เรื่องเล่าจากดงหลวงจะตีพิมพ์
ผมจำได้ว่าผมก้าวมาเขียนบันทึกจากงานในหน้าที่รับผิดชอบอยู่ ก่อนหน้านั้นผมเป็นคนชอบอ่าน และบังเอิญผมมีโอกาสทำงานกับโครงการที่เป็นชาวต่างประเทศ ทั้งที่เด็กบ้านนอกอย่างผมนั้นสอบตกภาษาอังกฤษมาตลอด แต่ก็พยายามถูไถไปได้ มาช่วงที่ผมรับผิดชอบด้านสังคมที่โครงการพัฒนาชลประทานในระดับไร่นา ที่เขื่อนลำปาว โดยรัฐบาลเนเทอร์แลนด์ ผมมีหน้าที่ส่งเสริมกลุ่มผู้ใช้น้ำและกิจกรรมการใช้น้ำเพื่อการเกษตร โดยมีเจ้าหน้าที่สนามเป็นนักศึกษาที่เพิ่งจบมาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ
เราจัดฝึกอบรม และจัดทำระบบเรียนรู้ระหว่างการทำงาน ตรงนี้เองที่ผมมองเห็นว่า หลังการฝึกอบรมแล้วนั้น น้องๆได้เรียนรู้ในห้องฝึกอบรมแล้วเอาหลักการไปใช้ในสนาม มันเละตุ้มเปะไปหมดในหลายคน บางคนก็พัฒนาได้เร็ว ผมคิดว่าจะทำอย่างไรจึงจะเติมเต็มสิ่งที่น้องๆไม่ได้ทำ หรือทำผิดพลาด หรือทำไม่เต็มที่ในสิ่งที่ควรทำ เพราะเธอเหล่านั้นขาดประสบการณ์นั่นเอง ผมนึกถึงระบบโรงเรียนแพทย์ที่มีช่วงเป็น แพทย์ฝึกหัด เพราะชีวิตคนไข้ไม่ใช่ของที่ลองผิดลองถูก อาจารย์หมอจะกำกับแพทย์ฝึกหัด
ในระบบการทำงานพัฒนาชนบทก็มีระบบการประชุมในสนาม การทำ Mini workshop ผมคิดว่าไม่พอจึงคิดอ่านเพิ่มเติมโดยการสรุปประเด็นที่น้องๆยังขาดความเข้าใจในทางปฏิบัติ แล้วเอามาเขียนเป็น Memo เป็นประเด็นๆไป แล้วทำสำเนาแจกให้ทุกคน สัปดาห์ละ 2-3 ฉบับ
ผมรู้สึกสนุกกับการทำหน้าที่นี้ และประเมินว่าน้องๆก็ชอบเพราะเราได้เติมเต็มให้น้องๆเหล่านั้น ผมจึงเดินรุกหน้าในเรื่องนี้มากขึ้นโดยการแนะนำให้น้องๆเหล่านั้นฝึกเขียน ประสบการณ์งานในสนามของเขา ในเรื่องที่เขาถนัด และหรือในเรื่องที่เราแนะนำ น้องบางคนได้รวมเล่มผลงานของเขาและสามารถนำไปใช้เป็นฐานในการศึกษาต่อระดับปริญญาโทก็หลายคน
ผมย้ายงานไปตามวาระ ตามวิถี และนำประสบการณ์นี้ไปใช้ แต่ไม่สำเร็จ ไม่ว่าที่โครงการพัฒนาระบบชลประทานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กับกลุ่ม EURO Consult หรือที่ Save the Children (USA) ที่นครสวรรค์ หรือแม้แต่ที่ บริษัทที่ปรึกษาที่ผมสังกัดในปัจจุบัน
ตรงข้ามผมต้องรับผิดชอบเขียน Report มากขึ้น ทั้งรายเดือน รายไตรมาศ ฉบับ Final หรือ รายงานพิเศษเฉพาะเรื่อง มากมาย ซึ่งผมพบว่าในรายงานเหล่านั้นมี Format เฉพาะอยู่แล้ว สาระและทิศทางการเขียนจึงถูกจำกัด ในฐานะที่ทำมากับมือ คลุกคลีกับงามปฏิบัติ พบว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจอีกมากมายที่ไม่สามารถใส่ไปในรายงานนั้นๆได้
เมื่อผมไปรับผิดชอบสนามที่มุกดาหาร พื้นที่ดงหลวง มีเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่คนที่ร่วมงานกัน แต่มีโครงการเดียวกันที่อยู่ในอีก 3 จังหวัด เราทำงานเหมือนกันแต่คนละพื้นที่ ภายใต้ สปก.ที่ได้งบประมาณมาตั้งแต่สมัยเศรษฐกิจประเทศพังต้องไปกู้เงินจากญี่ปุ่น เรียกว่าเงิน มิยาซาวา สปก.ได้งบประมาณมาพัฒนาพื้นที่ชนบทที่เป็นพื้นที่ สปก.เพื่อฟื้นฟูสังคมส่วนนั้น
