ปลดปล่อย

40 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 มกราคม 2011 เวลา 23:04 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 795

ขณะที่นั่งคอยเพื่อนมารับไปประชุมที่โรงแรมในเมืองเวียงจัน ผมนั่งดูข่าวเช้ากับ Receptionist ของโรงแรมแห่งนี้ซึ่งเป็นผู้ชายอายุสัก 50 ต้นๆ เขาเริ่มพูดว่า ดูข่าวเด็กวัยรุ่นไทยยิงปืนใส่คนแล้วเขากล่าวว่า

ผมนึกถึงสมัยก่อนในประเทศลาวนั้นมีสภาพแบบสังคมไทยปัจจุบัน คือ มีแก๊งคนทราม มากมาย ทั้งที่เป็นนักเลง และเป็นพวกลูกหลานผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงาน พวกคนรวย พวกนี้สั่งข้าวกินแล้วไม่จ่ายเงิน ขับรถเสียงดัง ฉกฉวยเอาของที่ตัวเองอยากได้ ใครต่อต้านก็ทำร้าย ใครหือหรือจะต่อสู้ก็ยิงทิ้งเลย สุดจะเอาตัวอย่างมาเล่าให้ฟัง…

ชาวบ้านเอือมระอา เอาผิดไม่ได้ พวกนั้นก็เห่อเหิม สังคมปั่นป่วน และสถานการณ์แบบนี้ คือ สถานการณ์ที่ผลักดันให้ประชาชนเดินเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติลาว

เขากล่าวอีกว่า..ตอนปลดปล่อยนครเวียงจันนั้น ทหารป่าเกือบไม่ได้ทำอะไรมาก คนที่ถูกกระทำมาก่อน ชาวบ้านที่เอือมระอากับพวกเอาเปรียบสังคมนั้นลุกฮือขึ้นมาจัดการเองด้วยซ้ำไป

เมื่อปลดปล่อย ได้จับเอาคนกลุ่มนั้นไปอยู่ในพื้นที่เฉพาะ เอาข้าวเปลือกไปให้แล้วให้ปลูกข้าวกินเอง เมื่อหมดแล้วก็แก้ปัญหาเอง ดิ้นรนเอง ลงมือทำทุกอย่างเอง…พากันเข็ดหลาบหมด..

สังคมลาวปัจจุบันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเอาจริงจังกับเรื่องเหล่านี้มาก ใครไปก็เห็น…..

ผมเองก็ยืนยันว่าตำรวจในประเทศลาวนั้นจับแหลก เอาจริง แม้จะมีพวกปลายแถวบ้าง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผมพอใจมาก ยิ่งเมื่อลงไปดูหมู่บ้านที่มีระเบียบหมู่บ้านเอง ที่เคยเอามาเขียนบันทึกไปแล้ว ผมยิ่งรู้สึกดีดีมากกับส่วนนี้ของสังคมลาว

หันกลับมาเมืองไทย..ยังเห็นข่าวรุนแรงทุกวัน…

หรือจะให้ปลดปล่อย… อิอิ


ศรัทธา

19 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 13 มกราคม 2011 เวลา 6:39 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 555

 

 

 

วัฒนธรรมที่สตรีชาวลาวพึงปฏิบัติต่อสงฆ์

บ่งบอกอะไร จงบอกมา สัก 10 อย่าง

(ยามเช้าที่ไชยบุรี ลาว)


เมฆเมืองลาว

385 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 10 มกราคม 2011 เวลา 21:40 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4040

มาดูพื้นที่งานที่ Xayabouri ลาว ซึ่งจะต้องมาทำ งานคล้ายของอาว์เปลี่ยนที่ Hongsa

เอารูปเก่าที่เคยถ่ายที่เวียงจันมาฝากกันครับ


รูปดีดีในลิ้นชัก

13 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 9 มกราคม 2011 เวลา 21:55 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1306

มีรูปที่หลายคนพึงพอใจเก็บไว้ในลิ้นชักมากมาย

ที่ยังไม่ได้เอามาให้เพื่อนชม

มีความคิดดีดีมากมายที่ทุกท่านยังไม่ได้แสดงออกมา


สุขจากการไม่มี

14 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 6 มกราคม 2011 เวลา 20:15 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1333

