วัดป่าฮวก ตอนที่ 2

โดย bangsai เมื่อ 10 พฤษภาคม 2011 เวลา 20:33 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 6006

ขอแนะนำท่านผู้ทำหน้าที่เฝ้าโบสถ์หลังนี้ ท่านชื่อ สมบุน บุนทะวง เป็นชาวหลวงพระบางที่ได้รับพระราชทานทุนหลวงจากสมเด็จพระเทพฯพร้อมเพื่อนอีก 4 คน ไปเรียนที่คณะวิจิตรศิลป์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เรื่องการอนุรักษ์งานโบราณโดยตรง เมื่อจบท่านก็มารับราชการกรมศิลป์หลวงพระบาง ซึ่งทั้งกรมมีเจ้าหน้าที่ด้านอนุรักษ์เพียง 2 คน ไม่มีงบประมาณจากรัฐทำการอนุรักษ์ ต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากต่างประเทศ แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ปัจจุบันท่านใช้ฝีมือตัวเองผลิตงานขายแล้วเอารายได้มาทำกองทุนเพื่ออนุรักษ์ต่อไปโดยเฉพาะโบสถ์หลังนี้ ท่านสมบุนจะมานั่งที่โบสถ์นี้หลังจากเลิกงานราชการแล้วและวันหยุดเท่านั้น วันเวลาอื่นๆโบสถ์จึงไม่เปิด และท่านเท่านั้นที่ถือกุญแจ เปิดแต่ผู้เดียว รูปวาดพระพุทธที่ท่านสมบุนถือนั้นผมซื้อและให้ท่านเซ็นด้านหลัง ผู้ใดไปหลวงพระบางต้องการติดต่อท่านก็อนุญาตเอาเบอร์โทรติดต่อท่านได้นะครับ เบอร์นั้นอยู่ที่รูปกลางตัวเลขด้านขวามือล่างนะครับ


ท่านสมบุนเล่าว่าแต่ก่อนสมัยปฏิวัติที่นี่ใช้เก็บ “ผูกคัมภีร์” ต่างๆของโบราณเต็มไปหมด เมื่อปลดปล่อยแล้วก็ย้ายเอาไปไว้ในพระราชวัง ที่นี่ก็ทิ้งร้างไปเลย

ท่านไม่ทราบว่าสมเด็จพระเทพฯท่านทราบเรื่องวัดนี้ได้อย่างไร สมเด็จพระพี่นางก็เคยเสด็จมา พระองค์เจ้าหม่อมศรีรัตน์ท่านก็มา เจ้านายไทยมากันเยอะครับ ผมเป็นคนต้อนรับท่านเหล่านั้น…สมบุนกล่าว


เมื่อเรียนจบแล้วก็มาร่วมกับช่างศิลป์กรมศิลปากรไทยฟื้นฟูรูปวาดฝาผนังในโบสถ์นี้ที่ชำรุดมากมาย บางรูปแตะไม่ได้เลยเป็นฝุ่นผงร่วงปลิวลงมาเลย ต้องใช้วิชาและความพยายามมาก ใช้เวลามากกว่าจะฟื้นคืนมาได้เท่าที่เห็น ซึ่งที่เสียหายไปไม่สามารถซ่อมได้ก็มีเยอะ


ภาพเหล่านี้นอกจากเป็นพุทธประวัติที่พบเห็นทั่วไปแล้ว หลายภาพสะท้อนวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่น และสภาพธรรมชาติสมัยนั้น เช่นความบูรณ์ของป่า มีสัตว์ป่ามากมาย มีนกหลายชนิด ที่ปัจจุบันหายไปแล้ว

ในระหว่างที่ผมคุยกับท่านสมบุนนั้นก็มีสองสามี ภรรยา หน้าตาเป็นคนไทยกำลังจะเดินขึ้นไปภูสี เห็นความสูงชันก็คงเปลี่ยนใจเดินเข้ามาที่โบสถ์ที่เราคุยกันอยู่ ผมสอบถามท่านทั้งสอง ก็เดาไม่ผิด ท่านเป็นอดีตข้าราชการศึกษาธิการอำเภอแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี ปัจจุบันทำหน้าที่เกี่ยวกับศาสนาให้กับบ้านเมืองยามที่ออกจากราชการแล้ว ท่านให้ชื่อผมไว้ ผมเอาไปเก็บที่ไหนไม่ทราบ ขออภัยท่านด้วย


หลังจากที่ท่านทราบว่าโบสถ์หลังนี้สร้างโดยรัชการที่ 5 ท่านบอกว่า โฮ..ขนลุกเลย เพราะวันนี้พาภรรยาไปกราบพระประธานในโบสถ์ที่หลวงพระบางถึง 8 วัดแล้ว แห่งนี้เป็นแห่งสุดท้าย วัดที่ 9 แล้วมาทราบเช่นนี้ บุญเหลือเกิน ท่านขอตัวเข้าไปกราบพระประธานด้านในพร้อมภรรยาท่าน ส่งเสียงสวดดังลั่นเลย สักครู่ท่านออกมา ท่านไม่พูดอะไรเดินลิ่วๆไปหลังโบสถ์

สักพักใหญ่ๆก็เดินออกมาหน้าพบกับพวกเรา แล้วท่านก็พูดว่า หลักฐานที่น่าจะสนับสนุนได้อีกอย่างคือ องค์พระเจดีย์ด้านหลังโบสถ์หลังนี้ ท่านสันนิฐานเอาเองว่า “น่าจะเป็นที่เก็บอัฐิเจ้าจอมพระองค์โปรด” ของท่านผู้สร้างโบสถ์หลังนี้ เพราะตามคติโบราณ เมื่อเจ้าจอมสิ้นก็จะเอาอัฐิไปบรรจุไว้ที่หลังโบสถ์ที่ทรงสร้าง เมื่อใดที่มีกิจมาทำบุญตามประเพณี หรือวันสำคัญใดๆที่มาวัดนี้ มาที่โบสถ์นี้ ก็จะถือโอกาสมาคารวะอัฐิเจ้าจอมด้านหลังพร้อมกันด้วย


ท่านยกตัวอย่างวัดสวนดอกที่เชียงใหม่…นั่นคือวัดหลวงชั้นเอก ด้านหลังวัดมีเจดีย์หลายพระองค์ ล้วนแต่เป็นที่บรรจุอัฐิเจ้านายชั้นสูงฝ่ายเหนือทั้งสิ้น รวมทั้งเจ้าจอมด้วย…

เจดีย์ด้านหลังรูปทรงมิใช่ธรรมดา และมีการหุ้มด้วยทองแดงที่องค์พระเจดีย์ด้วย ด้านหน้ามีสถานที่สำหรับวางดอกไม้ ธูปเทียน เครื่องบูชา ท่านสันนิฐานไว้เช่นนั้น สำคัญจริงๆโบสถ์หลังนี้

เป็นบุญเหลือเกินที่ได้มากราบเป็นวัดที่ 9 ท่านอดีตศึกษาธิการอำเภอตื่นเต้นไม่หาย….

« « Prev : วัดป่าฮวก ตอนที่ 1

Next : วัดป่าฮวก ตอนที่ 3 » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

826 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 4.9895629882812 sec
Sidebar: 0.062165021896362 sec