ผมเริ่มกลับมาเขียนความคิดเห็นของผมอีกครั้ง แต่เป็นแนวว่า ลงไปทำงานในพื้นที่ดงหลวง เห็นประเด็นอะไรก็เอามาเขียนผนวกความคิดเห็นของตัวเอง ในแง่มุมต่างๆ แล้วส่งเมล์ไปให้เพื่อนร่วมงานทุกคน ทุกจังหวัด ทุกระดับของโครงสร้างโครงการ แล้วชักชวนให้เพื่อนๆเขียนบ้าง ไม่มีใครเขียนครับ ยกเว้นบันทึกของเราไปกระทบอะไรเขาเข้า ท่านผู้นั้นก็จะเขียนอธิบายหรือตอบโต้ทันที
วันหนึ่ง “น้องกาเหว่า”ที่กำลังเรียนปริญญาเอกที่ มข.ในช่วงนั้นมาบอกผมว่า หนูอ่านบันทึกของพี่ทุกฉบับจากเพื่อนสนิทหนูที่ทำงานในโครงการนี้ หนูเป็นสมาชิก Go To Know (G2K) อยากแนะนำให้พี่ไปเขียนลงในนั้นด้วย… ผมไม่รู้จัก G2K ไม่รู้จัก Blog จึงเข้าไปดู เลยสนใจและเข้าไปเรียนรู้สิ่งที่เรียกว่า Blog และตระเวนไปทั่วในโลกสังคม Cyber แต่ก็มาสนใจ G2K จึงสมัคร และเขียนไปลงโดยใช้แนว ประสบการณ์งานในสนามที่ทำอยู่ ในลักษณะเรื่องเล่า จึงตั้งชื่อว่า “เรื่องเล่าจากดงหลวง”
เขียนได้พักหนึ่งก็ชวน “คุณเปลี่ยน” เพื่อนร่วมงานไปเขียนด้วย ซึ่งเข้าตาเปลี่ยนทันที ผมสนุกมาก เพราะชีวิตที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัว เพราะต้องไปทำงานที่มุกดาหาร เย็นวันศุกร์ถึงกลับบ้านขอนแก่น เช้าวันจันทร์ไปมุกดาหาร หลังเลิกงานผมไม่เที่ยว ไม่ดื่ม จึงมีเวลากับ Blog เขียนทุกวัน บางวันหลายบันทึกจนได้รับรางวัลสุดคะนึง ได้เสื้อมาตัวหนึ่ง ยังใส่หล่อจนทุกวันนี้ครับ
แนวการเขียนหลักคือ ประสบการณ์ แนวคิดในงานพัฒนาชุมชน รวมไปถึงหลักการหรือทฤษฎีในเรื่องนี้ด้วย อีกประการหนึ่งคือ ใช้บันทึกเป็นเวทีชาวบ้าน ดึงชาวบ้านที่มีผลงาน มีแนวคิดดีดี เอาออกมาให้สังคมรู้จัก… และ ฯลฯ ที่เกี่ยวกับชนบท
ช่วงสิ้นสุดโครงการระยะที่หนึ่งนั้น มีการทำประเมินผลโดยชาวญี่ปุ่น ซึ่งผู้ประเมินผลครั้งนั้นทราบว่าผมเอาประสบการณ์งานสนามไปเขียนใน G2K จึงขอตัวอย่างไปศึกษา เมื่อโครงการมีการดำเนินงานระยะที่ 2 ผมได้รับการเสนอให้รับผิดชอบ KM expert ในโครงการอีกตำแหน่งหนึ่ง ซึ่งผมก็วางแผนจัดทำ web Portal ของโครงการขึ้น โดนผมขอคำแนะนำจากดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์ และทีมงานของท่านใน G2K ผมอบรมเจ้าหน้าที่โครงการ และดันเต็มที่ให้โครงการยกระดับการทำงานโดยใช้ portal.in.th เป็นอีกเวทีหนึ่งในการแลกเปลี่ยนความเห็น ติดตามงาน เรียนรู้งานของกันและกัน…ฯลฯ
ผมล้มเหลวครับ มีแต่ผมทำคนเดียว เพื่อนๆในจังหวัดอื่นๆอีกสามแห่งไม่สนใจจะทำ งานชิ้นนี้ยังจอด เกยตื้นอยู่ใน portal.in.th ครับ และโครงการจบสิ้นไปแล้ว
ผมย้ายตามหมู่มาที่ Lanpanya ก็มาเปิด “ลานดงหลวง” และมาเขียนที่นี่อีกจำนวนไม่น้อย
เมื่อใกล้ปิดโครงการท่านผู้บริหารสูงสุดของโครงการคือ ดร.วีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน ท่านสนใจเรื่องการสรุปบทเรียน และการจัดพิมพ์ประสบการณ์งานของโครงการ ท่านเรียกผมไปพบและสอบถามงานเขียนบันทึกของผม ว่าท่านสนใจจะพิจารณาจัดพิมพ์.. ผมจึงรวบรวมบันทึกทั้งหมดมาคัดเลือก และจัดหมวดหมู่ ตรวจสอบทั้งหมด แล้วจัดทำรูปเล่มให้ท่าน ตั้งแต่กลางปี 2554 แล้วก็ลืมไปแล้ว เพราะไม่ได้ข่าวอีกเลย ผมเดาว่าท่านงานยุ่งและหรือท่านลืมไปแล้ว..
