เห่อเฮ 10 หลวงพระบาง และอองรี มูโอต์

โดย bangsai เมื่อ 21 กรกฏาคม 2009 เวลา 21:46 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1406

หมายเหตุ: ผมหยิบเอาเรื่องราวหลวงพระบางเก่าที่ผมเคยpost มาแล้วเอามาลงใหม่อีกครั้ง เผื่อเรียกน้ำย่อยเฮสิบครับ เหมือนเรียนประวัติศาสตร์ก่อนไปครับ

—————-

หลาย ครั้งผมเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศอ่านหนังสือท่องเที่ยว สถานที่นั้นๆก่อนไปเที่ยว บางคนก็เดินอ่านไปดูสถานที่นั้นๆไป เราก็ชมว่าเขาเที่ยวแบบศึกษาจริงๆ  แต่บ้านเรามีท่องเที่ยวแบบฉิ่งฉับทัวร์ กินเหล้าเมากันตั้งแต่บนรถแล้ว  พอลงรถได้ก็หิ้วขวดเหล้าลงไปด้วย เมื่อกินหมดขวดก็ปาเข้าป่าแถวนั้น ร้ายไปกว่านั้นก็ทุบให้แตกเล่น ..มีไรป่าวเพ่…  เดินไปหน่อยก็เอากล้องมาถ่ายรูปกันแล้วก็เดินกลับไปร้องเพลงลั่นรถอีก  สนุกซะไม่เมี๊ยะ.. ร้ายไปกว่านั้นก็จารึกอักษรลงบนแหล่งเที่ยวนั้นด้วย

แต่ที่ผมได้ยินมาว่า “นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นกิน ปล่อยเป็นหลง ลงเป็นซื้อ” นี่ก็อีกฉายาหนึ่งของนักเที่ยวไทย..อิอิ…

ผม ก็เลยเอาข้อมูลอีกส่วนหนึ่งมาให้เพื่อนๆได้ผ่านหูผ่านตากัน เห็นหลายๆคนเคยไป กำลังจะไป และฝันจะไปเมืองหลวงพระบางกันครับ ข้อมูลต่อไปนี้เป็นประวัติศาสตร์ครับที่เกี่ยวกับแม่น้ำโขง หลวงพระบางและเมืองไทยของเรา และ….


รัชการที่ 4 กับอองรีและหลุมศพเขาที่หลวงพระบาง

ในสมัยที่ลาวและกัมพูชายังเป็นประเทศราชของไทยอยู่ ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการเข้ากรุงเทพฯ ในรัชสมัยรัชการที่ 4 มีชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งเข้ามาสำรวจดินแดนสยาม ลาว กัมพูชา เมื่อปี 2401-2404 นายคนนี้ชื่อ อองรี มูโอต์ (Henri Mouhot) เขาเป็นนักธรรมชาติวิทยาที่ได้รับทุนจากอังกฤษ นายคนนี้ถูกขนานนามว่าเป็นผู้ค้นพบ นครวัด และเป็นเจ้าของวลีโด่งดังที่ว่า see Ankor and die

เขาสำรวจทั่วดินแดนลุ่มน้ำโขง  เขามากรุงเทพฯ จันทบุรี เพชรบุรี สระบุรี  ว่า กันว่าการเดินทางครั้งสำคัญคือเลาะลัดจากตราดไปเมืองกัมปอต เดินต่อไปยังอุดง เมืองหลวงกัมพูชาสมัยนั้น แล้วขึ้นตนเลธมจนถึงนครวัด แล้วกลับเข้ากรุงเทพฯ

ในปี 2404 เขาเดินทางเข้าสู่ที่ราบสูงโคราช ไปชัยภูมิ เข้าปากลายแล้วขึ้นไปหลวงพระบาง ได้ไปเฝ้าเจ้ามหาชีวิต “จันทราช” และในที่สุดมูโอต์ก็เป็นไข้ป่าและเสียชีวิตที่หลวงพระบาง เมื่อ 29 ตุลาคม 2404 อายุเพียง 35 ปี ศพของเขาฝังที่ริมน้ำคานไหลลงแม่น้ำโขงที่เหนือวัดเชียงทอง

บันทึกของมูโอต์ถูกส่งกลับไปอังกฤษให้น้องชายเขา ภริยาเขาตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสหลายครั้งหลายหน

ความ สำเร็จในการสำรวจครั้งนั้นและบันทึกเขาตีพิมพ์นั่นเองทำให้นครวัดนครธมกลาย เป็นสิ่งเลื่องลือถึงความมหัศจรรย์ของโลกตะวันออก และเป็นผลทำให้ฝรั่งเศสสนใจในดินแดนอินโดจีนอย่างมหาศาลจนในที่สุดก็เข้ามา ยึดครองเป็นอาณานิคม