“เขาบอกให้เราซื้อของเพื่อความสุขสบาย แต่ซื้อแล้วก็ไม่มากพอจะทำให้เรามีความสุข เราจึงซื้อมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ทำให้มีความสุข แถมทำให้เราตกเป็นเหยื่อง่ายขึ้น เราเหมือนแกะที่มีสุนัขเห่าอยู่ด้านซ้ายคอยเตือนให้วิตกกับวิกฤตทางการเงินของโลก และความจริงที่ว่า เราอาจตกงานได้ ส่วนสุนัขเห่าอีกตัวทางขวามือก็เตือนให้เราซื้อประกันวงเงินสูงๆเผื่อเจ็บไข้ได้ป่วย เรามัวแต่ทำงานเพื่ออนาคตโดยไม่มีโอกาสอยู่กับปัจจุบัน”


“ความไม่พอใจถึงขีดสูงสุดเมื่อปี 2541 ระหว่างพักร้อนที่ฮาวายกับภรรยา เราวางแผนจะพักผ่อนกันให้สุขเต็มที่ตามแบบแผนการใช้ชีวิตในโรงแรมห้าดาว.. ตลอดสามสัปดาห์ เราพบว่าไม่มีคนจริงๆสักคน มีแต่นักแสดง พนักงานแสดงบทบาทเป็นมิตรและมีน้ำใจ ส่วนแขกเล่นบท ‘ดูสิ ฉันเป็นคนสำคัญนะ’ ….”

“ผมไม่เคยถามตัวเองว่าอะไรสำคัญต่อตัวเอง ผมแค่ถามว่าอะไรที่เป็นไปได้”

ข้างบนนี้ เป็นคำกล่าวของนาย คาร์ล ราเบเดอร์ ซึ่งเป็นเศรษฐีชาวออสเตรียคนหนึ่ง ที่สละทรัพย์สมบัติทั้งหมดเพื่อช่วยคนอื่นและตัวเอง


นายคาร์ลเป็นนักธุรกิจคนดังแห่งวงการผลิตภัณฑ์เครื่องใช้และของตกแต่งบ้าน เขาเป็นข่าวไปทั่วโลกเมื่อประกาศว่าจะขายทุกอย่างที่ครอบครองเพื่อช่วยเหลือคนยากจนในละตินอเมริกา และอเมริกากลาง

เขาวางแผนไปใช้ชีวิตบนภูเขา เตรียมแผนเปลี่ยนเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ หนังสือสองกล่อง และเครื่องคอมพิวเตอร์กระเป๋าหิ้ว….

********

ในชีวิตที่ดิ้นรนในปัจจุบันนี้เราจะเห็นเรื่องราวจากข้อความข้างบนนี้สักกี่ครั้ง เพราะทุกคนหันหน้าวิ่งไปสู่ความมั่งคั่ง และไหลไปตามกระแสที่ทุนได้สร้างสายพานให้เราเดิน

น่าคิดมาก สำหรับบทความชิ้นนี้ใน รีดเดอร์ส ไดเจสท์ เรื่อง “สุขจากการไม่มี” หน้า 64 ขอขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูลชิ้นนี้ครับ


 


อย่าไปเชื่อแต่ควรฟัง

13 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 3 มกราคม 2011 เวลา 9:50 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1026

 

 

นั่งอ่านดวงเมืองไทย “ปีเถาะ 2554″ ของ โสรัจจะ

ในสกุลไทย เมืองไทยจะเข้าสู่วิกฤติหนักหนาอีกแล้ว…

เฮ่อ อ่านแล้วก็

อย่าไปเชื่อแต่ควรฟัง

( ใครอยากรู้เขาพยากรณ์ว่าอย่างไร ไปหาอ่านเอาเองนะ )


แสงสุดท้ายปี 2553

2 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 2 มกราคม 2011 เวลา 22:58 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 971

“แสงสุดท้ายของปี 2553 ที่บึงบอระเพ็ด นครสวรรค์”

หากท่านมีเวลาบ้าง เชิญไปใกล้ชิดธรรมชาติทางน้ำที่บึงแห่งนี้ครับ

ผมเสนอสองเวลาคือ ไม่เช้ามืด ก็ยามเย็น เช่าเรือออกไปกลางบึง

ผ่านวัชพืชต่างๆ ผ่านดงดอกบัว และฝูงนกหลากสายพันธ์

ที่มาหาอาหารกิน ลมพัดเย็นๆ ลอยเรือนิ่งๆ ชื่นชมธรรมชาตน้ำรอบตัว

พร้อมกับแสงแรกหรือสุดท้ายของวัน

ท่านจะตรึงตาตรึงใจไปอีกนานทีเดียว..


