีทางเลือก บางคนมีเงินล้นฟ้า แต่บางคนเอาตัวไม่รอด ต้องมานั่งกลางถนนรอเมตตาจากคนด้วยกัน เพราะเธอไม่มีทางเลือก

หรือนี่คือทางเลือก


แดง..แต่สวย

89 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 เมษายน 2010 เวลา 21:11 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1580


ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร

ไม่รู้ว่าเขามีประโยชน์ต่อสุขภาพหรือไม่

ไม่รู้ว่าเขาเอามาปลูกเพื่ออะไร

แม้จะมีสีแดง แต่ก็แดงโดยธรรมชาติ

ที่ไม่ได้ฉาบติดด้วยความไม่รู้ หรืออคติ หรือทยานอยาก

แดงธรรมชาติ..สวย…


ภูแฝก..

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 31 มีนาคม 2010 เวลา 0:32 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2216


วันนี้มีโอกาสแวะที่อุทยานภูแฝก ต.ภูแล่นช้าง อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ เห็นแล้วก็อนาถใจ แม้ในเขตอุทยานเองที่มีสำนักงานอยู่ใกล้ๆ สภาพป่าไม้ก็โดยเผาเช่นนี้ แล้วไปเรียกร้องให้ชาวบ้านรักษาป่าได้อย่างไร..


พูดจาภาษาเอี้ยง..

155 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 30 มีนาคม 2010 เวลา 19:08 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2485

 


ความงาม..

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 28 มีนาคม 2010 เวลา 10:14 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 674

แม้ว่าอารยธรรมต่างๆจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาในเมืองใหญ่ซึ่งสายใยของมนุษย์กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลไกในเทคโนโลยี แต่ความมีน้ำใจอันงดงามต่อกันก็ไม่เคยสูญหายไปไหน


ระหว่างทางที่ขับรถจากซิดนีย์ไปเมลเบิร์นเพื่อเดินทางไปจัดนิทรรศการ รถได้เกิดอุบัติเหตุในทางโค้งที่ลื่นด้วยหิมะในหน้าหนาวจนพลิกคว่ำ ล้อหงายขึ้นฟ้าและหลังคารถไถลเบาๆไปตามพื้นถนนทำให้ศีรษะของทุกคนคว่ำลงตามหลังคารถไปด้วย ในระหว่างนั้นมีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งสวนมา เธอจอดรถและรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็วเข้ามายังรถตู้และดึงทีละคนออกจากรถพร้อมเข้ามากอดแต่ละคนด้วยความห่วงใยให้กำลังใจว่าอย่าตกใจเธอจะช่วยดูแลทุกอย่างให้

สำหรับคนเดินทางต่างถิ่นและการได้รับน้ำใจจากคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนมันเป็นความงดงามอันซาบซึ้ง หญิงสาวชาวออสเตรเลียคนนั้นได้เรียกรถพยาบาลมาดูแลกลุ่มคนไทย พาส่งโรงพยาบาลซึ่งต้อนรับอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง ตั้งแต่เอกซเรย์ตรวจกระดูกไหล่ที่เคลื่อน เข้าเฝือกให้ พร้อมบริการคุกกี้และกาแฟโดยไม่คิดมูลค่าหรือค่ารักษาเลย พร้อมยังวิ่งเต้นจัดหารถให้ใหม่เพื่อเดินทางไปถึงจุดหมายทันเวลาจัดนิทรรศการ


ความงดงามแห่งน้ำใจย่อมนำความสุขมาให้ทุกฝ่ายเสมอ คำว่าน้ำอันมีลักษณะของความฉ่ำเย็น คำว่าใจหมายถึงความปกติเป็นกลางที่บริสุทธิ์สะอาด เมื่อรวมกันเป็นน้ำใจยิ่งช่วยให้ความสะอาดบริสุทธิ์นั้นฉ่ำชื่นด้วยความเย็นใจ เหมือนคนที่เดินทางยากลำบากแล้วได้ดื่มน้ำอันฉ่ำเย็นชื่นใจ ลดความฝืดเคืองอันยากลำบากไปได้….