การสำรวจแม่น้ำโขงไม่ได้สิ้นสุดที่ มูโอต์เท่านั้น ยังมีอีกชุดหนึ่งคือ ดู ดาร์ต เดอ ลาเกร (Dudart de Lagree) ในปี 2409 วัตถุประสงค์เพื่อเส้นทาง “ประตูหลัง” เข้าสู่เมืองจีน ลาเกรเป็นผู้แทนของฝรั่งเศสในเวียตนามใต้คุ้นเคยดินแดนแถบนี้ดี ทีมสำรวจชุดนี้มีนายทหารหนุ่มที่ “คลั่งแม่โขง”  ชื่อ ฟรานซีส การ์นิเยร์ มีแพทย์ทหารเรือสองคน มีนักพฤกษศาสตร์นักธรณีวิทยา และช่างภาพ


ความยากลำบากของคณะสำรวจเพราะเกาะแก่งมากมาย

คณะเดินทางชุดนี้ออกจากไซ่ง่อนตามลำน้ำโขงและนครวัด และเสียเวลาเพื่อขอใบอนุญาตผ่านแดนสยาม (ซึ่งเวลานั้นสยามมีอธิปไตยเหนือมณฑลบูรพา หรือมณฑลเขมรในรัชสมัยรัชการที่ 5 ) คณะสำรวจผ่านเวียงจัน ฝรั่งเศสบันทึกช่วงนี้ว่า เวียงจันยังเป็นเมืองร้าง มีป่าไม้ปกคลุมหนาทึบ นี่คือผลจากสงครามเสียกรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้างร่มขาวเวียงจัน เมื่อปี 2371 ในสมัยสงครามกู้กรุงของ “เจ้าอนุวงศ์” ที่พ่ายแพ้ต่อกองทัพรัตนโกสินทร์สมัยรัชกาลที่ 3 และ “ท้าวสุรนารี”


ภาพบน เป็นภาพคอนพะเพ็งฝีมือวาดโดยนักสำรวจ

ชุดสำรวจนี้ถึงหลวงพระบางและได้เข้าเฝ้าเจ้ามหาชีวิต “จันทราช” เช่นเดียวกันกับ มูโอต์ แล้ว เดอ ลาเกร เดินทางขึ้นแม่น้ำโขงต่อไปอีก เมื่อเข้าเขตเมืองจีนเขาก็เสียชีวิต  การ์นิเยร์ เดินทางต่อจนถึงเมืองต้าลี่ (น่านเจ้า) แล้วก็ตัดสินใจสิ้นสุดการสำรวจที่นั่น สรุปเขาใช้เวลา 2 ปี และรู้ว่าแม่น้ำโขงไม่สามารถใช้เป็นเส้นทางเข้าประตูหลังเมืองจีนได้ เพราะเกาะแก่งมากมายนั่นเอง ฝรั่งเศสตัดสินใจเลิกล้มที่จะใช้แม่น้ำโขงเข้าสู่จีน เช่นเดียวกับที่อังกฤษก็เลิกล้มใช้แม่น้ำอิรวดีและสาละวินเข้าเมืองจีน


ภาพพิมพ์เมืองหลวงพระบางและวัดพูสี ภาพล่างเป็นเรือยาวลงจากพระราชวังหลวงพระบาง(ตีพิมพ์ปี 2416)

ฝรั่ง เขาคิดอะไรกับดินแดนแถบนี้เล่า หากเราศึกษาประวัติศาสตร์ เราก็จะเข้าใจสถานที่นั่นๆมากขึ้นถึงวัฒนธรรมประเพณี ศิลปะ อาคารบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างต่างๆ…เราจะเข้าใจจิตใจเขาที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์เหมือนเราเรียนรู้ประวัติศาสตร์เสียกรุงให้พม่า…

หาก ท่านไปหลวงพระบางก็อย่าลืมไปเยี่ยมดูหลุมศพ มูโอต์ที่ริมน้ำคานเหนือวัดเชียงทองนะครับ ท่านอาจารย์ชาญวิทย์กล่าวว่า …หลุมศพนี้..ช่างน่า “นอนตาย” และงดงามเสียนี่กระไร….

———-

ข้อมูล: The Mekong: From Dza Chu-Lancang-Tonle Thom to Cuu Long บรรณาธิการโดย ชาญวิทย์ เกษตรศิริ และ อัครพงษ์ ค่ำคูณ

ข้อมูลนี้เดิมอยู่ที่ http://gotoknow.org/blog/dongluang/157488

« « Prev : แมลงสาบ..

Next : เห่อเฮ 10 หลวงพระบางในสมัยรัชกาลที่ 5 » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "เห่อเฮ 10 หลวงพระบาง และอองรี มูโอต์"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.65959692001343 sec
Sidebar: 0.36410808563232 sec