สวัสดีปีใหม่ ครับ

19 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 มกราคม 2011 เวลา 7:22 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 530

 

 

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ

 

 


เวลากับครอบครัว

588 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 29 ธันวาคม 2010 เวลา 11:48 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 5293

 

 

สองสามวันต่อไปนี้เป็นช่วงพักผ่อน

จะเดินทางไปกับครอบครัว รับลูกสาว

ไปเยี่ยมคุณแม่ที่วิเศษชัยชาญ

แล้วก็มาใช้ชีวิตกับครอบครัวในช่วงปีใหม่

แม้ว่าจะเป็นเวลาสั้นๆ แต่ก็ดีที่มีเวลาอยู่ด้วยกัน

สวัสดีปีใหม่ทุกท่านนะครับ..

(มีเวลาว่างก็จะเขียนบันทึกปกติ)


สะเดาหวาน

62 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 25 ธันวาคม 2010 เวลา 20:49 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1214

ไปสวนป่าคราวที่แล้วกับอาว์เปลี่ยน

นั่งฟังอาว์เปลี่ยนคุยเรื่องที่เราไม่รู้จักสังคมลาว ก็กระจ่างขึ้นมามาก

อาว์เปลี่ยนไปอยู่หงสาหลายปี และทำงานกับชาวบ้านตลอดกับระบบ

การบริหารราชการแผ่นดินย่อมเข้าใจดี…

คณาจารย์จากสารคามก็ได้รับรู้เรื่องลาวไปมากมาย

ขากลับผมไปส่งอาว์เปลี่ยนที่คิวรถในเมืองบุรีรัมย์

แล้วบึ่งรถกลับขอนแก่นคนเดียว

แม่หวีให้สะเดามากล่องใหญ่ กินกันสองคนก็คงไม่หมด

ก็เลยแจกเพื่อนบ้าน 7 ครอบครัว

ต่างชมกันว่า รสชาติกำลังดี

บ้านอาจารย์ราชมงคลตรงข้ามบ้านผม บอกว่า

อยากกินสะเดาน้ำปลาหวานมาหลายวันแล้ว พอดีเลย อร่อยกันทั้งบ้าน

ขอบพระคุณแม่หวี พ่อครูบาฯครับ

ได้กินสะเดาน้ำปลาหวานสมอยากครับ…


Megatrends

740 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 25 ธันวาคม 2010 เวลา 8:24 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 13513

การผ่านแดนไทย-ลาวหลายๆครั้ง ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้ ผมสังเกตมีสิ่งที่ต่างไปจากความคุ้นเคยปกติหลายประการ ก็เป็นธรรมดาของการเคลื่อนไหวของสังคม และประเทศพี่น้องที่เกี่ยวเนื่องชิดกันมากๆ

ทุกครั้งที่เดินทางผ่านด่านจะเห็นฝรั่งประเภท Back packer ทั้งเข้าและออก ทุกครั้งเห็นสาวๆฝั่งลาวข้ามเข้ามาฝั่งไทย ไม่ได้ซักถามเธอ แต่แอบฟังเธอพูดโทรมือถือกับฝรั่งในเมืองไทยก็พอเดาได้ว่า ข้ามมาหาฝรั่ง ซึ่งอาจจะไม่ใช่สามี แต่เป็นประเภท Matchmaker ซึ่งกฎหมายของลาวนั้นเข้มงวดยิ่งนัก เรื่องเพศ จึงนัดพบกันที่ต่างประเทศ ก็ไทยเรานี่แหละ สังคมไทยที่อาจพูดได้ว่า เปิด ประชาธิปไตย สิทธิส่วนบุคคล แต่สังคมลาวปิด มีกติกาเข้มงวด หนุ่มไทยอย่าไปใช้นิสัยแบบไทยๆในลาวนะครับ ถูกจับติดคุกมามากแล้ว ลองถามอาว์เปลี่ยนซิ


อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นหนาตาในครั้งนี้คือ กลุ่มหนุ่มในรูปนั่นแหละ แรกๆผมก็ไม่ได้คิดอะไร ตอนลงจากรถและต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมือง ออกเมือง หนุ่มๆเหล่านี้เกาะกลุ่มกัน เมื่อสังเกตมากขึ้นก็พบว่า Passport ของหนุ่มๆเหล่านี้มีคนถืออยู่คนเดียว

ผมเข้าใจทันทีว่าหากเป็นนักท่องเที่ยวต้องมีลักษณะพิเศษ เช่นใส่หมวกเหมือนกันหมด ติดโลโก หรือสัญลักษณ์อะไรสักอย่าง แต่นี่ไม่มี เป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากนี่คือ “แรงงานนำเข้า” เพื่อความแน่ใจผมสอบถามพนักงานขับรถระหว่างประเทศก็ได้คำตอบยืนยันว่าใช่ เพราะฤดูนี้ หมดหน้าทำนาแล้ว ต่างก็เข้ามาหางานทำในประเทศไทย มาหาประสบการณ์ในไทย เพราะค่าแรงบ้านเราสูงกว่าบ้านเขามาก

