เมื่อนักมวลเมฆเผชิญภัย..
อ่าน: 2097รูปที่เห็นนี้คือบึงทุ่งสร้างซึ่งมีขนาดใหญ่ เป็นบึงที่เทศบาลนครขอนแก่นพัฒนาให้เป็นแหล่งรับน้ำเสียจากเมืองเอามาบำบัดตรงเลขที่ 5 ก่อนปล่อยลงสู่น้ำชีต่อไป พื้นที่ 4 คือสวนสาธารณะที่ชาวขอนแก่นจะมาออกกำลังกายทั้งเด็ก ผู้ใหญ่กันแน่นตอนเย็นๆ พื้นที่ส่วนใหญ่ปัจจุบันรกมาก เทศบาลปล่อยให้วัชพืชขึ้นเต็มไปหมดโดยเฉพาะขอบตลอดแนวบึงแห่งนี้ กลายเป็นสถานที่ใครต่อใครแอบเอาขยะมาทิ้ง
จุดที่ 1 คือพื้นที่ที่มีคนมามากที่สุดคือชาวบ้านจะมาจับปลาโดยใช้เบ็ดตก เทศบาลห้ามใช้ยอและเครื่องมืออื่นๆ ตรงนี้จะมีชมรมร่มบินมาเล่นบ่อยที่สุด และชมรมเครื่องบินเล็กก็มาใช้พื้นที่ตรงนี้เช่นกัน กลุ่มที่เลี้ยงสุนัขก็มักจะเอามาปล่อยให้น้องหมาวิ่งเล่น ผมเองก็ชอบมาใช้จุดนี้เป็นที่ดูเมฆประจำ
จุดที่ 2 เป็นพื้นที่ที่เข้ายากสักหน่อย แต่ชาวบ้านทั้งใกล้ไกลจะมาจับปลา ซึ่งสามารถใช้ยอมาจับปลาได้ ทั้งยอเล็กและยอใหญ่ ชาวบ้านมาไกลสุดจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ผมเองก็ชอบมาใช้จุดนี้ดูมวลเมฆเช่นกัน แต่ไม่บ่อยเท่าจุดที่ 1
จุดที่ 3 เป็นจุดที่เข้ายากเพราะรก มีวัชพืชหนาแน่น แต่ผมก็มาบ้างเป็นบางครั้งเพราะมุมมองเมฆสวยยามพระอาทิตย์ตกดิน
เมื่อสัปดาห์ก่อนผมหิ้วกล้องไปล่าเมฆ เมื่อมีจังหวะ มีโอกาส ผมเอาน้องหมา เก้าอี้สนามที่พับได้ไปด้วยเผื่อจะได้นั่งรับลมเย็นๆและดูเมฆไป เอาหนังสือเล่มที่ชอบไปเล่มหนึ่ง ปล่อยให้น้องหมาเดินเล่นตามประสาเขา วันนั้นมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นที่เป็นเหตุให้ผมต้องบันทึกฉบับนี้เก็บไว้
มีรถเก๋งคันหนึ่งจอดในที่ที่ผมเคยจอด ห่างออกไปมีมอเตอร์ไซด์ สองคันจอดอยู่ ท่าทางคนแปลกไปจากความเป็นปกติ เมื่อผมจอดรถ ท้ายเก๋งคันนั้นแต่ห่างออกมาสมควร เอาน้องหมาลง เอากล้องออกมา เดินดูโน่นนี่ แต่พยายามชำเลืองดูเจ้าของรถ เห็นชายกลางคนยืนกอดอกมองไปทางน้ำในบึง แต่ก็พยายามเหลือบมองผมอยู่ ผมพยายามหันไปดูเมฆทางตะวันตก และก็เห็นชายอีกคนหน้าตาดุๆ นั่งซุกอยู่ในดงหญ้าห่างไปสัก 20 เมตร
ผมเดินกลับไปมาที่รถ และเรียกน้องหมาให้มาอยู่ใกล้ๆ และสังเกตเห็น เด็กหนุ่มที่ขี่มอเตอร์ไซด์มานั้นมองมาทางผมเหมือนกัน และดูผิดปกติจริงๆ ผมประมวลความแล้วคิดไปในทางร้ายว่าเป็นกลุ่มค้ายาเสพติดนัดกันมาส่งยาในที่ที่ไม่ค่อยมีใครเข้ามาตรงนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าตรงนี้ผมมาดูเมฆแม้จะไม่บ่อยก็ตาม พักใหญ่ๆที่ผมพยายามดูเมฆว่ามีดีพอที่จะถ่ายรูปเก็บไว้บ้างไหม ผมสังเกตเห็นเจ้าของรถเก๋งเดินกลับมาที่รถ เปิดรถและเข้าไปนั่งข้างในผมเดาว่าเขาใช้กระจกหลังสังเกตผมอยู่ และชายดุๆที่นั่งกลางป่าหญ้านั้นก็เดินเข้ามาหาชายเจ้าของรถ คุยกันเบาๆ
