ที่กระต๊อบของนรินทร์ ชายหนุ่มชาวโซ่ ที่มีความคิดดีดีมากมายแม้เขาจบเพียง ป 4 อยู่แต่ในป่าเขาอย่างดงหลวง แต่สำนึกของเราต่อความเป็นชาตินั้น ผมเคารพเขายิ่งนัก เขาไปซื้อธงไตรงค์มาแล้วเอามาปักไว้บนหลังคากระต๊อบของเขา..ไม่มีเสียงตะโกนเรียกร้องความเป็นธรรมจากปากของเขา ไม่มีเสียงก่นด่าผู้ปกครอง ไม่มีเสียงโจมตีพี่น้องร่วมชาติ เขาก็แค่ยกธงชาติขึ้นอยู่เหนือหัวของเขา…..
เราพบใครแบบปัจจุบันนั้น บางทีเราก็ต้องชะตาเลย แต่บางคนก็ หมั่นไส้เสียจริงๆ แต่แล้วอีตาคนที่เราหมั่นไส้นั้น เมื่อเรามีเวลาไปเรียนรู้พัฒนาการชีวิตของเขามาจนถึงปัจจุบัน ก็ อ๋อ…. และยอมรับเขามากขึ้น จนมากที่สุด และให้อภัยต่อพฤติกรรมที่เขาเป็นเช่นปัจจุบัน หรือ เข้าใจเหตุผล ที่มาที่ไปของเขามากขึ้น เกิดการยอมรับ อาจเลยไปถึงศรัทธา ทึ่ง
เหมือนพ่อแม่เรา หากเรานั่งลงฟังท่านเล่าพัฒนาการชีวิตให้เราฟังอย่างละเอียด เราก็น้ำตาตกเหมือนกันว่า ท่านฝ่าฟันอุปสรรคมาได้อย่างไร ผ่านขวากหนามมาไม่รู้กว่ากี่ครั้ง รอดภัยพิบัติมาได้อย่างไร ใครบ้างที่พร้อมอุ้มชูพ่อแม่มา ใครที่เอื้ออาทร ผ่อนสั้นยาวให้กับวิกฤติต่างมา …..
การศึกษาพัฒนาการของสิ่งใดๆจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ในงานพัฒนาชนบทก็เช่นกัน การทำ PRA เราก็มี Session นี้ ศึกษาเขาให้เข้าใจที่มาที่ไปแล้วเราก็จะเข้าใจความเป็นชุมชนแห่งนั้นๆ ไม่เฉพาะชุมชนนั้นๆ ยังมีความเกี่ยวข้อง สัมพันธ์ในมุมต่างๆกับชุมชนอื่นๆ ตัวบุคคล สถานการณ์ สิ่งแวดล้อม ฯลฯ สารพัดสิ่งที่ได้เข้าใจ ก็จากการศึกษาพัฒนาการสังคมชุมชนที่เราเรียกว่า Historical profile ส่วนมากก็เอาช่วงเวลา เช่น ปี พ.ศ. เป็นแกนกลาง บันทึกสิ่งสำคัญๆที่เกิดขึ้นมาให้เราเข้าใจ เมื่อเข้าใจก็วิเคราะห์อะไรต่อมิอะไรได้ มากมาย ในฐานะคนนอกก็ย่อมใช้กระบวนการเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการเข้าใจชุมชน
สังคมประเทศก็เช่นกัน หากเราไม่ศึกษาพัฒนาการของประเทศ มองแต่ปัจจุบัน เห็นแต่วัตถุ และสิ่งที่สังคมวิ่งตามหา เราก็พลาดพลั้งต่อสำนึกที่มีต่อสังคมประเทศ
กว่าจะมาเป็นชาติได้นั้น บรรพบุรุษของเราสละชีวิตไปมากมาย มหาศาล จนเราสามารถเดินบนแผ่นดินนี้ด้วยความสุข เดินบนความเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษ หลายต่อหลายครั้ง บทเรียนเหล่านั้นเราจดจำแค่เอาไปตอบข้อสอบครูเท่านั้นหรือ
คำถามใหญ่วันนี้คือ ทำไมเราจึงหันมาทำร้ายกันเอง