….ความหมายแห่งการมีชีวิต คือ การเดินทางแห่งจิตวิญญาณของการเรียนรู้…

(ผมขออนุญาตคัดลอกมาเพียงแค่นี้ แค่นี้ก็ให้ความรู้สึกที่ดีมากๆต่อข้างใน ……)

บางทราย: ดอกไม้ที่งามที่สุดในใจเรานั้นทำให้เราสงบ ยิ้มได้ แต่ความงามของจิตใจนั้นทำให้โลกสงบและ ยิ้มได้ทั้งโลก

————-

จากเรื่อง “ความสุขแห่งน้ำใจโดยไม่น้อยใจให้เสียความสุข” หนังสือ ความสุขที่ไม่ควรสูญเสีย โดยพระอาจารย์อำนาจ โอภาโส แห่งผาซ่อนแก้ว หน้า 263 กราบขอบพระคุณป้าจุ๋มครับที่ส่งหนังสือวิเศษสุดนี้ไปให้


Poll ยุบสภา

14 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 26 มีนาคม 2010 เวลา 11:27 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1736


ผลการสำรวจเบื้องต้นที่ยังไม่ได้สรุปสิ้นสุด เรื่องความเห็นประชาชนต่อการยุบสภา


กลับสู่กำพืด..

1430 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 มีนาคม 2010 เวลา 21:46 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 17684


คุณยายท่านนี้ อายุ 87 ปีแล้ว เรียนจบแค่ ป.4 อาชีพทำนามาตลอดชีวิต ชอบทำบุญทำทาน เป็นคนบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่ง



ชายหนุ่มคนนี้ ก็เป็นชาวบ้านที่ใครๆทั่วบ้านทั่วเมืองเรียก “ไอ้เบิ้ม” เป็นคนไม่มีพิษภัยกับใคร ใครมีงานอะไรที่ไหนเรียกให้ไปช่วยก็ไปหมด แล้วแต่เขาจะให้เงินให้ข้าวกิน ให้เท่าไหร่ก็เอาแค่นั้น ไม่เรียกร้องไม่ต่อว่า ไม่โกรธ ชายคนนี้ไม่ได้เรียนหนังสือ พยายามเรียนแต่เนื่องจากเป็นโรคลมบ้าหมูจึงเรียนไม่จบแม้ ป. 1 ก็ใช้ชีวิตกับคุณยายข้างบน เป็นแรงงาน ช่วยคุณยายทำนา และทำทุกอย่างที่คุณยายสั่งให้ทำ ปัจจุบันว่างๆก็เที่ยวไปเก็บก้านมะพร้าวมาแล้วก็เอามีดกรีดเอาใบออกเหลือก้าน เอาไปขายมีคนมารับซื้อไปทำไม้กวาด ชีวิตไม่ได้หวังอะไรเลย ไม่ต้องการอะไรเลย แค่ขอข้าวกินไปวันๆหนึ่งเท่านั้น..

 

เพราะชายคนนี้ ผมจึงมายืนอยู่ตรงนี้

เพราะคุณยายท่านนี้ผมจึงมายืนอยู่ตรงนี้

ครับ คุณยายท่านนี้คือแม่ผม ชายคนนี้คือพี่ชายแท้ๆของผม

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสกลับไปกราบท่าน


ตำตาตำใจ..

14 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 21 มีนาคม 2010 เวลา 11:32 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 563

ความสูงเท่ากับตึกสองชั้น ถ้าใส่อีกชั้นได้ก็คงจะใส่แล้ว..

มันเป็นการพัฒนาไอเดีย หรือการละเมิด

นี่คือรูปธรรมของการคอรัปชั่นแบบตำตารูปแบบหนึ่งหรือเปล่า..


รับจ้างโห่..

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 มีนาคม 2010 เวลา 23:03 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 585

 

 

รับจ้างโห่ในงานมงคลเท่านั้น

ไม่รับงานโห่การเมืองทั้งหลาย

(จากตลาดศาลเจ้า อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง)


ถูกใจ..

5 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 20 มีนาคม 2010 เวลา 1:02 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1690

เมื่อค่ำนักข่าวช่องหนึ่งไปสัมภาษณ์พระไพศาล วิสาโล ในเรื่องเหตุการณ์ร้อนรุ่ม ปัจจุบันนี้ นักข่าวถามว่าทำไมประชาชนเสื้อแดงถึงสนับสนุนคุณทักษิณ…..