ท่าไม่ดีซะแล้วเราเผ่นดีกว่า ผมเอาน้องหมาขึ้นรถและขับออกไป ตามถนนรอบบึงและตั้งใจกลับบ้าน ใจหนึ่งก็คิดว่าน่าจะแจ้งให้ตำรวจทราบ บังเอิญจริงๆ ระหว่างขับรถนั้นมีสายตรวจตำรวจขับมอเตอร์ไซด์ผ่านมาสองคนซ้อนกัน ผมเรียกตำรวจแล้วลงไปอธิบายสิ่งที่ผมเห็น สถานที่ ยังไม่ทันจบดี ตำรวจก็ชิงพูดออกมาว่า พวกส่งยา เมื่อตำรวจรู้สถานที่ ก็ขับรถออกไปเพื่อดูสถานที่นั้น ผมก็แยกกลับบ้านไป
อีกสองวันต่อมาผมอยากไปถ่ายรูปเมฆอีก แต่คราวนี้ผมไม่ไปที่เดิม ซึ่งเป็นเลข 3 ผมไปเลข 2 ผมเห็นชาวบ้านมายกยอ จึงเดินเข้าไปคุยด้วย ไกลออกไปตรงพื้นที่ดินเป็นลักษณะกลมๆนั้นมีคนสองคนเดินสวนทางออกมา ผมจึงมองหน้าเขา หนุ่มใหญ่ถือถุงพลาสติก ถือไม้ลักษณะกันหมาเพราะมีชาวเมืองเอาหมาสามตัวมาปล่อยให้วิ่งเล่นกัน
สองคนนั้นผ่านไปผมเห็นเขาแปลกๆ สักพักเมื่อผมให้เวลากับเมฆบนท้องฟ้า เด็กหนุ่มก็เดินกลับมา ท่าทางเขาแปลกด้วยสีหน้า ผมตัดสินใจทักทายเขา เขาคุยด้วย ผมก็แนะนำตัวคร่าวๆว่ามาถ่ายรูปเมฆ แนะนำชมรม เขาเองแนะนำตัวว่าชอบถ่ายรูปเหมือนกัน แต่ชอบถ่ายตึก เขาเรียนบริหารฯที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในขอนแก่น….
เราแลกเปลี่ยนกันพักใหญ่ แล้วผมก็วกไปเรื่องวันก่อนว่าไปยืนถ่ายรูปตรงนั้นเลข 3 แล้วพบคนแปลกๆอาจจะเป็นกลุ่มค้ายา… เด็กหนุ่มสวนกลับมาว่า พี่ระวังโดนเขาเก็บนะ..? ผมไม่โต้ตอบอะไรทั้งที่ใจอยากจะพูดถึงมากมาย สักพักเราก็แยกทางกัน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทำภารกิจต่างเสร็จแล้วมีเวลาส่วนตัวก็เอากล้องมา load ภาพออกไปใส่คอมพ์ แล้วก็ ตรวจเช็คว่ารูปเมฆวันนี้มีเฟรมไหนที่น่าสนใจบ้าง จะได้เอามา post ใส่ชมรมแต่ไม่มี่รูปดีเด่นเพียงพอเลย ผมก็ดูไปเรื่อยๆ
พบว่าผมบังเอิญถ่ายรูปเด็กขับมอเตอร์ไซด์วันก่อนไว้ โดยยังไม่ได้เอารูปออกจากกล้อง ผมก็ลองเข้าไปดูทีละรูป และลองขยายภาพเด็กหนุ่มกับมอเตอร์ไซด์ดู
ให้ตายซิ….เด็กที่อยู่กับมอเตอร์ไซด์กับเพื่อนเขา ดูใบหน้าเขาแล้ว เป็นคนเดียวกันกับที่เราพบในวันถัดมาที่เลขที่ 2 และเป็นคนพูดกับเราว่า พี่ระวังโดนเขาเก็บนะ…..
นักชมมวลเมฆเผชิญเรื่องที่ไม่คาดคิดซะแล้ว….