Messenger 1
อ่าน: 18421งานที่ปรึกษานั้น ต้องรักษามาตรฐานหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือตรงต่อเวลา หมายถึงกำหนดการต่างๆนั้นต้องเป็นไปตามแผนงานเปะ เร็วกว่าได้ แต่ช้ากว่าไม่ดี…เสียหาย.. อย่าง Report มีกำหนดส่งแล้วไม่ได้ส่งนี่ บริษัทเสียชื่อ ถูกหยิบยกมาตำหนิได้ไม่รู้จบ สำหรับผู้ว่าจ้าง ยิ่งมีคู่แข่งมาก ก็ยิ่งเป็นจุดอ่อน
ผมไปทำงานบริษัทที่ปรึกษาใหม่ๆก็นึกแปลกใจว่าบริษัทมี “ทีมงานมอเตอร์ไซด์ซิ่ง” เอาไว้ช่วยในกรณีจวนเจียนการส่ง Report ซึ่งในมุมมองผมคิดว่ามันเป็นปกติของการทำงานที่บางครั้งเราควบคุมตัวแปรไม่ได้หมด ทำให้เกิดความล่าช้าขึ้นได้ ยิ่งสังคมกรุงเทพฯรถติด การไปประชุม ไม่ทันก็ต้องอาศัยมอเตอร์ไซด์ ส่งเอกสารแบบจวนเจียนก็อาศัยเด็กมอเตอร์ไซด์ ที่ถึงกับจ้างมาประจำบริการ เราเรียก messenger เรียกง่ายๆว่าเด็กเดินเอกสาร
เคยทราบว่าเอางานรายงานสำคัญไปให้วินาทีสุดท้าย ด้วย Messenger หรือมอเตอร์ไซด์นี่แหละ ที่สามารถซอกแซกบนถนนที่รถติดมหาศาลทันเวลาพอดี… หลายหน่วยงานก็มี messenger ประจำการที่สามารถเติมเต็มงานตรงนี้ได้ เข้าใจว่ามีบริษัทที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ โดยที่หน่วยงานไม่ต้องจ้างพนักงานประจำ จะใช้ก็เรียกบริษัทมาทำหน้าที่นี้ โดยเสียค่าใช้จ่ายที่ต่างฝ่ายพึงพอใจ
ช่วงนี้ผมก็เป็น Messenger ครับแต่ไม่ได้ใช้มอเตอร์ไซด์ แต่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเพราะไม่ได้วิ่งในกรุงเทพฯ ไปวิ่งรอบนอก ไปหาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาเอกสารไปให้ ขอรับสำเนาที่ลงรับตามทะเบียนรับเอกสารแล้วกลับมายังสำนักงาน
การมาเป็น Messenger ก็ได้เรียนรู้อย่างน้อยที่สุดสองเรื่อง คือ คน กับสถานที่ ผมพยายามพูดไพเราะที่สุด “ครับผม” ทุกคำ เวลาไปพบเจ้าหน้าที่สำนักงานที่รับเอกสารก็ยืนกุมมือเรียบร้อย เพียงหน้าตาแก่ไปกว่าที่ควรจะเป็นเด็กเดินเอกสาร หน่วยงานเขาไม่ถามหรอกครับ เรามาในฐานะนั้น เขาก็คิดว่า “ไอ้หน่วยงานนี้ทำไม messenger แก่จังวะ…แถมพุงใหญ่อีกต่างหาก…อิอิ” บางหน่วยงานก็ดีมาก หากผมเป็นคนให้ดาว ก็จะให้ 4 ถึง 5 ดาว บางหน่วยงานก็…แม่เจ้าประคุณทูนหัวเอ้ย…..สุนัขไม่รับประทานจริงๆ เราก็ปลงซะ..
บางหน่วยงานที่ผมชื่นชมคือ โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล หรือชื่อเดิมคือ อนามัยตำบลจะเดินขึ้นไปต้องถอดรองเท้าขึ้นไป เพราะสถานที่แห่งนี้คือโรงพยาบาลต้องปฏิบัติเสมือนเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด มีแผนกต่างๆมีเจ้าหน้าที่มากน้อยแล้วแต่ สะอาด มีระบบ หลายแห่งที่ไปพบเขากำลังยุ่งกับงานรับคนป่วย เราเห็นเขาทำงานแล้วก็ชื่นใจ บางแห่งท่าน ผอ.อยู่คนเดียวลูกน้องไปอบรม ประชุมหมด ท่านต้องมารับหนังสือเอง บางแห่งเจ้าหน้าที่มารับเป็นคนที่จบปริญญาโท ด้านสิ่งแวดล้อม ออกจะเป็นสาวประเภทสอง แต่บริการดีมาก
ที่แย่ที่สุดดูจะเป็นที่ว่าการอำเภอ โทรม สกปรก เมื่อเทียบกับ โรงพยาบาลฯตำบลดังกล่าว กองเอกสารรกรุงรังล้นโต๊ะ สาวเจ้าก็คุยกัน หรือไม่ก็ทานอะไรจุ๊บๆจั๊บๆ เมื่อเราไปยื่นหนังสืออธิบายแล้วเขาก็ชี้บอกว่า “ลุงไปนั่งคอยก่อน” อิอิ เออ หน้าตาเราเป็นลุงจริงๆ แต่น้ำเสียงเธอไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่ ระหว่างนั้นมีพ่อค้าขายของกินเดินขึ้นไป ทุกคนก็หันหน้าไปดูสินค้า รวมทั้งเธอที่รับเอกสารเรานั้นด้วย วางเอกสารเราลงแล้วก็ไปสนใจสินค้านั้นๆ…อ้าว….ปล่อยให้ลุง(ผมเอง)นั่งยิ้มแบบสมเพชสภาพที่เกิดต่อหน้า…. ผมปล่อยให้เวลาเป็นของเธอนึกอะไรไปต่างๆนานา เช่น แม่หนูจ๋า ลุงคอยอยู่นะจ๊ะ… ลุงรีบจ่ะ… ยังไปอีกสามสิบแห่ง…. แต่เพียงนึกในใจ ไม่ได้เปล่งวาจาออกมาขัดจังหวะเธอ….ห้า ห้า ห้า
ที่เทศบาล ผมว่าเป็นระบบดีกว่าที่ว่าการอำเภอ เจ้าหน้าที่กระฉับกระเฉงกว่า แค่เดินเข้าไป แม้จะมีคนนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ก็เงยหน้าทักทายว่า มาทำอะไร ต่างก็แนะนำไปตรงนั้นตรงนี้…และก็รีบจัดการให้ เซ็นรับ ปั้มลงวันที่ ในใบสำเนาที่เราไปเตรียมเรียบร้อยนั้น แล้วยื่นกลับให้เรา
สรุปว่าที่ว่าการอำเภอ ห่วยแตกที่สุด ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดีที่สุดครับ