พระไพศาล: …ประชาชนชนบทนั้นเรียนรู้ว่าทุกรัฐบาลมีคอรัปชั่นกันทั้งนั้น แต่คุณทักษิณได้จัดสรรประโยชน์ลงสู่ชนบทถึงตัวคนด้วย ประชาชนรู้ว่าเขาคอรัปชั่น แต่ก็พึงพอใจที่สามารถทำประโยชน์แก่ชนบทด้วย สิ่งเหล่านี้พระไพศาลท่านเรียกการกระทำของทักษิณว่า “ถูกใจชาวบ้านแต่ไม่ถูกต้อง”

 

ผมต้องกราบนมัสการพระไพศาล ที่ท่านใช้คำสรุปที่ “ถูกใจ” ผมจริงๆ เพราะผมเองก็หาคำมาอธิบายปรากฏการณ์นี้ยังไม่ได้ แต่ท่านได้ให้คำสรุปที่ชัดเจน อย่างที่ผมบันทึกมาหลายบันทึกแล้วนั้น รู้ทั้งรู้ว่าชาวบ้านในพื้นที่ที่ผมทำงานนั้นแดงทั้งดง และได้ยินกับหูที่ชาวบ้านพูดว่า ทักษิณนั้นเขาแบบ 50/50 แม้จะกินก็ให้ชาวบ้านด้วย


มันเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่น่าตกใจ และผมหรือใครๆก็คงรับไม่ได้ต่อทัศนะนี้ แต่ชาวบ้านในชนบทไม่ได้คิดอย่างเรา ตรงข้ามเขาชื่นชอบอีกต่างหาก แน่นอนมีองค์ประกอบอื่นเข้ามาสร้างเสริมด้วย เช่นการประชาสัมพันธ์ ใน P station และวิธีอื่นๆ ประกอบกับบางพื้นที่ เช่นดงหลวง มีแผลเดิมอยู่บ้างแล้ว


“ถูกใจชาวบ้านแต่ไม่ถูกต้อง” มันเป็นโจทย์ เป็นประเด็น เป็นคำถามที่ถามตัวเองว่า ในฐานะที่เรามาทำงานสร้างคนชนบทนั้นเราจะแก้อย่างไร ซึ่งเรารู้ว่าการเปลี่ยนความคิดคนนั้น ยาก แต่ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้

การแก้ปัญหาความยากจนเป็นเรื่องยาก การเปลี่ยนความคิดคนยิ่งยากทวีคูณ


ชื่อในบันทึกเก่าเล่มนั้น..

16 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 มีนาคม 2010 เวลา 23:44 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 640

 

 

สตรีท่านนั้นโชคร้ายจริงๆ เพราะกระเป๋าเงินถูกโจรกรรมบนรถไฟสายใต้ที่สงขลาจนหมดตัว สิ่งที่พึ่งพิงได้คือการไปแจ้งความที่โรงพัก…

นายตำรวจท่านนั้นรับเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็ควักเงินในกระเป๋าให้มา 500 บาท สตรีท่านนั้นไม่ลืมที่จะบันทึกชื่อนายตำรวจไว้ที่ได้ช่วยเหลือในยามทุกข์…

แล้วชีวิตก็เดินต่อไปจากวันเป็นเดือนเป็นปี หลายปี..การถูกโจรกรรมเงินในรถไฟ และการช่วยเหลือของนายตำรวจถูกเล่าขานให้เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง วันแล้ววันเล่า

แล้วก็เลือนหายไปกับกาลเวลา..


ช่วงสัปดาห์เดือนมีนาคมอันร้อนแรงทั้งอุณหภูมิอากาศและการเมือง.. แล้วในที่สุดข่าวลือลั่นที่สุดก็อุบัติขึ้นที่ภาคใต้ นายตำรวจนักสู้แห่งเทือกเขาบูโดถูกระเบิดเสียชีวิต… ท่านคือนายตำรวจที่เพิ่งจะมาร้องเรียนกับกตร. และนายกรัฐมนตรีฯ เพื่อขอโยกย้ายเมื่อวาระมาถึง แต่ไม่ได้รับการโยกย้าย และต้องมาสังเวยชีวิตให้แก่ความร้อนที่ภาคใต้…ท่านคือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา….

สตรีผู้โชคร้ายบนรถไฟในหลายปีก่อนเอะใจกับชื่อท่านผู้กล้าที่เสียสละชีวิตท่านนี้ เธอไปค้นบันทึกเก่าๆเอามาดู เพราะได้บันทึกชื่อนายตำรวจผู้ช่วยเหลือเธอในคราวนั้น


…สตรีท่านนั้นต้องตกใจสุดขีด.. น้ำตาเธอรินหลั่งลงมาอย่างไม่รู้ตัว ชื่อนายตำรวจที่เธอบันทึกไว้นั้น คือ ชื่อผู้เสียสละชีวิตในวันนี้….

 

(เค้าโครงเรื่องมาจากข่าว ปชส.เย็นวันที่ 18 มีนาคม 2553)


โศลกแดง ๐๑

643 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 18 มีนาคม 2010 เวลา 22:32 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3962

 



Main: 0.12636590003967 sec
Sidebar: 0.063951015472412 sec