เคยพบหนุ่มลาวสามสี่คนลงไปทำงานถึงมาเลเซีย ลงเรือประมงจับปลาที่มีใต้ก๋งเป็นคนไทย ขึ้นฝั่งทีก็ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ

สอดคล้องกับที่ผมลงชุมชนลาวสอบถามเรื่องวิถีชีวิตที่เรียก Livelihood analysis, Crop calendar, Family profile ก็พบว่า ทำนาไม่พอกินก็ไปขายแรงงาน ฝั่งไทยคือเป้าหมายหลัก เหมือนๆชาวอีสานที่ลงกรุงเทพฯหรือตามแหล่งอุตสาหกรรมต่างๆ


การเคลื่อนไหวของคน ก็คือการเคลื่อนไหวของวัฒนธรรม การเคลื่อนไหวของค่านิยม และอื่นๆอีกมากมาย แน่นอนตัวที่เป็นอิทธิพลใหม่สุดคือค่านิยมต่างๆของระบบทุนนิยม เช่นการแต่งตัว เสื้อผ้า สไตล์ มือถือ การพูดคุย เนื้อหาการพูดคุย อะไรที่วัยรุ่นเมืองไทยนิยมก็แพร่ติดตัวติดหัวเข้าสู่ฝั่งลาวหมดสิ้น

หากกฎ ระเบียบไม่เข้มแข็ง สาวๆนุ่งขาสั้นคงเต็มเมืองลาวไปหมดแล้ว แต่นี่ยังนุ่งผ้าถุงหนาตา อาจจะมีขาสั้นประปรายบ้าง ก็เป็นช่วงเวลาพิเศษ เช่นเช้ามืด ที่เธอมาเดินออกกำลังกายเช้า

ผมจึงชอบ ระเบียบบ้านของเขาจริงๆ….

หลายคนอาจจะแอบคิดว่า จะไปได้สักกี่น้ำ

การเฝ้ามองการเคลื่อนตัวของสังคมอย่างผมสนใจนัก..

นึกย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อนที่มีหนังสือชื่อ Megatrends ของ จอห์น ไนซ์บิตต์ และ แพทริเซีย อเบอร์ดีน เขียนไว้ ตอนหนึ่งกล่าวว่า

สิงค์โปร์ ได้พัฒนาตัวเองจนกลมกลืนเข้ากับสังคมระหว่างประเทศที่เป็นสากลที่สุดในย่านเอเซียอาคเนย์ แต่ขณะนี้กลับพากันรู้สึกถึงการเป็นแบบตะวันตกมากเกินไป ในสายตา ลี กวน ยู แล้ว หนุ่มสาวชาวสิงค์โปร์ได้สูญเสีย “ค่านิยมหลักของเอเซีย” ไปแล้ว และ “สนใจเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องของชุมชนส่วนรวม” ทำให้กลายเป็นสังคมตะวันตกเทียม และนั่นคือหายนะ

ดังนั้น รัฐบาล สิงคโปร์จึงรณรงค์ให้มีการพูดภาษาจีนกลางทั่วทั้งเกาะ เพื่อลดความเป็นตะวันตกของสิงคโปร์ลง…….

ย้อนกลับมามองตัวเราบ้าง…มีอะไรให้คิดเยอะเลยครับ


ไปเวียงจัน..

13 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 22 ธันวาคม 2010 เวลา 13:56 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 933

ช่วงนี้เร่งทำงานใหม่ครับ

และวันนี้เดินทางไปเวียงจัน

อยู่นั่นสองวัน แล้วกลับมาขอนแก่น

คงมีอะไรกลับมาบ้างครับ


เสียงที่ไม่มีใครได้ยิน

65 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 15 ธันวาคม 2010 เวลา 15:44 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2185

 

หากเราไม่ปล่อยให้สิ่งที่ผ่านหน้าเราหายไปเมื่อพ้นสายตา

แล้วสิ่งใหม่ๆก็เข้ามาในสมอง โดยเฉพาะ ภาระหน้าที่

เราคงมีเรื่องมากมายให้ได้พบความจริง

เธอไม่ใช่พนักงานเทศบาลที่มาเก็บขยะตามหน้าที่

แต่เธอมาเก็บขยะเพื่อยังชีวิต

เราเห็นได้ทั่วไปในสังคมเมือง

เมืองที่บางครอบครัวที่ไม่ยอมให้มือหรือเท้าต้องสัมผัสพื้นเลย

แต่เธอทั้งมือและเท้าสัมผัสกับสิ่งสกปรกที่สุดที่คนทิ้งมันไปแล้ว…

เพราะ สิ่งสกปรกนั้น สามารถยังชีวิตเธอและคนข้างหลังได้

ตราบใดที่เธอยังทำงานได้…

มีนักแก้ปัญหาในสภาสักกี่คนที่ลงมาสัมผัสชีวิตแบบนี้..