เมื่อเช้านี้ขณะที่ผมปฏิบัติงานที่เมืองหงสา แขวงไชยบุรี ประเทศลาว ท่านโทรไปหาผมแล้วกล่าวว่าให้ส่งไฟล์เอกสารเรื่องเล่าจากดงหลวงให้ท่านด่วน ท่านจะจัดพิมพ์ให้…..
เรื่องเล่าจากดงหลวงนั้นเป็นเรื่องยาวผมแยกเป็นสองฉบับ โดยจัดระบบเรื่องและหมวดหมู่บันทึกไว้ ขณะเดียวกันท่านเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินยังกล่าวว่า สมัยที่จะสิ้นสุดโครงการนั้นผมได้เขียนรายงายพิเศษขึ้นมาหลายฉบับ ท่านสนใจจะจัดพิมพ์ฉบับเรื่อง “ระบบนิเวศเกษตรวัฒนธรรมเชิงเขาแบบดงหลวง” ด้วยจึงให้ผมจัดส่งให้ด้วย….
ขอบคุณท่านเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน ท่าน ดร.วีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ ที่ให้ความสำคัญต่อบันทึกประสบการณ์ เรื่องเล่าจากดงหลวง และ เรื่อง “ระบบนิเวศเกษตรวัฒนธรรมเชิงเขาแบบดงหลวง”
ขอขอบคุณทุกท่านที่ G2K ที่เปิดเวทีให้ผมได้เขียนบันทึกไว้ที่นี่ และทุกท่านที่ portal.in.th
ขอขอบคุณ Lanpanya.com ที่ทำให้ผมมีเวทีต่อเนื่อง
ขอบคุณเพื่อนฝูงทุกท่านที่มีส่วนช่วยในการแลกเปลี่ยนกันตลอดมา
« « Prev : ครั่ง (Laccifer Lacca Kerr)
Next : เกิดระเบิดที่มาบตาพุดนั้นดีแล้ว..? » »
3 ความคิดเห็น
ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะคุณบางทราย
นับว่าการเลือกอ่านของดิฉันยังใช้ได้ จำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้เคยเรียนคุณบางทรายว่า ประสบการณ์เกี่ยวกับเอเชี่ยนของคุณบางทรายน่าจะจัดพิมพ์รวมเล่ม
ว่าแต่ ชาวบ้านทั่วไปอย่างดิฉันจะซื้อหนังสือทั้งสองเล่มนี้ได้ที่ไหนบ้างคะ
ตามมากอดค่ะ ^ ^
และเห็นด้วยกับคุณ putarn ว่า หาซื้อได้ที่ไหนเอ่ย
อะจ๊ากสส์ Putarn และน้องสาวเบิร์ดที่คิดถึง น่าจะเรียกว่าพี่ดีใจเกินเหตุถึงกับเขียนบันทึกนี้ออกมา ยังไม่ได้พิมพ์เลย ยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการส่งต้นฉบับไปให้ท่านเลขาฯ สปก. ซ฿่งพี่เอาว่าท่านคงให้ตัดต่อ เล็กลง สั้นลงเพราะมันใหญ่โต และมากเรื่อง อาจจะมากเกินไปที่จะจัดพิมพ์ทั้งหมด
ปกติการจัดพิมพ์เอกสารเหล่านี้ไม่ได้วางขายครับ ท่านทำไว้เป็นผลงานของโครงการ ซึ่งท่านพิมพ์งานแบบนี้มามาก ทั้งวีดีโอ ปราชญชาวบ้าน ผู้นำดีเด่น และชาวบ้านทั่วไปที่น่าสนใจ ท่านชอบงานสร้างคน และเผยแพร่งานที่เข้าตาท่านครับ
ปกติท่านจะพิมพ์เพื่อแจกครับ แล้วพี่จะขอสักจำนวนมาเพื่อแจกต่อครับ หากเป็นอย่างอื่นค่อยแจ้งให้ทราบกันครับ
ขอบคุณครับที่สนใจ