แม้แต่มองก็ไม่เห็นด้วยซ้ำไป..

แต่เธอ และคนกลุ่มนี้ ถูกอ้างมากที่สุด..


ฝูงนกสีขาว

103 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 4 ธันวาคม 2010 เวลา 23:56 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2167

ฝูงนกกระยางลงกินอาหารกลางทุ่งนาข้าวที่เพิ่งเก็บเกี่ยวเสร็จที่ เมือง Paksan แขวง บริคัมไซ ลาว

ไม่ได้เห็นนกกระยางเป็นฝูงมากกว่า 50 ตัวมานานแล้ว ส่วนใหญ่ก็เห็นเดี่ยวๆ หรือไม่กี่ตัว นี่เป็นฝูงเลย

 

 


Bor PennYang

901 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 2 ธันวาคม 2010 เวลา 20:37 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 14068

 

 

มีร้านอาหารแห่งหนึ่งอยู่ชายโขง

เมืองจันทะบุลี แขวงเวียงจัน

ดูชื่อร้านซี จ๊าบบจริงๆ


ธรรมชาติของวิถี

37 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 1 ธันวาคม 2010 เวลา 12:45 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1242

 

 

ท้องฟ้าวันนี้ของ ปชป.

แต่มันไม่ใสแจ๋วนะ

มันเป็นธรรมชาติของวิถี

อยู่..ท่ามกลางความแตกต่าง

***


จุ กับ จุ้ม

121 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2010 เวลา 20:19 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 2965

ผมจำได้ว่าการพัฒนาชุมชนด้วยแนวทางวัฒนธรรมนั้น ท่านพ่อนิพจน์ เทียรวิหาร แห่งสภาแคทอลิคเชียงใหม่เป็นผู้จุดประการขึ้น อันเนื่องจากท่านไปทำงานกับชนเผ่า ปะกาเกอญอในหลายสิบปีที่ผ่านมา การทำงานของท่านศึกษาพฤติกรรม ความเชื่อ การกระทำ วิถีของชนเผ่าไปด้วย พบว่า กิจกรรมต่างๆที่ลงไปทำ ที่ชนเผ่าดำเนินตามวิถีของเขานั้นมีความเชื่อ มีกระบวนการที่สะท้อนว่าเป็นความเชื่อ เป็นวัฒนธรรมของชนเผ่าเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย


ในช่วงเวลาเดียวกันนักพัฒนาองค์กรเอกชนทางอีสานก็สร้างนวัตกรรมด้านนี้ขึ้นมาในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน วงสัมมนา การประชุมของงานพัฒนาชนบทก็ต้องมีหัวข้อนี้เป็นหลัก แล้วนักวิชาการใหญ่คือท่าน อาจารย์ ฉัตรทิพย์ นาถสุภา ท่านก็เขียนหนังสือเรื่องเหล่านี้ออกมาหลายต่อหลายเล่มเป็นการยืนยันศักยภาพของหมู่บ้านในมุมของวิถีชุมชน ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เคยมีนักวิชาการเขียนตรงๆมาก่อน

แล้วก็เอาแนวคิดลงสู่การปฏิบัติ มากมาย หลากหลายแตกต่างไปตามภูมิภาค ท้องถิ่น เช่น บวชป่า ทอดผ้าป่าต้นไม้ ฯลฯ……รวมต่อไปจนค้นหาปราชญ์ชุมชน อันเป็นการค้นหาศักยภาพในชุมชนต่อๆกันมา ที่เรียกภูมิปัญญาชาวบ้าน

ยืนยันว่าการนำเข้าองค์ความรู้ใหม่ๆจากข้างนอกนั้นแม้เป็นสิ่งจำเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของสังคม แต่ การค้นหาศักยภาพภายในชุมชนก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย ก้าวผ่าน..

ผมได้ยินคำว่า “จุ้ม” ครั้งแรกในการเข้าทำงานทางอีสานนานมาแล้วแต่ “ไม่คลิก” จนมูลนิธิหมู่บ้านใช้คำนี้มาเป็นแนวทางในการทำงานกับชุมชนที่อินแปง ผมก็สนใจและศึกษาว่าเขาใช้วัฒนธรรมชุมชนเข้ามาทำงานในลักษณะไหนบ้าง

จุ้ม เป็นภาษาถิ่นอีสาน ผมไม่ทราบภาคอื่นเรียกแบบไหน ผมคิดว่าน่าจะมีคำที่มีความหมายใกล้เคียงกันแบบนี้ในทุกภาค แต่เรียกต่างกันและทำกิจกรรมที่อาจแตกต่างกันบ้าง

จุ้ม ในความหมายที่ผมเข้าใจ (หากผิดพลาดกรุณาเพิ่มเติมแก้ไขให้ด้วยครับ) หมายถึงกลุ่มที่มีลักษณะทางธรรมชาติ เหมือนเสี่ยว เหมือนเพื่อนสนิท เหมือนเพื่อนร่วมคอกัน ซึ่งจะมีจำนวนหนึ่งไม่มากมายแต่ก็มากกว่าสองสามคน

การทำกิจกรรมที่เรานำเข้ามาจากข้างนอก หรือชุมชนคิดสร้างขึ้นมาเองก็เลยถือโอกาส อิงจุ้ม ใช้จุ้มเป็นฐานการทำ เพราะจุ้มมีความเป็นองค์กรแบบ Informal structure มีความสนิมสนม รู้ใจกัน ดุด่าว่ากล่าวกันได้เองภายใน ไม่จำเป็นต้องไปสร้างใหม่ ต่อยอดไปจากเดิม ใช้ฐานเดิม


ในลาวที่ผมไปทำงานมานี้มีอีกคำหนึ่ง คือ “จุ” มีลักษณะคล้ายกันแต่ต่างกัน จุอาจจะเรียกอีกคำคือหน่วย หรือ Unit เป็นของดั้งเดิมที่โครงสร้างการปกครองของลาวในปัจจุบันก็เอามาใช้ อาจจะเทียบในเมืองไทยได้ว่า “คุ้ม” หรือกลุ่มบ้านที่มีฐานการนับจากลักษณะทางกายภาพ ภูมิศาสตร์ เช่นตั้งบ้านติดต่อกัน อยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ทางเหนือน่าจะเรียก “ป๊อก” ในจุอาจจะไม่ใช่จุ้ม หรืออาจจะใช่ก็ได้

จุ้มกับจุ๊นั้นต่างกันตรงที่ ในความหมายที่พี่น้องลาวระบุคือ “จุ้ม” นั้นเป็น “จุ้มเจื้อ” มีฐานการนับจากลักษณะความสัมพันธ์ที่เป็นเครือญาติ พี่น้องมากกว่าเป็นแค่เพื่อนบ้านที่คอเดียวกัน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ตั้งบ้านเรือนในลักษณะที่ติดกัน ทางกายภาพ หรือภูมิศาสตร์ ดังนั้นการนำวัฒนธรรมดั้งเดิมมาใช้ในงานพัฒนานั้น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องเข้าใจให้ถึงแก่นแท้ของวัฒนธรรม และผู้เอามาใช้ก็ต้องปรับตัวให้มีลักษณะเป็นคนในด้วย ผมมีความเชื่อส่วนตัวว่า การทำงานพัฒนาอิงวัฒนธรรมนั้นน่าจะเป็นองค์ประกอบหนึ่งของความยั่งยืนด้วย…

แต่ทั้งหมดนี้ผู้ที่สนใจจะเอาไปใช้ต้องไปศึกษาชุมชนของตนเองให้ทะลุปรุโปร่งก่อน มิเช่นนั้นก็เป็นเพียงผู้หวังดี ทั้งหมดนี้ผมเพียงตั้งข้อสังเกตไว้ ยังไม่ได้ทำกิจกรรมที่อยู่บนจุ้ม หรือ จุ หรือทำไปแล้วโดยไม่ได้เข้าใจ..

คนที่ทำงานพัฒนาชุมชนก็สนใจอะไรที่ชาวบ้านชาวเมืองเขาไม่พูดถึงน่ะครับ


สิ่งตอบแทน

198 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 26 พฤศจิกายน 2010 เวลา 20:26 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 3789

เป็นธรรมดาที่คนเราย่อมตอบแทนประโยชน์ให้แก่กัน ในเรื่องใดๆ ด้วยสิ่งใดๆก็ตามที่ผู้ให้เห็นว่าเหมาะสม และเงื่อนไขต่างๆที่มีอยู่


การเก็บข้อมูลในสนามหมู่บ้านลาวครั้งนี้เป็นคนหนึ่งเข้าร่วมทีมจัดเก็บข้อมูลพื้นที่ชลประทาน แต่ผมจะแยกประเด็น หัวข้อมาเฉพาะตามที่วางแผนและตกลงกันไว้ เพียงแต่ร่วมเวลาร่วมหมู่บ้านกัน การเก็บข้อมูลหลักก็เป็นทีมงานของทีมลาวที่มีประสบการมามาก เรียนจบปริญญาโทที่รัสเซียและที่ KU

หากจะวิเคราะห์กันเต็มๆแล้ว แบบสัมภาษณ์ยังมีจุดที่เติมได้อีก ซึ่งผมก็เสนอไป

การนัดหมายเกษตรกรเป้าหมายดูจะวุ่นวายพอสมควรเพราะระบบของเขาไม่เหมือนบ้านเรา ก็ให้ทีมลาวจัดการ กระนั้นก็ใช้เวลามากเพราะข้อจำกัดต่างๆ ซึ่งก็ทำใจได้

หัวหน้าทีมลาวที่ผมอาศัยรถไปด้วยคราวนี้หอบเอาถุงอะไรบางอย่างถุงใหญ่ทีเดียวเอาลงมาจากรถหลังจากที่เกษตรเริ่มทยอยมาให้สัมภาษณ์ และเริ่มสิ้นสุด ผมลุกขึ้นไปดูว่าถุงอะไร

จ๊ากสสสส ถุงใส่ผงชูรสจำนวนมาก ตามรูปข้างบน


หัวหน้าทีมลาวบอกผมว่านี่คือค่าตอบแทนที่ให้เกษตรกรที่เสียเวลามาให้ข้อมูล…???

มีคำถามมากมาย มาความเห็นมากมายที่อยากจับเอาตัวหัวหน้าทีมลาวมาคุยด้วย แต่ผมต้องระงับไว้เอาไว้หมดสาระนี้ก่อนค่อยคุยยาวๆกัน…..


โจทย์เดียวกัน

179 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2010 เวลา 21:03 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 4862

ระหว่างนั่งรถ ขอนแก่น-เวียงจัน ทริปนี้คนมากกว่าคราวที่แล้วแต่ก็ไม่เต็มคัน ยังมีที่ว่างสัก 40% แน่นอนทุกครั้งจะมีฝรั่งที่มีเมียไทยเมียลาวมาด้วยอย่างต่ำ 1 คู่ ลาวก็คงนิยมมีสามีฝรั่งเหมือนสาวบ้านนอกไทย

ยังนึกขำ วันก่อนไปรับสินีที่สนามบิน ก็พบชาวบ้านมากันเต็มคันรถมาส่งฝรั่งกับภรรยา คงไปต่างประเทศ ชาวบ้านที่มาด้วยก็คงเป็นญาติพี่น้องฝ่ายภรรยาถือโอกาสมาดูเครื่องบินเพราะดูกันไม่วางตา มีหนุ่มๆสองสามคนถือโอกาสดี ตั้งวงเล็กๆท้ายรถนั่น เอาเบียร์มาดื่มกัน ส่งเสียงกันดังลั่นเทียว

สักพักก็มีเด็ก ก็คงเป็นลูกหลานภรรยาฝรั่ง ที่ถือโอกาสขอตังค์ไปซื้อขนมมา ได้ยินเขาเรียกชัดเจนว่า จิมมี่ จิมมี่ มานี่… ผมฟังชัดเจน ไม่ผิดตัว เขาเรียกเด็กลาวคักๆนั่นแหละ ลูกหลานอีสานบ้านเฮากลายเป็นจิมมี่ไปแล้ว…

ย้อนมาในรถ ขอนแก่น-เวียงจัน ราคามันช่างถูกกระเป๋าดีแท้ 180 บาทครับท่าน หากถือพาสปอร์ตมาก็เขียนใบผ่านแดนก็ผ่านฉลุย ไปเสียค่าเหยียบแผ่นดินดินลาว 40 บาท

ที่สถานีรถปรับอากาศขอนแก่นก่อนรถออก ผมเห็นวันรุ่นหนุ่มสามสี่คน แต่งตัวงี้ อย่าให้พูด อิอิ เราเข้าใจได้ มีคนหนึ่งนอนหลับไปน้ำลายไหลยืด เพื่อนๆมาเขย่าทำนองว่า เฮ้ยรถจะออกแล้ว เขาตื่นขึ้นมางัวเงีย หยิบเอาหมวกมาสรวมเข้าไปแถมบิดแก็ปไปข้างๆอีก จ๊ากสส์ ผมนั่งขำอยู่คนเดียว นี่มันเพิ่งตื่นหน้าตาดูไม่ได้เลยยังกลัวไม่เท่ห์..

ทำไปทำมา โธ่ ไปรถคันเดียวกัน ดันมานั่งติดกันอีก….ผมเดาสถานการณ์ไว้เลยว่า เป็นแรงงานลาวที่มาทำงานในไทยแล้วนัดกันกลับบ้าน….

เมื่อรถออก หนุ่มแต่ละคนก็หยิบเอามือถือใหม่เอี่ยมมาเล่นกัน หยิบเข้าหยิบออกนั่นแหละ เปิดโน่นเปิดนี่ แล้วก็หันไปคุยกัน ผมแอบฟังเขาพูดกัน ผมเลยหันไปยิ้มแล้วถามเขาว่า มา เฮ็ดเวียก ในไทยที่ไหนครับ เขาบอกว่า ไปทำงานที่มาเลเซีย..???

จ๊ากสส ผมผิด… แล้วเขาก็เล่าต่อว่า ไปทำงานลงเรือประมง มีไต้ก๋งเป็นคนไทยเลยสื่อสารกันได้ ไปไกลถึงอินโดโน่น….. กลับมานี่มาเกี่ยวข้าว…..ฯลฯ

ผมถามบ้านว่าอยู่ที่ไหนเผื่ออยู่ในพื้นที่ที่ผมจะไปทำงาน…แต่ไม่ใช่..

 

นครเวียงจันกำลังฉลองครบรอบ 450 ปีสร้างบ้านแปงเมือง กำลังจะมีวันชาติวันที่ 2 ธันวานี้ เพิ่งฉลอง อนุสาวรีย์วีระกษัตริย์ เจ้าอนุวงศ์ เพิ่งจะฉลองอายุครบ 90 ปีท่านไกรสอน พมวิหาน งานก่อสร้างเต็มบ้านเต็มเมือง งานที่ผมมาทำก็เป็นหนึ่งในแผนงานสร้างชาติแปงเมืองของเขา

แต่การไหลบ่าของทุน ไม่มีทางสกัดกั้น และดูเหมือนความพยายามรัฐบาลจะ “สร้างตัวกรอง” แต่เราก็เห็นคนลาวรุ่นใหม่นำเข้าวิถีชีวิตจากไทย จากสังคมทุนเข้ามาอย่างที่ผมเห็นวันนี้ มันไม่ต่างไปจากสังคมบ้านเราหรอก

กลางนครเวียงจัน รัฐประกาศระเบียบว่า ให้แม่หญิงลาวนุ่งผ้าถุงแม้ว่าจะเดิอนบนถนนหรือที่ไหนๆก็แล้วแต่ ปกติแม่หญิงลาวก็นุ่งอยู่แล้ว แต่เด็กวัยรุ่นเริ่มนุ่งกางเกงขาสั้นกันหนาตาแล้ว อย่างน้อยในรถที่ผมนั่งมานั้น แม่หญิงลาวหลายคนที่มาด้วยไม่มีสักคนที่นุ่งผ้าถุงกลับบ้าน…?

ท่ามกลางการสร้างชาตินั้น สิ่งที่เป็นเปลือกเหล่านี้มันเข้ามามากกว่าสาระแท้จริงที่ควรจะเป็น…

มันเป็นโจทย์เดียวกันไปหมดพี่น้องลาวเอ๋ย..


รองเท้า

134 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2010 เวลา 0:58 ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 24884

 

เรียกรองเท้า แหมไม่ต้องบอกก็รู้

ทำจากวัสดุท้องถิ่น จากชุมชน

การพึ่งตนเองนั้นไม่จำเป็นที่ทุกครัวเรือนแบ่งเวลามาทำสิ่งนี้ ….

    ทำในสิ่งที่ทำได้ มีเงื่อนไขอำนวยให้ทำได้

ส่วนที่ทำไม่ได้ก็พึ่งพาชุมชนอื่น

การพึ่งตนเอง ไม่ได้หมายความว่าต้องมุ่งทำทุกอย่างเองทั้งหมด

แต่ต้องสามารถสร้างเงื่อนไขครอบครัว ให้มีพลังในการหามาเติมเต็ม



Main: 1.1103909015656 sec
Sidebar: 0.26061701774597 sec